เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 เมษายน 2012.

  1. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    เขียนและเรียบเรียง โดย พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา (วิทยากรชื่อดัง)


    หนังสือเล่มนี้ถูกจัดวางขายไว้ในตำแหน่งที่ไม่โดดเด่นเอาเสียเลย แต่ที่ทำให้ผมสนใจคือชื่อหนังสือครับ...(เหมือนทุกท่านที่เข้ามาเพราะชื่อกระทู้ฉันท์นั้น) ดูเหมือนไม่ให้ความเคารพต่อองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

    แต่พอดูปกหลังและพลิกดูด้านในก็ต้องเริ่มเปลี่ยนความคิด พร้อมเปิดใจรับ เพราะเนื้อหาโดนใจมากๆ น่าศึกษามากๆเลย แถมขายในราคา 100 บาท จาก 300 บาท ส่วนวิธีสื่อสารกับองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ในหนังสือเล่มนี้ และคำโฆษณาที่ว่า “ สิ่งที่เรียนรู้จากพระองค์ เอาเงินแสนล้านมาแลกผมก็ไม่เอา

    “ จะเกินเหตุหรือไม่นั้นเราคงต้องมาติดตามพร้อมๆกัน แล้วค่อยตัดสินใจกันเองก็แล้วกันตามความรู้และสติปัญญาของแต่ละท่านนะครับ
    รูปขนาดเล็ก
     
  2. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ต่อไปนี้จะเป็นเนื้อหาในหนังสือ เริ่มจากรองปกหน้ากันเลยครับ

    กรุณา...ใช้ใจอ่านอย่างพิจารณา อ่านทุกตัวอักษร แล้วทำความเข้าใจ ท่านก็จะรู้ว่าธรรมะทุกตัวอักษร สามารถเปลี่ยนชีวิตท่านได้ อย่าเพิ่งสงสัยก่อนจะอ่าน อย่าเพิ่งมีคำถามว่าจริงหรือ? อ่านให้จบ แล้วจึงพิจารณาว่า มีประโยคใดบ้างที่นำไปใช้แล้วทำให้ชีวิตของท่านดีขึ้น

    คำนำ
    ทันทีที่ท่านเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ ท่านอาจจะมีคำถามในใจว่า...จริงหรือ? ใช่หรือ? เป็นไปได้หรือ? ทำได้จริงหรือ? ที่จะมีคนสนทนากับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้จริง ในเมื่อได้ศึกษาเรียนรู้กันมาว่าพระองค์นิพพานแล้วไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก เสมือนกับว่าพระองค์ได้สูญหายไปแล้ว แปลกมั๊ย...ทั้งๆที่ไม่มีความหมายว่าสูญไปในคำว่านิพพานเลย แต่เราก็ตีความกันว่าสูญ ถ้าท่านมัวแต่ถามว่าจริง หรือไม่จริง คำว่าจริง หรือไม่จริง มันทำให้ท่านได้ประโยชน์อะไรหรือไม่? ท่านลองอ่านในสิ่งที่ผมได้สนทนาซึ่งเขียนไว้ให้จบก่อนดีไหม ผมคิดว่า สิ่งที่ผมได้สนทนาด้วยเป็นสิ่งดีงาม ให้สิ่งดีงามกับผม ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครแต่จาการสนทนาหลายๆครั้ง พิจารณาคำสอนของท่านอย่างละเอียดรวมทั้งสิ่งที่ท่านมาช่วยแก้ปัญหาชีวิตของผมและคำสอนที่ได้จากการสนทนากับพระองค์ผมก็ไม่เคยได้ยินมาจากที่ไหนมาก่อนจึงทำให้ผมเชื่อได้ว่าสิ่งดีงานที่มาสนทนากับผมนั้นเป็นองค์สัมสัมพุทธเจ้าจริงๆ แต่ก็คงจะพิสูจน์ให้ใครเชื่อว่าเป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ยาก เพราะความเชื่อเก่าๆเราถูกปลูกฝังกันมานานว่าพระองค์สูญหาย และดับไปแล้ว แต่ถ้าเรา...มาพิจารณาตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า วิญญาณของมนุษย์เป็นพลังงานซึ่งพลังงานไม่มีวันที่จะสูญหายไปไหนนอกจากเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปได้ซึ่งตรงกับหลักชาวพุทธที่ว่า มนุษย์มีวิญญาณ

    มีการเวียนว่ายตายเกิดนับภพนับชาติมาไม่ถ้วนแล้ว การที่พูดว่าองค์สัมมาสัมพุทธเจ้านิพพานแล้วดับสูญไป ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ถ้าพูดเช่นนั้น...พลังงานหรือวิญญาณขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไปอยู่ที่ไหน? พลังงานของพระองค์จะสูญหานไปได้อย่างไร? เราเชื่อว่าหลวงพ่อทวด หลวงพ่อโต หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่มั่น และท่านอื่นๆ ท่านเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ การที่เราเชื่อ และกล่าว่าพระเกจิอาจารย์ของเราศักดิ์สิทธิ์ หมายถึงอะไร หมายถึงว่า เหรียญหรือรูปปั้นของพระเกจิทั้งหลายมีพลังงานของท่านสถิตย์อยู่จึงศักดิ์สิทธิ์...! พระเกจิ เราเชื่อว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ถ้าเช่นนั้นแล้ว องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ไหม? ผมเชื่อว่า...องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าของเราศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคำว่าศักดิ์สิทธิ์ นั่นหมายถึงมีพลังงานของพระองค์สถิตอยู่ในพระพุทธรูปทุกๆองค์ที่มนุษย์เคารพบูชาพระองค์ย่อมสถิตได้ ผมจึงเชื่อว่าถ้าเราจะอัญเชิญพระองค์ก็น่าจะเป็นไปได้เช่นกันซึ่งถ้าพระองค์เป็นพลังงานก็น่าจะลงสู่ร่างของมนุษย์ได้

    ผมจึงให้ผู้ที่เป็นผู้ช่วยวิทยากรของผมได้ตั้งจิตอัญเชิญพระองค์ลงร่างและในขณะเดียวกันผมก็ตั้งจิตขอสนทนากับพระองค์ด้วยจากสิ่งที่ได้สนทนานั้นทำให้ผมได้คิดและพิจารณาว่าเป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอนเพราะผู้ช่วยของผมก็ไม่มีความรู้ที่จะตอบคำถามของผมได้เช่นนั้นแน่นอนเพราะผมรู้จักเธอดี ท่านลองอ่านดูก่อนและให้การพิจารณาของท่านดูว่าคำพูดทั้งหลายเหล่านี้ท่านเคยได้ยินได้ฟังมาจากที่ไหนหรือไม่? ถ้านำมาปฏิบัติแล้วจะทำให้ชีวิตของท่านเปลี่ยนไปได้หรือไม่? ถ้าคำสอนเหล่านี้เปลี่ยนชีวิตของท่านได้จะเสียเวลาไปพิสูจน์เพื่ออะไร? ลองอ่านดูก่อนนะครับและพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนทุกๆคำพูดและนำไปปฏิบัติ สิ่งนี้จะดีกับท่านหรือไม่นั้น ผมบอกไม่ได้หรอกครับตัวท่านเท่านั้นที่บอกตัวท่านเองได้ดีที่สุดว่าสิ่งเหล่านี้ที่พระองค์ได้ถ่ายทอดมาทำให้ชีวิตของท่านดีขึ้นได้จริงหรือไม่
    ด้วยความเคารพ

    พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา--ขอบคุณ คุณ ศิลาอ่อน-- ตามกระทู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2014
  3. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ป็นไปตามคาดว่าบรรดาฝ่ายตรงข้ามเสื้อแดงทั้งหลาย จ้องจะเล่นประเด็น "ถนนที่สวยที่สุด" หลังจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงยุติ

    ก็ส่งคนไปถ่ายภาพขยะ แล้วก็มาด่าว่า เสื้อแดงทำถนนสกปรก
    ไอ้พวกนี้มันไม่รู้เลยหรือว่า การชุมนุมของ นปช. หลังจากส่งมวลชนกลับบ้านทุกครั้ง

    จะมีทีมงานด้านสถานที่ เขาจะประสานกับผู้รับผิดชอบในเขตนั้นๆ ทำความสะอาดพื้นที่การชุมนุม ก่อนส่งคืนใหักับเจ้าของสถานที่ต่างๆ

    ภาพนี้เจ้าหน้าที่และทีมงานของ นปช. ก็เริ่มทำความสะอาดถนนอักษะ กันแล้ว สลิ่มที่จะคิดดราม่าเรื่องเล็กๆน้อยๆ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเถอะ

    การชุมนุมไหนๆ มันก็มีขยะด้วยกันทั้งนั้น จำไม่ได้เหรอ ราชประสงค์ - ปทุมวัน - สีลม - สยาม พวกเอ็งย้ายไปสวนลุม ขยะก็เต็มไปหมด แต่โชคดีหน่อยที่ กทม. เขารีบช่วยพวกเอ็ง ทำความสะอาด

    เรื่องแค่นี้ ยังต้อง "ดัดจริต" นะสลิ่ม เฮ้อ....(ขออภัย เรื่องขยะก็สำคัญ)
     
  4. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    เหล็กไหล ไพลดำ เล่นแร่ แปรธาตุ ผ้าขาดตั้งวา กาลครั้งนึ่ง จขกท.นี้ไกด้ตจามเพื่อไปจีบสาว คนนี้เป็นเพื่อนหญิงพูง่ายๆเป็นสาวใช้ในบ้าเราเอง แต่เราให้เกียรติเขา น้องชายข้าพเจ้าก็จีบอยู่ ต่อมา คนนี้เขาไปแต่งกับชาวพะเยา ที่ค้าพลอยศรีลังกา มีลูกหลายคน ลูกของเธอก้ชอบมาเล่นกับข้าพเจ้า
    --มาจะกล่าวถึงน้องน้ำ สายสวยญาติทางภรรยาผมทเอง น้ำ แต่ง (หรือไม่แต่ง) เิดิมเป็นทอม-ดี้ เลสเบี้ยน แล้วมาควงฝรั่ง (ไม่ถือ) ต่อมาแต่งงานกับหนุ่มขายลิฟท์ แล้วได้ข่าวว่า เล่นกับเพื่อนร่วมงาน สามีตามไปเจอนุ่งผ้าถุงอยู่กับชายอ้วนดำอัปลักษณ์(ทำไรกันนะ) ในที่สุดสามีก็ง้อให้กลับไปโดยอาจจะหาของว่างให้เธอทาน เป็นช่วงๆ(ท่านอาจคิดว่าเว่อร์ เรื่องจริง นะขนาด นศ.ปัจจุบัน ยังนับนิ้วหรือหาตัวคนมาเป็นพ่อของลูกไม่ไ่้ด้ เพราะเธอมีแค่สิบนิ้ว ตอนมั่วมันมากกว่านั้น)--สรุปว่าสังคมมันฟอนเฟะ--ต้องทำใจมากๆที่จะรับรู้ความจริงในยุคนี้ คนดีหงายเก๋ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2014
  5. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ต่อๆ--- เธอพาไปบ้านของคนทำงาน ธกส.คุยไปๆมๆา เขาว่ามีว่านไพลดำ ลองมั้ย ข้าพเจ้าอยากลอง เมื่อทางไป5นาที ขนลุก พวกเขาก็ไม่กล้ามากรีดข้าพเจต้าๆ ก็ใช้คัตเตอร์ เฉีือนตัวเองตรงข้อมือ ำไม่เข้าเหมือนเฉือนพลาสติกแข็งๆลื่นๆ ในที่สุดพวกสาวๆก็บอกให้หยุดเพราะพวกเธอ"เสียวว๊อย"(ไม่มีไร อย่าคิดลึก เดี๋ยวคึกฤทธิ์)
     
  6. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    สนทนากับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
    สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับชีวิตผมโดยบังเอิญ ในขณะที่ชีวิตผมก็สุขบ้างทุกข์บ้าง วันไหนมีงานก็บรรยาย ไม่มีงานก็ศึกษาธรรมะ มีอยู่วันหนึ่งว่างจากบรรยาย ผมนั่งที่โต๊ะทำงานและมองไปที่โต๊ะหมู่บูชาเห็นพระพุทธรูป ผมก็นึกในใจว่า...พระองค์เป็นสัพพัญญู ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้เหมือนรู้ใบไม้ทั้งป่า แต่มาสอนมนุษย์เพียงใบไม้กำมือเดียวจากการศึกษาธรรมะของพระองค์ซึ่งเขียนไว้ในตำรา มนุษย์ยังได้ประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้ ถ้าเราได้มีโอกาสสนทนากับพระองค์จริงๆ พระองค์คงได้สอนเราเหมือนคนสมัยพุทธกาล ซึ่งสอนสั้นๆ คนสมัยนั้นก็ได้บรรลุธรรมเป็นโสดาบัน หรือพระอรหันต์กันมากมาย เราจะโชคดีเหมือนคนเหล่านั้นไหมหนอ ในขณะนั้นก็รู้สึกขึ้นมาว่า พระองค์ได้ตอบมาว่าได้ ถ้าเจ้าตั้งใจจริงๆ ผมดีใจ แล้วจึงตั้งจิตขอปัญญาจากองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าและขอให้ผู้ช่วยวิทยากรของผมเป็นผู้อันเชิญพระองค์ลงร่างเพื่อศึกษาหลังจากนั้นเธอก็ตั้งจิตสักพักหนึ่ง เธอลืมตาขึ้นมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เป็นประกาย ลำตัวตั้งตรง ท่าทางสง่างาม และน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเมตตาผิดไปจากผู้ช่วยที่ผมรู้จัก แล้วสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ผมได้เริ่มสนทนากับพระองค์ด้วนความดีใจครับ>>
    > >
    หมอพงศ์ศักดิ์ ถ้ากระผมจะขอศึกษาธรรมะจากพระองค์และจะเขียนหนังสือสักเล่มหนึ่งด้วยตัวของผมเอง
    โดยตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “ สนทนากับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า “ พระองค์จะเห็นเป็นประการใดครับ?


    องค์สัมมาฯ การเผยแผ่ธรรมะก็ดีอยู่แล้ว ทำแล้วต้องไม่เป็นทุกข์นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้า เจ้าต้องยอมรับให้ได้
    เจ้าต้องพิจารณาคำพูดทุกคำที่เขียนลงไปอย่าสักแต่ทำให้มันผ่านไป เจ้าต้องมีจิตสำนึกที่ดีในการทำ
    เจ้าต้องมีเป้าหมายว่า...เจ้าจะทำเพื่ออะไร?


    หมอพงศ์ศักดิ์ ผมคิดว่าจะทำเพื่อเป็นการเผยแผ่ธรรมะที่ดีเข้าใจง่าย และสามารถนำไปใช้ได้จริงในการดำเนินชีวิต
    มนุษย์จะได้รู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้เกิดทุกข์จะได้รู้ทุกข์และวางทุกข์ได้ ความสุขที่แท้จริงก็จะตามมาเองครับ


    องค์สัมมาฯ เจ้าคิดทำอะไรในสิ่งที่ดี ก็ดีทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ทำ ถ้าเจ้าตั้งใจทำดี ย่อมดีแน่นอน
    ถ้าใครเห็นประโยชน์แล้วนำไปใช้ก็ดีกับชีวิตเขาเอง ถ้าใครไม่เห็นประโยชน์ก็เรื่องของเขา
    เพราะเราทุกคนย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสมอ
    Share
    | Like
     
  7. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    หญิงสาวมองดูนาฬิกาแบบเข็มแขวนข้างผนังห้องซึ่งชี้บอกเวลาเกือบเที่ยงคืนหากงานยังค้างคาไม่เรียบร้อย เสียงเพลงจากลำโพงคอมพิวเตอร์เงียบหายไปแล้ว เพราะโปรแกรมเล่นเพลงครบทุกไฟล์ที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ เธอสะบัดหน้าไล่ความมึนงงรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนมานั่งลุยงานในคอมพิวเตอร์ต่อไป

    ยังไม่ทันจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หูพลันได้ยินเสียงแผ่วเบาเยือกเย็นหากชัดเจนราวกับกำลังกระซิบข้างหู

    แม่จ๋า...........หนูอยากกลับบ้าน.......

    เสียงประหลาดนั้นฟังดูแล้วทั้งน่าสงสารและน่าขนลุก ว่าแต่มันดังมาจากไหนกัน จะว่ามาจากไฟล์เสียงก็ไม่ใช่เพราะโปรแกรมเล่นเพลงได้เล่นไฟล์เสียงสุดท้ายไปแล้ว ขณะกำลังนั่งงงอยู่นั้นเอง เสียงแผ่วเบาซึ่งยังคงยังซ้ำซากเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นไห้ชวนเวทนาพักหนึ่งก่อนจะจางหายไปในที่สุด

    มีเสียงเคลื่อนไหวบางอย่างบนชั้นไม้วางของข้างผนัง เสียงนั้นดังมากพอที่จะทำให้สะดุ้งด้วยความตกใจ ความเงียบของบรรยากาศในค่ำคืนนี้ค่อนข้างผิดปกติแบบบอกไม่ถูก หญิงสาวกวาดสายตามองไปมาพักหนึ่งก่อนพบว่ามีตุ๊กตาในชุดถักสีฟ้าตัวหนึ่งร่วงลงมาจากชั้นวางของมากลิ้งอยู่พื้นห้อง เธอมองแล้วขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ เพราะจำไม่ได้ว่าตุ๊กตาตัวนี้ซื้อมาจากไหนเมื่อไร หรือว่าคนรักของเธอแกล้งแอบเอามาวางไว้ให้ แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของเขา

    หลังจากจ้องมองสักพักหนึ่งก็ชักเริ่มไม่แน่ใจว่านั่นเป็นตุ๊กตาหรืออะไรกันแน่ เพราะมันเริ่มขยับแขนขาเคลื่อนไหวได้ทีละนิด จากตอนแรกแทบสังเกตไม่ได้ จนสองสามนาทีต่อมาอาการขยับไหวนั้นมากขึ้นจนดูคล่องตัว ในที่สุดตุ๊กตาตัวนั้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหมือนหุ่นชักไย
    หญิงสาวนั่งตัวแข็ง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

    “แม่จ๋า.......”

    ใบหน้าเล็กๆนั่นดูชัดเจนติดตา แต่ในตอนนั้นหญิงสาวจำไม่ได้ว่าเคยเห็นใบหน้าแบบนั้นมาที่ไหนมาก่อน ใบหน้าของตุ๊กตาคุ้นความรู้สึกเหลือเกิน

    “หนูอยากกลับบ้าน กลับมาหาแม่...”

    ชัดเจนเลยคราวนี้.....เสียงลึกลับซึ่งได้ยินในตอนแรกดังมาจากตุ๊กตาตัวน้อยนี่เอง หญิงสาวนั่งตัวเย็นเฉียบทื่อสมองมึนงงไปหมดได้แต่จ้องมองตุ๊กตาซึ่งค่อยๆขยายใหญ่มากขึ้นทุกทีจนสูงเกือบเท่ากับมนุษย์ปกติธรรมดาคนหนึ่ง ใบหน้าขาวนวลเป็นประกายและดวงตากลมโตหันมาจ้องมองอย่างเศร้าสร้อย

    “รู้ไหมว่าหนูเจออะไรมาบ้างคะคุณแม่ หนูต้องเจออะไรมาบ้าง”

    ริมฝีปากตุ๊กตาขยับไหว นัยน์ตากะพริบไปมาเหมือนจะร้องไห้ แต่สิ่งที่ไหลออกมาไม่ใช่หยาดน้ำตา หากเป็นของเหลวสีแดงฉานเริ่มจากไหลซึมออกมาทีละน้อยและมากขึ้นทุกที ทะลักออกมาจากปากและจมูกเป็นทางยาวลงสู่พื้นห้องเจิ่งนองมองเห็นชัดเจนต่อหน้าต่อตา

    นี่ต้องเป็นเพียงฝันร้าย......ความจริงไม่มีทางเป็นแบบนี้.....หญิงสาวพยายามย้ำบอกตัวเอง ก็แค่ฝันร้ายไม่ต้องสติแตก แม้จะพยายามคิดแบบนั้นปานใดภาพซึ่งปรากฏก็ไม่ได้เลือนหายไป มิหนำยังเริ่มต้นก้าวเข้ามาหาอย่างช้าๆ ใบหน้าของตุ๊กตาตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด มือทั้งสองยกขึ้นยื่นตรงมาราวกับจะเข้ามาโอบกอด

    “ไปให้พ้น”

    หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียง เลื่อนเก้าอี้ถอยไปด้านหลังจนชนเข้ากับขอบโต๊ะอย่างแรง บนโต๊ะคอมพิวเตอร์มีหนังสือวางอยู่เล่มหนึ่งตอนนี้ถูกจับและเหวี่ยงออกไปเต็มแรง หนังสือกระทบใบหน้าของตุ๊กตาอย่างจังจนหัวหลุดขาดออกจากลำตัวหลุดกระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศหมุนคว้างราวภาพสโลว์โมชันสะบัดสาดหยาดหยดเลือดเหวี่ยงกระจายไปเป็นวงกว้างตามแรงหมุน ขณะร่างไร้หัวหงายหลังล้มฟาดลงบนพื้นห้องซึ่งเต็มไปด้วยธารเลือด แขนขาฉีกขาดแยกย้ายกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง รอยฉีกขาดมีเส้นเชือกและโลหะคล้ายลวดสปริงโผล่ออกมาระริกไหวไปมาไม่หยุดยั้ง

    ขณะปากอ้าตาค้าง หัวของตุ๊กตาซึ่งหมุนคว้างกลางอากาศก็หล่นลงมาบริเวณตักของหญิงสาวพอดี ก่อนขยับเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสภาพบริเวณเคยมีนัยน์ตายังมีเลือดไหลทะลักไม่ขาดสายพร้อมกับปากกระตุกสั่นขยับกุกกักมีเสียงพูดปนอาการสำสักเลือดเป็นระยะ

    “แม่จ๋า....แม่จ๋า.......”

    “กรี๊ด.........”

    คราวนี้หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง ร้องดังเสียจนได้ยินเสียงร้องของตัวเองมาจากสถานที่ไกลแสนไกล......

    “รุ่ง คุณเป็นอะไรไป”

    มีเสียงใครบางคนแทรกมาในความมืดมิดพร้อมกับการถูกเขย่าตัวไปมาหลายครั้งความรู้สึกอันกระจัดกระจายเริ่มจัดระบบระเบียบให้กับสมองอีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองรอบตัวอย่างมึนงง ตัวยังสั่นเทาน้อยๆด้วยยังไม่คลายหายจากอาการตกใจ

    เธอพบว่าตัวเองกำลังนั่งหันหน้าเข้าหาจอมอนิเตอร์ ด้วยความรู้สึกตื่นตระหนกใจสั่นรัว นี่คงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวและมือซึ่งกำลังจับบ่าเขย่าไปมาแบบเรียกความรู้สึกก็เป็นมือของทิวาหนุ่มคนรักของเธอนั่นเอง เขาคงตกใจเพราะเสียงร้องอันกึกก้องจากฝันร้ายเช่นกัน พอหันไปมองก็เห็นสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความกังวลห่วงไย

    “บอกแล้วใช่ไหมว่า ให้พักผ่อนบ้าง นี่คงเผลอหลับกลางอากาศแล้วฝันร้ายล่ะสิถ้า”

    น้ำเสียงของชายหนุ่มมีแววตำหนิต่อว่าแบบห่วงไย หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าไปมาพลางฝืนยิ้มหลังจากได้สติ หันไปมองรอบห้องอย่างหวาดระแวงแล้วก็ค่อยโล่งใจเมื่อพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนอนเป็นปกติ ไม่มีซากตุ๊กตาอันน่ากลัวท่ามกลางเลือดและลวดสปริงซึ่งกระจายเต็มความฝัน

    “ฉันฝันร้ายไปจริงๆ ค่ะ..ฝันร้ายน่ากลัวมากๆๆ”

    “คงเป็นเพระความรู้สึกผิดของคุณเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนั้น เลยเก็บมาฝันร้าย”

    “ก็เป็นไปได้ค่ะ....แต่ตอนนี้มันคงมีความสุขไปแล้วกับบ้านใหม่ ชีวิตใหม่ “

    “รุ่งอรุณ...คุณรู้ได้ไง ว่ามันมีความสุข” น้ำเสียงแปลกๆทำให้เธอหันไปมองคนรักอย่างแปลกใจ ใบหน้าของเขาสงบนิ่งและพูดต่อไปว่า

    “รู้ได้ยังไงว่าตุ๊กตาตัวนั้นไปที่ดีกว่า นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้คุณฝันร้ายถึงตุ๊กตา”

    “ทิว....คุณรู้ยังไงคะว่าฉันฝันเรื่องอะไร”

    “ทำไมผมจะไม่รู้” มือซึ่งยังคงจับบ่าของหญิงสาวกระชับแน่นขึ้น และน้ำเสียงของเขาฟังดูเคร่งเครียดน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ จนไม่น่าเป็นการแกล้งตามธรรมดา“ทำไมถึงคุณถึงคิดว่าผมไม่รู้ นี่....รุ่ง ผมมีความลับบางอย่างจะบอกคุณ”

    “อะไรคะ”

    “ผมไม่ใช่คน ผมเป็นตุ๊กตา”

    “คุณจะบ้า.....”

    หญิงสาวตวาดลั่น คนเพิ่งตื่นจากฝันร้ายยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก ความฉุนเฉียวทำให้ยกมือปัดแขนของชายหนุ่มซึ่งจับบริเวณบ่าออกโดยแรง อ้าปากจะต่อว่าต่อไปแต่ก็ต้องชะงักอ้าปากค้าง

    มือของทิวาหลุดออกจากบ่าได้ง่ายๆแบบนอกเหนือความคาดหมาย และที่น่ากลัวกว่านั้นคือมันหลุดลอยกระเด็นออกไปตามแรงเหวี่ยงเหมือนไม่ใช่แขนของมนุษย์ธรรมดา หากเหมือนแขนของตุ๊กตาซึ่งถูกฉีกกระชากให้ขาดออกจากลำตัวอย่างไรอย่างนั้น ร่างของเขาซวนเซถอยออกไป บริเวณหัวไหล่มีปุยคล้ายนุ่นขาวฟุ้งกระจายออกมาปลิวว่อนลอยไปทั่วห้อง ขดลวดสปริงโผล่ออกมาจากบ่าหดยืดสั่นไหวระริกไปมาเหมือนมีชีวิตส่งผลให้ร่างกายขาดวิ่นกระตุกไปมาตามอาการหดยืดของสปริงแบบผิดธรรมชาติ ร่างวิปริตโงนเงนเหมือนพยายามตั้งหลักแล้วขยับเข้ามาใกล้ทีละนิดอย่างน่าสยดสยอง

    “คุณ..ทำแขนของผม..ขาด...คุณใจร้าย ..ทำไม..ทำกับผม.แบบนี้”

    ชายหนุ่มพูดด้วย น้ำเสียงขาดๆหายๆ ริมฝีปากเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติราวตัวหนอนดิ้นรน ใบหน้าขาวซีดจนไม่เหมือนใบหน้ามนุษย์ เหตุการณ์น่าขนลุกกะทันหันทำให้รุ่งอรุณตะลึงตกใจสติแทบแตกอีกครั้ง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ความตกใจสุดขีดทำให้กรีดร้องสุดเสียง ลุกขึ้นใช้เท้าถีบโครมเข้าให้เต็มแรงโดยไม่ตั้งใจ

    ร่างของทิวาดูเบาและอ่อนแอแบบเหลือเชื่อ แรงถีบส่งให้เขากระเด็นไปถึงผนังห้องด้านหลัง แรงกระแทกทำให้ร่างกายฉีกขาดออกเหมือนตุ๊กตาเก่าๆซึ่งผุพังจวนย่อยสลาย กระจัดกระจายออกเป็นชิ้นส่วนไร้ค่าไร้ราคา ทั้งเศษเสื้อผ้า เศษโลหะ ชิ้นส่วนเหล่านั้นขยับสั่นไหวไปมาเหมือนมีชีวิต

    “รุ่งอรุณ..คุณทำกับผมแบบนี้ทำไม”

    ส่วนซึ่งเป็นศีรษะขาดจากร่างขยับไหวอยู่บนพื้น ใช้เศษผ้ารุ่งริ่งบริเวณลำคอซึ่งเคยเย็บเชื่อมต่อติดกับลำตัวในการตะกายเคลื่อนไหว แต่คงเป็นเรื่องยากลำบากมากเพราะมองเห็นศีรษะนั้นหมุนไปมาราวปูตาบอดอยู่บนพื้นเท่านั้น


    แบบนี้อยู่ไม่ได้แล้ว....ไม่ต้องสนใจว่านี่เป็นความฝัน อาการประสาทหลอนหรือเรื่องจริง สิ่งเดียวในความคิดคือหนี...หนีให้เร็วที่สุดและไกลที่สุด หญิงสาวผวาไปจะเปิดประตูเผ่นออกนอกห้องแต่ต้องยืนตัวแข็งทื่อตัวเย็นเฉียบขนลุกไปทั้งตัว เพราะหน้าประตูมีตุ๊กตาผู้หญิงรูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากฝันร้ายเลยสักนิดยืนนิ่งขวางทางอยู่ด้วยสีหน้าเย็นชา และนัยน์ตาไร้แววของสิ่งความมีชีวิต

    “แม่จ๋า......จะไปไหนคะแม่”(นักเขียนหน้าใหม่ ทดสอบ)
     
  8. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    หมอพงศ์ศักดิ์ ผมคิดว่าคนไทยยังได้รับประโยชน์จากธรรมะของพระองค์น้อยมาก เงิน
    และวัตถุ กลับมีผลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ พระองค์คิดว่า เงินและวัตถุ จะให้ความสุขที่แท้จริงได้หรือไม่ครับ?


    องค์สัมมาฯ ถ้ามนุษย์ไม่เข้าใจความสุขที่แท้จริง มนุษย์ก็ไม่มีความสุขที่แท้จริง ถ้าจะถามว่า...จริงๆแล้ว เงิน ทอง ที่อยู่อาศัยนั้นอาจจะให้ความสุขได้ก็จริง แต่เป็นความสุขที่ให้ร่างกายซึ่งร่างกายของมนุษย์แต่ละคนก็ไม่ต้องการอะไรมากมาย แต่มนุษย์...ก็คิดที่จะหาอะไรมาปรนเปรอร่างกายของตนเองโดยที่ไม่เคยถามตนเองเลยว่า เท่าไหร่จึงจะพอ? ชีวิตมนุษย์จึงมีแต่ความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น เพราะคำว่า “ ไม่รู้จักตนเอง จึงไม่รู้จักพอ “ มนุษย์เกือบทุกคนรู้ว่าตนเองมีส่วนประกอบไปด้วยร่างกาย และจิตใจ แต่จะมนุษย์สักกี่คนที่รู้ว่าส่วนประกอบของจิตใจก็มี 2 ส่วนด้วยกัน
    ส่วนที่ 1 จิตสังขาร (ใจ)
    ส่วนที่ 2 จิตวิญญาณ (วิญญาณ)
    มนุษย์ส่วนใหญ่ทำเพื่อร่างกายส่วนจิตใจ มนุษย์ให้ความสำคัญน้อยและในส่วนของจิตใจนั้น ซึ่งมนุษย์ให้ความสนใจน้อยอยู่แล้วยังย่อยเป็นจิตสังขารและจิตวิญญาณ มนุษย์ก็สนใจเฉพาะจิตสังขาร(ใจ) มนุษย์แทบไม่เคยสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณเลยทั้งๆที่จิตวิญญาณเป็นอมตะเพราะเป็นพลังงาน ไม่สูญไปไหนเก็บข้อมูลไปตลอดทุกภพทุกชาติ ส่วนจิตสังขาร(ใจ)จะสูญไปพร้อมร่างกาย ถ้าเจ้ารู้จุดหมายปลายทางของชีวิตที่แท้จริงเจ้าคงไม่ปรนเปรอแต่ร่างกายเพียงเท่านั้น เจ้าคงให้ความสนใจกับจิตใจของเจ้าด้วย เพราะในส่วนจิตใจของเจ้ามีจิตวิญญาณซึ่งจิตวิญญาณนั้นเป็นอมตะ อยู่ไปตลอดกาล!
    มนุษย์ทุกวันนี้...ดำเนินชีวิตเหมือนตาชั่งเอียงไปแต่ด้านร่างกาย จิตใจไม่มีน้ำหนักและในส่วนของจิตใจมนุษย์ก็สนใจเฉพาะเรื่องของจิตสังขาร ส่วนจิตวิญญาณมนุษย์ก็ไม่เคยสนใจ หรืออาจพูดว่า...มนุษย์ไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ถ้าดำเนินชีวิตโดยให้จิตสังขารของเจ้ามีความสุขและจิตวิญญาณของเจ้าก็มีความสุขด้วยจะดีกว่าไหม?
    รูปขนาดเล็ก
     
  9. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ถึงเพื่อนสมชิกที่สนใจ

    ผมมีเรื่องเล่าอันตรายที่เกือบเกิดกับตัวเองและกับบุตรชายวัย 5 ขวบ มาเล่าแชร์ให้เพื่อนๆ สมาชิกได้รับทราบครับ

    เรื่องของผมฟังดูอาจไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ผมขอเรียนตามตรงว่ามันก็เป็นเพียงเพราะว่าผมและลูกโชคดีเท่านั้นเอง

    ผมและลูกเกือบโดนรถแท็กซี่สนามบิน ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชถอยทับ นี่ถ้าผมไม่ดึงตัวลูกชายออกหมุนตัวไปบังแทน และตะโกนให้รถหยุด 2 ครั้ง ลูกผมอาจโดนรถถอยทับไปแล้ว
    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเช้าวันนี้ 4 เมษายน 57 เวลาประมาณ 7:50น. ผมและลูกชายวัย 5 ขวบเดินทางไปสนามบินนครศรีฯ เพื่อไปส่งภรรยาไปกรุงเทพ เมื่อส่งภรรยาเสร็จ ผมก็พาไอ้เจ้าลูกชายวัย 5 ขวบเดินจูงมือกันเตรียมเดินข้ามทางม้าลายของโถงถนน เพื่อจะกลับไปขึ้นรถที่จอดไว้ที่ลานจอดรถสนามบิน (ปกติโถงถนนหน้าอาคารผู้โดยสาร(คล้ายหน้าสุวรรณภูมิ) มักจะกำหนดให้เป็นพื้นที่ขับรถใช้ความเร็วต่ำ เพราะมักจะมีผู้โดยสารและญาตขึ้นลงรถ ขนกระเป๋าขึ้น-ลง มีทางม้าลายคนข้าม ซึ่งรถจะต้องชลอความเร็วหรือหยุดให้คนข้ามไปเลย)
    แต่เหตุการณ์แรกที่ผมเจอคือขณะผมเริ่มข้ามถนนกับลูกชาย ก็มีรถแท็กซี่สนามบิน ขับมาด้วยความเร็วสูงและไม่มีการชลอความเร็ว (ปกติคนเวลาขับรถเห็นคนจูงเด็กข้ามถนน ควรจะเบาความเร็วลง) จนผมต้องดึงไอ้เจ้าลูกชาย 5ขวบ กลับเข้าข้างทางเพื่อตั้งหลักข้ามถนนใหม่ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผมตกใจอะไรมากมาย จะแปลกใจอยู่บ้างก็ตรงที่บริเวณนั้น มีรปภ.ที่ควบคุมจราจรอยู่ถึง 2 คน แต่รปภ.ก็ไม่ได้มีท่าทีห้ามปราม ตำหนิ หรือแสดงออกว่ารถที่ขับเร็วนั้นผิดอะไร ซึ่งในความคิดผมตอนนั้นก็เริ่มเซ็งๆในความคิดแล้วว่า (อะไรมันจะไม่ดีทั้งคนขับคนควบคุมเลยเหรอ?) เมื่อรถคันนั้นขับผ่านผมและลูกไป และได้ไปจอดสนิด อยู่ที่หน้ากลุ่มคนขับแท็กซี่ที่นั่งรวมตัวอันอยู่ทางด้านตรงข้ามของถนน และลดกระจกเพื่อพูดคุยกัน ผมกับลูกชายจึงทำการข้ามถนนอีกครั้ง
    และเหตุการณ์ที่ 2 ก็เกิดขึ้น พอผมและลูกข้ามไปได้ 2เลนถนน(ถนนมี 3เลนเดินรถทางเดียว) กำลังจะข้ามเลนที่3 ซึ่งตรงกับแนวท้ายรถแท็กซี่ อยู่ๆรถแท็กซี่คันดังกล่าวก็เข้าเกียร์ถอยหลัง ถอยพุ่งตรงมายังผมและลูกชายที่จูงมือผมข้ามถนนอยู่ คราวนี้ผมตกใจมาก ปากก็พูด เฮ้ยๆ!!! เพื่อให้รถแท็กซี่มองกระจกหลัง แต่เชื่อมั้ยครับ! รถที่ถอยไม่ได้หยุด กลับถอยตรงมาจนผมต้องดึงตัวลูกชายกลับออกมาอยู่เลนที่2 แล้วหมุนตัวเองไปบังและกอดลูกไว้ พร้อมทั้งคราวนี้ตะโกนดังสุดเสียง!!! "จะชนคนๆ" รถคันนั้นถึงได้หยุดถอย นี่ถ้ามีรถวิ่งมาจากเลน 2 ที่ผมข้ามผ่านไปแล้ว ผมกับลูกวัย 5 ขวบคงจะถูกรถที่ตามมาชนแน่ครับ(ไม่โทษรถที่ตามมาด้วยนะ เพราะผมกระโดดถอยหลังกลับมาเอง) เรื่องนี้ทำให้ผมไม่พอใจคนขับแท็กซี่มากเพราะผมและลูกเกือบต้องตาย และที่ไม่พอใจยิ่งเข้าไปอีกคือ ไม่มีคำขอโทษใดๆ จากปากคนขับเลย ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ผมทำใจรับไม่ได้จริงๆ รปภ.ที่ยืนอยู่ ก็ดูเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ผมจึงต่อว่าคนขับรถแท็กซี่ไปว่า “คุณถอยรถไม่ดูคนข้ามถนนอยู่ด้านหลังเลยแบบนี้ ใช้ไม่ได้ ผมและเด็กเกือบโดนรถคุณชน” หลังจากผมพูดจบ สิ่งที่ผมได้รับตอบกลับมาคือ คนขับมองหน้าผมด้วยความไม่พอใจ และกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่รวมกันก็มองผมอย่างไม่พอใจ ทั้งๆที่ผมที่ยืนจูงลูกชายวัย 5 ขวบที่เกือบโดนรถถอยทับตายไม่ได้ทำผิดอะไร เป็นคนโดนกระทำด้วยซ้ำ! ผมจึงต้องกลั้นใจไม่ทำอะไรต่อ เพราะห่วงลูกยังเล็ก ถ้ามีเรื่องกัน ลูกผมอาจโดนลูกหลงไปด้วย ผมจึงพาลูกกลับไปขึ้นรถ ใจก็คิดไม่อยากให้คนอื่นโดนแบบผม เพราะคงไม่โชคดีแบบนี้ทุกคน จึงขับรถวนกลับมาแจ้ง รปภ.ที่ยืนอยู่อีกครั้ง หวังก็แค่อยากให้เค้าไปตำหนิคนขับ หรือกลุ่มคนขับที่นั่งอยู่ตรงนั้น แต่ความจริงที่ผมได้ยินจากปาก รปภ.คือ "ให้ผมไปร้องเรียนเรื่องนี้เอาเอง" ผมผิดหวังมาก สังคมเรากลายเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง เพื่อนๆ บางคนอาจอ่านดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าอยู่ในเหตุการณ์แบบผม รู้สึกถึงอารมณ์ที่ลูกซึ่งเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ 5 ขวบเกือบถูกรถทับ มันเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ ทั้งตกใจ ทั้งโกรธ และหมดหวัง ผมจึงขับรถตรงไปยังท้ายรถคันที่ก่อเหตุ และถ่ายรูปรถ+ทะเบียนรถ เพื่อกลับมาเขียนหนังสือร้องเรียน ถึงอธิบดีกรมการบินพลเรือน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้แสดงความรับผิดชอบ ปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลง สภาพอันตรายของการใช้สนามบินแห่งนี้ ให้ตระหนักถึงการป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    ท้ายเรื่องราวนี้ ผมได้แนบภาพถ่ายรถคันที่ก่อเหตุ และจดหมายที่ผมเขียนไปร้องเรียนเพื่อใช้เป็นข้อยืนยันเรื่องราวที่ผมมาเล่าแบ่งปันเพื่อนสมาชิกครับ ขอบคุณครับ
     
  10. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    รายชื่อประเทศที่คนไทยสามารถไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
    กระทู้รีวิว
    Backpackเที่ยวต่างประเทศบันทึกนักเดินทางวีซ่า
    เพื่อเป็นข้อมูลนะคะ
    รายชื่อประเทศที่คนไทยสามารถไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

    1. Cambodia 14 days
    2. Brunei 14 days
    3. Bahrain 14 days
    4. Japan 15 days
    5. Philippines 30 days (อ้างอิงความเห็นที่ 19)
    6. Laos 30 days
    7. Vietnam 30 days
    8. Malaysia 30 days
    9. Singapore 30 days
    10. Hong Kong 30 days
    11. Macau 30 days
    12. Maldives 30 days
    13. Seychelles 30 days
    14. South Africa 30 days
    15. Mongolia 30 days
    16. Turkey 30 days
    17. Russia 30 days (ทางรัสเซียเขามีกฏว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ต้องวีซ่าเข้ารัสเซ๊ย ถ้าพำนักอยู่ภายในเมืองเดิมเกิน 3 วัน จำเป็นต้องลงทะเบียนในเว็บไซต์กงสุลของรัสเซียนะครับ มิฉะนั้นตอนขาออกประเทศจะโดนปรับเงิน !! แต่ส่วนมากถ้านอนตามโรงแรมเขาจะลงทะเบียนให้เลย แต่ถ้าไปบ้านเพื่อนหรืออย่างไร รบกวนศึกษาตรงนี้ด้วยนะครับ)
    18. Vanuatu (ประเทศวานูอาตู เป็นประเทศเกาะเล็กแถบ Pacific ค่อนไปทาง Australia) 30 days
    19. Indonesia 30 days
    20. South Korea 90 days
    21. Argentina 90 days
    22. Brazil 90 days
    23. Chile 90 days
    24. Ecuador 90 days
    25. Fiji 4 months อันนี้เขานับเป็นเดือนครับ ไม่ใช่แบบวัน
    26. Panama 180 days
    27. Peru 183 days หลายคนอาจจะเข้าใจว่าแค่ 90 วัน แต่จริงๆนานกว่านั้นเยอะครับ
    28. Georgia 90 days ประเทศนี้เป็นหนึ่งในอดีตโซเวียตเก่าครับ หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าคนไทยไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเช่นกัน (อ้างอิงความเห็นที่ 24)
    29. Haiti 90 days (อ้างอิงความเห็นที่ 4)
    30. Dominican Republic 3 Months
    31. Cook Island 31 Days

    รายชื่อประเทศที่คนไทยสามารถขอ Visa on arrival ได้

    1. Sri Lanka ค่าวีซ่าประมาณ $20 อยู่ได้ 30 วัน
    2. Oman
    3. Jordan ค่าวีซ่า JOD20 หรือประมาณ 1,000 บาท อยู่ได้ 30 วัน
    4. Papua New Guinea ค่าวีซ่าไม่เกิน 1,000 บาท อยู่ได้ 60 วัน
    5. Iran ขอวีซ่าก่อนเดินทาง ค่าวีซ่าไม่แน่ใจแต่อยู่ได้ 15 วัน
    6. Nepal
    7. Ethiopia* ค่าวีซ่าประมาณ $20-30
    8. Kenya
    9. Tanzania*
    10. Zimbabwe*
    11. Mauritius
    12. Madagascar
    13. Timor Leste (ติมอร์ตะวันออก)
    14. Armenia อดีตโซเวียตเก่าเช่นเดียวกัน ค่าวีซ่าประมาณ $40
    15. Bolivia ค่าวีซ่า $52
    16. Mali* อันนี้อยู่แถบ West Africa คนไทยคงไม่ค่อยอยากไปรึปล่าว
    17. Mozambique ค่าวีซ่าไม่ทราบแต่อยู่ได้ 30 วัน
    18. Uganda* ค่าวีซ่า US$50
    19. Togo* ค่าวีซ่าไม่ทราบแต่อยู่ได้ 7 วัน
    *สำหรับการเดินทางไปยัง 6 ประเทศที่ผมดาวเอาไว้ ทุกท่านจำเป็นต้องมีสมุดเล่มเหลืองยืนยันการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดต่างๆในแถบแอฟริกา เช่น มาลาเรีย ไทฟอย ไข้เหลือง ฯลฯ ยังไงขอให้ศึกษาข้อมูลเรื่องโรคที่ต้องป้องกันก่อนการเดินทางไปยัง 4 ประเทศนี้ด้วยนะครับ

    รายชื่อประเทศที่คนไทยสามารถไปได้โดยมีเงื่อนไขบางประการ

    1. Taiwan ถ้ามีวีซ่าอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย หรือ เชงเก้น ที่ยังไม่หมดอายุ สามารถเข้าไต้หวันโดยยกเว้นวีซ่าได้ 30 วัน และวีซ่าไต้หวัน สำหรับคนที่ถือวีซ่าถาวรหรือเรสซิเดนส์วีซ่าของประเทศนิวซีแลนด์สามารถเข้าประเทศไต้หวันได้ 30 วัน (อ้างอิงความเห็นที่ 69)
    2. Mexico ถ้ามีวีซ่าอเมริกาที่ยังไม่หมดอายุ สามารถพำนักได้โดยยกเว้นวีซ่า 180 วัน (โดยต้องเข้าเม็กซิโกโดยผ่านทางประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น อ้างอิงความเห็นที่ 23)
    3. Puerto Rico เงื่อนไขเดียวกัน Mexico อันนี้ขอแก้ไขนะครับ ถ้าเดินทางมาจาก USA เพื่อเข้า Puerto Rico ยกเว้นวีซ่าและอยู่ได้ 30 วันครับ
    4. Bulgaria ถ้ามีวีซ่าเชงเก้นหรือโรมาเนีย สามารถพำนักได้ 90 วัน
    5. Kosovo ถ้ามีวีซ่าเชงเก้นที่ไม่หมดอายุ สามารถพำนักอยู่ได้ 15 วัน
    6. Ireland ถ้าถือวีซ่า UK อยู่และยังไม่หมดอายุสามารถอยู่ได้ 90 วัน
    7. Costa Rica ถ้ามีวีซ่าญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 6 เดือน หรือ วีซ่าจากประเทศ Liechtenstein, Norway, Switzerland สามารถพำนักได้สูงสุด 30 วัน

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/pages/เที่ยวรัสเซีย/104990902952758
    ชื่อสินค้า: ท่องเที่ยว
     
  11. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    สินค้าต่่างๆต่างขึ้นราคา อาหาร --บะหมี่ เก็บไว้-ไม่อืด กินได้สองมื้อ เช้า- เย็น คุ้ม 40บาท ตกมื้อละ 30ถูกหลายในภาวะยุคนี้( อยากรวยให้เปลี่ียนอาชีพไปขายกับข้าว--ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว)
     
  12. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    หมอพงศ์ศักดิ์ ดีครับ! เพื่อให้กระจ่างมากกว่าเดิม ผมขอให้พระองค์อธิบายเรื่องจิตสัง
    ขารและจิตวิญญาณโดยละเอียดว่า คืออะไรครับ?

    องค์สัมมาฯ ในร่างกายของมนุษย์ ถ้าเราพูดถึงตัวมนุษย์ก็จะมีร่างกาย กับจิตใจ
    กาย ก็คือ รูปร่างหน้าตา ทุกๆส่วนมาประกอบเป็นร่างกาย
    ส่วนความรู้สึกนึกคิดทั้งปวง สิ่งเหล่านี้มนุษย์เรียกรวมๆว่าจิตใจ
    จิตใจ ประกอบด้วย จิตสังขาร และจิตวิญญาณ
    จิตสังขาร คือ ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ที่จะตัดสินใจทำอะไร
    ส่วนจิตวิญญาณนั้น...ไม่ใช่เรื่องของไสยศาสตร์ ดังเช่นมนุษย์หลายคนเข้าใจ พอพูดถึงวิญญาณ ชาวพุทธเราก็มักจะคิดว่าเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา ทั้งๆที่จิตวิญญาณเป็นของชาวพุทธโดยตรงซึ่งจิตวิญญาณเป็นพลังงาน ซึ่งประกอบเป็นส่วนหนึ่งในตัวมนุษย์ จิตวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานนี้มีหน้าที่เก็บข้อมูลของมนุษย์ จิตวิญญาณไม่สูญหายไปไหน เพราะเป็นพลังงานมีหน้าที่สะสมข้อมูลของมนุษย์ที่เวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน และบันทึกการกระทำของมนุษย์ในชาตินั้นๆ รวมทั้งบุญและกรรม เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนในปัจจุบันก็เป็นผลมาจากการบันทึกของจิตวิญญาณนั่นเอง สิ่งนี้แหละ...ที่กำหนดชะตาชีวิตมนุษย์แต่ละคนในชาตินี้
    จิตวิญญาณ ของมนุษย์ไม่มีการตาย เป็นสิ่ง อมตะ อยู่ชั่วนิรันดร์
    หมอพงศ์ศักดิ์ ดังนั้นมนุษย์เราจะเป็นอย่างไรนั้นก็ถูกกำหนดมาจากการกระทำ
    ของตนเองในชาติก่อนๆ ไว้แล้วใช่หรือไม่ครับ?

    องค์สัมมาฯ ใช่ตั้งแต่ปฏิสนธิ! เมื่อไข่ได้รวมกับอสุจิแล้วแค่นี้ความเป็นมนุษย์
    ยังเกิดขึ้นไม่ได้ต้องมีปัจจัยที่สำคัญคือ จิตวิญญาณ
    จิตวิญญาณ ซึ่งเป็น พลังงาน ซึ่งสะสมทั้งบุญและกรรมในทุกภพ
    ทุกชาติ ได้มาจัดเรียงสภาพของทั้งไข่และอสุจิซี่งรวมกันแล้วที่เรา
    เรียก และบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า " กลละ " ภายในหนึ่งกลละ
    ประกอบด้วยสิ่งมากมาย บันทึกลักษณะต่างๆของมนุษย์ไว้
    ซึ่งสามารถกำหนดได้ว่าเป็น หญิง หรือ ชาย
    มีลักษณะอย่างไร สวย หรือ ไม่สวย
    สมบูรณ์ หรือ พิการ ไม่สมประกอบ
    มนุษย์ผู้นั้นจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่หน่วยแรกของชีวิตแล้ว
    ถูกกำหนดตามกรรมที่เคยสร้างไว้ในอดีตของทุกๆชาติ
    เมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
    ช่วงอายุไหนจะเกิดอะไร เมื่อไร อย่างไร
    ก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน
    ซึ่งมนุษย์เรียกว่า...เป็น ดวงชะตา หรือ ชะตาชีวิตนั่นเอง(ข้อความมีแค่นี้ั)
     
  13. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ==============================
    “นั่นเป็นสิงห์คะนองนอน มันถูกใครฆ่าตาย”
    ทั้งสามลุกปราดขึ้นพร้อมกัน เป็นไปได้อย่างไรยอดฝีมืออย่างสิงห์คะนองนอนถูกสังหาร แล้วศพมาอยู่หน้าโรงเตี๊ยมได้อย่างไร นับว่าพิกลพิสดารสุดหยั่งคิด
    เป็นศพของสิงห์คะนองนอนจริงๆ
    ตอนนี้นับว่ามันบรรลุการหลับขั้นหลุดยอดแล้ว หลับแบบหลุดพ้นจากความมีชีวิตตลอดกาล ทิ้งเรื่องราวต่างๆ ไว้อย่างไม่ไยดีอีกต่อไป
    =============================



    บทที่ 4

    โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมกวาดตามองอย่างพินิจพิจารณา ในขณะคนอื่นพากันวิจารณ์เซ็งแซ่ ถึงการตายของสิงห์คะนองนอน ร่างกายของมันไร้บาดแผลใดๆ แต่กลับปราศจากลมหายใจ ในที่สุดนางพลันถอนลมหายใจกล่าวช้าๆว่า

    “ข้าคิดว่ามันยังอาจไม่ตาย”

    “อา.......”

    ผู้คนพากันร่ำร้องทันทีอย่างคาดไม่ถึง แม่นางหมกฮวกมีสีหน้าสงสัยรีบถามขึ้นทันทีว่า

    “ทำไมคิดว่ามันยังไม่ตาย”

    “ร่างกายของมันปราศจากบาดแผลใดๆ”

    “เช่นนั้น บาดแผลของมัน อาจอยู่ในใจ เป็นแผลในใจก็ได้”

    “อา.......”

    เสียงผู้คนร่ำร้องทันที แผลในใจนับว่าเป็นบาดแผลล้ำลึกสุดแสน ถึงขั้นแผลไร้เงา ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็น แผลทางกายถ้าไม่ตายอาจรักษาหาย แผลทางใจบางครั้งติดแน่นเนิ่นนานตราบลมหายใจสุดท้ายไม่ยังสามารถเยียวยาอาการ

    เจ้าของโรงเตี๊ยมสาวส่ายหน้า ส่งเสียงคัดค้านว่า

    “คนมีบาดแผลทางใจ ส่วนมากจะต้องโดนคมอาวุธพิเศษชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า <ความรัก> เท่าที่ทราบมันผู้นี้มิเคยมีความรัก ดังนั้นบาดแผลในใจย่อมมิอาจเกิดได้ คมมีดคมดาบเพียงสามารถทำให้เกิดแผลทางกายเท่านั้น”

    “อา.......”

    ผู้คนส่งเสียงอย่างตื่นเต้นชื่นชมกับวาจาคมกริบราวมีดบาดใจ

    “ถ้าเช่นนั้น มันเป็นอะไร”

    “มันอาจฝึกวิชาอยู่ก็ได้ อาจอยู่ในระยะขี้เกียจตื่น”

    ควรทราบว่า วิชานี้มีจริงดั่งมีคำกล่าวว่า ขี้เกียจจนตัวขึ้นขน ย่อมมีคนขี้เกียจจนตัวมีขนขึ้นจริงๆ มีเรื่องเล่าตำนานโบราณเล่าว่า บรรพบุรุษบรรดาวานรความจริงเคยเป็นมนุษย์มาก่อน และฝึกวิชาขี้เกียจระดับสูงผิดทาง จนธาตุอาหารแตกซ่าน ร่างกายมีขนงอกเต็มตัว และนิสัยเปลี่ยนไปเป็นทางตรงกันข้ามกับความขี้เกียจ ต้องขยันกระโดดโลดเต้นไปมาไม่อาจอยู่นิ่งได้

    “แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

    “ต้องมีคนพามันมา ปกติมันไม่เคยมาที่นี่ มันจะดูแลอยู่ที่โรงเตี๊ยมม่านรูดเสมอ”

    “อา.........”

    “พวกท่านจะร้องอาทำไมกัน” โฉมสะคราญหันไปส่งเสียงว่ากล่าวผู้คนอย่างยิ้มแย้ม “มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นหรืออย่างไร”

    “อา....เอ้ย...พวกเรามิกล้า อา.. อีกแล้ว”

    “พวกเราขออภัย มันเคยตัว”

    แม่นางหมกฮวกแอบยิ้มอย่างเร้นลับ สิงห์คะนองนอนทำให้นางต้องหวาดผวากับการนอนจนมิอาจกล้าหลับตานอน ตอนที่เป็นโอกาสเหมาะสมที่สุดในการระบายโทสะสักหนึ่งเท้า คิดพลางเอ่ยปากเหมือนแสดงความคิดเห็นว่า

    “เช่นนั้นต้องลองปลุกมันดู”

    ขาดคำก็เตะใส่ชายโครงของบุรุษไร้ทางสู้สุดแรง ถึงแม้ว่ามิใช่จอมยุทธ แต่การหาวัตถุดิบมาทำหมกฮวก จะต้องมีเท้าที่แคล่วคล่องไวมีพลังจึงจะไล่ทันบรรดาบุตรอ๊อด ทั้งหลาย มิคาดว่าสิงห์คะนองนอนร่างเพียงสะท้านตามแรงเตะครั้งหนึ่งเท่านั้น ไม่มีวี่แววลืมตาหายใจ

    โฉมสะคราญพลันมีสีหน้าคล้ายปลงตก หันหน้าไปทางฝูงชนแล้วส่งเสียงดังกังวานว่า

    “คนผู้นี้ได้ตายแล้วจริงๆ ประกาศให้พวกท่านทั้งหลายทราบว่า วันนี้ร้านของเรามีเมนูเด็ดใหม่ นั่นคือ สิงห์คะนองนอนย่างไฟอ่อนอบเกลือทาน้ำมันเจียว ประกันความอร่อย ไม่อร่อยทางโรงเตี๊ยมยินดีคืนเงิน”

    “โอ........”

    ฝูงชนอื้ออึงทันที

    “ข้ายังไม่ต๊าย........”

    จู่ๆ คนที่คิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว ทะลึ่งกายลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งร้องลั่นหน้าตาตื่นตัวสั่นงันงก ฝูงชนพากันแตกฮือไปคนละทิศละทาง เพราะคิดว่าเป็นศพคืนชีพ แม่นางหมกฮวกและแม่นางก่างไย่กระโดดไปอยู่ด้านหลังของเจ้าของโรงเตี๊ยมอย่างขวัญผวาแล้วพากันโผล่หน้าออกมามองจากบ่าของคนอยู่ข้างหน้าแบบไม่ไว้ใจในสถานการณ์

    โฉมสะคราญเป็นคนเดียวที่สงบนิ่งที่สุด เพียงเลิกคิ้วชำเลืองมองศพคืนชีพก่อนส่งเสียงทักทาย

    “ที่แท้ท่านยังไม่ตาย”

    อากาศรุ่งเช้าความจริงเย็นยะเยือก แต่สิงห์คะนองนอนมีเหงื่อกาฬหลั่งไหลชุ่มโชก หากพอมองเห็นใบหน้าของแม่นางหมกฮวกซึ่งเอียงคอมองออกมาจากบ่าของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยม พลันเบิกโตโพลง กระโดดปราดลุกขึ้นชี้นิ้ว ร้องว่า

    “เจ้า......”

    ใบหน้าของแม่นางหมกฮวกหลบวูบไปด้านหลังเจ้าของโรงเตี๊ยมสาวทันที ศพคืนชีพคล้ายคนตั้งสติได้ ร้องต่อไปว่า

    “เจ้าเอาตั๋วแลกเงินของเจ้าคืนไป”

    ทุกคนในที่นั้นมีสีหน้างุนงงทันที เพราะเป็นที่รู้กันว่าสิงห์คะนองนอนผู้นี้ มีข้อพิสดารอย่างหนึ่งคือ ไม่เคยคืนสิ่งของผู้ใด ถ้ามันยืมเงินใครรับประกันได้เลยว่าจะไม่ได้คืน ถ้ามันยืมสิ่งของเครื่องใช้ของใคร อย่าหวังเลยว่าจะได้คืน เพราะมันขี้เกียจคืนนั่นเอง ไม่ว่าใครจะทวงถามอย่างไร มันก็ใช้หลักวิชา “ใช้ความสงบและขี้เกียจ สยบความเคลื่อนไหว” เข้าสู่นิทราอารมณ์ จนอีกฝ่ายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ล่าถอยไปเอง

    ในที่สุดมันจึงเริ่มเล่าความเป็นมาพิสดารให้ฟัง ระหว่างที่เดินทางกลับโรงเตี๊ยม ขณะกำลังเดินเคลิ้มหลับมีคนลึกลับเข้ามาด้านหลัง ประกบนิ้วจี้ใส่จุดแข็ง ทำให้มันยื่นแข็งทื่อไม่อาจเคลื่อนไหว แล้วส่งตั๋วแลกเงินให้ในอกเสื้อมันหนึ่งฉบับ มูลค่าหนึ่งร้อยเหรียญ พร้อมกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง และบอกว่า ให้นำตั๋วแลกเงินของแม่นางหมกฮวกไปคืนในเจ้าของโดยดี ส่วนกระดาษหมดให้เจ้าของโรงเตี๊ยม มิฉะนั้นมันจะโดนวิชา “ตายตาไม่หลับ”

    คนอย่างสิงห์คะนองนอน มิใช่คนกลัวตาย ถึงได้ตำแหน่งผู้พิทักษ์กฎของโรงเตี๊ยมม่านรูด แต่ที่มันกลัวคือกลัวว่า วันหนึ่งอนาคตข้างหน้าหากหมดอายุขัยสิ้นกรรมตกตายไป มันจะ “นอนตายตาไม่หลับ” กับคนฝึกวิชานิทราไร้เตียงนับว่าหนักหนาสาหัสสุดบรรยาย ภาพฝันการตายอันบรรเจิดเพริดแพร้วสวยงามล้ำค่าสูงส่งมีหวังถูกทำลายตลอดกาล

    จากนั้นสติของมันก็ดับวูบไป มารู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ข้างหน้าโรงเตี๊ยมแห่งนี้แล้ว

    โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมรับฟังอย่างเยือกเย็น รอจนฟังเรื่องราวจบถึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิดว่า

    “ใครกันที่สามารถเข้าประชิดตัวท่านได้ โดยที่ท่านไม่รู้ตัว ต้องเป็นสุดยอดฝีมือแน่นอน”

    ยอดฝีมือในเมืองตอนนี้มีไม่มากนัก แม่นางก่างไย่ขมวดคิ้ว ให้ความเห็นขึ้นว่า

    “หรือจะเป็นพี่ชายข้า.....กระบี่หรรษา”

    การตั้งข้อสังเกตนี้นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ เพราะถ้าลำดับยอดฝีมือในเมืองตอนนี้แล้ว กระบี่หรรษาอยู่อันดับต้นๆอย่างไม่ต้องสงสัย อาจเป็นไปได้ในการสืบทอดเจตนารมณ์ของไอ้หนุ่มแดดเดียว ที่ตั้งใจให้คืนตั๋วแลกเงินแก่แม่นางหมกฮวก ในเมื่อพี่ชายของแม่นางก่างไย่เห็นว่าน้องสาวตัวเองหลงรักไอ้หนุ่มแดดเดียว อาจลงมือทางอ้อมเพื่อช่วยเหลือคนที่น้องสาวตัวเองหลงรักอยู่ก็เป็นได้

    “มิใช่ข้า.....ข้ามิได้ทำ ฮา....มาแบบขำๆ.”

    เสียงหัวร่อแบบกึ่งดีกึ่งบ้าดังมาจากทางด้านหลัง เป็นกระบี่หรรษานั่นเอง ที่ใดมีเรื่องมันไม่อาจพลาดได้เด็ดขาด เป็นตายร้ายดีอย่างไรจะต้องมาขำให้ได้ เนื่องเพราะมันเกิดมาขำโดยเฉพาะ เดินมาหยุดอยู่ข้างน้องสาว กล่าวต่ออีกว่า

    “คนเช่นข้า กระบี่หรรษา ไม่กระทำเรื่องราวลี้ลับซับซ้อน ไม่เคยทำอะไรขำ ๆ ลับหลัง ไม่เคยขำคนข้างหลัง ไม่เคยขำในใจ มีแต่ขำต่อหน้าอย่างอาจหาญสูงเยี่ยมเทียมฟ้า ขำซึ่งหน้าไม่อายผู้คน ฮา...”

    “โอ...”

    เสียงผู้คนส่งเสียงอื้ออึงให้ความเห็นกันต่างๆนานาทันที ในเมื่อไม่ใช่กระบี่หรรษาจะเป็นใครกัน ทำได้ขนาดนี้

    “ข้าว่าอาจเป็นจอมมารคอหอย ฝีมือขนาดนี้”

    “เป็นไปไม่ได้ จอมมารคอหอย ไม่ทำเพื่อผู้อื่นขนาดนี้”

    “ข้าว่าอาจเป็นกระบี่รันทด”

    “เป็นไปไม่ได้ มันออกจากนอกเมืองไปหลายวันแล้ว”

    “ข้าว่าอาจเป็นแม่เฒ่าปากตลาด”

    “เป็นไปไม่ได้ แม่เฒ่าขึ้นไปฝึกปรือวิชาด่าคน อยู่บนยอดเขา วังแมวเหมียว ถ้านางลงมาจากวังแมวเหมียว พวกเราต้องถูกนางด่าจนตายทั้งเป็นไปแล้ว”

    “เอ๊ะ....หรือว่าคนผู้นั้นจะเป็นนักศึกษาซั่วไอ่....”

    “เป็นไปไม่ได้ นักศึกษาซั่วไอ่ ออกติดตามนักศึกษา คู๋แม๊ป ออกนอกด่านทางเหนือไปนานแล้ว”

    “หรือเป็นคนของพวกสำนัก เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ลิงส์”

    “โอ...”



    แก้ไขข้อความเมื่อ 3 เมษายน เวลา 00:19 น.
    18 22
    Psycho man
    2 เมษายน เวลา 23:48 น.
    จันทร์พันฝัน ขำกลิ้ง, เกสรผกา ขำกลิ้ง, ปริยาธร ขำกลิ้ง(เทพีส้มตำภาค4)
    [SIZE="5"(คำอธิบายเสียงในฟิล์ม)(หมกฮวก---หม่อหมกลูกอ๊อด--ลูกกบ)[/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2014
  14. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    เปลี่ยนเป็นภาพยนต์ดีกว่าไำหม ชอบต้มยำกุ้ง2 มันดีน่ะ รฐา โพธฺงาม เซ้กซี่มาก พูดอังกิดได้ดี บทเซกซี่ เขาไม่ใช้ถ้อยคำ-- เปลือง)
     
  15. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
  16. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    แม่นางส้มตำ.......บทที่ 1
    กระทู้สนทนา
    แต่งนิยาย
    =============
    แม่นางส้มตำ
    =============

    [​IMG]


    มีคนกล่าวว่า
    มีรัก มีทุกข์.....ไร้รัก ไร้ทุกข์....
    ขาด รัก....ขาดทุกข์.....ตัดรัก ตัดทุกข์...
    ห่างรัก ห่างทุกข์
    ไม่มีรัก..ก็ไม่มีทุกข์



    เพียงแต่ หัวใจที่ไร้ทุกข์ ไร้รัก... จะเป็นเช่นไร จะตายด้านไร้ชีวิตจิตใจ หรืออย่างไร

    เฉกเช่นเดียวกับส้มตำ ขาดมัจฉาร้า และเครื่องปรุง จะเป็นเช่นไร


    ****************


    ตะวันกลมโตสีส้มจัดจ้าเคียงหมู่เมฆใกล้แตะทิวไม้ สายลมเฉื่อยฉิว ผู้คนมุ่งหน้ากลับบ้าน

    ตลาดของเมือง “ไม่ใหญ่ไม่เล็ก” ใกล้วางวายมลายลง แต่ยังมีบางร้านเปิดบริการลูกค้า หนึ่งในจำนวนนั้น คือร้านส้มตำของแม่นางส้มตำ

    บางคนเรียกว่า ร้าน “เปรี้ยวกระแทก” เพียงเป็นคำสูงส่งหวือหวาเกินไป สุดท้ายร้านส้มตำ ยังคงเป็นร้านส้มตำ

    “แม่นางส้มตำ” เป็นฉายาของเจ้าของร้านวัยสะคราญ นางไม่ได้สวยงามสะท้านแผ่นดิน..ไม่ได้งดงามแบบล่มสลายจมเมือง.....นางเป็นสตรีหน้าตาธรรมดาสามัญชน ไม่มีอะไรพิเศษพิสดาร หากชวนมองอย่างยิ่ง

    แต่ที่ยิ่งกว่าความพิเศษพิสดาร คือรอยยิ้มของนาง

    คนๆหนึ่ง หน้าธรรมดา เพียงใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม ใบหน้านั้นกลับไม่ธรรมดา ไม่มีใครยิ้มแย้มแล้วน่าดูน่าชมเหมือนแม่นางส้มตำ...นางไม่ยิ้มก็แล้วไป หากพอยิ้มแล้ว คล้ายเปลวไฟร้อนแรงเผาผลาญจิตใจผู้คนจนหลอมละลาย

    คนแบบนี้มีจริงๆ....

    รอยยิ้มน่ารักสุดบรรยายแบบนี้ก็มีจริงๆ....

    คนหลงใหลรอยยิ้มแบบนี้ยิ่ง มีจริงๆ ต่อให้นั่งชมดูทั้งคืนทั้งวันก็ไม่เบื่อหน่าย กระทั่งต่อให้นั่งชมรอยยิ้มอดข้าวอดน้ำจนขาดใจตาย ยังมีผู้คนยินยอมพร้อมใจ

    เครื่องประทินใบหน้าที่ดีที่สุดยิ่งกว่าเครื่องสำอางใดๆคือ “รอยยิ้ม” นี่เอง ไม่ต้องลงทุนมากมายก่ายกองให้สิ้นเปลืองทรัพยากร

    ร้านส้มตำของแม่นางส้มตำ ใช้ผล “มะละก้า”(มะละกอ) ชั้นดี ส่งตรงมาจากนอกดินแดนที่ราบสูง แต่ละผลผิวราบลื่นเปล่งประกายมีน้ำมีนวลชวนใช้มีดสับ สาก้า(สาก) ที่ใช้ตำมะละก้า (มะละกอ) ทำมาจากต้นสนหมื่นปี ไม่แข็งกระด้างเกินไป ไม่อ่อนนุ่มเกินไป คราก้า (ครก) ที่ใช้งาน ทำมาจากหิน-เหล็ก-ไฟ- จากยอดเขาไกลโพ้น ฟังว่ายามตำมะละก้า แร่ธาตุมีประโยชน์ซึมซาบออกมาสู่ส้มตำ เสริมสร้างพลังชีวิตทั้งกายใจให้แก่ผู้รับประทาน มีคุณค่ายิ่งกว่าดินม่วงของแผ่นดินใหญ่หลายสิบเท่า

    เสียงสาก้า กระแทกกับคราก้า ของแม่นางส้มตำเป็นเสียงสำเนียงราวบทเพลงแสนไพเราะสั่งตรงมาจากแดนสวรรค์ แดนมนุษย์นั้นไหนเลยเคยมี..แค่ได้ยินเสียง ยังไม่ได้ลองลิ้มชิมรส จิตใจของลูกค้าคล้ายโบยบินไปจนสุดของเขตพิสดารของจินตนาการ

    เย็นนี้ร้านของนางยังไม่อาจปิด

    เพราะลูกค้าคนสำคัญมารอตั้งแต่รุ่งสาง มันมาเป็นคนแรก แต่รอส้มตำครกสุดท้ายของร้าน ความอาจหาญสูงเยี่ยมเทียมฟ้าเช่นนี้ ยังมีผู้ใดกล้าเลียนแบบ มิว่าใครก็มิอาจทำเฉกเช่นนี้ได้

    คนผู้นี้มีฉายาว่า “คุณชายปลาร้า”

    ในเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งนี้ ธุรกิจตระกูล”มัจฉาร้า” ของครอบครัวคุณชายปลาร้า นับว่าไร้เทียมทาน ปลาร้าของตระกูลนี้ไม่เหม็นจัดจ้านเฉกเช่นปลาร้าทั่วไป ยังส่งกลิ่นหอมหวนอบอวลไปไกล ความหอมกลมกล่อมมีทิศทางแน่นอน กล่อมขวัญปลอบประโลมยามดอมดมชวนเคลิ้มฝันเพริดแพร้วพิสดาร เสียว่า เพียงไม่สามารถทะลุทะลวงจิตใจละเอียดอ่อนล้ำลึกของแม่นางส้มตำได้

    ความรัก ความชอบ เป็นเช่นนี้เอง ไร้เหตุผล นอกเหนือตรรกศาสตร์ มีเพียงใจเท่านั้นจะเข้าถึงสัมผัสได้

    ถ้าจะรักใครสักคน ..ต่อให้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ ไม่มีหวัง ใจยังดิ้นรนออกจากเหตุผลแบบไม่คิดชีวิต ใครเล่าจะห้ามได้ การตัดใจไม่รักใครสักคนต่อให้มีเหตุผลสมควรหมื่นแสนล้าน ใจเจ้ากรรมกลับไม่เชื่อฟังยินยอม หัวใจยังดื้อรั้นดิ้นรนออกไปโหยหาความเจ็บปวด และนั่นล่ะคือมนต์ขลังของคำว่า รัก

    หัวใจของคุณชายปลาร้าก็เช่นกัน

    มันก้มลงมองจานส้มตำยังเหลือครึ่งจาน จากจำนวนสิบกว่าจาน ที่สั่งมากินเช้ายันเย็น ความจริงมันไม่ได้ชอบส้มตำมากมายขนาดนี้ แต่มันชอบบรรยากาศชองการร่ำส้มตำ ต่างหาก ...กินไปชำเลืองมองคนขายไป เพียงแต่นี้ จิตใจของมันก็โบยบินไกลแสนไกล

    “ขอส้มตำอีกจาน”

    มันร้องสั่ง น้ำเสียงเข็มแข็งจริงใจ หากเริ่มแตกพร่าเล็กน้อยแล้ว คนๆ หนึ่งกินส้มตำสิบกว่าจานต่อเนื่องกัน ประกันว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ท้องไส้ก็ไม่ธรรมดา

    แม่นางส้มตำ..มองหน้ามันแวบหนึ่ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มเล็กน้อย แต่คล้ายแสงสว่างจัดจรัสออกมาจากซอกมืดดำของเหลี่ยมเขาเงาเมฆายามก่อเมฆฝน ทั้งน่าดูน่าชมจนคนดูปากอ้าตาค้าง

    “หมดแล้ว...”

    คำปฏิเสธ ง่าย ชัดเจน
    ไม่ได้หมด เพียงหัวใจ
    น้ำคาคุณชายปลาร้าไหลริน....
    มันรู้ความหมาย ของการปฏิเสธรัก

    รักแสนรัก ห่วงแสนห่วง พร่ำเพ้อละเมอหาปานใด เพียงใจไม่รัก.....ก็เกินพอแล้ว
    รักข้างเดียวก็ควร เพียงพอแล้ว มิใช่หรือ...................

    น้ำตาของคุณชายปลาร้า หลั่งไหลลงสู่จานส้มตำ ความขมขื่นทรมานของมันล้วนหลั่งไหลออกมาจนหมดสิ้น
    มันพ่ายแพ้แล้ว.....

    การจะรัก หรือถูกรัก จากใครสักคน เป็นเรื่องชองชะตากรรม การถูกสลัดรัก ก็เป็นเรื่องของโชคชะตากรรมเช่นกัน..นี่เป็นโศกนาฏกรรมชนิดหนึ่งชองมนุษยชาติ
    แก้ไขข้อความเมื่อ 7 มีนาคม 2557 เวลา 22:28 น.
     
  17. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    <ต่อครับ...........>



    “โอ...”

    ประโยคสุดท้าย หลายคนอุทานเซ็งแซ่ทันที เพราะเป็นเรื่องราวในตำนานเหนือจินตนาการ เล่าลือขับขานกันมายาวนาน เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะลิงส์ (The Lord of the Lings) หมายถึงสำนักราชันย์แห่งกางเกงลิง มีเรื่องเล่าว่า เมื่อจอมมารมืด เซารอน สร้างกางเกงลิงขึ้นเพื่อควบคุมบงการกางเกงในตัวอื่นในยุทธภพ เซารอนเปิดฉากสงครามเพื่อกางเกงลิงแห่งอำนาจ 16 ตัวแล้วนำไปแจกจ่ายให้แก่เหล่าผู้นำสำนัก คนแคระและมนุษย์ มีมนุษย์เคยได้รับกางเกงลิง และถูกอำนาจกางเกงลิงครอบงำไปจนกลายเป็นภูตกางเกงลิงไร้ชีวิตไร้ซักไร้ตาก ทรงพลานุภาพ อันน่ากลัวกับตำนานแห่ง “อภินิหารถือกางเกงลิงครองพิภพ” นำมาสู่เรื่องราวพิดารต่อๆ มา เช่น “มหันตภัยแห่งกางเกงลิง” หรือ “ การกลับไปสวมใส่กางเกงในตัวเก่า “ (The Return of the Ling) จนทำให้เกิดประเพณีใส่กางเกงลิงตัวเก่าจนทุกวันนี้ คนของสำนักนี้ฝีมือพิสดารน่ากลัวทุกคน

    “ไม่จริง....เนื่องแบบนี้ใครจะเชื่อ..” เสียงร้องอย่างตื่นเต้นกับเรื่องราวพิสดารเกินจินตนาการ พลันมีคนส่งเสียงร้องดังว่า

    “ข้าไม่เชื่อ...ถ้าเดอะลอร์ดออฟเดอะลิงส์ มีมูลแห่งความจริง แล้ว The ling ล่ะ”

    มีเสียงทอดถอนใจอย่างเบื่อหน่าย และเสียงเดียวกันนั้นอธิบายเพิ่มเติมขึ้นมาว่า

    “ท่านโง่เง่าเต่าตุ่นจริงๆ ท่านควรทราบว่า ตำนานล้วนมีที่มาที่ไป the ling เป็นเรื่องราวของ ของหญิงสาวแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัยนางหนึ่ง นางถูกขโมยกางเกงลิงแล้วโยนลงบ่อน้ำ จนนางต้องตามลงไปงมหากางเกงลิง.ในบ่อน้ำ และ.......”

    “อย่าพูดจาเหลวไหล”

    มีเสียง นุ่มนวล แทรกมากลางคัน สรรพเสียงอันเคยวุ่นวายสับสนเงียบกริบลงทันที คนที่เอ่ยปากตัดบทคือโฉมสะคราญโรงเตี๊ยม

    เมื่อเห็นผู้คนเงียบลง นางจึงเอ่ยต่อไปว่าอย่างแช่มช้าว่า

    “เรื่องที่พวกท่านคาดเดาล้วนเหลวไหล ภาษาก็วิบัติเปะปะไม่เคยได้ยิน ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครก็ตามพวกเราย่อมสืบหาจนได้ ว่าแต่....”

    ประโยคหลังนางชายตามองสิงห์คะนองนอน ซึ่งอีกฝ่ายรู้ตัวทันที ดึงตั๋วแลกเงินออกมาจากอกเสื้อยื่นตรงมาเบื้องหน้า แม่นางหมกฮวกรู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร รีบเดินไปรับตั๋วแลกเงินมาตรวจตราให้แน่ใจแล้วหันไปพยักหน้ากับเจ้าของโรงเตี๊ยม

    นับว่านางได้เงินคืนโดยผู้หวังดีลึกลับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผลดีตกอยู่กับนาง

    เรื่องราวยังไม่จบ ผู้พิทักษ์กฎล้วงมือเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้ง และดึงตั๋วแลกเงินฉบับใหม่มูลค่าร้อยเหรียญยื่นให้เจ้าของโรงเตี๊ยมสาว

    กระดาษใบนั้น...เป็นตำรายาถอนพิษวิชาเจ็ดฝันร้ายฝันสยอง......

    เป็นที่รู้กันว่าวิชาของสิงห์คะนองนอนร้ายกาจเพียงใด แม้เจ้าตัวยังไม่อาจแก้ไข เหตุใดจึงมีผู้ค้นพบวิธีการปรุงยาแก้ไข แม้แต่โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมยังนึกไม่ออกเลยจริงๆ เพียงแต่ปัญหาต่อมาคือจะหาตัวยาเหล่านั้นได้อย่างไร

    แม่นางหมกฮวกมีนัยน์ตาหรี่ซึมลง นางอยากหลับตาลงเต็มที พอดีฝ่ามือของเจ้าของโรงเตี๊ยมตบลงบนบ่าหนักๆ พลางเอ่ยปากด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

    “ท่านมิอาจหลับ พวกเราเข้าปรึกษาหารือกันดีกว่า”

    มือทั้งสองของนาง หนึ่งดึงมือแม่นางหมกฮวก หนึ่งดึงมือแม่นางก่างไย่ พากันเดินเข้าไปในห้องอาหารของโรงเตี๊ยมอย่างสนิทสนม นางช่างเป็นคนเต็มไปด้วยไมตรีจิต อบอุ่น เสียนี่กระไร ใครอยู่ข้างกายนางล้วนรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้อย่างไม่ยากเย็น

    สิงห์คะนองนอนถอนลมหายใจอย่างโล่งอก หลับตาลงสู่นิทราไร้เตียง อยู่ริมถนน ภารกิจของมันสิ้นสุดลงแล้ว

    กระบี่หรรษาเพิ่งหนีออกมาจากเหตุการณ์หน้าโรงเตี๊ยม มันไม่ได้ต้องการอะไรไปมากไปกว่าออกชี้แจงความเป็นจริง เสร็จธุระมันก็กลับเข้าห้องอาหาร สั่งน้ำชา กาแฟ และอาหารเข้ามานั่งยิ้มดื่มกินอย่างสบายใจ มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองมันจากด้านหลัง ประกายตาพิเศษผิดแผกแตกต่างจากสายตาคู่อื่น

    สายตาบ่งบอกความรักใคร่ซาบซึ้ง สายตาของแม่นางก่างไย่

    ถึงพี่ชายของนางเป็นจอมยุทธ์พิสดารบ้าบอ หากสิ่งหนึ่งที่มันกระทำคือมักจะหาโอกาสมาดูแลปกป้องน้องสาวเสมอ ต่อให้ขำปานใดก็ไม่เคยขำจนห่างหายไร้วี่แวว

    สมัยเด็ก พี่ชายคนนี้เคยถือไม้ท่อนโตยืนขวางหน้านางให้พ้นจากการคุกคามของสุนัขเกเร เคยชกกับรุ่นพี่ซึ่งโตกว่าผู้มาแกล้งนาง คอยเย้าแหย่ให้หัวร่อเมื่อกำลังร้องให้เสียใจ เป็นคนดึงหนามออกจากเท้าเมื่อยามวิ่งซนเล่นจนโดนหนามตำ เป็นคนวิ่งหาขนมมาให้กินเมื่อรู้สึกหิว เคยให้ขี่หลังวิ่งเล่นกลางทุ่งหญ้าไกลในวันฟ้าครามสดใส ดูแลปกป้องเสมอมา เป็นความทรงจำสวยงามประทับใจ นับเป็นความรักบริสุทธิ์อีกชนิดหนึ่ง
    วันนี้หากมันไม่ยื่นมือมาช่วย ไอ้หนุ่มแดดเดียวคาดว่าโดนสิงห์คะนองนอนเล่นงานปางตายไปแล้ว หัวใจของนางคงแหลกสลาย

    นางไม่เคยคิดน้อยใจหรือเกลียดโกรธที่ไอ้หนุ่มแดดเดียวไม่ได้รักนาง เพราะเข้าใจว่าความรักบังคับกันไม่ได้ เรียกร้องไม่ได้ อยู่นอกเหนือเหตุผล เช่นเดียวกับที่รู้ว่าแม่นางหมกฮวกไม่ได้รักไอ้หนุ่มแดดเดียว กลับพาลไปรักคุณชายปลาร้า ช่างเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตดลบันดาล
    ขอเพียงได้กระทำเรื่องราวเพื่อคนที่รัก โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนก็พอเพียงแล้ว

    กระบี่หรรษาคล้ายรู้สึกมีคนจ้องมอง พลันหัวร่อกล่าวขึ้นลอยๆว่า

    “ข้าคือกระบี่หรรษา หาใช่ไอ้หนุ่มหนึ่งแดดไม่”

    แม่นางก่างไย่สีหน้าปรากฏรอยยิ้ม เดินมาจากทางด้านหลัง ก้มลงโอบกอดพี่ชายอย่างรักสนิทนิ่งอยู่อย่างนั้น เป็นความหมายแทนคำว่าขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่พี่ชายให้เสมอมา

    “โอย..อย่ากอดนาน ข้าขำ..คนอื่นมาเห็นก็จะขำ เสียภาพลักษณ์ข้า”

    กระบี่หรรษาร้องพลางหัวร่อ หากเป็นเสียงหัวร่อฟังแล้วอบอุ่นใจอย่างที่ไม่ปรากฏบ่อยนัก ประกายตาอ่อนโยนลงอย่างไม่น่าเชื่อ เวลาผันผ่าน ในความรู้สึกน้องสาวยังคงเป็นเด็กน้อยน่ารักเสมอมา มันยกมือลูกเรือนผมน้องสาวแบบขำๆ พลางเอ่ยว่า

    “เจ้าน่าจะหาอะไรกินขำๆ เช้าแล้วนะ”

    ผู้เป็นน้องสาวยิ้มกว้างพลางส่ายหน้าเหยียดกายยืดตรงบอกว่า

    “ข้าจะไปดูแม่นางหมกฮวก กลัวนางนอนหลับ บางทีพวกเราอาจหาทางรักษานางได้ มีแม่นางโรงเตี๊ยมอยู่ทั้งคนคงหาทางช่วยเหลือได้”

    กระบี่หรรษาสั่นศีรษะอย่างไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจว่าแค่ฝันร้ายฝันสยองมีที่ใดน่ากลัว..มันไม่เคยกลัวการฝันร้าย เพราะไม่ว่าจะฝันว่าเจอภูตผีปีศาจหลอกหลอน มันล้วนหัวร่อใส่หน้าจนบรรดาภูตผีหนีกระเจิดกระเจิง ไม่ว่าจะเป็นภูตผีปีศาจร้ายกาจขนาดไหน ถ้าหลอกแล้วโดนขำใส่ นับว่าเป็นการสบประมาทการหลอกขั้นสูงสุดจนไม่อาจทนทานได้

    โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมวางกระดาษซึ่งรับจากผู้พิทักษ์กฎ หลายคนยืนมุงดูอย่างสงสัย เพราะกระดาษแผ่นนั้นเขียนด้วยลายมือสวยงามบอกสูตรยารักษาวิชาเจ็ดฝันร้ายฝันสยองว่าประกอบด้วย

    ครีบควายทะเลตากแห้ง 1 ส่วน
    กระดูกอึ่งอ่างทะเล 1 ส่วน
    นำมาผสมกันต้มในน้ำเดือดใส่น้ำตาลกรวดเล็กน้อย ดื่มหนึ่งถ้วย สามารถรักษาอาการของฝันร้ายได้

    แม้ว่ากำลังยืนสะลืมสะลือ ปม่นางหมกฮวกยังมีสีหน้างุนงงกับสูตรของยา จนอดปากมิได้ โพล่งถามขึ้นว่า

    “สมัยนี้ยังมีความทะเลหลงเหลืออยู่หรือ ข้าคิดว่ามันเป็นสัตว์ในตำนานโบราณเท่านั้น”

    “ย่อมมี...” เจ้าของโรงเตี๊ยมตอบอย่างมั่นใจ “ปัจจุบันยังหลงเหลืออยู่ แต่หาตัวลำบากมาก เพราะถูกมนุษย์เราล่าจนแทบสูญพันธุ์แล้ว บางทีในห้องเก็บอาหารแห้งในโรงครัวอาจจะมีอยู่ ถ้าจำไม่ผิด”

    “มันมีครีบด้วยหรือ”

    “ย่อมมี เพราะเป็นสัตว์ทะเล ปลายขาทั้งสี่และหางของมันไม่ใช่เป็นกีบ แต่เป็นครีบใหญ่เพื่อใช้ในการว่ายน้ำให้คล่องแคล่ว” แต่ปัญหาคือข้าไม่แน่ใจว่าในร้านยาในเมืองนี้จะมีกระดูกอึ่งอ่างทะเลหรือไม่”

    โฉมสะคราญเรียกคนรับใช้ในร้านมาสามคน สั่งให้พากันแยกย้ายไปสอบถามร้านขายยาในเมืองทันที กับเรื่องช่วยเหลือผู้คนนางไม่เคยนิ่งเฉย
    “ท่านอย่าเพิ่งหลับล่ะ” นางหันมาบอกกับแม่นางหมกฮวกอย่างให้กำลังใจ อีกฝ่ายมองหน้าแล้วฝืนยิ้มบอกว่า

    “ข้ายังพอทนทานได้ ข้ายังไม่อยากฝันร้ายจนเสียสติ”

    แม่นางก่างไย่เดินมาด้านข้างจับข้อมือพลางบอกว่า

    “ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนทางอีกคน จะช่วยไม่ให้ท่านเผลอหลับ”

    แม่นางหมกฮวกมีสีหน้าซาบซึ้งทันที ความจริงทั้งสองควรอยู่คนละข้างเพราะคำว่ารักเป็นตัวปัญหา

    “ให้ข้าลองหลับก็ได้ คงไม่เป็นไร”

    “อย่าเลย ไว้จำเป็นค่อยหลับ ข้ากลัวว่าท่านหลับแล้วจะลืมตื่น ฝันร้ายตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน”

    “ข้ามิใช่ สิงห์คะนองนอนนะ จะได้หลับจนลืมตื่น”

    แล้วทั้งสองก็พากันหัวร่ออกมาพร้อมกัน




    รุ่งสาง

    ร้านค้าของแม่นางส้มตำ คึกคักตั้งแต่เช้า ร้านของนางนับว่ากิจการรุ่งเรือง ส้มตำจัดเป็นอาหารใหม่ล่าสุดในเมือง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน จนมีลำนำร้องขับขานว่า “ส้มตำนี้เคยมีแต่ในดินแดนสรวงสวรรค์ ดินแดนมนุษย์นั้นไหนเลยเคยมี”

    ควรทราบว่าการตำส้มตำระดับเทพ ไม่ใช่เรื่องง่าย คราก้า (ครก) ที่ใช้จะต้องไม่แข็งกระด้างเกินไป ไม่อ่อนนุ่มเกินไป สาก้า ก็เช่นกัน จะต้องไม่แข็งเกินไปหรืออ่อนนุ่มเกินไป เส้นของมะละก้าเวลาถูกสับจะต้องเรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม เส้นไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป เวลาจับยกและวางใส่คราก้า เส้นจะต้องพลิ้วไหวดั่งสายลม

    แม่นางส้มตำสามารถตำได้หลายชนิด เช่น ตำปู ตำปูปลาร้า ตำไท ตำลาว ตำฝรั่ง ล้วนได้หมด นางไม่เคยตำไปชิมไป เพราะถือว่า แม่ค้าส้มตำนางใดชิมรสทุกครก ถือว่าฝีมือไม่เข้าขั้น แม่ค้าส้มตำที่ดีและเก่งกาจเข้าถึงจิตวิญญาณของส้มตำ จะต้องคำนวณรสชาติของส้มตำได้จากปริมาณเครื่องปรุง โดยไม่ต้องชิม ดังนั้นแม่ค้าส้มตำคนใดตำไปชิมไป จะถูกวงการส้มตำมองอย่างหยามหยันทันที

    นางสามารถปรับเปลี่ยนรสได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าบางคนต้องการแบบเข้มข้นดุเดือดเผ็ดทะลุฟ้า บางคนต้องการแบบหวานกลมกล่อมมีน้ำมีนวล บางคนต้องการแบบจัดจ้านคึกคักแจ่มใส บางคนต้องการส้มตำรสโหยหาหม่นเศร้า บางคนต้องการรสแบบอาลัยอาวรณ์ บางคนต้องการรสแบบให้กำลังใจราวกับเพลง บลูดานูบ ของโยฮัน เสตราซ์ นางล้วนสามารถปรับเปลี่ยน

    หลายคนไม่มีโอกาสซื้อ ก็ยังสามารถมานั่งฟังเสียงตำส้มตำ ซึ่งผิดแผกแตกต่างกันออกไปตามแต่รสชาติและอารมณ์ของแต่ละครก เสียงสาก้ากระทบคราก้าบางครั้งดุดันรวดเร็วหนักแน่น บางครั้งอ่อนหวานกระซิบกระซาบ บางครั้งไล่บันใดเสียงสเกลต่างๆ ยิ่งกว่าเสียงดนตรีจากแดนสรวง
     
  18. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    [​IMG]
    [จับผิดและ Spoil Frozen!!] รณรงค์ให้คนไทยซื้อแผ่นแท้ แต่นี่คือสิ่งที่เราได้รับเมื่อเสียเงินให้ของถูกลิขสิทธิ์
    กระทู้สนทนา
    ภาพยนตร์ภาพยนตร์แอนิเมชันFrozen (ภาพยนตร์)
    ปัญหาแผ่นผี โหลดบิท เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนต่างรณรงค์ให้คนไทยซื้อของแท้ ของถูกลิขสิทธิ์

    แต่ทำไมไม่มีใครไปรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ ผลิตแผ่นและแพคเกจออกมาให้สมกับราคาที่ขาย


    @ รีวิวจัดเต็ม "ดาราเทวี" สุดอลังการงานสร้าง โรงแรมอันดับ 1 ของไทย 4วัน 3คืน Colonial Suite + Sunday Brunch อันเลื
     
  19. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
  20. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279

แชร์หน้านี้

Loading...