รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 6)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 7 ตุลาคม 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 6)

    เกริ่นนำ

    หากมีที่ใดในโลกหรือหากมีการเกิดใดในโลกที่มีแต่สุขไม่มีความทุกข์
    พระพุทธองค์คงแนะนำสั่งสอนบอกเราไปแล้ว
    แต่พระองค์บอกว่าโลกนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และสลายตัวไปในที่สุด
    แม้แต่การเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมก็เป็นเพียงสุขชั่วคราว ไม่เที่ยง ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดเป็นทุกข์อีก

    พระโสดาบันคือผู้มั่นคงในพระสัทธรรมที่พระตถาคตประกาศ
    เป็นผู้เข้าสู่กระแสพระนิพพาน คือปิดซึ่งอบายภูมิ
    ผู้หวังบรรลุพระโสดาบันต้องหมั่นคิดถึงความจริงคือทุกข์จากร่างกายและการละสังโยชน์



    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 5

    พระโสดาบันหมายถึงผู้เริ่มเข้าสู่กระแสของพระนิพพาน
    ทำไมคนไม่ตัดสินใจเป็นพระโสดาบันหรือไม่ปราถนาพระนิพพาน
    คือรู้ว่าพระโสดาบันดี รู้ว่าพระนิพพานดี
    แต่ไม่เกิดการตัดสินใจเด็ดขาด คำตอบคือเพราะยังไม่เห็นทุกข์


    คนส่วนใหญ่เป็นทุกข์แต่ทุกข์ไม่เป็น หรือ เป็นทุกข์แต่ไม่เห็นทุกข์


    นับตั้งแต่กรรมกรคนหาเช้ากินค่ำ ไปจนถึงพระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าจักรพรรดิ์ ทุกชีวิตต่างเป็นทุกข์
    ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูพระเจ้าอยู่หัวของเรา ท่านก็ยังเป็นทุกข์
    ท่านดีแสนดีขนาดไหน ก็ยังมีคนทำให้ท่านเป็นทุกข์ ยังมีคนคิดประทุษร้ายเบียดเบียนต่อพระองค์ท่าน
    แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังมีทุกข์เวทนาทางกาย ยังมีคนคิดประทุษร้ายเบียดเบียนพระองค์
    แล้วในโลกนี้เราจะไปอยู่ตรงไหน หรือเราจะเกิดเป็นอะไรที่จะไม่เป็นทุกข์ ไม่มีทุกข์



    ไฟล์เสียงที่เป็นการบ้านของบทที่ 5 นั้น คือเสียงเทศน์ของท่านจิตโต
    ท่านเป็นพระลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ดังนั้นเวลาที่หลวงพี่จิตโตกล่าวถึงคำว่า " หลวงพ่อ "
    ขอให้ทราบว่าหมายถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงนั่นเอง



    (ชั่วโมงที่ 6)

    บางประโยคที่อาจทำให้เราหลงผิด
    " ขอให้แกตายไปแล้วตกนรก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด"
    " ขอให้แกตายไปแล้วไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด"

    ประโยคข้างต้นนี้มักจะเป็นคำด่าหรือคำสาปแช่ง
    เรื่องการด่าแช่งให้ตกนรกนั้น น่ากลัวว่าผู้ด่าแช่งจะเป็นผู้มีสิทธิ์ตกนรกเสียมากกว่า
    ยิ่งการด่าว่าหรือแช่งต่อพระอริยบุคคลตั้งแต่ระดับพระโสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์
    ย่อมมีโทษภัยมากกว่าการด่าแช่งชาวบ้านทั่วไปตามลำดับ
    สิ่งที่ต้องระวังคือพระอริยบุคคลตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไปจนถึงระดับพระอรหันต์นั้น
    เราไม่ค่อยได้ผิดพลาดไปแช่งด่าท่าน เพราะสังเกตง่าย
    เนื่องจากท่านมักอยู่ในเพศบรรพชิตคือพระสงฆ์ และเราก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสพบท่านง่าย ๆ
    แต่สำหรับพระโสดาบันและสกิทาคามีนั้น สังเกตยาก
    เพราะท่านก็คือชาวบ้านเราดี ๆ คือฆราวาสที่มีศีล 5 หรือศีล 8 บริสุทธิ์

    ดังนั้นแม้ด่าแช่งพระอรหันต์จะมีโทษร้ายแรงกว่า แต่ไม่ค่อยมีโอกาส
    ส่วนการด่าแช่งพระโสดาบันนั้นมีโทษน้อยกว่า แต่ก็มีโอกาสกระทำได้บ่อยจนน่ากลัว
    แม้ไม่ได้เจอตัวกัน แต่ก็อาจเคยด่าว่าปรามาสโต้ตอบท่านผ่านทางกระทู้ของเว็บไซต์ต่าง ๆ

    ยิ่งการผูกพยาบาท อาฆาตจองเวรไปทุกภพทุกชาตินั้นยิ่งมีภัยร้าย
    เพราะพระโสดาบันเป็นผู้เข้าสู่กระแสพระนิพพานแล้ว
    ดังนั้นพระโสดาบันจึงมีแต่จะเลื่อนระดับสูงขึ้นไปจนถึงเป็นพระอรหันต์ภายในไม่เกิน 7 ชาติ
    ขอให้ลองนึกถึงพ่อค้าคนหนึ่งที่ผูกพยาบาทขอจองเวรพ่อค้าอีกคนหนึ่ง
    จนกระทั่งต่อมาพ่อค้าทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งได้มาเกิดเป็นพระเทวทัตและพ่อค้าอีกคนหนึ่งคือพระพุทธเจ้า
    การที่พระเทวทัตต้องรับทุกข์อยู่ในนรกขณะนี้ ก็เพราะได้ผูกอาฆาตพยาบาทต่อผู้มีคุณธรรมนั่นเอง

    อันที่จริงแล้วการกล่าวว่าขอให้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดนั้น
    พระโสดาบันและพระอริยบุคคลทั้งหลายท่านต่างสาธุการยินดี ถือว่าเป็นการให้พรอันประเสริฐ
    เพราะท่านถือว่าการเวียนว่ายตายเกิดไม่ใช่เรื่องน่ายินดี
    การไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดนั้นไม่มีอยู่ในอบายภูมิ เทวดาและพรหม
    มีแต่ผุดเกิดยากคืออเวจีและพรหม คือต่อเมื่อสิ้นบาปและบุญ
    แม้พระเทวทัตทำอนันตริยกรรม แต่ในที่สุดก็จะพ้นจากนรก คือยังต้องกลับมาเกิด
    มีที่เดียวที่ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกต่อไปคือ พระนิพพานเท่านั้น

    การไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดนั้นมักเป็นคำสาปแช่งหรือบางทีก็เป็นคำขู่
    เลยอาจทำให้คนจำนวนมากคิดว่าการเกิดเป็นสิ่งดี กลัวจะไม่ได้เกิด และปราถนาความเกิด
    แล้วอาจเป็นมิจฉาทิฏฐิไปว่า พระนิพพานไม่ดี เพราะถ้าไปพระนิพพานแล้วจะไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก
    แต่พระโสดาบันท่านละวิจิกิจฉา ท่านไม่ลังเลสงสัยในคำสอนและปัญญาของพระพุทธเจ้า
    ในเมื่อพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ยอมลำบากแสนสาหัสเพื่อมุ่งริ้อขนสัตว์ไปพระนิพพาน
    ในชาติสุดท้ายคือเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงยอมสละราชสมบัติและตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิ
    (พราหมณ์ทำนายเมื่อครั้งประสูติว่าหากไม่ออกบวชจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ)
    จึงเป็นเรื่องน่าคิดว่าพระนิพพานนั้นมีความสุขเสียยิ่งกว่าการครองพระราชสมบัติ
    และสุขยิ่งกว่าการเป็นพระเจ้าจักรพรรดิซึ่งปกครองทั้งโลก พร้อมทั้งแก้ว 7 ประการ มีนางแก้ว ที่แสนงดงามเป็นต้น อ้างอิง

    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า
    " นิพพานัง ปรมัง สุขัง " แปลเป็นใจความว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง อ้างอิง



    บางประโยคที่อาจทำให้เราหลงผิด
    " โชคดีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ "
    " โชคดีที่เกิดมาได้ร่างกายเป็นมนุษย์ ทำให้มีโอกาสจะบำเพ็ญบารมี "

    เนื่องจากเราเคยได้ยินว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก (โดยเฉพาะผู้ที่ศีล 5 บกพร่อง)
    ท่านเปรียบว่าหากเป็นพาลชนคือศีลไม่บริสุทธิ์เมื่อตายไปแล้วการจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกนั้นยาก
    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ายาก เปรียบเหมือนเต่าตาบอดลอยคอในมหาสมุทร
    ร้อยปีจึงจะผุดขึ้นครั้งหนึ่ง จะพึงเอาคอสวมเข้าที่ทุ่นบ่วงตาเดียว อ้างอิง

    สรุปว่าการเกิดเป็นมนุษย์หากไม่มีศีลเป็นของยาก
    แต่ท่านไม่ได้หมายความว่าการเกิดเป็นของดี
    คนจำนวนมากอาจหลงผิดคิดไปว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นโชคดีเสียเหลือเกิน
    หลงคิดไปว่าเทพพรหมเทวดาเขาอยากมาเกิดเป็นมนุษย์เสียเหลือเกิน
    สำหรับพระโพธิสัตว์ท่านปราถนาโพธิญาณการตรัสรู้อาจจะใช่
    เพราะท่านหวังการเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างบารมีเพื่อรื้อขนสัตว์ไปพระนิพพาน
    แต่สำหรับเหล่าสัตว์ที่มุ่งหวังแต่เพียงติดตามพระพุทธเจ้าเพื่อพ้นทุกข์ไปสู่พระนิพพาน
    การคิดเห็นดังกล่าวทำให้ไม่บรรลุพระโสดาบันเสียที เพราะยังเห็นว่าการเกิดเป็นมนุษย์เป็นของดี
    พระโสดาบันท่านไม่เห็นว่าการเกิดเป็นมนุษย์ของดี อย่าว่าแต่กระนั้นเลย
    แม้การเกิดเป็นเทวดาและพรหม พระโสดาบันท่านก็ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
    พระโสดาบันที่ไปเกิดเป็นเทวดาและพรหมนั้นเป็นเพราะกำลังใจท่านยังไม่เข้มแข็งพอ
    จึงจำเป็นต้องรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปคือพระศรีอาริยเมตไตรยมาอุบัติ

    การไปพระนิพพานนั้นไม่ได้ใช้กำลังบุญ แต่ใช้ความคิดและกำลังใจในการละสังโยชน์
    ส่วนการทำบุญ เช่นการบริจาคทานนั้น เพื่อช่วยประคับประคองไม่ให้อยู่ในฐานะที่ยากลำบากเกินไป
    เช่นไปเกิดในสวรรค์ หรือหากพลาดพลั้งต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้ไม่อยู่ในฐานะที่ยากจน
    เทวดาที่หวังมาเกิดเป็นมนุษย์นี่ ถ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์แต่เป็นเทวดาปกติถือว่าท่านฉลาดน้อย นี่ไม่ได้ว่าโง่นะ
    หรือบางทีท่านอาจจำเป็นต้องมาเกิดเพราะหมดบุญ
    เมื่อจำเป็นก็ต้องถือว่าการได้มาเกิดมนุษย์ก็ยังโชคดีกว่าไปเป็นสัตว์นรกหรือสัตว์เดรัจฉาน
    ส่วนเทวดาที่ฉลาดและไม่ประมาทนั้นเขาไปพระนิพพานกันมากมายจนนับไม่ถ้วน อย่างน้อยก็ 18 โกฏิ อ้างอิง อ้างอิง

    (ผู้เขียนเองโง่กว่าเทวดา ไม่เช่นนั้นคงไปพระนิพานนานแล้ว)

    ข้อควรระวังคือการไปคิดว่าการเกิดเป็นมนุษย์มีร่างกายแบบนี้เป็นของดี
    ความคิดนี้เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุพระโสดาบัน
    อย่าลืมว่าสังโยชน์ข้อแรกที่ต้องละของพระโสดาบันตลอดจนพระอริยเจ้าทุกระดับคืออะไร
    คำตอบคือ ละสักกายทิฏฐิ คือเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของไม่ดี (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

    พระพุทธองค์สอนว่า อ้างอิง
    ภารา หะเว ปัญจักขันธา, ขันธ์ทั้ง 5 เป็นของหนัก,
    ภาระหาโร จะ ปุคคะโล, บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป,
    ภาราทานัง ทุกขัง โลเก, การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก,
    ภาระนิกเขปะนัง สุขัง, การสลัดของหนัก ทิ้งลงเสีย เป็นความสุข,

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านเมตตาสอนว่า
    " มนุษย์หัวแถวยังดีไม่เท่าเทวดานางฟ้าท้ายแถว
    ท่านเป็นผู้ไม่มีขันธ์ ๕ ไม่สกปรก ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่หิวกระหาย
    และขี้ก็ไม่เหม็นอย่างเรา ๆ " อ้างอิง

    แต่ทั้งนี้ท่านไม่ได้ให้หมายความว่า เราควรพอใจในการเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม
    ท่านหมายความว่า ให้ละสักกายทิฏฐิ อย่าเห็นร่างกายมนุษย์เป็นของดี
    ครูบาอาจารย์ท่านว่า ละร่างกายมนุษย์ตัวเดียวก็พอ
    ถ้าหมดความพอใจในการเกิดเป็นมนุษย์ การพอใจในการเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมก็หมดไปด้วย
    เพราะรู้แล้วว่าถ้าเป็นเทวดาหรือพรหมก็ยังต้องกลับมาเป็นมนุษย์อยู่ดี
    ดีไม่ดีจากเทวดาและพรหมอาจดิ่งลงนรกและสัตว์เดรัจฉานเลยนั้นก็มี เช่น สุปติฏฐิตาเทพบุตร อ้างอิง
    แต่โชคดีที่ท่าน สุปติฏฐิตาเทพบุตร ได้กัลยานมิตรที่ดีตักเตือน
    จนในที่สุดได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและรอดพ้นจากการรับทุกขเวทนาในนรก

    ดังนั้นหลวงพ่อจึงสอนว่าให้ตั้งใจไปพระนิพพาน
    อย่าพอใจในการการเกิด ท่านหมายถึงอย่าพอใจการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดาหรือพรหม
    คือให้มุ่งพระนิพพานไว้ก่อน แต่หากพลาดเราก็ไปพักที่สวรรค์หรือพรหม
    รอพระศรีอาริยเมตไตรยมาเทศน์โปรด
    แต่ให้ตั้งใจสูงไว้ก่อนเหมือนขึ้นต้นไม้หากไปไม่ถึงยอดเรายังค้างที่กิ่ง



    บางประโยคที่อาจทำให้เราหลงผิด
    " เกิดเป็นมนุษย์โชคดี เทวดามีแต่กายทิพย์นั้นจะทำความดีเพิ่มไม่ได้ "

    อันที่จริงเทวดาเขาทำบุญได้
    เทวดาตักบาตรทำบุญและรักษาศีล อ้างอิง
    เทวดาบูชาพระบรมสารีริกธาตุที่พระจุฬามณีและฟังธรรมที่สุธรรมาเทวสภาคยศาลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ดาวดึงส์ อ้างอิง

    ในสมัยพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพ
    การเทศน์แต่ละครั้งปรากฏว่าผู้ที่ได้บรรลุธรรมนั้นที่เป็นพรหมและเทวดามีมากกว่ามนุษย์ อ้างอิง

    พุทธกิจอันหนึ่งของพระพุทธเจ้าคือในเวลากลางคืนเมื่อสิ้นสุดกิจในปฐมยาม
    หลังจากภิกษุสงฆ์ถวายบังคมลาพระพุทธองค์แล้ว
    เหล่าเทวดาในหมื่นโลกธาตุ จะพากันมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อทูลถามปัญหาที่เตรียมมา
    เทวดาเขารักในการฟังธรรมมากทีเดียว
    พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงเมตตาตอบปัญหาแก่เทวดาจนบรรลุธรรมกันมากมายนับไม่ถ้วอ้างอิง อ้างอิง



    บางประโยคที่อาจทำให้เราหลงผิด
    " เหล่าเทวดาถือว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นโชคดีอย่างมาก"

    อันนี้จริงเฉพาะสำหรับเทวดาที่ประมาทไม่ต่อบุญและหมดบุญแล้วจำเป็นต้่องลงมาเกิดจริง ๆ
    ส่วนเทวดาที่ไม่ประมาทเขาก็ไม่ยินดีต่อการมาเป็นมนุษย์ เขาจะหมั่นทำบุญเสมอ

    แต่การหมดบุญของเทวดาแล้วลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ย่อมน่ายินดีกว่าเกิดเป็นสัตว์นรกหรือสัตว์เดรัจฉาน
    และเมื่อลงมาเกิดเพื่อน ๆ เทวดาก็จะอวยพรว่าขอให้ได้บรรลุมรรคผล คือโสดาปัตติผล หรือโสดาบัน
    เทวดาทั้งหลายหวังจะให้เทวดาผู้จะจุตินั้นสำเร็จเป็นพระโสดาบันแล้วกลับไปเสวยสุขอยู่ในเทวโลกอีก อ้างอิง


    นี่ล่ะเพื่อน ๆ ทั้งหลาย ในวัฏสงสารที่ยาวนาน
    เชื่อว่าพวกเราต่างก็ล้วนเคยเป็นเทวดา และคงประมาทจนหมดบุญ
    แล้วมาตั้งความหวังเอาว่าจะเป็นพระโสดาบันเอาเมื่อเป็นมนุษย์นี่ล่ะ
    หากยังผลัดผ่อนอีกก็ถือประมาทมาก และถือว่าขาดทุน

    หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านว่า
    " เมื่อเรานึกถึงความตายแล้ว เราก็คิดว่าถ้าเราตายแล้วคราวนี้เราจะไปไหน
    ถ้าเราคิดว่าเราจะเกิดเป็นคนใหม่มันก็เลวเต็มที ถ้าเป็นพ่อค้าก็ถือว่าขาดทุน
    ทั้งนี้เพราะอะไร เราลงทุน 100 บาท ค้าขายอยู่ 9 ปี 10 ปี ก็มีทุนอยู่แค่ 100 บาท
    ถ้าอย่างนั้นเราไม่ทำเลยดีกว่า เป็นอันว่าเราก็ตั้งใจว่าอย่างเลวที่สุด
    เราจะเป็นผู้เข้าถึงกระแสของพระนิพพาน คือ เป็นพระโสดาบันเป็นอันดับน้อยที่สุด เลวที่สุด
    อย่าลืมนะ เราต้องถือว่าการทำจิตให้เข้าถึงพระโสดาบันนี่เป็นความเลวที่สุด
    คือ ได้ดีน้อยที่สุดที่เราต้องการจะพึงถึง " อ้างอิง



    บุคคลตัวอย่าง

    สุปติฏฐิตาเทพบุตรผู้กำลังจะหมดบุญต้องจุติจากสวรรค์ลงสู่นรกภายใน 7 วัน
    แต่ได้กัลยานมิตรตักเตือนจนได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและมีจิตน้อมไปตามกระแสแห่งพระธรรมเทศนานั้น
    ได้กลับอัตตภาพใหม่ คือ มีกายอันผ่องใส เป็นเทวบุตรหนุ่มคืนมา
    แล้วจะมีอายุยืนตลอดไปถึงพระพุทธพระนามว่า ศรีอริยเมตไตรยลงมาตรัส
    จึงจะจุติจากเทวโลกลงมาสู่มนุษย์โลก เป็นพระอรหันตขีณาสวะองค์หนึ่ง


    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 6 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 6 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 6.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ



    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 4)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 5)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2011
  2. nudee8

    nudee8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +7
    อนุโมทนาสาธุนะคะ สำหรับบทความดีๆ :) ติดตามอ่านตลอดค่ะ
    ยังไม่ได้ส่งการบ้านเลย มัวแต่ยุ่งเรื่องน้ำท่วม
     
  3. หนูเมา

    หนูเมา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    น่าสนใจครับหลักสูตรนี้ เป็นกำลังใจให้ละกันครับ

    :)
     
  4. mungkonn

    mungkonn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนาสาธุการ

    ปรารถนาให้ทุกสรรพชีวิต
    ได้ถึงซึ่ง ~พระนิพพาน@ ณ กาลชาตินี้เทอญ******







    ......... . . . . . .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2011
  5. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  6. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 6 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกซาบซึ้งในบทความชั่วโมงนี้มากๆเลยครับ เคยเข้าใจผิดด้วยว่าการเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม จะทำความดีไม่ได้ ต้องเป็นมนุษย์เท่านั้นจึงจะทำดี สะสมบารมีได้ บทความวันนี้ทำให้ตาสว่างขึ้นเยอะเลยครับ
    2-3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ชอบตรง "มรรคผลเกิดได้ไม่ยาก มันอยู่ที่เราทำปะติดปะต่อ การมีสติระลึกไว้ ใคร่ครวญในธรรม มนุษโลกเป็นที่ๆเราไม่อยากเกิด เทวโลกหรือพรหมโลกเราจะไม่ไป เมือถึงเวลาทีบุญส่งผล เวลาสว่างแล้ว ติดแล้ว ก้อคือสว่างเลย ติดเลย"
     
  7. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    การบ้านของชั่วโมงที่ 6 :

    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ หายจากข้อสงสัยและความเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายประการค่ะ^^ เพราะไม่ได้ศึกษาอย่างครอบคลุมทำให้อ่านและคล้อยตามแต่สิ่งที่ได้รับการตัดทอนมาทำให้สรุปความไปผิด ประกอบกับการไม่ใช้กาลามสูตรในการเชื่อ เชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง มาวันนี้เข้าใจขึ้นและแก้ความเข้าใจผิดเรื่องเทวดาทำบุยไม่ได้ เรื่องการเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งขัดต่อการบรรลุเป็นอริยบุคคลแล้ว ขออนุโมทนากับผู้เขียนค่ะ
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 6.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ตอบ ฟังแล้วค่ะ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ 1.จงตั้งใจเตือนตนไว้เสมอนะ ว่าเมื่อใดที่เราขาดสติ เมื่อนั้นแหล่ะ เรากำลังเป็นเหยื่อของ อบายภูมิ
    ตราบใดที่เรายังมีสติระรึกนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าได้ นึกถึงคุณของพระธรรมได้ นึกถึงคุณของพระอริยสงฆ์ได้ นึกถึงความจริงได้ มีความตายเป็นต้น เราก็จะห่างจากอบายภูมิ
    และเมื่อใดที่เราดำเนินกระทำสิ่งนี้มากขึ้น สติมากขึ้น ละเอียดขึ้น ถี่ขึ้น เราก็จะเป็นผู้พ้นจากแดนที่เรียกว่าอบายภูมิ มีสัตว์นรก มีเปรต มีอสูรกาย มีสัตว์เดรัจฉาน แม้กระทั่งแดนมนุษย์
    เราก็ไปพักก่อนที่บนสวรรค์ สิ่งที่เรามีสติ ยับยั้งชั่งใจตอนเป็นมนุษย์
    มันก็จะส่งผลเมื่อตอนที่เราไปฟังธรรมเทศนาจากองค์สมเด็จพระศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโปรด จบเดือนเราก็เป็นอรหันต์ ก็ไปนิพพาน ถ้าเรามีกำลังใจมั่นคงเด็ดเดี่ยว ไม่รอ
    ไม่ต้องการจะหวังพึ่งกับการรอเพียงแค่บนสวรรค์หรือพรหมอีกต่อไป ตัดสินใจตรงนี้พลัน ชาตินี้ เอานิพพานชาตินี้ เราก็จะต้องรู้ตัวว่าเราต้องทำอะไร สติเราก็ต้องมากกว่าคนจะไปพักบนสวรรค์
    เราก็ต้องทำสติให้มันมากขึ้น ระลึกนึกถึงความจริงมากขึ้น เพราะการไปนิพพานต้องไปด้วย ปัญญา
    ถ้าเอาแต่บุญ เห็นบุญเป็นสิ่งที่ดี เราก็แค่ กามาวจรสวรรค์ เห็นฌาณเป็นสิ่งที่ดี ก็แค่ พรหมโลก ถ้าเรามีปัญญาดี เราเห็นความทุกข์อย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลงสงสัยในใจ
    ว่าแดนมนุษย์ก็ดี เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นแดนที่ทำให้เราทุกข์ได้เสมอ ทำทุกอย่าง เราไม่ต้องการกลับมาเกิด
    ไฟที่ทำให้เราเกิดเร่าร้อนในความโลภเราดับไปแล้ว ไฟที่จะเร่าร้อนเพราะโกรธขังใจมันก็ดับลงไปแล้ว เรียกว่าโกรธ พยาบาทกับใครมันก็ดับลงไปแล้ว ไฟแห่งความหลงใหลใฝ่ฝันมันว่ามนุษย์เป็นของดีมันก็ได้ดับลงจากใจไปแล้ว
    ถึงจะเป็นการดับชั่วขณะเวลาหนึ่ง ขณะจิตหนึ่ง มันก็ถือว่าเราได้กำลังสะสมปัญญา จำไว้นะ อย่าคิดว่าเล็กๆน้อยๆเนี่ยะ จะไม่มีผลหรือมีผลน้อย ไอ่เล้กๆน้อยๆเนี่ยะแหล่ะสำคัย แค่ชั่วขณะเวลาสั้นๆที่เราตัดสินใจเข้าใจความจริง
    มันมีความสำคัญกับชีวิตของเราอย่างมาก หรือเมื่อเราสามารถจะคิดอย่างนี้ได้บ่อยๆ เล้กๆน้อยๆเนี่ยะแหล่ะบ่อยๆ เหมือนคณาจารย์ทั้งหลายท่านได้อุปมาเหมือนกับน้ำหยดมาทีละหยดๆ ซึ่งมันจะเป็นหยดเล้กๆน้อยๆ แต่ก็สามารถทำให้ภาชนะเต็มตุ่มได้ฉันใด
    ทีนี้เราก็ทำเล็กๆน้อยๆนี่แหล่ะ มันจะมีผลใหญ่
    2.บุญเนี่ะยเราทำมา ถึงวาระของมัน ก็จะส่งผลให้ ตอนนั้นแหล่ะ มันจะเข้าใจอะไรง่าย บางทีเรายังไม่ทันอยากจะคิดอะไร มันกลับโพลงสว่างขึ้นมาในใจเรา เข้าใจในสิ่งที่เราคาใจได้ไม่ยาก มรรคผลเกิดได้ไม่ยากนะ ขอให้เธอทั้งหลายจำไว้ มันอยู่ที่เราทำสืบเนื่องปะติดปะต่อ
    อย่าให้มันขาดลงไป ถึงได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็อย่าให้มันขาด พร่องลงไป
     
  8. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379

    สาธุ สาธุ สาธุ ......
     
  9. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 6 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 6 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ อ่านแล้วทำให้นึกย้อนกลับไปเมื่อแรกเริ่มหันเหเข้าสู่เส้นทางสายนี้เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ครั้งยังไม่ได้เข้าสู่ใต้ร่มบวรพระพุทธศาสนา ประกาศเปรี้ยงกลางวงเพื่อนชาวพุทธว่า “ชั้นไม่อยากเกิดอีกแล้วแก ชั้นอยากไปพระนิพพาน...” เพื่อนที่รับฟังได้แต่ งงงัน บ้างอึ้ง บ้างหัวเราะ บ้างส่ายหัว ...แล้ว
    ความปราถนาก็นำทางให้ตัดสินใจก้าวสู่การเป็นพุทธบุตร ภายใต้พระธรรมคำสั่งสอนของพระตถาคตเจ้า คำประกาศก้องในวันนั้นยังคงอยู่ แต่ดูเหมือนกำลังใจค่อยๆ อ่อนลงเสียมาก ปฏิบัติมากขึ้น เรียนรู้มากขึ้น มีสติมากขึ้น แต่กลับยิ่งรู้สึกยากมากขึ้นไปอีก เราจะไปหาครูบาอาจาร์ยได้จากที่ไหน วันนี้ตอนนี้อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกเบากายเบาใจ เรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอาจาร์ยที่ยิ่งใหญ่ คำประกาศก้องในวันนั้นถูกต้องแล้ว มีกำลังใจเข็มแข็งขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เริ่มที่ตรงนี้...ที่จะเป็น...พระโสดาบัน ผู้เข้าสู่กระแสแห่งพระนิพพาน
    ขอบพระคุณบทความนี้ โมทนาสาธุในธรรมทานของคุณkaranด้วยค่ะ<O:p</O:p

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 6.mp3
    วิธีการฟัง : ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง ...ฟังแล้วค่ะ...

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ชอบหมดเลยค่ะ มากเป็นพิเศษที่ทำให้ต้องหัวร่อออกมาก๊ากใหญ่ตอนที่ท่านยกตัวอย่างการสร้างความเคยชินให้ลุกขึ้นมาปฏิบัติ เรื่องการปลุกนาฬิกา ตัวเองเป็นแบบนั้นเลย อยากจะลุกมาใส่บาตร นึกทุกวัน คิดทุกวัน ตื่นทุกวัน แล้วก็ล้มตัวลงนอนต่อทุกวัน แต่มันก็จะมีวันนึง วันที่บุญนำส่ง วันที่จิตโปร่ง แล้วเราก็จะตื่นขึ้นได้เอง มีกำลังใจเอง พิจารณาได้เอง กระเด้งดึ้งลุกไปใส่บาตรได้ด้วยใจเบิกบาน
     
  10. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    การบ้านชั่วโมงที่หก

    1. การได้ศึกษาบทเรียนในชั่วโมงนี้ทำให้เข้าใจว่าการเกิดนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดี (เคยคิดก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่หนักแน่น และมั่นคง ดังนั้นการศึกษาบทนี้ทำให้ความเข้าใจนี้หนักแน่นมากขึ้น) เพราะเมื่อวานนี้ตอนที่กำลังเดินทางกลับบ้าน (ก่อนที่จะได้ศึกษาบทเรียนนี้) จิตได้น้อมระลึกถึงบทสวดมนต์ทำวัตรเช้าข้อหนึ่ง ตอนที่สวดที่วัดว่า ขันธ์ 5 นี้เป็นของหนักเน้อ ... น้อมใจฟัง แล้วเพิ่งเข้าใจในความเป็นจริงตามบทสวด เพราะก่อนหน้านี้อ่านก็สักแต่ว่าอ่าน สวดมนต์ก็สักแต่ว่าสวดมนต์ เมื่อวานนี้เพิ่งระลึก และเข้าใจ ^^ (ขอบพระคุณนะคะ)

    และทำให้เข้าใจเพิ่มเติมว่า ในการปฏิบัติตนเพื่อเข้าถึงนิพพานนั้นไม่ได้อาศัยกำลังบุญ (เพราะก่อนหน้านี้เคยสงสัยว่า ต้องทำบุญเท่าไรถึงจะได้นิพพาน) แต่ต้องอาศัยกำลังใจ (ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า การคิดให้ได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เข้าใจว่าการภาวนา และการวิปัสสนาคืออะไร)

    2. จากคลิปเสียงที่ได้ฟัง ดิฉันมีความรู้สึกประทับใจในคำว่า"ยอมตายเสียดีกว่าจะเอาดีไม่ได้" คำนี้เป็นคำที่ทำให้ดิฉันน้อมระลึกถึงคำสอนของหลวงปู่ดู่ที่ว่า เป็นนักมวยแล้วต้องขึ้นชก อย่ามัวเงอะๆ งะๆ ทำให้คิดถึงปฏิปทาของหลวงปู่ที่ปฏิบัติธรรมโดยไม่ประมาทกับชีวิต ทำให้ดิฉันได้คิดว่า ตั้งใจแล้ว ต้องทำ และทำให้ต่อเนื่อง ถึงจะทำได้ดี เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าต้องการให้ประสบความสำเร็จ ก็จำเป็นต้องใช้ความเพียรพยายามทั้งนั้น ทำให้นึกถึงการใช้หลัก ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ในการปฏิบัติธรรม และการใช้ชีวิต

    อีกเรื่องที่ประทับใจคือ อย่าปล่อยให้สติพร่องไหลไปตามอกุศลกรรม เพราะถ้าเราลืมสติ เราจะเป็นเหยื่อของอบายภูมิ การฟังธรรมในครั้งนี้ทำให้เข้าใจว่าตัวเองต้องเตือนตััวเองไม่ให้สติพร่อง เพราะการมีชีวิตอยู่ในวันนี้คือการสะสมเสบียงเพื่อเดินทางไกล (ไปถึงนิพพาน) เราต้องไม่เอาอกุศลกรรมไปให้หนัก และพยายามไม่ทำให้อกุศลกรรมเกิดกับเราทั้งกาย วาจา ใจ

    ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้และขออนุโมทนาสาธุการในธรรมกับทุกๆท่านนะคะ
     
  11. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ การเกิดเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรกลับมาเกิดอีก ควรมุ่งหวังและคิดถึงพระนิพพานเพียงอย่างเดียว จึงจะทำให้เราพ้นทุกข์ได้ สมัยก่อนตอนเด็กๆข้าพเจ้าคิดแต่เพียงว่า เมื่อตายไปแล้วอยากจะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งข้าพเจ้าถูกสั่งสอนมาแบบนั้น ย่าของข้าพเจ้ามักจะชวนหลานๆมาสวดมนต์นั่งสมาธิและถามเสมอว่า เห็นยัง เห็นสวรรค์หรือยัง ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรเลยเห็นแต่ความมืดกลับแสงวูบๆวาบๆสีขาวบ้าง แดงบ้าง แต่ด้วยความเป็นเด็กจึงตอบว่าเห็น (ตอบตามพี่ๆน้องๆที่เขาบอกว่าเห็น กลัวน้อยหน้าตามประสาเด็ก) ซึ่งบัดนี้นี่เองที่ข้าพเจ้าได้เข้ามาเรียนหลักสูตรนี้ทำให้รู้อะไรและเข้าใจอะไรต่างๆได้ถูกต้องขึ้น ต้องขออนุโมทนาสาธุท่านเจ้าของกระทู้และเจ้าของเวปนี้ด้วยใจจริงค่ะ
    คำตอบที่สองจะมาตอบทีหลังนะคะเพราะยังฟังไม่จบแต่มีเรื่องอยากจะขอรบกวนถามท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะข้าพเจ้า วันนี้เอง ข้าพเจ้าตื่นนอนมาแล้วเข้าห้องน้ำทำภารกิจตามปกติ แต่ชักโครกไม่ค่อยดีเป็นปกติอยู่แล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าคนเข้าชำระไม่สะอาดจึงเอาน้ำราดลงไป 1 ครั้ง ปรากฎว่ามีหนูอยู่ในนั้นกำลังดำผุดดำว่ายเพราะกำลังจะจม (แต่ชักโครกยังไม่เกลี้ยงอยู่ดี)ข้าพเจ้าตกใจ จึงเดินออกมาบอกคนที่ใช้ห้องน้ำคนนั้นว่ามีหนูตกลงไปในนั้น แต่เขาบอกว่าปล่อยไว้แบบนั้นละ ข้าพเจ้าก็จะหาไม้มาช่วยมันแต่กลับถูกคนๆนั้นต่อว่าๆ มันจะเลอะเทอะและตัวเขาเองก็กลัวหนู และบอกอีกว่า หนูเป็นพาหะนำโรคมีแต่คนเห็นแล้วต้องกำจัดไม่มีใครเขาช่วยมันหรอก แต่ข้าพเจ้าก็บอกว่าเดี๋ยวมันต้องจมน้ำตายนะ ช่วยมันเถอะ คนๆนั้นก็บอกว่าไม่ต้องช่วยปล่อยมันไว้แบบนั้น ข้าพเจ้าจึงต้องออกจากห้องน้ำมาด้วยความไม่สบายใจเลยและรู้สึกเสียใจที่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เพียงสวดแผ่เมตตาให้เท่านั้นเอง (สวดไป3รอบ) สักพักหนึ่งเขาก็ไปกดชักโครก ข้าพเจ้าจึงรีบเข้าไปดูปรากฎว่าหนูตัวนั้นหายไปแล้ว ข้าพเจ้าหวังเพียงแค่ว่าขอให้มันรอด (ซึ่งความเป็นไปได้น้อยมากหรือมันอาจจะจมน้ำตายไปก่อนหน้าที่เขาจะกดน้ำแล้วก็เป็นได้) ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าข้าพเจ้าจะมีส่วนร่วมในการตายของเจ้าหนูตัวนี้ด้วยหรือไม่ และศีล 5 ของข้าพเจ้าอาจไม่บริสุทธิ์แล้วก็ได้ กรุณาบอกข้าพเจ้าทีเถอะค่ะว่าควรทำอย่างไรดี :'(
     
  12. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ"
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า "เจตนาคือกรรม"


    ศีลบริสุทธิ์หรือไม่ ให้ดูที่เจตนา
    เช่น เรามีเจตนาจะฆ่าหรือไม่ เรามีจิตใจประทุษร้ายหรือไม่

    แม้เราไม่ได้ฆ่าเอง แต่มีจิตใจพลอยยินดีที่คนอื่นฆ่า
    เจตนาเพียงเท่านี้ศีลก็ไม่บริสุทธิ์แล้วครับ

    หลักในการปฏิบัติของศีลคือ
    1. เราจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง
    2. เราจะไม่ยุยงให้คนอื่นละเมิดศีล
    3. และเมื่อเห็นคนอื่นละเมิดศีลแล้วเราจะไม่พลอยยินดี



    ขอตอบตรงนี้ว่าศีลของท่านยังบริสุทธิ์ครับ
    รายละเอียดเรื่องนี้มีอยู่ในบทที่ 10 นะครับ
    ขอให้ศึกษาต่อไป เกี่ยวกับเรื่องของศีลและการยอมรับกฏของธรรมดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2011
  13. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    ขอบพระคุณคุณ karan20 มากคะที่กรุณาให้คำแนะนำ แล้วข้าพเจ้าจะนำไปปฎิบัติตามนะคะ
     
  14. เดชเดชะ

    เดชเดชะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +14
    1. บทเรียนวันนี้ สอนว่า ไม่ประมาทหลงยึดว่าการเกิดเป็นมนุษย์นี้ดี เทวดา พรหมดี ให้มุ่งสู่การหลุดพ้นคือพระนิพพานเป็นที่สุด นิพพานัง ปรมัง สุขัง และผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง คิดสูงเอาไว้ เมื่อไปไม่ถึง ก็ยังค้างอยู่บนกิ่งยังมีความหวัง กล่าวคือไม่ประมาท เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง ในทุกดวงจิตที่ยังเวียนว่ายในวัฎสงสาร
    3. เมื่อฟังเทปแล้ว ประทับใจประโยคที่ว่า
    มนุษย์เป็นเศษเสี้ยวของเพลิงนรก มีแต่ทุกข์ จะมีสุขบ้างก็เปรียบได้เท่ากับแสงฟ้าผ่า ต้องมีสติอยู่ทุกเมื่อ เพื่อไม่หลงให้สารถีพาไปยังการเพิ่มทุกข์สร้างบาป ให้มีสติ หมั่นพิจารณาให้รู้ทุกข์อยู่ทุกขณะจิต และมุ่งสู่การหลุดพ้นเป็นที่สุด คือพระนิพพานเทอญ มีสติมุ่งมั่น อธิษฐานจิต ขอให้เรามีสติอยู่ทุกขณะจิต มีปัญญาญาณ ประหัตประหารกิเลส มีความเพียร จิตใจแน่วแน่ในการปฏิบัติ สมกับที่เราได้มีโอกาสรู้ธรรม เป็นลูกศิษย์ของพระบรมครู พระศาสดา ได้รู้จักธรรมของพระองค์ และได้รับเมตตาจากครูบาอาจารย์ พระอริยสงฆ์ และครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน
     
  15. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    การบ้านของชั่วโมงที่ 6 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    =หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านว่า
    " เมื่อเรานึกถึงความตายแล้ว เราก็คิดว่าถ้าเราตายแล้วคราวนี้เราจะไปไหน
    ถ้าเราคิดว่าเราจะเกิดเป็นคนใหม่มันก็เลวเต็มที ถ้าเป็นพ่อค้าก็ถือว่าขาดทุน
    ทั้งนี้เพราะอะไร เราลงทุน 100 บาท ค้าขายอยู่ 9 ปี 10 ปี ก็มีทุนอยู่แค่ 100 บาท
    ถ้าอย่างนั้นเราไม่ทำเลยดีกว่า เป็นอันว่าเราก็ตั้งใจว่าอย่างเลวที่สุด
    เราจะเป็นผู้เข้าถึงกระแสของพระนิพพาน คือ เป็นพระโสดาบันเป็นอันดับน้อยที่สุด เลวที่สุด
    อย่าลืมนะ เราต้องถือว่าการทำจิตให้เข้าถึงพระโสดาบันนี่เป็นความเลวที่สุด
    คือ ได้ดีน้อยที่สุดที่เราต้องการจะพึงถึง "

    ผมเคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าอย่างน้อยๆ ชาตินี้ต้องบรรลุโสดาบันให้ได้
    ได้อ่านตรงนี้แล้วยิ่งมีกำลังใจยิ่งๆขึ้นไปอีกครับ

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 6.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    =ครับผม

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    =ถ้าเราจะรักษาศีลก็ต้องรักษาศีลเ่ท่าชีวิต "ยอมตายดีกว่าศีลขาด","ไม่ดีก็ให้มันตายไป"
    และก็ชอบที่ท่านสอนให้สร้างความเคยชิน ลุกขึ้นมาปฏิบัติ แม้จะได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ก็ถือว่าก้าวหน้าขึ้นมาอีก แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆแต่ก็มีผลเสมอ ครับ
     
  16. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    -เพิ่งรู้ว่าเข้าใจผิดเรื่อง" เกิดเป็นมนุษย์โชคดี เทวดามีแต่กายทิพย์นั้นจะทำความดีเพิ่มไม่ได้ " วันนี้ได้เข้าใจแล้วค่ะ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    -แค่ชั่วขณะที่เราเข้าใจความจริงในขณะเวลาเล็กๆน้อยๆมันมีความสำคัญกับชีวิตของเราอย่างมาก เล็กน้อยแต่บ่อยๆ เหมือนน้ำหยดเล็กๆหยดมาทีละหยดแต่สามารถทำให้น้ำเต็มตุ่มได้
     
  17. 99kansita

    99kansita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +310
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 6 : ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 6 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ คิดเช่นกันว่าผู้หวังบรรลุพระโสดาบันต้องหมั่นคิดถึงความจริงคือทุกข์จากร่างกายและการละสังโยชน์ อย่าลืมว่าสังโยชน์ข้อแรกที่ต้องละของพระโสดาบันตลอดจนพระอริยเจ้าทุกระดับคือ ละสักกายทิฏฐิ คือเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของไม่ดี (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่ต้องเกิดและดับ หมั่นนึกถึงที่ หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านว่า
    " เมื่อเรานึกถึงความตายแล้ว เราก็คิดว่าถ้าเราตายแล้วคราวนี้เราจะไปไหน ถ้าเราคิดว่าเราจะเกิดเป็นคนใหม่มันก็เลวเต็มที ถ้าเป็นพ่อค้าก็ถือว่าขาดทุน"

    การไปพระนิพพานนั้นไม่ได้ใช้กำลังบุญ แต่ใช้ความคิดและกำลังใจในการละสังโยชน์
    ส่วนการทำบุญ เช่นการบริจาคทานนั้น เพื่อช่วยประคับประคองไม่ให้อยู่ในฐานะที่ยากลำบากเกินไป
    เพราะตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ชาตินี้ให้มีศีล 5 บริสุทธิ์ มีเมตตากรุณาในจิตในเสมอ ทำได้แล้ว ต่อไปไม่น่าจะยากค่ะ..


    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 6.mp3
    ตอบ ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตาม พร้อมจดบันทึกประโยคที่สะกิดใจไว้ด้วยค่ะ

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ประทับใจที่ท่านเทศน์กระตุ้นให้ตื่นตัวว่าแดนมนุษย์เป็นแดนเศษเสี้ยวของบุญ (สุขบ้าง) และบาป(ทุกข์บ้าง) ดูจากความจริงให้เห็นคือ ในแดนมนุษย์ คนกับเดรัจฉานอยู่ร่วมกัน(สัตว์เดรัจฉาน เช่น หมา แมว) หรือ เปรตในร่างคน สัตว์นรกในร่างคน มีมากกว่าพรหมหรือเทวดาในร่างมนุษย์ จึงให้มีสติเตือนตนเสมอ อย่าประมาทในการสร้างความดี รักษาศีล5อย่างจริงจังเพื่อทำให้ใจของเราสงบเป็นสมาธิ พยายามใช้สตินึกเตือนตนไว้ แม้การเห็นสติช่วงขณะหนึ่งที่เข้าใจในธรรมชาติของชีวิต เล็กๆน้อยๆแต่บ่อยๆเป็นการสะสมปัญญาให้เกิด ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจ ทำสืบเนื่องประติดประต่อ อย่าให้ขาด ทำให้เกิดความเคยชิน จะสำเร็จในที่สุด เมื่อบุญส่งผล จะเกิดความสว่างในจิต สาธุ..
     
  18. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 6.mp3
    ตอบ ฟังหลายรอบแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ตอบซักที พอจะตอบก็ลืมเลยต้องมาฟังใหม่
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ต้องมีสติสัมปัชชัญญะ รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไม่ตกเป็นทาสของขันธ์ห้า และตั้งใจมุ่งสู่นิพพาน แม้จะมีสติแค่ชั่วคราวก็หมั่นเจริญสติอยู่เสมอ สั่งสมไปเรื่อยๆให้เป็นนิสัย มีสติจะเกิดปัญญาตามมา
     
  19. Mahabodh

    Mahabodh สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +17
    ส่งการบ้าน

    ส่งการบ้าน
    ข้อ1 ความเห็นทำให้ทราบเรื่องเกี่ยวกับเทวดา และ มนุษย์และทำให้รู้ว่าเราไม่ควรประมาทและหลงไหลในความเป็นมนุษย์ว่าการเป็น มนุษย์นี้ดี ควรมุ่งปรารถนา พระนิพพานอันเป็นบรมสุข
    ข้อ 2 มนุษย์เป็นเศษเสี้ยวของเพลิงนรก มีแต่ทุกข์ จะมีสุขบ้างก็เปรียบได้เท่ากับแสงฟ้าผ่า ต้องมีสติอยู่ทุกเมื่อ เพื่อไม่หลงให้สารถีพาไปยังการเพิ่มทุกข์สร้างบาป ให้มีสติ หมั่นพิจารณาให้รู้ทุกข์อยู่ทุกขณะจิต และมุ่งสู่การหลุดพ้นเป็นที่สุด คือพระนิพพานเทอญ มีสติมุ่งมั่น อธิษฐานจิต ขอให้เรามีสติอยู่ทุกขณะจิต มีปัญญาญาณ ประหัตประหารกิเลส มีความเพียร จิตใจแน่วแน่ในการปฏิบัติ สมกับที่เราได้มีโอกาสรู้ธรรม เป็นลูกศิษย์ของพระบรมครู พระศาสดา ได้รู้จักธรรมของพระองค์ และได้รับเมตตาจากครูบาอาจารย์ พระอริยสงฆ์ และครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. My Buddha

    My Buddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ส่งการบ้านค่ะ

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin-top:0cm; mso-para-margin-right:0cm; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-theme-font:minor-fareast; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้[/FONT]
    [FONT=&quot]สาธุ ขอให้ข้าพเจ้าตายไปแล้วอย่าได้ผุดได้เกิดอีกเลย สาธุ[/FONT]
    [FONT=&quot]3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ[/FONT]
    [FONT=&quot]3.1 จงรักษาศีลเท่าชีวิต[/FONT]
    [FONT=&quot]3.2 เมื่อใดขาดสติ เมื่อนั้นเป็นเหยื่อของอบายภูมิ[/FONT]
    [FONT=&quot]3.3 ปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจัง และต่อเนื่อง เหมือนน้ำหยดทีละหยดจนเต็มตุ่ม[/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...