วิธีการอ่านและวิเคราะห์จิตใจคน

แล้วจะไปไหนหละ ชอบอมพะนำ ไม่ค่อยบอกความจริง ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุ จะทุกข์ทำไมหนอ อาจารย์

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 16 คน ( เป็นสมาชิก 9 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>บุคคลทั่วไป 3 คน, โอซารัน, fongfu, jinny95, Khundeaw, Pelagia, ไร้กรรม, ธรรมทิพย์, ผีเสื้อราตรี </TD></TR></TBODY></TABLE>

เนียะ คนเข้ามาอ่านเยอะ แต่เผอญมันเสียที่เรา กับ คนไร้กรรม

ก็เลยปล่อยคาไว้ได้ แต่ถ้าคนเถียงเราเป็นผีเสื้อ เราจะลบทิ้งเพื่อ
รักษาไว้ส่วนหนึ่ง

 

ไม่ได้ไปไหน แต่เราจะพูดธรรมะไม่ได้อีก พูดแล้วจะมีคนลุกขึ้นมา
ทำตามอย่าง มาค้านมากขึ้น เรานั้นจะเข้มแข็งแบบ อ.ขันธ์ นั้นคง
ไม่เท่า

เพราะท่าน อ.ขันธ์ นั้นมีเมตตา และ กรุณา มากกว่าที่เรามี

นี่ได้เสวนากับท่าน เราก็จะค่อยๆซับมา แต่ตอนนี้ไม่ไหว

คนจ้องจะชี้ผิดเราเยอะ

 

ใครมีอะไรจะว่าเราอีกไหม ไม่เช่นนั้น ก็จะปิดกระทู้

ทำได้ปล่าวหว่า ไม่เคยลอง

 

ท่านเคยสอนเราว่าถ้าสิ่งที่ท่านพูดเป็นจริงจงให้ผู้อื่นพิสุจเถิด ตั้งแต่วันแรกที่เราโพสท์เลย

 

แล้วเราก็ทำตามโดนอาจารย์หลายท่านเลย

 

เป็นไปตามกรรม :d

 

โดยทางเว็ปพลังจิต จะได้รายได้ ด้วยการที่ คนคลิกชม ใน Banner โฆษณา
ท่าน กด 1 click เราได้ 50 สตางค์ โดยประมาณ
กด 2 clicks ได้ 1 บาท โดยประมาณ

ถ้าท่านเห็นว่า โฆษณาที่มาใหม่ในกล่องสีเขียวๆ แสดงตรง ตรงหน้าแรกของเว็ปและหน้าแรกของเว็ปบอร์ด
เหมือนท่าน ดังตัวอย่างที่ผมส่งมาให้ ด้านล่าง และขวามือ
ถ้าท่านคิดว่า โฆษณาอันไหน น่าสนใจจริงๆ ก็กดเข้าไปดู
อันไหนไม่น่าสนใจ ก็ไม่ต้องกด
กรุณาอย่ากด เพื่อปั่นแต้ม หรือกดเพื่อให้ทางเว็ปเพื่อได้เงินเยอะๆ เขาสามารถตรวจสอบจาก IP ได้
เพราะว่าจะเป็นการโกง และจะทำให้เว็ปพลังจิตถูกระงับบัญชี
ถ้าท่านคิดว่าโฆษณานั้นน่าสนใจ

ท่านสามารถกดเข้าไปดูโฆษณาได้วันละหน ต่อ1เว็ปที่ท่านเห็น และสามารถกดเข้าไปดูได้ทุกวัน
ถ้าเกิดในโฆษณามี 5 เว็ป ใน1วัน ท่านก็กดเข้าไปดูได้ 5 ครั้งกรณีถ้าท่านสนใจทั้ง 5 โฆษณา.

สถิติของ วันที่ 20 กรกฎาคม 49 มีคนกดเข้าไปดูโฆษณาทั้งหมดไป 30 ครั้ง ทำให้เว็ปพลังจิตมีรายได้ 15 บาท


http://blog.palungjit.org/websnow/

 

มาเจิมหน่อยครับ ก่อนที่คุณบุคคลจะปิดกระทู้

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 10 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>บุคคลทั่วไป 3 คน, สันโดษ, jinny95, k.kwan, Khundeaw, Pelagia, ไร้กรรม, คีตเสวี, ธรรมทิพย์, ผ่อนคลาย </TD></TR></TBODY></TABLE>

แช๊ะ

คุณเจนนี่ : ครับเป็นไปตามกกรรม

คุณผีเสื้อ : แล้วแจ่มหรือเปล่า คลื่นลุกหลังมันแรกกว่าลูกแรกเสมอ ยังมี
อีกลูกนะ แต่ยังเลี้ยงลูกอยู่ ยังติ๋มๆมีเพียงชื่อ

 

อิจฉาคุณคีตะเสวี ไปหาหลวงพ่อได้

 

สองวันนี้ไม่ได้ไปครับ เพราะจะไปแค้มปิ้งที่ฟาร์มโชคชัย จะเที่ยวเผื่อนะ

 

ผมชอบ ตอนที่พูดว่า น้องสันโดษ พี่เอกวีร์ ตลกดี

ผมเห็น ท่านเอกวีร์ ไม่มีสิ่งใดน่าตำหนิ เพราะ ไม่มีส่วนไหนที่เกิดจากอกุศลเลย

จะไม่พอใจ ก็เรื่องปกติ ไม่ได้มีเจตนา ยุแยง แอบแฝง ไม่มีเจตนายียวนแอบแฝง


ส่วนเรื่อง ชายผู้นั้น ผมจะลงพรหมทัณฑ์ต่อไป ไม่เอ่ยชื่อด้วย เพราะคนประมาทเปรียบดังคนตายไปแล้ว

เรื่อง six hat นี้ แท้จริงแล้ว เป็น กุศโลบาย ยกอัตตาออกไป เพราะว่า คนที่เขาเข้าประชุมและถกเถียงกัน ส่วนมากจะไม่ได้มี วิจารณญาณ ที่แยกออกเป็นเรื่อง แต่จะพยายามหาเหตุผล ด้วยอำนาจกิเลสมาสนับสนุนตน เนื่องจาก ปกป้องอัตตาตน

ทีนี้ พอนักคิด รู้สึกจะชื่อ โทนี่ บูซาน หรือไง ผมก็จำไม่ค่อยจะได้ ได้แยกประเด็นออกเป็นส่วน คือ มีอยู่ 6 ส่วน คือ การสร้างสรรค์ การวิจารณ์ การมองในแง่ลบ อะไรประมาณนี้ แล้วให้เปรียบเสมือนว่า ทุกคน กำลังใส่หมวกแล้วใช้ปัญญา วิพากษ์ ในสถานะการณ์ตามหมวกนั้นให้เต็มที่

ผลก็คือว่า มันไม่ใช่ความคิดผม แต่มันเป็นการใส่หมวก

ฝรั่งเขาคิดเป็น แบบแผนนะ แต่สำหรับ ชาวพุทธอย่างผม ผมแยกมันโดยไม่ต้องใส่หมวกมานานแล้ว

 

นั่งสมาธิยังงัยค่ะ
(แอบรู้ว่าถามผิดกระทู้)
ละยังงัยค่ะ
อะไรคือปกติค่ะ
รู้ได้ยังงัยว่าเมื่อไหรปกติค่ะ
นั่งสมาธิแล้วมัน รู้สึกบื้อๆตันๆตึงปวดหัวบางที ไปหาๆมาเค้าบอกว่าตั้งใจมากไป ไม่รู้ว่าจะตั้งใจน้อยลงยังงัยอ่ะค่ะ เครียดค่ะ หายใจไม่เป็นค่ะ

 

หือ อ้าวกระทู้กลับมาโพสได้แล้วเหรอ ก่อนหน้านี้เห็นปิดกระทู้ไปแล้ว

เรื่อง six hat นั้น ตอนนี้ก็รู้แค่ว่าแบ่งเป็น 6 หมวก แต่ละหมวกก็หมายถึงแนวความคิดคนละแบบ ก็คือ การสร้างสรรค์ การวิจารณ์ การมองในแง่ลบ อย่างที่คุณขันธ์โพสมา

ผมว่าตอนที่ประชุมกันแล้วทุกคนก็กำลังคิดไปในแนวเดียวกันหมดนี่ มันก็จะทำให้การประชุมไม่ยืดเยื้อนะ เพราะปกติแล้วแต่ละคนจะมีแนวคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เวลาประชุมคนนึงคิดอย่างเช่นคิดสร้างสรรค์ อีกคนก็จะคิดอย่างเช่นมองในแง่ลบ ก็จะพูดโต้ไปมา โดยที่ก็ไม่รู้ว่าแต่ละฝ่ายมีมุมมองในการคิดแบบไหน

แต่เมื่อเรากำหนดให้ทุกคนคิดแบบเดียวกันหมด วนไปเรื่อยๆ ตามหมวกแต่ละใบ ทำให้เข้าใจว่าตอนนี้แต่ละคนก็มองในมุมมอง/แนวความคิดเดียวกัน บางคนคิดในแง่ลบเป็นพื้น เมื่อมาลองคิดในแง่บวกบ้าง ก็อาจจะได้มุมมอง/แนวความคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมองมาก่อน และการมองในมุมเดียวกันหลายๆ คนก็จะได้มองได้ลึกขึ้นเหมือนช่วยกันคิด

อันนี้ก็คิดเอาเองว่ามันคงจะเป็นแบบนี้

ส่วนคุณ chun11 เวลาผมนั่งสมาธิก็จับลมหายไปเรื่อยที่ปลายจมูก คิดตามไปว่า เข้า ออก ตามลมหายใจ จับความรู้สึกว่ากำลังหายใจเข้า กำลังหายใจออก ปล่อยใจให้สบาย ไม่คาดหวังว่าจะเกิดอะไรต่อไป ก็ประมาณนี้อะครับ

 

ไม่มีใครที่จะอ่านจิตใจคนอื่นได้ นอกจากเทพ

หึหึ

 

ถ้าเข้ามาอีกนะครับ

เริ่มจากการหายใจก่อน คุณลองระลึกดูว่า การหายใจแบบไหน ที่ทำให้
ไม่อึดอัดเลย คุณระลึกได้จุดไหน ก็ให้หายใจแบบนั้นแหละครับ

สมาธิ ดูอย่างไร ก็กลับไปวรรคหนึ่ง ว่าคุณ ยังระลึกได้ในลักษณะการหาย
ใจที่เป็นปรกติได้อยู่ไหม หรือว่าไปประคองให้มันปรกติ จนแน่นหน้าอกขึ้น
มาอีกแต่ดูไม่ทัน ก็ให้ระลึกไปอีกว่ายังจะภาวะหายใจเป็นปรกติได้อยู่ไหม

ถ้าไม่ได้ แปลว่า ติดเพ่ง หรือ ประคอง ก็ให้ผ่อนลมหายใจไปครับ เลิกตั้ง
ใจปฏิบัติไปชั่วครู่ แล้วทำอะไรที่มีความสุขขั้นรายการ แล้วค่อยระลึกดูใหม่

ทีนี้คุณก็จะระลึกการหายใจที่เป็นปรกติได้มากขึ้น ไม่เผลอหายใจให้ผิดปรกติ
ไม่เผลอไปกำหนดวิธีหายใจจนผิดภาวะปรกติ ก็จะมีสมาธิมากขึ้น

ภาวะปัญญาก็ขั้นแรก จะเห็นถึง ความชอบใจ ความอยาก ความไม่ชอบใจ
ที่เกิดขึ้นระหว่างการระลึกลมหายใจ เช่น อึดอัดแล้ว เกิดไม่ชอบ เผลอไป
นาน ระลึกไม่ได้ ก็เกิดอยากปฏิบัติให้ได้ ก็จะดึงเข้าสู่การดัดแปลง หรือระลึก
ได้ก็เผลอประคองไว้

พอได้แบบนี้ คุณ ก็จะเข้าใจ วิธีการระลึก หรือ สติ ที่เป็นสัมมาสติ ซึ่งจะก่อ
ให้เกิดสัมมาสมาธิ สัมมาปัญญาไปตามลำดับ แล้วแต่จังหวะที่พอเหมาะพอ
สม โดยปราศจากการควบคุม เห็นว่าควบคุมได้ เข้ากับ อนัตตาธรรม เข้ากับ
ไตรลักษณ์ เข้ากับ พุทธะ ในที่สุด

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะค่ะ คุณบุคคลทั่วไป 3 คน

 

ขอบคุณค่ะคุณ Pelagia และท่านอื่นๆด้วยนะค่ะ

 

อืม มันก็จริงครับ บางครั้งเราอาจจะไปกล่าวร้ายคนิ่นเขาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราสามารถพัฒนาจิตเราให้สงบ ไร้อคติได้ เราจะทราบได้เองว่า ใครเป็นอย่างไร และจะไม่เกิดโทษด้วยครับ คนเราบางครั้งอาจมีนิสัยไม่ดีจริงๆ แต่สิ่งที่คนอื่นๆอาจไม่รู้ก็คือ เขาอาจจะกำลังพยายามกำจัดความไม่ดีของตนเองอยู่ก็ได้ ใครจะรู้