หลวงพ่อช่วยสอนวิธีการดูจิต โดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นายเบียร์, 4 ธันวาคม 2015.

  1. นายเบียร์

    นายเบียร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +51
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    สวนสันติธรรม วันที่ ๓ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
    คำถาม รบกวนหลวงพ่อช่วยสอนวิธีการดูจิตด้วยค่ะ

    นี่กฎของการดูจิตนะ ข้อที่ ๑ อย่าอยากดูนะ
    ให้ความรู้สึกเกิดขึ้นก่อนแล้วก็ค่อยรู้ เช่นโกรธขึ้นก่อนแล้วรู้ว่าโกรธ โลภขึ้นก่อนแล้วรู้ว่าโลภ

    กฎข้อที่สองระหว่างดูให้ดูห่าง ๆ อย่ากระโจนลงไปดู
    ไม่เหมือนดูโทรทัศน์นะ ใจไหลเข้าไปอยู่ในโทรทัศน์ นั่นใช้ไม่ได้ ดูห่าง ๆ

    กฎข้อที่สามของการดูจิตก็คือ เมื่อดูแล้วนะไม่เข้าไปแทรกแซง
    ไม่ว่าเราจะเห็นสภาวะอะไรเกิดขึ้นเราจะไม่เข้าไปแทรกแซง เช่นเราเห็นความโกรธเกิดขึ้น เราไม่ต้องพยายามทำให้หายโกรธ หน้าที่ของเราคือก็แค่รู้ไปว่าจิตมันโกรธนะ ทำตัวเป็นแค่คนดูไม่เข้าไปแทรกแซง จิตโลภขึ้นมาก็แค่รู้ว่าจิตมันโลภนะ ไม่ต้องไปหาทางทำให้หายโลภ มันมีความทุกข์ขึ้นมาเราก็รู้ว่าจิตมันมีความทุกข์ ไม่ต้องพยายามทำให้จิตหายทุกข์นะ มันมีความสุขขึ้นมาก็ไม่ต้องพยายามรักษาความสุขเอาไว้ มันมีจิตที่เป็นกุศลขึ้นมาก็ไม่ต้องพยายามรักษาไว้ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นนะ เราแค่รู้ลูกเดียว ไม่รักษาไว้ แล้วก็ไม่ปฏิเสธ ไม่ต่อต้านมัน รู้ด้วยความเป็นกลาง รู้ด้วยความเป็นกลาง

    เพราะฉะนั้นกฎข้อที่สามก็คือ ให้รู้สภาวะทุกสิ่งทุกอย่างด้วยจิตใจที่เป็นกลาง
    จิตใจที่เป็นกลางเนี่ยเกิดจากการรู้ทัน ว่าจิตมันไปหลงยินดี จิตมันไปหลงยินร้าย อย่าให้มันเป็นกลางเพราะไปบังคับไว้ ไม่ใช่บังคับว่าชั้นจะต้องเป็นกลาง ถ้าบังคับเมื่อไหร่ เครียด หลวงพ่อถึงบอกว่าวิปัสสนาไม่มีคำว่าบังคับ ไม่มีคำว่าห้าม ไม่มีคำว่าต้อง มีแต่ว่ามันเป็นยังไง รู้ว่าเป็นอย่างนั้น ใจเราเห็น สมมติเราเห็นสาวสวยขึ้นมา ใจเรามีราคะ ไม่ต้องหาทางทำให้ราคะดับไป โดยเฉพาะไม่ต้องหาทางทำให้สาวดับไปด้วย ไม่ต้องหาทางให้ราคะดับไป รู้ลูกเดียวว่าใจมีราคะ ถ้าใจไม่ชอบราคะ เห็นมั้ยไม่เป็นกลาง ใจเกลียดราคะ อยากให้ราคะหายไป รู้ทันว่าใจเราเกลียดราคะ ใจเราไม่เป็นกลาง ถ้ามีความสุขเกิดขึ้น ใจเราชอบให้รู้ทันว่าใจเราชอบ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราไปรู้สภาวะรู้อารมณ์ทั้งหลายแล้วเนี่ย ใจเรายินดีขึ้นมา คือเราชอบขึ้นมาก็ให้รู้ ใจเรายินร้าย คือเกิดความเกลียดชังสภาวะนั้นขึ้นมาก็ให้รู้ ถ้ารู้ทันนะ ต่อไปใจจะค่อย ๆ เป็นกลาง เราจะรู้สภาวะทั้งหลายอย่างเป็นกลาง นี่คือกฎข้อที่สาม

    กฎข้อที่สี่ ทำบ่อย ๆ ถ้าทำบ่อย ๆ แล้ว กฎข้อที่ห้า วันนึงเราจะบรรลุมรรคผลนิพพาน
    เพราะเราทำเหตุที่พอสมควรแล้ว เวลาที่เราบรรลุมรรคผลนิพพานนะ จิตใจเราจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปนะ ถึงจุดหนึ่งมันเปลี่ยนปั๊ปเลย ตอนที่เกิดมรรคผล ความทุกข์ที่มีอยู่เนี่ยตกหายไปเยอะเลย เป็นลำดับ ๆ ไป แต่ละขั้นแต่ละภูมิ เพราะฉะนั้นเวลาเราหัดรู้สภาวะ สรุปแล้วสรุป

    การเรียนธรรมะเนี่ย เราเรียนแล้วเพื่อวันหนึ่งเราจะไม่มีทุกข์ทางใจเกิดขึ้น

    วิธีปฏิบัติที่จะทำให้เราพ้นจากทุกข์ทางใจนั้น คือหัดรู้ใจของเรา
    ความทุกข์มันแอบมาอยู่ในใจของเรา เรารู้ทันนะ ต่อไปความทุกข์มันจะไปเอง เราไม่ต้องไปไล่มันหรอก ถ้าเราหัดรู้ใจของเรา ใจของเรามีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้น รู้ไปเรื่อย ๆ นะ

    มีกฎสามข้อของการรู้ คือ
    ก่อนที่จะรู้เนี่ยอย่าไปเที่ยวแสวงหา อย่าไปดักดูไว้ก่อน ให้ความรู้สึกเกิดขึ้นแล้วค่อยรู้เอา

    กฎข้อที่สองระหว่างที่รู้เนี่ยนะ อย่ากระโจนลงไปจ้องมัน ดูห่าง ๆ ดูแบบคนวงนอกนะ ไม่ถลำลงไปจ้องมัน ถ้าไปจ้องเมื่อไหร่กลายเป็นสมถะเมื่อนั้น

    กฎข้อที่สามคือรู้ด้วยความเป็นกลาง ถ้าหากเรารู้สภาวะแล้วเกิดความยินดีขึ้นมาเราก็รู้ทัน เกิดความยินร้ายขึ้นมาเราก็รู้ทัน รู้ทันความยินดียินร้ายในใจของเราบ่อย ๆ ต่อไปใจเราจะเป็นกลาง เป็นกลางของมันเอง ถ้าเมื่อไรเรารู้สภาวะทั้งหลายด้วยจิตใจที่เป็นกลางไปเรื่อย ๆ เราจะเห็นสภาวะทั้งหลายตรงตามความเป็นจริง มันเป็นยังไงเรารู้ว่าเป็นอย่างนั้นโดยที่เราไม่เข้าไปแทรกแซง

    พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า เพราะรู้ตามความเป็นจริงนะ เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายความยึดถือ เพราะคลายความยึดถือจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว หลุดพ้นจากอะไร หลุดพ้นจากความยึดถือในกายในใจนี้ ก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ไปด้วย เพราะความทุกข์นี้อาศัยอยู่ในกายในใจ

    พวกเรารู้สึกมั้ย ความทุกข์ถ้าไม่อยู่ที่กายก็อยู่ที่ใจ ถ้าจิตของเราหลุดพ้นจากกายจากใจแล้วนะ ความทุกข์จะเข้ามาไม่ถึงจิตใจของเราอีกต่อไปแล้ว มีแต่จะร่วงหายไปเลย หลังจากนั้นเราจะมีชีวิตที่ รู้ ตื่น เบิกบาน ตลอดเวลา โดยที่ไม่ต้องประคอง ไม่ต้องรักษา เคยได้ยินใช่มั้ยว่า การศึกษานี่ต้องทำตลอดชีวิตใช่มั้ย การศึกษาต้องทำตลอดชีวิตเพราะวิทยาการทางโลกเนี่ยไม่มีที่สิ้นสุด แต่การศึกษาทางธรรมะนะ เมื่อไรที่เราพ้นจากความยึดถือกายยึดถือใจแล้วเนี่ย งานศึกษาของเราสำเร็จแล้ว

    ผู้ที่เรียนสำเร็จแล้วเนี่ยคือพระอรหันต์ พระอรหันต์ถึงชื่อว่าพระอเสขะ อเสขะแปลว่าผู้ไม่ต้องศึกษาอีกต่อไปแล้ว

    เพราะฉะนั้นงานในทางศาสนาพุทธนะ ถ้าเราเรียนรู้จนแจ่มแจ้งว่า กายนี้ใจนี้เป็นตัวทุกข์ ใจมันจะปล่อยวางความยึดถือกายยึดถือใจ แล้วไม่ต้องเรียนอีกแล้ว ความทุกข์จะเข้ามาสู่ใจไม่ได้อีกแล้ว
    ไม่เหมือนการศึกษาทางโลกนะต้องศึกษาตลอดชีวิต นี่เป็นปรัชญาการศึกษาทางโลก ซึ่งมันก็จำเป็นสำหรับชาวโลกนะ เพราะโลกนี้ปรุงแต่งไปเรื่อย ๆ เราก็ต้องตามเรียนรู้ให้ทันความปรุงแต่งไปเรื่อย ๆ

    ส่วนธรรมะเนี่ยเราเรียนจนเราพ้นจากความปรุงแต่ง เพราะฉะนั้นเนี่ย ไม่ต้องไปเรียนอีกแล้ว เห็นมั้ยมันคนละชั้นกันนะ อย่าไปบอกอาจารย์นะเดี๋ยวอาจารย์จะเสียใจ

    การศึกษาทางโลกไม่มีที่สิ้นสุด การศึกษาทางธรรมะมีจุดที่สิ้นสุดนะ สิ้นสุดตรงที่ใจเราพ้นจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    -การเจริฐสติปัฏฐาน4ควรเริ่มจาก กายานุสสนาสติปัฏฐานค่ะ ไม่ใช่ข้ามไปดูจิตเลย
    -ความคิด ไม่จำเป็นต้องรู้ทัน เมื่อมีความคิด ให้ตามดู ความคิดจะดับไปเอง (เราไม่ต้องรู้ทัน เพื่อให้ดับค่ะ)
    -ใครอยากคุยแนวการปฏิบัติแบบนี้pmมาได้นะคะ เพราะข้าพเจ้าเคยติดตามท่านนี้ เคยปฏิบัติตามคำสอนของท่านนี้ทุกอย่าง เคยมีcopyเนื้อหาคำสอนเป็นตั้งๆเลยค่ะ
    -การศรัทธาคำสอนของใคร ควรพิจารณาด้วยนะคะว่าตรงกับคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้ารึเปล่า ควรศึกษาพุทธวจน และพระไตรปิฏกร่วมด้วย
    -พระพุทธเจ้าทรงใช้อานาปานุสสติเป็นกรรมฐานนะคะ ไม่ใช่การดูจิต
    -ควรรู้ตัวเองด้วยว่า ตนมีจริตอะไร เพื่อเทียบการปฏิบัติในกรรมฐาน40กอง
    -เข้าเว็บนี้ ก้อควรศึกษาคำสอนของลพ.ฤาษีลิงดำ จะดีกว่านะคะ แล้วลองพิจารณาดูว่ามีการสอนให้ดูจิตรึเปล่า
    -ผู้ใดที่ปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน4ควรศึกษาเรื่องมหาสติ ในgoogleก้อได้ อย่าเพิ่งเชื่อพระปราโมทย์ทั้งหมด
    -นักบวชที่สำเร็จฌานโลกีย์ หรืออภิญญา รู้ใจคนได้ อ่านใจคนออก ไม่จำเป็นต้องเป็นพระอรหันต์เสมอไป
    -อย่าเห็นแก่ของฟรี ที่เค้าแจกหนังสือฟรี CDฟรี
    -อย่าเห็นว่าเป็นบุคคลมีชื่อเสียง เขียนหนังสือลงสนพ.ใหญ่ๆ แล้วจะฝากชีวิตไว้ได้
     
  3. KKRI

    KKRI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +158
    จริงๆแล้ว ควรเดินทางสายกลางนะดีที่สุดครับ จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวพวกคุณๆๆทั้งหลาย
    การจะชอบใคร เกลียดใคร บูชาใคร ปรามาสใคร ก็ไม่ควรที่จะแสดงออกให้เห็นชัดเจน มันทำให้ผู้ที่แสดงออกแบบนั้นเสื่อม
     
  4. KKRI

    KKRI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +158
    เท่าที่ดูแล้วหลายๆกระทู้ แสดงความคิดเห็นกันออกมาแบบ ทฤษฎีแน่นๆกันทั้งนั้น ศึกษาตำหรับตำรากันมาเยอะ ลองปฏิบัติให้เห็นจริงกับตัวเองก่อนให้เกิดสติและปัญญา
    เมื่อนั้นอาจจะรู้ว่า มันอาจจะไม่มีบัญญัติในตำราเลยแม้แต่เล่มเดียว
     
  5. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สังคมไทยเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมอันดีงาม มีการเคารพผู้ใหญ่ อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่าหาประเทศอื่นเทียบได้ยาก อาจมีบ้างคือประเทศญี่ปุ่นที่คล้ายๆ แต่ประเทศญี่ปุ่นก้อมีอะไรอีกหลายด้านที่เทียบไทยไม่ได้ เช่นเรื่องการนับถือศาสนาพุทธ การปฏิบัติธรรม ซึ่งประเทศไทยก้อมีครูบาอาจารย์หลายองค์ที่สำคัญๆที่ท่านดับขันธ์พระอัฐิกลายเป็นพระธาตุ และประเทศไทยเรายังมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานมากมายหลายแห่งในประทศ ภูมิธรรมของครูบาอาจารย์สำนักไหนเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนนึงจะชี้ขาด ทุกอย่างเป็นเพียงการเสนอข้อเท็จจริงของแต่ละฝ่าย มีเพียงพระองค์เดียวที่ท่านทราบดีถึงทุกอย่างที่พวกเรากระทำ อย่าให้พระองค์ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยด้วยเห็นพวกเราแย้งกันด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ...พวกท่านต้องปฏิบัติเอง แล้วจะเข้าใจเอง ว่าการเจริญสติปัฏฐานเป็นอย่างไร คนที่ปฏิบัติอยู่จริง จะเข้าใจเอง โดยไม่ขัดแย้งกันในธรรม

    มีเส้นขั้นบางๆระหว่างศรัทธากับงมงาย เลื่อมใสกับชื่นชอบ ...ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ /||\
     
  6. anan2099

    anan2099 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +473
    คุณไม่รู้จักคำว่าดูจิตตามคำสอนของพระอาจารย์ปราโมทย์
    คุณมีอคติอะไรอยู่ในใจกับพระอาจารย์และคุณปรามาสท่าน
    กรรมนี้มีวิบาก
     
  7. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    ไม่ค่อยเข้าใจการดูจิตแบบที่หลวงปู่ดุลย์สอนค่ะ
    แต่มาฟังหลวงพ่อปราโมทย์ใน youtube
    ร้องไห้เลย เห็นสภาวะอยู่แต่ไม่รู้ว่าเรียกอะไร
    ตามหามานาน ในที่สุดก็หาเจอ...
    ก็ขอให้ทุกท่านพบสายปฏิบัติของตัวเองนะคะ
     
  8. นายเบียร์

    นายเบียร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +51
    หลวงพ่อช่วยผมไว้เลย
     
  9. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ดูกาย ดูจิต ดูกิเลส เห็นตัวพอใจ...
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จิตไม่ใช่ความคิด ความคิดไม่ใช่จิต



    หนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้ของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล


    จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ


    [​IMG]

    [​IMG]





    ความคิดเป็นแค่อาการของจิต ความคิดที่ส่งออกทั้งหมดเป็นสมุทัย

    หลวงปู่ดูลย์ เทศน์ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2016
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ความคิดไม่ใช่จิต

    ความคิดไม่ใช่จิต

    :cool:
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]


    โยม : ถามว่าจิตกับความคิดใช่อันเดียวกันหรือไม่ครับ

    หลวงตา : ไม่ใช่อันเดียวกัน

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    :cool:
     
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]

    อย่าไปตามรู้ หรือรู้ตาม จะไม่มีเวลาตามทันเลยสักที เหมือนคนตามรอยโคไม่เห็นตัวมัน

    หนังสือหลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
     
  14. mooja

    mooja สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +12

แชร์หน้านี้

Loading...