เพราะเหตุใด ถึงรังเกียจสิ่งที่เป็นมงคล หรือของทางศาสนา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Thanks-Epi, 8 พฤษภาคม 2014.

  1. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +2,951
    กรรมอะไรคะ ที่รังเกียจไม่เข้าใกล้สิ่งทางศาสนาพุทธ(เน้นว่า ไม่ใช่แนวเพี้ยนหรือลัทธิอื่น) เช่นฟังเสียงสวดมนต์ไม่ได้ นั่งฟังพระไม่ได้ เรียกพระแม่กวนอิม(ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์) ว่า กวนอิม
    พระอมิตตพุทธเจ้าก็รังเกียจ (จริงๆมีพระโพธิสัตว์ถึง 2 พระองค์อยู่ซ้าย-ขวา)
    รังเกียจการปฎิบัติภาวนา รังเกียจการงดทานเนื้อสัตว์
    ไม่ไหว้พระ รังเกียจคนสะสมพระ(หาว่าเป็นคนละชั้น คนไม่มีความรู้)

    การชักชวนให้ผู้อื่นรังเกียจตามตน ถือว่า ได้รับกรรมหรือเปล่า (คำว่ารังเกียจ มันไม่ได้ผิดศีลนะค่ะ)


    เราควรมีแนวคิดอย่างไรในสิ่งที่รับรู้มา
     
  2. banfh

    banfh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +144
    กรรม(ชั่วที่เคยทำมา)บังตา กีดกันไม่ให้คุณได้เข้าหาสิ่งที่ดีที่สุดในอนันตจักวาล เพื่อคุณจะได้ไม่หลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของมัน
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขออนุญาติออกความเห็นค่ะ

    ดิฉันว่า อาการที่คุณเล่าน่าจะเรียกว่า อคติ มากกว่าค่ะ คนเราไม่สามารถฝืนความรู้สึกตัวเองได้ค่ะ ทำได้แต่เพียงกำหนดรู้เท่าทันมันเท่านั้นเอง อย่างดิฉันจะเป็นในกรณีพระเทศน์ทางทีวีอ่ะค่ะ ไม่ว่าองค์ไหน จะไม่ฟังเลย จากวิทยุหรือCDก้อไม่ฟัง

    แต่จริตจะชอบฟังบทสวด เช่น ธิเบต ชินบัญชร เมตตาใหญ่ ชัยยะน้อย แล้วเป็นคนรักการอ่านมาก จึงปฏิบัติธรรมจากสื่อทางหนังสือ ข้อเขียน หรือในเว็บมากกว่า แต่สำหรับคุณก้อต้องระวังอย่าให้ความรังเกียจกลายเป็นความรู้สึกลบหลู่ไป เพราะอาจเป็นการสะสมนิสัยให้มีทิฏฐิมานะ(ความถือตัว)ได้ และกลายเป็นสิ่งปิดกั้นมรรคผลนิพพานในภายหลัง

    อย่างการชักชวนผู้อื่นให้รังเกียจนี่ น่าจะเป็นบาปและอกุศลนะคะ คือ จิตอกุศลเกิดในใจเราแล้ว เป็นผลให้ใจเศร้าหมองได้ การพูดคุยแนะนำควรเป็นไปในเหตุผลมากกว่าเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้งค่ะ เรื่องหลักธรรมทางศาสนาเรา ฝรั่งเค้าก้อยอมรับแล้วนะคะ ว่ามีความเป็นเหตุเป็นผล มีความเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ เช่น คนที่ทำกรรมฐานเป็นประจำ จะมีสุขภาพจิตดีกว่าคนทั่วไป ..จะคุยกับเพื่อน ควรคุยทำนองนี้มากกว่า

    เรื่องที่คุณรังเกียจการฟังพระและเสียงสวด คุณต้องถามตัวเองด้วยเหตุผลค่ะ ว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนั้น เวลาคุยกับเพื่อนที่ไว้ใจ ก้อลองปรึกษากัน แลกเปลี่ยนความคิดกัน เพื่อหาข้อสรุปที่ดี อย่าเพิ่งด่วนสรุปตามใจว่านั่นไม่ดี นี่ไม่ถูกใจ (เจ้าแม่กวนอิม พระอมิตตาพุทธ) มันเป็นการสะสมอัตตาอย่างที่บอกน่ะค่ะ

    ดิฉันเชิ่อว่า การที่คนเรารังเกียจหรือชอบอะไรบางอย่าง มันต้องมีเหตุผลค่ะ ลองหาเหตุดูก่อน แล้วจะรู้ว่าควรแก้ไขยังไง ...

    คุณอาจไม่ถูกจริตกับทางมหายาน และพิธีกรรมบางอย่างรึเปล่า

    (ที่ดิฉันเองกลียดพระเทศน์ เพราะรู้สึกเหมือนกำลังฟังท่านด่าเรา ไม่ชอบพระที่พูดแบบยืดยาวเวิ่นเว้อ ออกแนวสั่งสอนก้อไม่ชอบ ขึ้นชื่อว่าพระเทศน์แบบไหนก้อตาม ดิฉันไม่ชอบ และไม่ฟังทั้งสิ้น เมื่อรู้แบบนี้ ดิฉันก้อต้องระวังนิสัยตัวเองไม่ให้เป็นผู้ว่ายากสอนยากด้วย)
     
  4. banfh

    banfh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +144
    หรือที่เรียกว่า มิจฉาทิฐิ
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เกิดจาก มิจฉาทิฐิ

    ในอดีตชาติ เป็น มิจฉาทิฐิ ฝังจิตมา

    ถึงจะมาเกิดชาติใหม่ ได้พบ พระศาสนา พุทธศาสนา ก็ยังไม่ละของเก่า

    จะแก้ ก็ต้องแก้ที่ปัจจุบัน ในชาติปัจจุบันนี้ครับ

    .
     
  6. Malaiteva

    Malaiteva เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +192
    ที่ท่านรังเกียจนี่ ความดีทั้งนั้น

    สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล บางอย่างมันต้องเรียนรู้เอง
     
  7. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +2,951
    สงสัยเขียนสั้นไปค่ะ
    ดิฉันไม่ได้รังเกียจ แต่พบเห็นบุคคลที่กล่าวมาข้างต้น
    ถ้าจะตอบกันแบบนักปฎิบัติก็ อย่าดูคนอื่น ให้ดูตัวเรา ว่าเรานั้นดีกว่าเขาหรือยัง

    ที่ดิฉันสงสัยเพราะว่า บุคคลนั้นสามารถนั่งสมถะได้ถึงกสินทีเดียว (ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะ แต่ว่าอ่านๆ เอาจากในบอร์ดคิดว่าเป็นกสินค่ะ) แต่เขาไม่ทราบและไม่ต่อยอดและไม่ทราบว่าเป็นอะไร
    -หากเขามีมิจฉาทิฐิจริงๆ ทำไมเป็นชาติเก่าๆเคยเป็นนักปฎิบัติได้ด้วย (พอดีเพื่อนดิฉันอีกคนก็เห็นนะค่ะว่า เคยปฎิบัติมา)

    รวมเถววาทด้วยค่ะ ที่ยกตัวอย่างไม่ใช่เพื่อเน้นว่า เป็นมหายานเท่านั้น อีกอย่างพระอมิตตพุทธเจ้าไม่ใช่พระศรีอาริยะ มีข้อสังเกตุชัดเจน
    การรังเกียจพระศรีอาริยะ นั้นเกิดมาจากคนต่างๆ ลัทธิต่างๆ ชอบเอาพระศรีอาริยะมาอ้าง อีกอย่างเป็นเรื่องของอนาคตด้วย

    ดิฉันเองไม่ทราบค่ะว่า พระอมิตตพุทธเจ้าเป็นมหายานค่ะ ทราบแต่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2014
  8. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    เอาล่ะ ผมจะอธิบายให้คุณ Thank-Epi อ่าน แล้วลองใช้สมองพิจารณาตามนะครับ
    1.มิจฉาทิฐิ เค้าเรียกความเห็นผิด ความเห็นผิดนั้นเป็นกันได้หมด ถ้าไม่อยู่ถึงขั้น โสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์
    2.คนที่สามารถฝึกได้ฌาน ไม่ว่าเป็นระดับ จนขั้นได้ ญาน นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ เพราะการจะทรงอารมณ์หรือ ฝึกสมาธิได้ถึงขั้นเหล่านั้น อยู่ที่ความสงบของจิต เรื่องเลว ทรามต่ำช้าของจิต มันก็ยังมีอยู่แค่มันโดนกดทับไว้แค่ชัวระยะเวลานึงเท่านั้น
    3.การทำสมาธินั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ศาสนาพุทธ มันมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งพวกพราห์ม ก็มี หลายคนได้ ญาณ มีอิทธิฤทธิ์ ปาร์ฎิหารจนเป็นเรื่องธรรมดา เต๋า ก็มีเค้าก็เข้า ฌานได้เหมือนกัน แม้แต่นักบวชคริสต์หลายคนก็เข้าสมาธิได้เหมือนกัน มันไม่แปลก และไม่จำเป็นว่าคนทำสมาธิจนถึงขั้นได้ ฌานจะเป็นคนดี หรือบริสุทธิอะไร
    4.เรื่องที่คุณไม่ชอบเรื่องที่เกี่ยวกับพุทธ มันก็ไม่แปลก คุณไปถามเพื่อนมุสลิมสิ หรือ คริตเตียน ให้เค้าฟังบทสวดมนต์สิ ให้เค้าไปฟังพระเทศน์สิ เค้าจะชอบหรือไม่ ... เค้าก็ไม่ชอบเหมือนคุณนั่นแหละ
    5.หลายคนเคยนับถือศาสนาพุทธมาก่อนในชาติที่แล้วๆมา แต่เพราะเห็นคนห่มเหลือง หรืออยู่ในสังคมที่ไม่ชอบพุทธ ก็เกิดเปลี่ยนใจเปลี่ยนความคิด (เพราะมันเปลี่ยนกันได้) เกิดไม่ชอบขึ้นมาเอง หรือไม่งั้นก็ชาตินี้แหละครับ สิ่งที่เราเห็นมันทำให้เราไม่ศรัทธา แถมกลายเป็นรังเกียจอีก มันไม่ใช่เรื่องแปลก

    สมัยก่อนผมก็พอๆกับคุณ เพราะสังคมที่เราเห็น สังคมที่เราเป็น มันไม่ใช่ครับ ผมเกิดมาพ่อแม่ก็บังคับให้ว่านับถือพุทธ แต่เท่าที่เห็นคนพวกนี้กลับนับถือผี มีศาลเจ้าที่เจ้าทาง เจอผีก็ไปหาหมอดู หมอผี ไร้สาระมาก เป็นพุทธก็แค่ไหว้พระ ไหว้แต่ใจไม่เคยปฎิบัติ ทำๆไปเป็นประเพณีไปงั้นๆ ไม่เข้าใจความหมาย ไม่เข้าใจรายละเอียด พวกโล้นห่มเหลือง ก็ไม่เคยปฎิบัติ เหมือนเอาชุดมาใส่ แต่ใจไม่ทำเลย เวลาเทศน์ เทศน์สอนเป็นดิบเป็นดี แต่ตัวเองนี่ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น อ่านมา เค้าเล่ามา หรือ คิดไปเอง ผมเห็นแล้วสมเพส บวชเพื่อจะได้กินดี ได้เรียนฟรี ไร้สาระมาก ผมเลิกนับถือพุทธไปช่วงนึงเลย ผมว่ามันไม่ใช่ จริงๆแล้วคือผมไม่ได้เจอพระสงฆ์จริงๆ และได้รับคำสอนจากผู้รู้ผู้ปฎิบัติจริงๆต่างหาก ผมไม่ชอบพระเทศน์นะ เพราะฟังไปก็ไม่เข้าใจ ใครก็พูดได้ ไม่ต้องเป็นพระหรอก แต่ผมชอบการถามตอบ ผมจะทราบได้เลยว่าคนนี้มีความรู้ และปฎิบัติถึงขั้นไหน เพราะเราปฎิบัติอยู่เราจะรู้เราจะเห็นเอง เค้าก็จะเห็นและผ่านสิ่งที่เราพบเจอเหมือนกัน มันจะคุยกันรู้เรื่อง และชี้ทางเราได้ถูก ซึ่งผมก็เจอ จริงๆแล้วในประเทศไทยมีตั้งหลายรูป ผู้ที่ตั้งใจปฎิบัตตามหนทางของพระพุทธองค์ แบบนี้ทำให้ผมกลับมาใหม่ แต่มองมุมใหม่ ไม่ได้เหมารวมอะไรแล้ว และรู้ด้วยว่าพระอรหันต์ยังมีอยู่ มองภาพใหม่ พระอรหันต์ ไม่จำเป็นต้องเรียบร้อย เหมือนในการ์ตูน หรือหนัง(เพราะนั้นมันเป็นภาพที่คนรุ่นหลังมาสร้างขึ้นเอง) ท่านก็อยู่ในร่างมนุษย์แบบเรานี่แหละ แต่ผมก็ไม่ชอบฟังพระเทศน์อยู่ดี ฟังไปก็ยืดยาว ไม่ตรงประเด็นตามที่เราต้องการ ถ้าผมเป็นพระ ใครไม่ถาม ผมก็ไม่ตอบ ให้ไปเทศน์ผมคงไม่เทศน์ ผมคงจะหลีกหนี ไปฝึกปฎิบัติเองให้ถึงระดับ มันจะเกิดความรู้ขึ้นมา คราวนี้ถ้ามีคนถามเราก็จะตอบได้ เพราะเราเห็นเราเจอมันมาแล้วดีกว่า แล้วจะบอกว่า ฉันท์อาหารมื้อเดียวนั้นเป็นพระที่เคร่ง ไม่จำเป็นครับ ผมก็กินมื้อเดียวได้ ถ้าเราเน้นปฎิบัติจริงๆ กินเพื่ออยู่อย่างแท้จริง ไม่สนใจรสชาติด้วย ขอแค่ให้ร่างกายมีกำลังพอ บางทีอิ่มไปเป็นสามวัน ไม่อยากกินอะไรเลย มันสบายใจ แต่ก็ต้องกิน ไม่งั้นร่างกายจะไม่มีแรง และกินไม่ต้องให้อิ่มมาก มันจะหนัก เวลาภาวนามันจะง่วงมาก ไม่ดี ไม่ดี ซึ่งจะกินมื้อเดียว หรือ สองมื้อ มันไม่แปลก ที่เค้าห้ามไม่ให้กินหลังเที่ยงไป เพราะจะทำให้มีพลังงานเกิน มันจะกลายเป็นทำให้มัวแต่คิดเรื่องSex เรื่องเพศในยามค่ำๆ จิตใจจะกระวนกระวาย ... นี่จากประสบการณ์ตรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2014
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ถ้าว่า เขาผูันั้นรังเกียจสิ่งที่เป็น"มงคล" ..ก็วินิจฉัยได้ว่าเขาเป็นผู้ไม่ได้สดับ--เมื่อไม่ได้สดับย่อมไม่ทราบสิ่งที่เป็นมงคง--เมื่อไม่ทราบย่อมไม่อาจฉลาดคิดได้เอง(มีโยนิโสฯ) --จึงไม่นิยมมงคล --เมื่อไม่นิยมมงคลก็หันเข้าหาการเจริญอัปมงคล-การสั่งสมสันดานเพื่อการนิยมอัปมงคลให้แน่นหนาย่อมเป็นไปด้วยอาการนั้น.

    ส่วนเรื่องความรังเกียจสิ่งที่เป็น"ของศาสนา" นั้น ก็มาด้วยอาการคล้ายๆกัน คือไม่ได้สดับ--เมื่อไม่ทราบย่อมไม่อาจฉลาดคิดได้เอง(มีโยนิโสฯ)--จึงไม่นิยม--ไปนิยมสิ่งนอกศาสนา--สั่งสมสันดานให้แน่นหนา--เกิดทีไรแม้พบศาสนาก็ไม่ถือเอาสาระ--เข้าถึงความปิดตาหู แม้ใครมาเคาะเรียกเพื่อช่วยเหลือก็ไม่สนใจ--สั่งสมอุปนิสสัยปิดตาและหูต่อไปเพื่อรังเกียจสิ่งของในศาสนาต่อไปในภพต่อๆไป..


    ส่วนเรื่องเจริญกสิณหรืออะไรๆที่เขาแสดงให้ทราบทางเว็บนั้น ก็ไม่แปลกเลย แม้เหล่าฤษีจำนวนมากในอปฏิรูปเทสเช่นอินเดียในเวลานี้ เขาก็ทำได้มากมายจนไปเกิดเป็นพรหมแล้วเข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้สร้างมานาน....


    การทำสมาธิหรือสมถะนั้น มีทั่วไปในลัทธิอื่นๆ เว้นเสียแต่"วิปัสสนา"เท่านั้นที่เป็น"สิ่งของศาสนา"..โดยแน่แท้..

    ท่านจขกท. พึงทราบว่า สิ่งนี้หาได้เกิดเพราะ"กรรมเก่า"ไม่เลย แต่เป็นกรรมใหม่ในปัจจุบันด้วยปัจจัยมากมายดังได้พรรณนามาพอสังเขปข้างบน..นั่นแล
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ลองกำหนดจิตว่า ไม่อยากรังเกียจแต่ไม่สมหวัง เป็นทุกข์
    กำหนดให้เห็นความทำยานอยากที่จะไม่รังเกีจสิ่งเหล่านั้น

    ความรังเกียจจะดับไป ก็ให้ดูว่าอะไรดับไปด้วย
    ความตั้งใจ ที่จะกำหนดรู้ทุกข์ ในความไม่สมหวังที่จะไม่รังเกียจ ถ้าดับไปเพราะเหตุใด

    บางทีท่านเดินอารมณืใจปราณีตไป เช่นไปฝึกกรรมฐานที่มีสภาพนามธรรมที่ปราณีตไป
    กำลังกำหนดรู้ทุกข์ มันไม่ต่อเนื่องพอ
    ในปราณีตจะมีหยาบปนเปื้อนอยู่
    เป็นกรรมตกค้างจากการดำเนินจิตปราณีตเกินไป
     
  11. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ทดสอบกำลังใจ ความตั้งใจเล่นๆ
    ดูแรงที่เรากำหนดไหว หรือว่ากำหนดไม่ไหว
    กำหนดที่จะรู้ทุกข์ กำหนดให้ฟุ้งไปเลย
    ทุกข์ในฟุ้ง ฟุ้งในทุกข์ เพื่อให้ความปราณีตนั้นมัน เจือจางลง

    เกิดจากเศษกรรมที่เข้าใจว่า
    กำหนดว่าจะทำ กับกำหนดว่าจะไม่ จะมีสภาพดุลย์กัน
    จะทำให้เกิดความสมดุลย์

    มันไม่ดุลย์กัน ทุกข์กะสุขมันไม่ดุลกัน
    อวิชชาหลอกให้เราเชขื่อว่ามันดุลย์กัน

    ใจคนจิตคน กำหนดรู้ได้แค่ที่ละหนึ่งอย่าง
    รับรู้อารมณ์ได้แค่ที่ละหนึ่งอย่าง

    การกำหนดรู้ทุกข์เราจะพบสุขด้วย
    แต่ให้กำหนดรู้เฉพาะทุกข์ ดูความทำยานอยากที่จะกำหนดรู้
    และกำหนดรู้เฉพาะทุกข์
    คนเราจะรับอารมร์ได้ครั้งละหนึ่งชนิดเท่านั้น เพียงหนึ่งเท่านั้น สุขทุกข์ เกิดขึ้นด้วยเหตุใดก็ตาม
    เราจะรู้ได้แค่ หนึ่งอารมร์ หนึ่งเวทนา
    อวิชชาทำให้เราไปกำหนดไม่รู้ทุกข์ ไปกำหนดไม่รู้สุข ไปกำหนดไม่รู้สุขทุกข์
    มันผิดธรรมชาติ

    กลายเป็นว่ากำหนดที่จะทะยานอยากที่จะรู้ทุกข์และฟุ้ง และทุกข์ จะหาย

    และพระพุทธศาสนานี้ ให้กำหนดรู้ทุกข์
     
  12. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +2,951
    อ่านรวมๆ เข้าใจผิดคิดว่าดิฉันไม่เคารพไปเสียงั้น
    ดิฉันโพสต์ เพราะความสงสัยนะค่ะ อาจจะสื่อไม่ตรงผิดไป
    แสดงว่า การทำสมถะจนได้ปิติ/ กสิน /ฌาณ ฯลฯ ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า บุคคลใดๆ เข้าถึงศาสนาพุทธใช่หรือเปล่าคะ


    :cool::cool:

    นี่ล่ะ.... คือเหตุผลที่ดิฉันขอพบพุทธศาสนาทุกชาติไปหากยังต้องเวียนว่ายตายเกิด
     
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940



    ...ว่ากันตามจริงนะครับ คนที่เข้าถึงความเป็นพุทธแท้แน่นอนมั่นคงไม่แปรผันมีอยู่ในบุคคล ๔ ประเภทได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์เท่านั้น..นี้"ว่าโดยสภาวะ" ...

    ที่เหลือนอกนั้น..แม้จะได้ปิติ/ กสิน /ฌาณ ฯลฯ ก็ยังเอาแน่ไม่ได้หรอกว่าเป็นชาวพุทธ....


    ตราบเท่าที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็ยังโยกคลอน แหงนหน้าหาศาสดากันขวักไขว่ได้


    บางท่าน ตอนเช้าสวดมนตร์ปาวๆมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตอนสายไปเข้าพิธีรับขันธ์กับเจ้าที่ใดที่หนึ่ง ตกบ่ายไปไปกราบเซียนที่โน่นที่นี่ ค่ำๆไปจอยน์งานร้องเพลงสรรเสริญพระวิษณุ .. รุ่งเช้าไปกราบจรเข้หรือ วัวสามเขา กระทั่งเต่าหรือโดเรมอนก็เอา ฯลฯ..

    ก็ปัจจุบันยังมีศาสดามากมายเช่นนี้ เมื่อย้ายภพจะไม่แสวงหาศาสดาอื่นได้อย่างไร ...ในเมื่อ"ทำเหตุ" เพื่อผลที่สอดคล้องกันไว้แล้วเช่นนั้น.!?


    อนึ่ง ข้าพเจ้า ไม่ได้สำคัญว่าท่านจขกท. เป็นผู้ไม่เคารพอะไร และเข้าใจว่าท่านสงสัยในอาการของชนเหล่าอื่น...;k06
     
  14. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946


    แล้วอย่างพระโพธิสัตว์นี้ ในช่วงเวลาที่มีพุทธศาสนาเกิดขึ้น
    จะมีโอกาสไปเกิดในเขตศาสนาอื่นไหมคะ? ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2014
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไปกระจายครับ

    ไม่ได้ห้ามไว้นะ

    อย่าว่าแต่คนเลย สัตว์ก็ไปหมดละ
     
  16. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    แสดงว่า ในช่วงที่มีพุทธศาสนา พระโพธิสัตว์ในศาสนาอื่นก็มีซิ?
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ใช่ครับ

    ใครว่าต้องเกิดเฉพาะในเขตพุทธศาสนาละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2014
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ฮิตเลอร์ เป็นพระโพธิสัตว์

    คุณรู้ไหมละ ^^

    อยากรู้ ถาม กูรู ได้เลยนะ ข้อมูลมีให้อ่านอยู่ละ

    อยู่ที่ว่า เวลาทีผ่านๆมา ทำอะไรอยู่ เคยสนใจจะรู้ไหม มีบอกมาเป็น 10 10 ปีละครับ เรื่องพวกนี้

    .
     
  20. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ไม่รู้คะ
    น่าสนใจดี เดี๊ยวจะลองหาอ่านดู
    คุณ saber ปราถนาพุทธภูมิเหรอคะ ดูรู้เรื่องเยอะจัง
    แล้วฮิตเลอร์เนี่ย เค้าจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าอีกนานไหมคะ มีพระนามว่ากระไร?
     

แชร์หน้านี้

Loading...