เมื่อจิตเกิด-ดับ การดูจิตจะเป็นไปตามความเป็นจริงได้อย่างไร???

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 10 สิงหาคม 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    555+ มันจะจะมีแวมไพ บ้างเนอะ
    ขอบคุงคร๊าบบ
     
  2. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2009
  3. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    มะวานทำให้ผมรุ้ว่าบางคนเค้าก้รู้จากแคค่ฟังๆๆมายังไม่ได้เกิดความรู้ด้วยปัญญาตนเห็นเอง แต่รู้เพราะได้ฟังลำดับญานไปก่อนเสียแล้วฟังมากก้เลยรู้เลยไปเลยเหมือนรู้หมดเท่าทันอุปกิเลสในใจตน ก้เรียกว่ารู้ด้วยสัญญา ในส่วนของปัญญานั้นจะเกิดหรือยังๆไม่รุ้ตัวเลยสติส่วนนี้ยังไม่มีมีแต่สัญญามากฟังมามาก

    มันต่างกับผู้ไม่เคคยฟังแต่ปติบัติมาการเห็นๆเหมือนกันแต่เห็นด้วยตนเองปติบัติเองกับฟังมาไม่เคยปติบัติความชัดแจ้งมันต่างกันมากเพราะการปติบัติเองปัญญาต้องเกิดถงจะเห็นแต่ฟังมานี่แคค่ได้ฟังก้รู้แล้วแต่รุ้ด้วยสัญญา

    แล้วบางคนก้ยังทึกทักในสัญญาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เป้นอุปทานจิต คำว่ากลางนั้นแหละ ตัวปัญญา พยามสร้างตัวปัยญา แต่มันต้องเป็นขั้นตอนไปบังคับมันเกิดก้จะเป็นสร้างสิ่งมายึดไว้
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ลำดับที่ อวุโสที่สุด ท่านธรรมภูต

    แต่อ่อนโยนที่สุด
     
  5. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุณธรรมภูติ
    เห็นว่าจิตเกิดดับไหมครับ
     
  6. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ในเมื่อเราปฏิบัติทางจิต
    โดยสร้างสติให้เกิดขึ้นที่จิตอย่างต่อเนื่องเนืองๆไม่ขาดสาย(สัมมาสติ หรือ สติปัฏฐาน)
    โดยใช้ความเพียรประคองจิตไม่ให้แลบออกจากฐานที่ตั้งสติ(สัมมาวายามะ)
    จนจิตสงบตั้งมั่นโดยลำพังตนเอง ไม่อิงอาศัยอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น(สัมมาสมาธิ)

    จิตจะเกิดปัญญารู้เห็นอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง(สัมมาทิฐิ)
    และจิตจะรู้จักวิธีปล่อยวางอารมณ์ที่เข้ามากระทบจิต(สัมมาสังกัปปะ)

    ฉะนั้น จิตของผู้ปฏิบัติ ต้องรู้ ต้องเห็นตลอดสายของการปฏิบัติ
    เห็นอารมณ์ที่เข้ามากระทบจิต เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปจากจิต

    ถ้าฝ่ายปฏิบัติ ยังเห็นว่าจิตเกิดดับ ก็ไม่มีคำบรรยายแล้ว


    (smile)
     
  7. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ประ ติ รูป

    พูดก็ไม่ฟัง
    ฟังก็ไม่เข้าใจ
    ไม่เข้าใจแล้วยังทำ
    ทำก็ทำผิด
    ผิดก็ไม่รับ
    รับก็ไม่แก้
    แก้ก็ไม่เต็มใจ
    ไม่เต็มใจแล้วก็ยิ่งพูด(ไม่พูด)

    ..................... แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร ^-^
     
  8. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เห็นอารมณ์ที่เข้ามากระทบจิต เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปจากจิต

    ตรงนี้แหละครับที่จิตแสดงสภาวะตามไตรลักษณ์ และที่เรารุ้ได้เพราะมีสติ ไม่ใช่ไปมีอีกจิต เรารู้จากสติ จากที่สัญญาสืบสานต่อเนื่องกัน
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มันน่าจะเป็นสติประคองจิต ความระลึกรู้ประคอง ความรู้สึกของอาการต่างๆที่ปรุงแต่งที่เกิดขึ้นในจิต ให้สักแต่ว่ารุ้ว่าเกิดการปรุงแต่ง เมื่อรู้ว่านั่นคือจิตหรือเรียกอุปทานจิตคืออาการของการปรุงแต่งเพื่อการรับรู้สภาวะต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อรู้ลึกลงไปอีกก็จะพบว่าจิตหรืออุปาทายจิตนั้น ก็เป็นของปรุงแต่งที่ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อให้รู้ให้เห็นอาการที่เกิดการปรุงแต่งขึ้นเท่านั้นเอง
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ข้าพเจ้าเห็นท่านพูด มี2คน
    เห็นจากรูป...มีท(ตุ้ง)ติ้ง..[​IMG]
    เห็นจากโพสท์...[​IMG]...[​IMG]
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ขออนุญาติร่วมสนุกด้วยทิฏฐิ นะเจ้าคะ [​IMG]<<<หน้าตาของทิฏฐิ
    พูดในฐานะของปุถุชนนะเจ้าคะ ถ้าท่านไม่ใช่ปุถุชนเหมือนกัน
    อาจเห็นไม่ตรงกัน เพราะดวงตาเห็นธรรมมันแตกต่างกัน

    [​IMG]คนนี้เขาเชื่อว่า จิตเกิดดับตลอดเวลา เพราะเห็นความไม่เที่ยงของตัว
    เองผู้รู้ผลุบๆโผล่ ลมเพลมพัด เดี๋ยวมา เดี๋ยวไป เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวเผลอสติ

    จิตใต้สำนึกคือจุติจิตของชาตินี้ เกิดจากปฏิสนธิจิตครั้งแรกของชาตินี้
    และมีจิตสำนึกที่เกิดจากการอบรมบ่มนิสัย การเรียนรู้จากสังคม และแบบแผน
    เป็นความรู้เชิงตรรกะการใช้เหตุและผล ทั้ง2จิตคือบุคคลิกภาพของชาตินี้

    จิตใต้สำนึกและจิตสำนึก คือลักษณะกายภาพและจิตใจของชาตินี้ คือชาตินี้
    เกิดเป็น นางลิงกวนโอ๊ย ก็จะมีจิตสำนึกกวนโอ๊ย ตลอด ไปยุ่งกะใครก็จะกวน
    โอ๊ย..คนอื่นอยู่ร่ำไป...ทีนี้มันไม่ได้อยู่นิ่งแต่มันมีลักษณะเกิดดับตลอดเวลา
    แต่มันส่งต่อคุณลักษณะของการกวนโอ๊ย...เป็นมรดกสืบไปด้วย เรียกว่า
    เคลื่อนไป แล่นไป ด้วยสันดาล..กวนโอ๊ยเป็นนิจ บ้างก็เรียกว่า อนุสัยกวนโอ๊ย
    ชาวบ้าน ไม่เลือกหน้าเอินทร์หน้าพรหม นอกจากนี้ก็มีจิตที่ถูกพ่อแม่และสังคม
    สั่งสอนอบรมบ่มนิสัย เกิดเป็นจิตสำนึกของชาตินี้ ถ้าได้คนสอนดี ก็อาจได้เป็น
    คนดี ถ้าไปเกิดในสังคมโจรก็อาจได้เป็นโจร นอกจากบางคนมีจิตใต้สำนึกรักดี
    โดดเด่นมาก ประเภทตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เป็นคนโคตรดีในสันดาน
    แบบนี้ไปเกิดในดงโจร ก็ยังไม่ยอมเป็นโจร และอาจนำพาโจรให้กลับใจได้
    สรุปว่ามนุษยภูมิ มีจิต2ลักษณะติดตัวตามเผ่าพันธ์ คือจิตใต้สำนึก
    และจิตสำนึก

    ทีนี้ในส่วนของมนุษย์มีลักษณะพิเศษคือเรียนรู้ และพัฒนาอบรมจิตใต้สำนึก
    ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางเจริญได้(ทางเสื่อมก็มีได้นะ) เรียกว่าการซักฟอกจิต
    ด้วยการเจริญสติอันได้แก่สติปัฏฐาน4 และจับลิงให้อยู่กรอบของ ศีล สมาธิ
    ปัญญา พอลิงมันเริ่มมีสติสตัง มันก็เห็นตัวเองตามจริง เห็นความกวนโอ๊ย...
    เห็นตัวมันเองรู้บ้าง เผลอบ้าง มีสติบ้าง ขาดสติบ้าง เรียกว่ามีสติซักฟอกตัวมัน
    เอง พอมันมีสติเยอะขึ้น สัมปชัญญะก็เกิดตามมา จิตเหนือสำนึกก็เกิดตามมา
    เรียกว่า มีพุทธิปัญญาเจริญขึ้นตามการซักฟอกจิตใต้สำนึกด้วยสติ ด้วยการเห็น
    ตัวเองตามจริง และยอมรับความจริง(ความกวนโอ๊ย)ของตัวเอง เมื่อมีสติและ
    ยอมจำนนต่อความจริงของปัญญา ก็จะหันไปพึ่งปัญญาอันเป็นจิตเหนือสำนึก
    แล้วปล่อยวางจิตสำนึกอันมีจิตใต้สำนึกเป็นตัวบงการอีกที แบบว่า จิตเหนือ
    สำนึก มันไปซักฟอกจิตใต้สำนึกและจิตสำนึกได้ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงใน
    ลักษณะของ การยกระดับจิตใต้สำนึก การล่อนกิเลสตัณหา อนุสัย สันดาน ที่
    จิตใต้สำนึก มันยอมรับว่าไม่ดี เป็นทางเสื่อม เป็นทุกข์ มันละมันถอนของมัน
    เอง ด้วยพุทธิปัญญาที่เกิดมีขึ้นในตัวจิตใต้สำนึกเอง มันปล่อย และคลายออก
    เอง ส่วนอันไหนมันเห็นดีเห็นงาม มันก็พอกพูนขวนขวายทำด้วยตัวมันเอง

    แล้วพอถึงวันตายจากละสังขารจากชาตินี้ ก่อนตายจิตมันก็เกิดดับเป็นปกติ
    ตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่จิตที่ดับไปกับลมหายใจสุดท้าย มันก็ดับไป ส่วนที่เกิด
    ใหม่(เพราะสันดานเดิมมันยังละเกิดไม่ได้มันก็เกิดตามปัจจัยของมัน) มันเริ่ม
    ตั้งแต่ปฏิสนธิจิตขึ้นวิถีเดินเข้าสู่ภวังค์จิตแห่งปฏิสนธิ จุดนี้ใครมีสติ ใครมีวิชา
    เอาตัวรอดจากกรรม ก็มีโอกาสได้ใช้(ถ้ามีบุญพอก็ใช้ได้) เพราะนิมิตต่างๆตาม
    กรรมที่ทำไว้ มันส่งผล ถ้าชาตินี้เราหลงเป็นนิจไม่เคยมีสติ ไม่เคยรู้ มันก็
    เหมือนคนหลับแล้วฝันต่อไปตามเรื่องราวตามวิบากกรรม แต่ถ้ามีวิชามีสติเอา
    ตัวรอดได้ก็ละนิมิต ได้ไม่ต้องไปตามวิบากกรรม แต่ว่าคงรอดไม่ได้ตลอด
    เพราะสมาธิตั้งมั่นได้ แค่ไหนก็รอดได้แค่นั้น ถ้าตัดไม่ได้ ก็ต้องไปกับนิมิตสุด
    ท้าย เพราะสุดท้ายก็ต้องเผลอสติอยู่ดี เพราะสมาธิมันหมดมันก็คลาย ส่วนใคร
    ทำฌาณตอนตายได้ ก็มีโอกาสไปเสวยฌาณตามกรรม ถ้าไม่มีวิบากกรรมหนัก
    มาส่งตัดรอนซะก่อน

    จิตเหนือสำนึก คือปัญญารู้ธรรม คือสติสัมปชัญญะ
    จิตสำนึก คือสติแบบโลกๆ คือปัญญการใช้ตรรกะและเหตุผลในการตัดสินใจ
    จิตใต้สำนึกคืออนุสัย สันดานดิบเดิมๆที่สะสมมาข้ามภพข้ามชาติ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
    เข้าใจว่าเป็นงี้นะ ไม่รู้ถูกหรือผิด เหมือนกัน ใครรู้จริง ช่วยบอกหน่อยดิ...[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2009
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๔๖๔
    อาการจิตที่ปราศจากกิเลเป้นอย่างไร มีอะไรเป็นองค์ประกอปเกิดขึ้นจากปัจจัยใด....
    อาการของจิตที่ปราศจากกิเลส ก็มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น...ที่ทำได้...ปัจจัยที่ปรุงแต่งท่านด้วยเมตตาล้วนๆโดยปราศจากอามีสใดทั้งสิ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่มี

    ;aa24<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ตกลงว่าคุนธรรมภูอทิบายไม่ได้นะงั้นไม่ถามแล้วครับ เพราะคงต้องถามพระอรหันดีกว่า
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๔๗๕
    เห็นว่าจิตเกิดดับไหมครับ
    ใครที่เห็นว่าจิตเกิดับ??? อย่าบอกนะว่าสติ...
    สติระลึกได้เท่านั้น ที่รู้หนะจิตเป็นผู้รู้...ถึงระลึกรู้ได้(จิตมีสติ)

    แสดงว่ายังอ่านพระสูตรที่ท่านdhammashsre ยกมาไม่เข้าใจ
    อ่านใหม่ซะ (ผู้ที่ผ่านการปฏิบัติมาจริงๆ ย่อมรู้อยู่เห็นอยู่ว่า อะไรที่เกิดดับกันแน่)
    อย่าจำตำรามาพูด คนที่ปฏิบัติผ่านมาแล้วมองทีเดียว ก็มองออกว่าใครของแท้...หรือของเทียม!!!

    <!-- google_ad_section_end -->***สติและญาณทัศนะเกิดขึ้นเองลอยๆไม่ได้...ต้องมีที่ตั้ง...ตั้งที่ไหน?...ที่อาศัย...อาศัยที่ไหน?***

    www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=31&A=4923&Z=4945&pagebreak=0

    จิตปรากฏอย่างไร เมื่อรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน
    ด้วยสามารถลมหายใจออกยาว สติย่อมตั้งมั่น
    จิตนั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น

    เมื่อรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน
    ด้วยสามารถลมหายใจเข้ายาว สติย่อมตั้งมั่น
    จิตนั้นย่อมปรากฏด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯลฯ

    เมื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง จิตนั้นย่อมปรากฏ
    จิตนั้นย่อมปรากฏอย่างนี้ วิญญาณจิต ด้วยสามารถความเป็นผู้รู้แจ้ง
    จิตหายใจออกหายใจเข้า ปรากฏสติเป็นอนุปัสสนาญาณ
    จิตปรากฏ
    ไม่ใช่สติ สติปรากฏด้วย เป็นตัวสติด้วย

    บุคคลย่อมพิจารณาจิตนั้นด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น
    เพราะเหตุดังนี้นั้น ท่านจึงกล่าวว่า
    สติปัฏฐานภาวนา คือ การพิจารณาจิตในจิต ฯ


    *************
    บุคคลย่อมพิจารณาจิตนั้นด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น
    บุคคลย่อมพิจารณาจิตนั้นด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น

    บุคคลย่อมพิจารณาจิตนั้นด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น

    พิจารณาจิตนั้น ด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น อันเดียวกันมั้ย????......

    ;aa24
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    อยากตอบ ขอนุญาติ ละกัน...

    อาการจิตที่ปราศจากกิเลสของบุคคลที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ก็มี เป็นจิต
    (ตามพระอภิธรรม)ดวงที่เกิดประกอบกับ สติเจตสิก เรียกว่า กุศลจิต
    นอจากนี้ ยังมีอาการจิตประเภทโสภณเจตสิก ที่เกิดจากรูปฌาณ และอรูปฌาณ
    ที่เป็นกลุ่ม อโลภ อโทสะ อโมหะ เรียกว่า มหากุศลจิต

    ถ้าเป็นอาการจิตที่ปราศจากกิเลสเกิดประกอบกับจิตพระอรหันต์
    เรียกว่า มหากิริยาจิต

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2009
  16. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,209
    ค่าพลัง:
    +3,129
    บ่นกับตัวเอง ก็ได้เนอะ ฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เหมือนเธอ
    ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันต้องทำอย่างไร ยังไง ฉันเลยไม่ทำอะไรเลย
    ก็แค่นั้น ฉันคงจะนิ่งแน่ ๆ แล้วล่ะ

    ผิดผิด ไม่นิ่งก็มี
    นิ่ง แต่ แต่ผิดผิดก็มี
    นิ่ง ๆ ไม่ผิด แก้ไขก็มี
    นิ่ง ๆ ไม่ผิด ไม่แก้ไขก็มี
    แน่ ๆ ฉันผิดก็มี
    แน่ ๆ ฉันไม่ผิดก็มี
    แต่ แน่นอนฉันจะยังแก้ไข กับสิ่ง นิ่ง ๆ แน่นอน

    อืม ฉันบ่น แน่นอน จ้า
     
  17. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    คุณ K.Kwan ติดในกายเยอะมัยครับ ครั้งหนึ่งผมไปตัดผมช่างเขาตัดผมผมแหว่ง 55+ ความไม่พอในใจมันก็เกิด ใจติดอยู่กับผมอยู่หลายวันเลย เลยไปตัดผมที่อื่นใหม่ คิดไปแล้วความติดในกายยังมีอยู่เยอะไม่ค่อยจางคลาย เลยลองฝึกธรรมแบบพิจารณาประกอบการฝึกเพิ่มเข้าไป รู้สึกว่ามีข้อดีหลายอย่างนะครับ
    เหมือนเอาความรู้สึกไปอยู่กับส่วนในกายที่เราพิจารณาร่วมกับการพิจารณานะครับ

    อันนี้เพิ่งอ่านมาครับ


    <LI class=leaf>ธรรมเทศนา เรื่อง "วิปัสสนาภูมิและไตรลักษณ์" | พลปญฺโญธรรม<LI class=leaf>ธรรมเทศนา เรื่อง "การพิจารณากายในกาย" | พลปญฺโญธรรม<LI class=leaf>ธรรมเทศนา เรื่อง "เวทนาในเวทนาและจิตในจิต" | พลปญฺโญธรรม
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    [​IMG]
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ถามว่าติดกายไหม ก็ติดเยอะนะ ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับกายภาพของเรา
    มันจะเป็นงี้ [​IMG] แล้วจะตวาดแว๊ดๆ ทันที โดยเฉพาะคนใกล้ชิด คนกากี่นั้ง
    นี่ยิ่งโดนเยอะ แบบว่ามันไม่เกรงใจเขาไง ถ้ายังเกรงใจเขาก็ไม่ค่อยกล้าแว๊ดๆ
    ใส่ มีรู้จักยั้งมือไว้มั่ง ถ้าเป็นคนอื่นที่เราไม่รู้จักอย่างมากไม่พอใจก็เก็บไว้ในใจ
    ไม่แสดงออก หรือแค่แสดงออกให้รู้ว่าไม่พอใจ แต่ไม่กล้าแว๊ดๆกลัวโดนสวน
    กลับ แหะๆ

    เรามีหน้าที่รู้ว่า เขา(จิตใจ)เป็นอย่างไรเมื่อเกิดไม่ปกติ และแสดงอาการ
    ออกอย่างไร รู้เพื่อ รู้จักเขาและเรา ตามจริง แค่รู้ด้วยสติไปเนืองๆ สัมปชัญญะ
    คือปัญญา มันเกิดเอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเห็นกับตาตัวเอง ไม่ลองก้ไม่รู้
    ไม่ดูก็ไม่เห็น ตำราพิชัยสงครามของซุนวูบอกไว้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อย
    ครั้ง ดูท่าจะเป็นจริงเหมือนกันนะ
     
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175></TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>รูปมีตติ้ง

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    น้องขวัญ พี่ศรีนั่งติดกับท่าน ธรรมภูติ นั่งตรงกันข้ามกับท่าน Tboonที่ใส่เสื้อสีชมพู
     

แชร์หน้านี้

Loading...