เมื่อสุนัขที่ดิฉันเลี้ยงไว้ จากไปอย่างกะทันหัน เค้าจะไปในที่แห่งใดคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย piecake00, 6 ตุลาคม 2014.

  1. piecake00

    piecake00 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +297
    กราบสวัสดีคะ อาจตั้งหัวกระทู้ ดูไม่เหมาะสมนะคะ ต้องกราบขอโทษด้วยคะ

    ดิฉัน ทุกข์ใจเหลือเกิน เพราะสุนัขที่เลี้ยงกันมา 8 ปี ตายจากไปอย่างกะทันหัน
    รักเค้ามาก ผูกพันธ์เหลือเกิน จิตของดิฉันผูกกับเค้าอย่างที่สุด เมื่อเค้าจากไป
    ไม่เป็นอันทำอะไร เอาแต่ร้องไห้ เอาแต่วนเวียนอยู่กับความเป็นห่วง สงสาร
    ว่าเค้าตายแล้ว เค้าจะเป็นอย่างไร เค้าจะไปถูกไหม แล้วไปอยู่ในภพใด
    หรือไปอยู่ในนรกภูมิ แต่ความเป็นจริง ถึงแม้ชาติปัจจุบันนี้ เค้าจะเกิดมา
    เป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่เค้าก็ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยฆ่า โกง
    หรือทำให้ใครเป็นทุกข์ เค้ามีแต่ความสุข ความซื่อสัตย์ให้กับดิฉัน และครอบครัว

    เมื่อเค้าตายลง สังขารเค้าก็สลายไป อยากรู้ว่า จิตหรือกายของเค้า
    ยังคงอยู่ในรูปของสัตว์เดรัจฉาน หรือว่า เป็นมนุษย์ หรืออย่างไรคะ

    ก่อนที่เค้าจะหมดลม ดิฉันก็ ตั้งจิต อธิษฐานให้บุญกุศลที่ดิฉันเคยทำ
    นำทางเค้าไป ในแดนที่ดี แดนที่มีแต่ความสุข ไปอยู่ในดินแดนที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    หลังจากที่เค้าสิ้นลม ดิฉันนำเค้าไปทำพิธีเผาที่วัด ถวายสังฆทาน
    เก็บกระดูก กลับมาที่บ้าน ดิฉันก็กอดปลอกคอ กอดกระดูก เค้าก่อนออกจากบ้าน ก่อนนอนทุกวัน
    คิดถึงเค้ามากๆ บอกเค้าทุกวัน หากเรามีบุญสัมพันธ์กัน ขอให้ได้ มีโอกาศ ได้พบกันอีก

    ดิฉัน พยายามจะหลุดจากความยึดติดเหล่านี้ แต่ยังทำไม่ได้เสียที
    เค้าได้จากไปแล้ว เป็นวันที่ 4 อยากรู้ว่า ดวงจิตของเค้า ที่ดับไป จะยังจำ
    หรือระลึก ถึงดิฉันและครอบครัว ได้อยู่บ้างไหมคะ

    ขอความกรุณา ผู้รู้ ให้ความกระจ่างทีคะ นึกเสียว่า เมตตาให้กับคนที่ มืดบอดอย่างดิฉัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2014
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไปเกิดตามกรรม ครับ ส่วนใหญ่เกิดเป็นหมา แมว นี่คือเศษกรรม ก่อนเกิดเป็นคน หรือ เทวดา

    ถ้าจิตสุดท้ายก่อนออกจากร่าง เค้านึกถึงอะไรก็ไปตามแรงกรรมนั้นครับ

    แนะนำบอกได้แค่ว่า ถ้าตัวเราเองเจ้าของ เค้าตายไปแล้วเราตัวเรา ไม่นึกถึงเค้าเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะไปดี

    แต่ถ้าตัวเราเอง นึกถึงเค้าตลอด มีแต่ความกังวลตัดใจไม่ได้ ส่วนใหญ่จะไปที่ไม่ดีครับ
     
  3. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ต้องดูว่าหมาของคุณนั้นใกล้ชิดและมีความคุ้นเคยกับคุณมากแค่ไหน
    อาจจะตายแล้วมาเกิดเป็นคนก็ได้ หรืออาจจะไปเกิดเป็นหมาเหมือนเดิมก็ได้
    ส่วนตัวคุณเองที่บอกว่าจิตผูกกับหมา อันนี้อันตรายครับ รีบกำจัดความคิดความรู้สึกเช่นนั้นเสีย
    ไม่งั้นเกิดตายขึ้นมา ไปเกิดเป็นหมาเอาได้นะครับ
     
  4. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ไปเกิดเป็นหมาเหมือนเดิม
    มีเจ้าของรวยกว่าเดิม
    จำได้นิด ๆ
    มีโอกาสได้เจอกัน แต่อีกนาน
    และมีโอกาสจะสลับตำแหน่งกัน
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ๗๙. หมาเกิดเป็นเทวดา

    มีด้วยหรือ หมาเกิดเป็นเทวดา...?” มีซิจ๊ะ...บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ก็สร้างบุญทำบาปได้เหมือนคนเรานี่แหละ มีทั้งไปสุคติและตกอบายภูมิ อย่างเอราวัณเทพบุตรก็ช้างไปเกิดเป็นเทวดา กากะเปรตก็กาไปเกิดเป็นเปรตอย่างไรล่ะ...

    หมาเกิดเป็นเทวดา ต้องดูตัวอย่างนายโกตุหลิกะ นายนี่ประสบทุพภิกขภัย พาเมียอพยพไปหาที่อุดมสมบูรณ์ใหม่ อดแทบตายกลางป่า ขนาดลูกยังต้องทิ้งให้ตาย ข้ามป่าข้ามเขาไปเจอบ้านของเศรษฐีต่างเมืองก็เข้าไปของานทำ เศรษฐีกำลังกินข้าวอยู่พอดี เห็นสองผัวเมียหิวซ่กมาก็สงสาร ให้คนใช้จัดอาหารมาให้ ส่วนท่านเศรษฐีเองกินข้าวมธุปายาส มีหมาตัวหนึ่งที่ท่านรักมากอยู่ใกล้ ๆ กินไปก็ป้อนหมาไปด้วย น่าอร่อยนิ...

    นายโกตุหลิกะหิวตาลายมาหลายวัน ได้อาหารมาก็ฟาดเรียบในพริบตา ฝ่ายภรรยาก็แสนดี เห็นสามีหิวจัดตัวเองก็สู้ยอมอด ยกอาหารส่วนของตนให้สามีกินต่อไป นายโกตุหลิกะก็ยอดสุภาพบุรุษ เห็นผู้หญิงยอมอดก็รีบฉลองศรัทธา (ให้ตายเถอะโรบิ้น...) กินไปมองหมาไป “หมา ตัวเมียซะด้วย นางนี่วาสนาดีกว่าตูเป็นร้อยเท่า ตูอดแทบตายห่...มันมีข้าวมธุปายาสกินทุกวัน อ้วนท้วนขนเป็นมันเชียว อิจฉาเว้ย ตูไม่ไปเกิดเป็นหมาท่านเศรษฐีบ้างก็แล้วไป...” แดก...ขออภัย...กินแบบไม่ยอมหายใจ แทนที่จะดีกลับกลายเป็นโทษ อดกระเพาะกลวงมาหลายวัน ยัดทะนานลงไปแบบนั้น ลมเลยตีขึ้นจุกชักตาตั้ง ยังไม่ทันจะช่วยปฐมพยาบาล จิตวิญญาณก็ปิ๋วออกจากร่าง เท่งทึงไปทันที (ตายจริง ๆ ว่ะโรบิ้น...)

    ก่อนตายจิตจับอยู่กับหมา เลยวิ่งจู๊ดเข้าท้องหมาไปเลย (ชิงหมาเกิด) สามเดือนต่อมาก็โผล่หน้ามาเป็นหมาท่านเศรษฐีสมใจนึก พอเติบโตเจริญวัย ก็ติดตามท่านเศรษฐีไปไหนมาไหนตลอด อาศัยตายจากคนไปเป็นหมา เลยมีความฉลาดมาก...

    ท่านเศรษฐีมีกิจวัตรที่น่าโมทนาอย่างยิ่งประการหนึ่ง คือทุกวันต้องไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามา รับบาตรที่บ้าน เจ้าหมาน้อยก็ตามไปทุกวัน มาภายหลังอาศัยความฉลาดของมัน จำงานประจำของท่านเศรษฐีได้ เลยไปนิมนต์ซะเอง... ไปถึงก็เห่านิมนต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็มารับบาตร โดยมีเจ้าหมาน้อยนำทางให้ เป็นแบบนี้ทุกวัน จนเจ้าหมาน้อยผูกพันรักใคร่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นหนักหนา จนกระทั่งวันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าจะเสด็จกลับภูเขาคันธมาศ ก็บอกลาท่านเศรษฐี...

    เจ้าหมาน้อยทราบเข้าก็สุดแสนจะเสียใจ ทั้งเห่าทั้งหอนอย่างไรพระผู้เป็นเจ้าท่านก็ไม่กลับมา เลยเกิดอาการหัวใจสลาย (สมัยหนุ่ม ๆ เคยเป็น แฮ่...) ตายไปอีกที คราวนี้อาศัยจิตผูกพันกับพระปัจเจกพุทธเจ้า เลยไปเกิดเป็นเทวดา... อาศัยทำบุญมาด้วยเสียง แค่เจ้าประคุณกระซิบก็ดังไปเป็นโยชน์ ถ้าพูดเต็มเสียงจะได้ยินไปทั่วดาวดึงส์ (หนวกหูตายห่...) เลยได้นามใหม่ว่า “โฆษกเทพบุตร” คอยทำหน้าที่เป็นโทรโข่ง มีเรื่องต้องการประชุมเทวดา พ่อเรียกทีเดียวได้ยินกันทั่วเลย...

    นั่นเป็นหมาในธรรมบท ทีนี้มาดูหมาที่อาตมาพบเองบ้าง หลวงพ่อเล่าว่า เมื่อมาอยู่วัดท่าซุงใหม่ ๆ ไม่มีหมาสักตัว พักเดียวเท่านั้น มาซะ ๒๐ กว่าตัว ท่านบอกว่าดูลักษณะแล้วเป็นหมาดีทั้งนั้น... วิธีดูลักษณะหมาดูอย่างนี้...

    ให้ดูตรงตุ่มใต้คาง จะมีขนแข็ง ๆ ขึ้นอยู่ที่ตุ่มนั้น ถ้าขน ๒ – ๓ เส้น ส่วนใหญ่เป็นหมาที่เกิดจากเทวดาหรือพรหม ถ้าขนเส้นเดียวเป็นราชาหมา ไปไหนหมาอื่นจะกลัวเกรง ส่วนใหญ่มาสูง ถ้าเจ้าของมาต่ำกว่าเขาจะไม่อยู่ด้วย จะหนีไปหาผู้ที่มาเสมอกัน หรือผู้ที่มาสูงกว่า ถ้าขน ๔ เส้นขึ้นไปจะเป็นหมาดื้อ เลี้ยงยาก พูดกันไม่รู้เรื่อง...

    อาตมาเองเข้ากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ ไม่มีหมาสักตัว อยู่ไปจนก่อนบวชมีซะ ๑๑ ตัว หมาคนอื่นหนีมาอยู่ด้วยทั้งนั้น เจ้าของมาลากตัวกลับไปก็ไปพักเดียว เดี๋ยวหนีมาอีกแล้ว มาบวชอยู่วัดท่าซุงก็เหมือนกัน หมาคนอื่นเขาเลี้ยงแท้ ๆ อาตมาไม่ได้เลี้ยงมันสักนิด มาอยู่ด้วยซะ ๘ ตัว ถึงเวลากลับไปกินที่เจ้าของเดิม อิ่มแล้วมาออกันเต็มหน้ากุฏิเลย...

    หมาของวัดท่าซุงส่วนใหญ่ประเภทขน ๒ – ๓ เส้นทั้งนั้น เคยเจอขนเส้นเดียวแค่ ๒ ตัว คือ “เจ้ามะดัน” เจ้านี่อายุไม่เต็มสองเดือนก็ป่วยตาย มันแน่ขนาดกัดตัวโตกว่าเพื่อแย่งอาหาร...อีกรายก็ “เจ้าตี๋น้อย” รายนี้ตามออกบิณฑบาตทีไร ทำเอาหมาเจ้าถิ่นเสียฟอร์มทุกที วิ่งมาจะรุมฟัด กลายเป็นโดนเจ้าตี๋น้อยไล่กระเจิงทุกทีไป...

    หมาที่วัดท่าซุงมีอยู่มาก แต่ประเภทเด่น ๆ ควรแก่การจดจำมีไม่กี่ราย รายแรกก็ “เจ้าใหม่” เจ้านี่แสบมาก ทำสถิติกัดคนมานับไม่ถ้วน กระทั่งพระก็ไม่ละเว้น กัดจนหลวงพี่วิรัช (พระครูปลัดวิรัช โอภาโส) กลัวมันยิ่งกว่าเสือ ขนาดถือไม้มาเตรียมป้องกันตัวเต็มที่ เจ้าใหม่คำรามแฮ่เดียว มืออ่อนตีนอ่อนร่วงไปให้มันกัดแต่โดยดี...! อาตมาเองเป็นคนเดียวที่กล้าจับมันทายาแก้ขี้เรื้อน ขนาดนั้นก็ตาม พอมันไม่พอใจขึ้นมา มันฟัดจนอาตมามือแปไปเกือบสี่เดือน ซึ่งก็พอกันกับเวลามันไล่กัดคนอื่น ก็จะถูกอาตมายิงกบาลด้วยหนังสติ๊กเป็นประจำ กลายเป็นคู่กัดไปโดยปริยาย

    วันหนึ่ง...เจ้าตัวแสบหายสาบสูญไป ปกติมันต้องวิ่งนำหน้ารถหลวงพ่อทุกวัน ถ้าใครขวางหรือเข้าใกล้หลวงพ่อตอนนั้นกระจุยแน่ มันหายไปสองวัน พวกเราตามหากันให้ควั่ก หาเท่าไรก็ไม่เจอ คืนนั้นเอง...มันก็ไปหาอาตมาถึงบนกุฏิ...

    มันตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา กลัวอาตมาจะจำมันไม่ได้ มาหาทั้งทีแบกเอาหน้าหมามาอย่างเดิม บอกว่า “ผมตายแล้วครับ...” พลางทำภาพให้ดู เสือกทะลึ่งไปดึงผักตบชวาเล่น พลัดตกน้ำจมตายขึ้นอืด กลิ่นเหม็นหึ่งไปทั่วห้องเลย... เล่นสีกลิ่นรสพร้อมแบบนี้ไม่ค่อยโสภาว่ะ มีอะไรก็ว่ามา...ไอ้ท่านใหม่ขอส่วนกุศลนะซิ...เจริญนะเอ็งนะ...ขอใครไม่ขอ มาขอคู่กัดเลย อุทิศให้ไปแล้วพร้อมสัญญาว่า จะถวายสังฆทานให้ด้วย รุ่งขึ้นก็แจ้งเรื่องกับเพื่อนพระและตำรวจ...

    ตำรวจวัดไม่มีปัญหา เขาเชื่อง่าย ๆ แต่พระซิ จ้องจับผิดกันจัง ไปรายงานหลวงพ่อเพื่อขอคำยืนยัน หลวงพ่อบอกว่า “ท่าน ใหม่เขาไปเป็นเทวดาจริง ๆ ตอนนี้อยู่ชั้นดาวดึงส์ ปกติเขาต้องอยู่ดุสิต เพราะเป็นพระโพธิสัตว์ ถามเขาดูแล้วว่าทำไมไม่ไปอยู่ดุสิต เขาตอบว่า ไม่อยากถูกนิมนต์มาเทศน์ที่เทวสภาตอนวันพระ เลยหลบมาแค่ดาวดึงส์...

    อีกรายก็ “เจ้าทหาร” รายนี้ตามไปทำวัตรนั่งกรรมฐานทุกวัน พอรถออกจากหน้าโบสถ์ไปวิหาร ๑๐๐ เมตร เจ้าทหารต้องปร๋ออยู่บนรถก่อนแล้ว เวลาพระนั่งลงตามลำดับเพื่อทำวัตร ตรงไหนว่างเจ้าทหารจะไปเกาขี้เรื้อนประจานพระรูปนั้น ว่าเอาเข้าจริงแล้ว ขี้เกียจกว่าหมาอย่างมันซะอีก...!

    พระขึ้นโยโส ภควา...เจ้าทหารหมอบลงปั๊บ จิตทรงฌานนิ่งเลยนะ...พอจบทำวัตรกราบพระ เจ้าทหารจะคลายจิตออกมา สะบัดเนื้อสะบัดตัว วิ่งไปหาที่เตรียมทำกรรมฐานต่อ พอเริ่มสมาทานมันก็เข้าฌานปั๊บเลย อุทิศส่วนกุศลเสร็จก็สะบัดตัวพรืด วิ่งไปขึ้นรถเตรียมกลับ มันแน่ขนาดทรงฌานตั้งเวลาได้เป๊ะเชียวล่ะ...! พอเจ้าทหารตาย หลวงพ่อบอกว่า “ไปเป็นพรหม เนื่องจากอานิสงส์ทรงฌาน...!” เป็นอย่างไร...? อาตมานี้อายหมาแทบแย่...!

    ๕ ตุลาคม ๒๕๓๕
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ʹյ
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กำลังใจก่อนตายเป็นสิ่งสำคัญ


    ถาม : สัตว์เดรัจฉานที่เกิดจากคนที่มีความคิดว่า ไปเกิดเป็นหมาดีกว่า ไปเกิดเป็นไก่ของเศรษฐีดีกว่า เพราะว่าได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี อันนี้เป็นผลจากการที่เขารักษาศีลไม่ครบทุกข้อจึงไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ แต่ว่าเป็นผู้ที่ให้ทาน ถึงแม้จะเป็นสัตว์เดรัจฉานก็มีผลจากอานิสงส์ของทาน อันนี้เกิดจากเหตุอย่างไรครับ ?

    ตอบ : จริงๆ แล้วต่อให้เรามีศีลครบถ้วน แต่ถ้ากำลังใจก่อนตายที่เรียกว่า อาสันนกรรม ไปปักมั่นว่าเราเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานชนิดนั้นๆ ดีกว่า ก็จะทำให้เราไปเกิดก่อน เมื่อเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนั้นจนหมดกรรมแล้ว อำนาจของศีลถึงจะส่งผลเป็น อุปัชชเวทนียกรรม ส่งผลในชาติต่อไปได้เกิดเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า

    อย่างเช่น โฆสกเทพบุตร ตอนเป็นคนเห็นเศรษฐีเลี้ยงหมาด้วยข้าวมธุปายาส ใจก็ไปเกาะตรงนั้นว่าเราเกิดมาทั้งชาติ ไม่รู้ว่าข้าวมธุปายาสเป็นอย่างไร แต่เป็นหมาแล้วได้กิน ก็อยากจะเกิดเป็นหมาของเศรษฐี กำลังใจไปเกาะตรงจุดนั้นแล้วตายพอดี พอพ้นจากส่วนนั้นได้มีโอกาสไปถวายการรับใช้พระปักเจกพุทธเจ้า อานิสงส์ก็ส่งผลไปเกิดเป็นเทวดา

    ดัง นั้น..ในเรื่องของศีล ต่อให้รักษาแน่วแน่มั่นคง แต่ถ้าหากว่ามีอาสันนกรรมสอดแทรกเข้ามา ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเฉพาะหน้า อานิสงส์นั้นก็จะส่งผลให้ในชาติต่อไปแทน


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕
    กำลังใจก่อนตายเป็นสิ่งสำคัญ : ศาลาธรรม
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คำเตือนสำหรับผู้ที่เลี้ยงสุนัข

    พระอาจารย์ ได้กล่าวเตือนผู้ที่เลี้ยงสุนัขว่า "ขอเตือนอีกวาระหนึ่ง เลี้ยงหมาอย่ารักเขาจนเกินไป ให้มีสติรู้ด้วย เพราะถ้าจิตใจยึดเกาะหมามาก ไปดีใจเสียใจกับหมามาก นั่นไม่ใช่รักแต่เป็นหลง ตายตอนนั้นจะไปเกิดเป็นหมาแทน..!

    สมัยอาตมายังวัยรุ่นอยู่ พี่สาวข้างบ้านเลี้ยงหมาไว้ ๕-๖ ตัวด้วยกัน เอาหมานอนบนเตียงเลย ไปบ้านพี่เขาเมื่อไร พอพี่เขาเปิดประตูรับอาตมาก็แทบจะหงายท้อง เพราะว่ากลิ่นหมามาเต็มๆ คนที่อยู่ด้วยจนชินจะไม่ได้กลิ่น แต่คนที่นานๆ เข้าไปทีจะได้กลิ่นชัดมาก"

    "หมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด เป็นหมากู้ภัย น้ำหนักตัวได้ถึงสองร้อยปอนด์ เซนต์เบอร์นาร์ดเกิดในพื้นที่หิมะ อุ้งเท้าใหญ่ เดินบนหิมะได้ง่าย เวลาคนติดในหิมะ เขาจะฝึกหมาพวกนี้ให้เป็นหมากู้ภัย ที่คอของเซนต์เบอร์นาร์ดจะมีถังบรั่นดีเป็นถังไม้เล็กๆ ผูกไว้ พอไปเจอคนที่ติดในหิมะ ก็จะไปนอนคร่อมเขา เพื่อไม่ให้หนาว แล้วเขาจะได้เปิดถังบรั่นดีกิน เพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะไปถึง

    แต่คนจีนใช้เซนต์เบอร์ นาร์ดผิดประเภท เลี้ยงแค่สองเดือนก็จัดการตุ๋น หมาพันธุ์ใหญ่ ถ้ายังอายุน้อยอยู่เนื้อจะนิ่ม ต้องได้อายุของเขากล้ามเนื้อถึงจะแข็งแรงเต็มที่ เขาก็เลยกินตั้งแต่ตอนที่ยังอายุน้อยๆ "


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เรื่องที่ ๑๔๒
    สุนัขชื่อ "สิงห์ดอก" ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัสดี

    "..ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท มีคนเอาหมามาปล่อยเสมอๆ จนปรากฏเป็นฝูงใหญ่ หมาฝูงนี้มีหัวหน้าอยู่ตัวหนึ่ง ตัวเป็นดอกๆ เลยเรียกกันว่า "เจ้าสิงห์ดอก" หมาตัวนี้รู้สึกว่าจะมีความเฉลียวฉลาดผิดหมาทั่วไป รู้จักฟังธรรมและบังคับบัญชาลูกน้อง เวลาจะมีคนมาขโมยของวัด เจ้าสิงห์ดอกจะจัดวางกำลังกองทัพหมาไว้ป้องกันเป็นอย่างดี
    วันหนึ่งไม่รู้ว่าเจ้าสิงห์ดอกเขานึกอย่างไร เขาจัดการวางกำลัง จัดกำลังไว้บนกุฏิ ๔ ตัว ที่วัดมีช่องทางเข้าวัด ๓ ทาง มันก็วางกำลังจุกไว้หมดทุกทาง แล้วก็มีอีกชุดหนึ่งนอนรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม สักประเดี๋ยวมันก็กระโดดไปทางฝั่งกุฏิของพระครูวิชาญ เดี๋ยวเดียวมีเสียงเป๋ง ไอ้ตัวนั้นคงหลับ ทุกคืนไม่เคยมีอย่างนี้ ก็เลยสั่งพระสั่งเณรว่าคืนนี้พร้อมไว้ เราเป็นทหารของพระพุทธเจ้า ถ้าใครมาเอาของสงฆ์ละเอาชีวิตแลกเลย
    เวลาสักทุ่มเศษๆ เราดับไฟเงียบแล้วนอนกันอยู่ที่นั่น ห้ามพูด ห้ามสูบบุหรี่ พอหกทุ่มกว่าๆ เสียงข้างล่างเจี๊ยวเลย คือที่ชายป่ามีเสียงเห่า เจ้าสิงห์ดอกก็เดินยามของเขาไม่ได้หยุดเลย พอมีเสียงเห่ามันก็ขับฝูงพิเศษพรวดออกไปตัวเขาก็กระโดดตาม
    ปรากฏว่าตอนเช้าได้ปืนกระบอกหนึ่ง ผ้าขาวม้า ๒ ผืน ป่าราบไปเลย
    โดยปกติต้องเลี้ยงข้าวกะละมังขนาดพระหิ้ว ๒ องค์ มื้อละตั้ง ๓ กะละมัง ชาวบ้านเขาเห็นเขากลัวหมาอด ทีนี้ก็เอาข้าวสารมาเลี้ยงหมาไม่ใช่เลี้ยงพระ คราวหนึ่งต้องไปที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เดือนหนึ่ง ก็สั่งพระสั่งเณรไว้ ให้สตางค์ไว้ ถ้าข้าวสารไม่มีกับข้าวไม่มี ก็ให้เอาปลามาต้มเค็มเพราะมันกินได้นาน ถ้ามันเริ่มจะไม่กินก็เปลี่ยนเป็นต้มยำบ้าง ต้มส้มก็ได้ พอกลับมาปรากฏว่าสตางค์ไม่หมด เขาบอกว่าอาตมาไม่อยู่ ชาวบ้านเขากลัวหมาอดก็เอาต้มเค็มบ้าง ต้มส้มบ้าง หม้อใหญ่ๆ เลย
    เณรที่มีหน้าที่อุ่นอาหารตอนนั้นชื่อ "เปีย" บอกอาตมาไม่อยู่ยิ่งรวยใหญ่
    คราวหนึ่งมีข่าวว่าผู้ร้ายจะมาเอาพระพุทธรูป เป็นพระสุโขทัยสำริดเงิน
    คำว่า "สำริด" มี ๓ อย่าง คือ มีทองคำ มีเงิน และก็ดีบุก เขาเรียกว่า "สามฤทธิ์" ไม่ใช่สำริด เราเรียกเสียงห้วนไป ตาชมช่างหล่อพระเขาบอก ถ้าออกสีของแร่ไหนมากก็เรียกสำริดอย่างนั้น นอกจากพระสุโขทัยสำริดเงินแล้วยังมีพระเชียงแสนอีก ๒ องค์ ของเก่าทั้งนั้นที่ขโมยมุ่งจะเอา มาวันหนึ่งยายแก่ไปหาหน่อไม้ ไปเจอะมันกำลังนอนสูบใบพลูอยู่ใต้กอไผ่ ๕ คน แกก็เลยส่งข่าวมาบอก ตอนนั้นหลังวัดยังเป็นป่าอยู่ แต่เวลานี้เขาถางหมดแล้ว พระครูวิชาญได้สร้างโรงเรียน เมื่อได้ข่าวก็ไปบอกผู้บังคับกองตำรวจชื่อ "จำลอง" เลยให้ตำรวจมา ๔ คน แกบอกว่า "หลวงพ่อทหารมาก ผมว่าตำรวจคนเดียวก็พอ"
    เอ..ดันไปเชื่อหมาเสียอีก พอดีทายกเขามาก็เลยบอกสองสามคืนให้มานอนด้วยกันหน่อย ยังไงๆ มันต้องกดคอพระครูวิชาญแน่ ไอ้จะปล้นแบบตูมตามน่ะมันไม่ทำหรอก
    พอคืนที่สองเจ้าสิงห์ดอกจัดเวรอีกแล้ว เลยบอกตำรวจสังเกตคืนนี้ขโมยต้องเข้า ให้เตรียมตะครุบให้ดีเถอะ ถึงเวลามันเข้ามา มองเห็นคนร้ายไปชิดกุฏิพระครูวิชาญ เอาไม้พาดกำลังจะปีนขึ้นเท่านั้น ไม่มีเสียงเลย เจ้าสิงห์ดอกบุกเงียบ มันฟัดเสียแหลกเลย หน้าตาเละหมด ได้ครบ ๕ คนโดยตำรวจไม่ต้องยิงเลย
    เจ้าสิงห์ดอกนี้มันเก่งจริงๆ เวลาเจริญพระกรรมฐานเขาต้องมาอยู่หมดทั้งฝูง วันนั้นมันจะตาย ตอนคํ่าเจริญพระกรรมฐานเขามาอยู่ด้วย ตอนตี ๒ ฉันออกไปเจริญพระกรรมฐานหน้ากุฏิคนเดียว ตามปกติมันนั่งอยู่หน้าลูกกรง แต่วันนั้นมันขอเข้าก็เลยให้เข้า มันเข้ามานอนเอาหัวพาดตัก พอตี ๔ พระลุกขึ้นทำวัตร มันก็ลุกบ้าง ปลัดบุญธรรมแกทักว่า "อ้อ..สิงห์ดอกรึมานี่ มาหาหลวงพี่ที่นี่" มันก็เข้าไปใกล้ไปนอนฟังจนจบ จบแล้วก็กลับมาที่หน้าพระพุทธรูปที่เขาเจริญพระกรรมฐาน แล้วตายตรงนั้น
    เวลาเขาตายเราก็ไม่รู้ พอใกล้สว่าง เห็นเทวดาองค์หนึ่งสว่างจ้าเลย ถามว่า "ใคร" เขาตอบว่า "ผมเทวดาสิงห์ดอกครับ" ถามชื่อจริงๆ เขาก็บอกแต่จำไม่ได้แล้ว ทรงผ้าพื้นเขียว เสื้อพื้นขาวแต่เพชรพราว ถามแกว่า "อยู่ชั้นไหน" ตอบว่า "ชั้นปรนิมมิตวสวัสดีครับ" ชั้นปรนิมมิตวสวัสดีนี่เขาต้องได้ฌาน ๔ นะ เขาบอกว่า "ผมก็ได้เหมือนกันนี่ครับ" เอ๊ะ ได้อย่างไร เขาอธิบายว่า "ที่หลวงพ่อไปทำพระกรรมฐานนั้น ผมก็ไปนั่งด้วยความเคารพ จิตมันทรงตัว"
    จริงสิ เวลาเทศน์เป็นไม่ได้ เจ้าสิงห์ดอกเขามานั่งหรี่ตามอง ทำหางกระดุกกระดิกๆ ชอบใจจนกว่าจะจบ ไม่ว่าใครเทศน์มันก็ไป พอพระตีระฆังเท่านั้นไปแล้วอยู่ไม่ได้
    นี่เห็นไหม หมาไปเป็นเทวดาได้ แต่คนถ้าตายแล้วไปเกิดเป็นหมาก็ซวยเต็มทีละ.."

    ผมอ่านเจอจากหนังสือเรื่องจริงอิงนิทานเล่ม ๓ โดยลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แต่คัดลอกข้อความมาจาก http://www.thaisquare.com/Dhamma/afterdeath/old/chapter142.htm เพราะขี้เกียจพิมพ์

    จากคุณ : RadiS
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ตายแล้วจะไปไหน ให้ดูที่นิมิตก่อนตาย


    ถาม : นิมิตก่อนตาย ?

    ตอบ : ดูว่ากรรมนิมิตเป็นอย่างไร

    ถ้าเห็น ไฟลุกท่วมฟ้า ก็ไป นรก แน่ๆ

    ถ้าเห็น ดินแดนรกร้างแห้งแล้ง ก็ไปเป็นเปรตเป็น อสุรกาย

    ถ้าเห็น ป่า ไปเป็น สัตว์เดียรัจฉาน

    ถ้าเห็น ชิ้นเนื้อ ก็มักจะไปเกิดเป็น คน

    ถ้าเห็น เทวดาอยู่หน้า พรหมอยู่กลาง พระอยู่หลัง ก็ไปเกิดเป็น เทวดา

    ถ้าเห็น พรหมอยู่หน้า เทวดาอยู่กลาง พระอยู่หลัง ก็ไปเกิดเป็น พรหม

    ถ้าเห็น พระอยู่หน้า ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว ตามท่านไปเลย

    ถาม : แล้วโดนหลอกได้ไหมครับ ?

    ตอบ : เป็นนิมิตก่อนตาย หลอกกันไม่ได้หรอก เป็นสภาพจิต สภาพกรรม สภาพบุญที่แท้จริงที่เราทำมา เหมือนอย่างกับเปิดช่องให้รู้ว่าเราจะไปไหน


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕



    ที่มา :
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ - หน้า 8 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : แล้วสุนัขที่เสียชีวิตเนี่ยนะคะ วิญญาณมันยังออกไปอยู่ในรูปสุนัขหรือว่าเปลี่ยนสภาพไป ?

    ตอบ : ส่วนใหญ่ก็คือคนดีๆ นี่เอง เพราะว่ารูปสุนัขนี่เป็นแค่เปลือกนอกที่เห็น อทิสมานกายของจะคล้ายกันหมด ตามความดี ความชั่ว แต่ว่าสัตว์เดรัจฉานนี่ถ้าหากว่าตาย...กำลังใจเกาะคนจะเกิดเป็นคนกำลังใจเกาะพระจะเกิดเป็นเทวดา อย่างเก่งของเขาก็จะเกิดเป็นเดรัจฉานอย่างเดิม โอกาสที่จะลงอบายภูมิต่ำกว่านั้นมันน้อยมาก....เพราะฉะนั้นพวกนี้จะได้เปรียบเราเยอะ เกาะอะไรได้อันนั้นเลย

    ถาม : ทำไมจิตของพวกสุนัขถึงไม่ตกต่ำมากกว่าที่มนุษย์เราเป็นอยู่ ?

    ตอบ : เพราะว่าความหยาบของจิตของเขา ทำให้เขาต้องจำกัดอยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉาน ก็เป็นการลงโทษมามากพอแล้ว อีกอย่างหนึ่งโอกาสที่เขาจะทำผิดในลักษณะที่เรียกว่า ละเมิดสิ่งที่เป็นกรรมใหญ่เป็นอะไรมันน้อย โอกาสจะลงอบายภูมิก็ยาก
     
  11. piecake00

    piecake00 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +297
    ถ้าก่อนที่มันจะหมดลมหายใจ จิตของมันยึดอยู่ที่ดิฉันละคะ
    มันจะไปอยู่ที่ไหน หรือว่า ยังวนเวียน เป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่
    แล้วถ้าจิตของมัน ยึดมั่น อยู่กับดิฉัน มีโอกาศ จะได้มาพบกันอีกไหมคะ

    กราบขอบพระคุณมากคะ
     
  12. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ส่วนมากหมาแมวเวลาจะตาย มันจะมักไปแอบตายอย่างสงบมากกว่า
    หมาแมวคงไม่รู้จักความตาย รู้แต่ว่ามันป่วย มันเจ็บ มันไม่ไหว ต้องการพักผ่อน
    ชาติลำดับถัดไปของสัตว์พวกนี้ อาจจะถูกกำหนดไว้แล้วก็ได้
    อาจะเป็นหมาเหมือนเดิม เพราะจิตแบบหมาๆ ก็เกิดแบบหมาๆ
    แต่ถ้าใกล้ชิดคนมาก จนมันคิดว่าอยากเป็นคนขึ้นมา
    ก็อาจจะไปเข้าท้องคนแล้ว ก็เป็นได้
    แต่จะไปเข้าท้องใคร ต้องดูที่วิบากกรรมของจิตดวงนั้นว่า
    เหมาะกับครอบครัว และสังคม ปัจจัยโดยรอบ แบบไหน
     
  13. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    น้องหมาเค้าก็วนเวียนอยู่กับคุณและคนในครอบครัว
    เป็นเทพยดาประจำตัวคุณ คอยคุ้มครองคุณและคนในบ้าน
    ถ้าเขามีฤทธิ์เดชมาก ต่อไปจะแสดงอะไรสักอย่างให้คุณทราบว่าเขายังอยู่กับคุณที่บ้าน เช่นมาเข้าฝัน เป็นต้น
     
  14. piecake00

    piecake00 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +297
    ขอบพระคุณมากนะคะ งั้นแปลว่า เค้าคงไปในที่ ที่ดีแล้ว
    เพราะไม่แม้แต่จะมีกลิ่น หรือสิ่งใดๆทั้งสิ้นเลยคะ
     
  15. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    หยุดคิดได้แล้ว เค้าไปที่ดีตามบุญใหญ่ที่คุณอุทิศให้
     

แชร์หน้านี้

Loading...