เรื่องเล่า ประสบการณ์ลี้ลับ ( โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ )

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Kalina, 26 มกราคม 2014.

  1. charoenrat

    charoenrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +108
    รอติดตามตอนต่อไปอยู่ค่ะ
     
  2. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515


    เชื่อค่ะ ว่ามีเมืองลับแล แถว แพร่ กะอุตรดิตร์ สุโขทัย

    บรรยากาศ แพะเมืองผี ก็เหมือนเมืองผี จริงๆเลยค่ะ

    วังเวง แม้ยามกลางวันเลยทีเดียว

    ตรงที่มีหิมะ เป็นป่าหิมพานต์ รึป่าวคะ เมืองนี้ เป็นแดน คนมีวิชาอาคม ไปเกิดกันเยอะ ค่ะ พระท่านว่า มีฤาษี ชีไพร นักสิทธิ์ วิทยาธร ฯลฯ น่าตื่นเต้นดี
    วันหลัง คุณกาลีนะ ไปเที่ยว มาบ้างก็มาเล่าให้ฟังต่อนะคะ

    ขอบคุณ มากนะคะ

    ที่อุตสาหะ เล่าเรื่อง ทั้งยังสืบค้นข้อมูล มาให้ คนอ่านเปิดหูเปิดตา น้อ


    (ข้าน้อยพูดเหมือนคนแก่ ที่อยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหนแฮะ)
     
  3. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... คะ .. จะถามเจ้าตัวก่อนนะคะถ้ามีอะไรเกี่ยวกับเขา .. เด้ววันนี้คงไม่ได้เล่า .. เพราะงานที่ร้านเยอะคะ ... พี่ระมิงบอกว่าไม่เรียกว่าเมืองลับแลคะ ... แต่ก็ไม่รู้ชื่อหมู่บ้านเหมือนกัน .. แต่เมื่อวานเขาก็บอกว่า ลับแล พูดแค่นี้คะ ..
     
  4. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ไม่เล่าเรื่อง ... บอกแค่บรรยากาศเฉย ๆ คงไม่ผิดมั้ง .. อิอิ เพราะถามเขาแล้วบอกว่าไม่อยากให้เล่าเดี๋ยวคนจะหาว่าเขาบ้า ...

    ... สถานที่ที่ตอนนี้เขาไปบ่อย ๆ ในฝันนั้น .. เป็นสถานที่ใหญ่โต หรูหรา คล้ายคฤหาสถ์ หรือ พระราชวัง ไม่แน่ใจ .. ล้อมรอบไปด้วยหิมะ และ เกร็ดน้ำแข็ง เป็นภูเขาสูงใหญ่ .. มองไปไกล ๆ จะเห็นเหมือนมีภูเขาไฟ .. สถานที่นั้นมีไว้เพื่อฝึก ... ไม่มีเพศ ตัวคล้ายโปร่งแสง .. เขาเองก้ไม่รุ้ว่าคือที่ไหนคะ เราเองก้ไม่รู้เช่นกันแต่ฟังแล้วก็แปลกดีเพิ่งเคยได้ยินแต่เขาไปที่เดิมนี้มาจะร่วม ๆ เดือนละ .. แต่ใจหนึ่งก้คิดว่าใช่ที่เดียวกันกับที่เคยฝันว่าไปเจอคนรักที่อยู่บนยอดเขาที่มีหิมะตก หรือ เปล่า ... รุ้แค่ว่าไม่ใช่โลกมนุษย์ .. หรือ บ้างทีอาจเป็นแค่ความฝันซ้ำซากก็ได้ ..
     
  5. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 7 เรื่องเล่าของพ่อ .. ตอนที่ 1 .. ไปเล่นสาวบ้านใกล้

    .... เรื่องนี้พ่อแกเล่าให้ฟังสมัยแกยังเด้ก ๆ เลยคะ .. น่าจะสักห้าสิบกว่าปีที่แล้วนะคะ .. ด้วยความที่ปู่เป็นนายฮ้อยขายผ้าตามหมู่บ้านทำให้พอมีฐานนะอยู่บ้าง สมัยก่อนนิยมมีลูกหลายคนทำให้ปู่แกมีลูกถึง 12 คน คนโตเป็นผู้หญิงที่เหลือเป็นผู้ชายหมดเลยคะจากเมีย 2 คน .. แล้วนึกสภาพว่าลูกเกิดหัวปีท้ายปีก็จะเป็นวัยรุ่นพร้อมกันหมด ... พวกพี่ชายของพี่ หรือ ว่าลุง ๆ พอว่างจากงานตกเย็นก็มักจะชวนกันไป " จีบสาว "

    .... การไปจีบสาวของลุง ๆ นั้นต้องไปต่างหมู่บ้านคะ ไม่ใช่ว่าสาว ๆ ในหมู่บ้านไม่มีนะคะ .. มีคะแต่ส่วนมากจะเป็นเครือญาติกันเอง .. เลยต้องไปจีบสาวหมุ่บ้านอื่น ๆ พอตกเย็นนี้เอาละรีบอาบน้ำแต่งตัวหล่อกันทันที หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องปะแป้งให้หอมเต็มสูตรแล้วก็ชวนกันเดินลัดทุ่งนาไปบ้านสาวที่อยู่หมู่บ้านถัดไป ...

    ... สมัยก่อนนั้นแถวนั้นจะมีเรื่องเกี่ยวกับ ผี สาง คุณไสยย์ เยอะพอสมควรเลยคะ ไฟฟ้าก็ไม่มีต้องจุดตะเกียงกันเวลาค่ำ .. ลุง ๆ ก็เลยต้องจุดคบไฟเพื่อให้แสงสว่างโดยมีคนถืออยู่หัวท้ายแล้วก็เดินต่อแถวกันไปตามคันนา .. ช่วงนั้นเรื่องมีปอบออกอาละวาดในหมู่บ้านต่าง ๆ แต่พวกแกไม่กลัวคะด้วยก้พอมีวิชาติดตัวกันบ้างจากปู่ที่สอนให้ลูกชายทุกคน ..

    ... พวกแกเดินไปจนออกนอกเขตหมู่บ้านไปไกลพอสมควรก้ไปเจอกับต้นไม้ใหญ่ จำได้พ่อบอกว่าเป็นต้นพุทราที่มีหนามนะคะ ตอนแรกก็ปกติคะบรรยากาศท้องนายามค่ำคืน หนุ่มน้อยทั้งหลายพี่น้องก็คุยกันเสียงดังเลยทีเดียว พอมาถึงต้นไม้ต้นนี้ทุกคนก็เงียบเองโดยไม่ต้องสั่ง .. พวกแกกำลังจะเดินผ่านต้นไม้นี้ไปจู่ ๆ ต้นไม้นั้นก็สั่นเหมือนมีคนโยกอยู่บนต้นไม้ .. พวกแกเลยมองขึ้นไปบนต้นไม้ ... เจอกับ " ค่าง " หลายตัวกำลังขย่มต้นไม้ใส่พวกแกอย่างแรง แล้วก็มีลมพัด ... ลุง ๆ ก็รู้เลยว่าเจอดีเข้าแล้ว เพราะค่างพวกนี้มันมีลักษณะต่างจากค่างอื่น ๆ ไม่กลัวคน + ตาสีแดงเพลิง + หางยาวมาก ลักษณะตามแบบที่เขาเรียกว่า " ค่างพราย " พวกแกเห็นแบบนั้นแล้วก็รีบพากันเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างไวโดยไม่ต้องนัดหมายกันเลยทีเดียว มีเสียงกิ่งไม้หักตกลงมาไล่หลังดัง .. โครม ! แต่พวกแกก็ไม่มีใครกล้าหันหลังกลับสักคนได้แต่รีบเดินไปให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้า

    ... จนเช้าพวกแกถึงพากันเดินกลับบ้านโดยต้องผ่านที่ตรงนั้น แต่สภาพตรงต้นไม้นั้นไม่มีร่องรอยของเหตุการณ์เมื่อคืนเลย .. ไม่มีค่างอยู่แถวนั้นด้วยแล้วรอบแถวนั้นไม่มีป่ามีแต่ทุ่งนาค่างมันจะไปหลบที่ไหน .. พวกแกมั่นใจมากว่านั้นคือ " พรายปอบ " อย่างแน่นอน .
     
  6. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 8 บ้านฉันมีเสาตะเคียนตกน้ำมัน .. เธอสวยดุ

    ( ไม่แน่ใจว่าเล่าในที่อื่นหรือยังถ้าซ้ำขออถัย)

    .... เรื่องนี้เราได้มีประสบการณืพอสมควรกับนางตะเคียนตนนี้เพราะเธออยู่ในเสาบ้าน ( บ้านเก่า ) เราเอง .. ตอนนั้นพ่อเราสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาเองเพื่อจุดประสงค์บางอย่างตามความชอบของแก .. แต่เรื่องมันมีอยู่ว่าด้วยความที่แกเป็นคนที่แปลกอยู่สักหน่อย แกชอบเอาไม้ต้องห้าม ไม้อาถรรพ์ ต่าง ๆ มาสร้างบ้านหลังนี้โดยแกจะเป็นคนเข้าป่าไปตัดเองแล้วชักลากออกมาเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ ...

    ... แกได้ไม้ตะเคียนทรงสวยมาต้นหนึ่ง .. ตอนแรกแกบอกว่าแกจะเอามาทำเสาเอกของบ้าน .. แต่แกเปลี่ยนใจเอาเสาไม้ประดู่มาทำแทนแล้วเอาเสาตะเคียนนี้ไปทำเสาโทแทน .. ตอนแรกที่สร้างบ้านนั้นพวกเรายังไม่ได้ขึ้นไปอยุ่เอง พ่อให้พวกพี่ ๆ ซึ่งเป็นหลานขึ้นไปอยุ่ก่อนแถมยังไม่ได้ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ด้วย ...

    ... เรื่องมาเกิดตอนที่พี่ลุนวิ่งมาบอกพ่อว่าพี่ยงค์เป็นไรไม่รู้เรียกยังไงก้ไม่ตื่นแต่มีลมหายใจ พ่อแกวิ่งขึ้นไปดูแล้วก็บอกว่าพี่ยงค์แกโดนผีอำให้ไปแต่งขันธ์ 5 มา .. แล้วแกก้สวดมนต์สักพักวางขันธ์ลงลุกขึ้นแล้วเตะไปที่พี่ยงค์คะฟื้นเลย .. เราเองตอนนั้นยังเด็กมากตัวเล็ก ๆ เลยแทรกเข้าไปดูได้ใกล้ ๆ ตรงปลายเท้าพี่เขาคะ ภาพที่เราเห็นนั้นคือพี่เขานอนหัวตรงเสาตะเคียนต้นนั้นพอดี เหมือนคนนอนหลับ ... ตื่นมาก็ปกติดีเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แถมมาถามว่าพวกหนูมาทำอะไรกันเยอะแยะ ...

    .... แกเล่าว่าตั้งแต่แกมานอนบนบ้านมักมีสาวสวยมาหาแกเกือบทุกคืน .. มาชวนไปอยู่ด้วย .. วันนี้เธอก็มาอีกบอกว่าจะพาพี่ไปอยู่ด้วยกำลังยื้อกันอยู่สักพักแล้วแกก้ตื่นนอนมานี้แหละ .. เราถามแค่ว่า " พี่เจ็บไหม๊ พ่อเตะแรงมากเลยนะ " แกบอกว่า " ไม่เจ็บ " เออก็แปลกดีเหมือนกันคะ ...

    .... หลังจากนั้นพ่อก็ให้เรามาดูที่เสาโดยให้พี่ ๆ ลงไปมีแค่เรากับพ่ออยู่บนบ้าน ... แกก้ทำอะไรสักอย่างกับเสานั้นตอนหลังแกบอกว่าเป็นการสะกดนางไม้ไม่ให้ทำร้ายคน .. แต่ว่าเราก็เห็นเธอออกมาเพ่นพ่านบนบ้านเรื่อย ๆ นะคะ

    ... ถามว่านางไม้ตนนี้เธอสวยไหม๊ เราว่าเธอสวยนะคะ ใส่สะไบสีแดงห่มเฉียง ทัดดอกไม้ใหญ่ ๆ หน่อย แต่เราไม่เคยเห็นเธอยิ้มเลยหน้านิ่งตลอด .. ทำให้เรากลัวเธอมากคะ .. เธอจะแสดงตัวบ่อย ๆ ด้วยการเดินคะ บางคนก็บอกเราว่าแค่บ้าน " มันร้อง " แต่ถ้าบ้านร้องทำไมมันต้องดังเหมือนเวลาคนเดินบนบ้านด้วยละ .. เสียงจะดังไปในทิศทางเดิมตลอดจากเสาต้นนั้นไปทางหลังบ้านแล้วก็เงียบไปสักพักแล้วจะดังย้อนกลับมาที่เสาตนเดิม อาทิตยืหนึ่งประมาณ 3 - 4 วัน เรียกว่า ชินกับเสียงนี้ ...
     
  7. Highlander

    Highlander เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +325
    มาอ่านต่อค่ะ
     
  8. พรจีร

    พรจีร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +267
    มารออ่านและเกาะติดหน้าจอรอฟังเรื่องเร้นลับ....เจ้าของเรื่องสุดยอดเลยค่ะ

    เจอแต่ละเรื่องสุดหลอนจิงๆ....ยังไงๆก้ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ...."คุณกาลีนะ"
     
  9. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่านเรื่องของเรา ... ^_^ .. กำลังคิดว่าจะเล่าเรื่องอะไรดีกลัวมันซ้ำกันคะ สงสัยต้องจดบันทึกเรื่องที่เล่าไปแล้วสะที .. คืนนี้เอาเรื่องสั้นไปสักเรื่องแล้วกันนะคะ ...
     
  10. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 9 เสียงอะไรในป่าดงโจร ..

    .... แค่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าดงโจร .. แสดงว่ามันต้องเป็นสถานที่ที่ดูน่ากลัว และ ลึกลับแน่นอน .. ตอนนั้นเราอายุได้สัก 4-5 ขวบ พ่อนอกจากทำอู่ซ่อมรถแล้วแกยังทำไร่ด้วยคะ ด้วยการไปเช่าไร่ของคนรู้จัก แกก็จะพาแม่ กับ ลูกจ้าง หรือ พวกพี่เด็กอู่ไปทำไร่ด้วยคะเวลาว่างจากงานซ่อมรถ .. จำได้ว่าพ่อเคยพาไปทำไร่ที่แถว " ดงโจร " ที่ชื่อนี้เพราะมีเรื่องเล่าว่า พวกผู้ร้าย พวกคอมมิวนิสสมัยก่อนมักจะมาหลบกันในป่าแถวนั้นเยอะคะ .. แต่พ่อแกไม่กลัวคะ เพราะอะไรนะเหรอคะเพราะส่วนมากพ่อรู้จักกันไงคะ .. แกกว้างขวางมากเลยทีเดียว สมัยสามสิบกว่าปีที่แล้วนั้นความเจริญยังแทบหาไม่เจอเลย .. พอต้องพาเราไปทำไร่ข้าวโพดด้วยทางเข้าไปมันจะอยู่ระหว่างบ้านบนศรีวิไล กับ บ้านพิจิตร เราต้องนั้งรถอีแต๊กเข้าไปเพราะทางเข้าไปสมัยนั้นโหดมาก .. นั้งกันหัวสั่นหัวครอนกว่าจะถึงเข้าไปลึกจนถึงกลางป่าที่มีแต่ไร่ข้าวโพดสลับกับแนวป่า ... ไร่ที่เราไปทำมันสุดทางพอดีคะ หลังจากเจอแยกเล็กน้อยซอยออกมา ไร่จะมีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านด้านล่างเลยไปจะเป็นแนวป่าที่ยังมีสัตว์ป่าอยู่เยอะพอสมควร ฟังจากเสียงร้องของมันนะคะ ...

    ... มีเถียงนา ( กระท่อม ) ขนาดใหญ่เสา 15 ต้นปลูกไว้มีแต่หลังคาไม่มีฝาปิด ... พอจะเอาของใช้ทุกอย่างขึ้นไปไว้ด้านบน ... แน่นอนรวมทั้งเราด้วยที่ต้องถูกขังไว้บนเถียงนาใหญ่นี้ ... แล้วแกก็จะเอาบันไดออกเวลาที่แกออกไปทำไร่กัน ปล่อยเรานั้งเล่นคนเดียวอยู่บนนั้น ... นึกสภาพว่ามีแต่ป่า กับ ไร่ข้าวโพด เด็กสี่ห้าขวบนั้งอยู่บนถียงนาสูงสักสามเมตรกว่าแล้วกันคะว่าเราจะมองเห็นได้ไกลแค่ไหน ...

    ... แรก ๆ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกคะ .. แต่พอนานไปสักพักมันมักจะมีเสียงแปลก ๆ ดังสลับมากับเสียงสัตว์ร้อง ... จำได้ว่า " ชะนี " นี้ร้องเยอะสุด " ผัว ผั่วะ ผัวววว แบบนี้ทั้งวันคะ แต่บางวันป่าจะเงียบนะคะเราตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน ... ส่วนเสียงแปลก ๆ ก็เช่น เสียงดังแบบเหมือนมีใครหักไม้ดังเปาะ ๆ แต๊ก แตะ แต๊ก .. มาแต่ไกล ๆ ในฝั่งป่า เสียงหวีดดดดยาว ๆ บ้าง เอาเป็นว่าหลอนไปเลยตอนนั้น ..

    ... แต่มีครั้งหนึ่งที่เกิดมีเรื่องแปลกกับเราจนพ่อไม่กล้าปล่อยเราให้อยู่ข้างบนคนเดียว .. ( จำไม่ได้ทั้งหมดนะคะเพราะเด็กมาก ๆ ) ทุกคนออกไปหักข้าวโพดที่ไร่ที่ไกลออกไปจากเถียงนามาก .. เราก็นั้งเล่นคนเดียวตามปกติ .. เราได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังเดินลัดเลาะป่าข้าวโพดมาทางเถียงนาที่เราอยู่ .. เราเลยวิ่งไปยืนดูตรงสุดชานพอดีเห็นเป็นพี่ที่พ่อจ้างมาทำงานช่วย .. เขาเรียกชื่อเราแล้วบอกว่าหิวน้ำอยากกินน้ำ .. แล้วกวักมือเรียกเราให้ลงไปหาเขาที่ด้านล่าง .. เราก็ตะโกนบอกว่าเราจะลงไปได้ยังไงไม่มีบันไดพี่หิวก็เอาบันไดมาพาดขึ้นเองสิ .. แกไม่ตอบคะแต่ยืนมองหน้าเราแบบไม่พอใจ .. สักพักก็มีเสียงคนเดินมาทางเถียงนาอีกเราก็ชะเง้อมองไปเป็นพ่อเราเองคะแกเดินมาดูเรา .. เราดีใจมากเลยเพราะเรารู้สึกกลัวพี่คนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ... พอเราหันมาหาพี่คนนั้นก็ไม่มีแล้ว .. ไม่รู้หายไปไหน ....

    ... พ่อมาถึงแกก็เอาบันไดพาดขึ้นมาเราเลยบอกแกว่าพี่คนนี้มาที่เถียงนาแต่ไม่ยอมขึ้นมาแต่กวักมือเรียกเราให้ลงไปหา ... พ่อไม่พูดอะไรนอกจากบอกว่าดีแล้วที่ไม่ลงไป .. ให้จำคำแกไว้ห้ามลงไปข้างล่างเด็ดขาด .. แล้วแกก็พาเราลงไปอยู่ในไร่ข้าวโพดด้วย ... เราเลยต้องไปนั้งเล่นบนตอไม้ใหญ่แทน ... คิดแต่ว่าดีกว่านั้งหลอนคนเดียวบนเถียงนา ..

    ... พอกลับมาบ้านแกบอกแม่ว่าผีป่ามาเรียกเราให้ลงไป .. แต่นั้นมาแม่ กับ พ่อ เลยพาเราไปไหนมาไหนด้วยเวลาแกลงไปทำไร่เราก็จะนั้งเฝ้าของไว้แกไม่กล้าปล่อยเราไว้คนเดียวอีกเลย ... เพราะมารู้ตอนหลังว่าที่แถวนั้นผีดุมากชนิดว่าทำไร่เสร็จแล้วต้องรีบกลับก่อนตะวันตกดิน .. ไม่ค่อยมีใครกล้ามานอนเฝ้าไร่แถวนั้น ยกเว้นพ่อเรากับคนรู้จักไม่กี่คนเท่านั้น ... ด้วยทั้งผีป่า ผีพวกที่ถูกลวงมาฆ่า ผีพวกคอมมิวนิสที่สู้กันตายมีอยู่ทั่วไปแถวนั้น ...
     
  11. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 10 อาถรรพ์ที่ดิน ..

    ... เมื่อสองวันก่อน " อาต้อย " แกเป็นอาสะใภ้ของเราเอง แกมักมาเล่นกับพวกเราบ่อย ๆ ที่ร้านเรา .. เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน .. เราเลยได้โอกาศถามแกในบางเรื่องที่เราไม่แน่ใจเรื่องเกี่ยวกับที่ดินที่เราอาศัยอยู่นี้ว่ามีใครมาทำอะไรไหม๊เพราะมันเคยเป็นที่ผืนเดียวกัน .. เราเองก็เคยสืบค้นเกี่ยวกับที่แถวนี้มาเหมือนกัน

    .... ได้ความว่าสมัยตั้งแต่บรรพบุรุษเรามาตั้งหมู่บ้านจากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ร้อยกว่าปีมาแล้ว .. ที่ก็ถูกแบ่งให้ลูก ๆ มาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายที่ที่ อาต้อย อยู่ซึ่งเคยเป็นที่มรดกของตาเราเองแล้วตาของเราก็ขายต่อแกมยกให้น้องสาว คือ ย่าของ อาต้อย นั้นเอง .. ส่วนที่ที่เราอยู่นั้นเป็นของน้องของตาอีกคนก่อนจะขายให้คนอื่นไป .. จากนั้นก็มีการไถถมที่เพื่อปรับหน้าดินสร้างที่สร้างบ้านกัน

    ... โดยเขตแดนระหว่างที่ดินสองที่นั้นมีต้นมะขามขนาดใหญ่อยู่กับโพนปลวกขนาดใหญ่มาก .. ที่ดินตรงนี้ขึ้นชื่อลือชาเรื่อง " ผีเฮี้ยนมาก " เจอดีกันอยู่บ่อย ๆ จนเป็นที่รู้กันของคนแถวนี้ .. พอถมที่สร้างบ้านแล้วที่ดินตรงส่วนของเรายังเป็นที่โล่งอยู่ .. จอมปลวกนั้นก็ขึ้นมาอีกเหมือนเดิมแต่ขนาดเล็กลง .. อาจเป็นเพราะที่ดินถูกถมสูงขึ้นมาเกือบ 2 เมตร .. เราเองก็ไม่ทราบว่าได้มีการทำพิธีอะไร หรือ เปล่านะคะ .. แต่น่าจะมีก็มีความเชื่อทางด้านนี้อยู่มากที่เดียว

    ... สมัยที่ อาต้อย และ ครอบครัวย้ายมาอยู่ใหม่ ๆ จะมีบ้านสองหลัง คือ บ้าน อาต้อย ที่อยู่กับย่า และ บ้านลูกชายคนโตของย่าอาต้อย .. จะเป็นที่รู้กันว่าถ้ามีการด่ากันทะเลาะกัน หรือ พูดจาไม่เพราะ .. จะต้องมีปัญหาแปลก ๆ เกิดขึ้นกับคนในบ้าน .. ตัว อาต้อย เองตอนมาอยู่ใหม่ ๆ ก็เคยฝันเห็น ตาปะขาว มาหาแกที่บ้านครั้งหนึ่งเหมือนกัน

    ... แล้วเมื่อสัก 4 - 5 ปีก่อน ได้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น กับ หลานสาวของเราที่เป็นลูกของพี่ชายคนโต ที่ตอนแรกก็ปกติดีตอนนั้นเรียนอยู่ ป.4 หลังจากที่เลิกเรียนกลับมาบ้านอยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นไม่มีแรงไปเฉย ๆ เดินไม่ได้ .. ไปหาหมอก็บอกว่าเธอเป็น " โรคอ่อนแรง กล้ามเนื้อไม่มีแรง " ต้องนอนซมอยู่แบบนั้นนานพอสมควร

    ... จนพ่อแม่ของเะอได้หันมาพึ่งไสยญ์ศาสตร์แทน .. ก็มีคนทักว่าอาจเป็นเพราะที่ดินที่อยู่ทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น .. ต่างก้คิดหาทางแก้ไขจนได้ไปพบพระรูปหนึ่งที่มีคนแนะนำว่าท่านเก่งมาก ๆ ได้นิมนต์ท่านให้มาช่วยทำพิธีให้ .. ตอนนั้นได้มีการขุดลงไปตรงกลางบ้านของหลานสาวคนนี้แล้วก็ฝังอะไรไม่ทราบลงไป อาต้อย แกไม่ได้เห็นตอนเขาทำพิธีนี้คะแต่ผลคือไม่นานหลานสาวก็กลับมาเดินได้เป้นปกติดี

    .... นอกจากนี้แล้วก็จะมีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นกับหลายคนที่มาอยู่ที่นี้ .. เช่น ใครคิดไม่ดี พูดไม่ดีไม่เพราะ โดยเฉพาะด่าบรรพบุรุษฝ่ายแม่เราแล้วก็มักจะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น .. ซึ่งต้องยอมรับว่าคนอีสานขอบด่าด้วยคำว่า " บรรพบุรุษทางแม่ " แม้แต่แม่เราเองก็เถอะ .. แกชอบด่าว่าเราบ่อย ๆ มักจะลงท้ายด้วยแกจะต้องปวดขา หรือ แม้แต่คนที่มาเช่าที่เปิดร้านซ่อมข้างบ้านเราที่หลานสาวเราอยู่แกก็เคยเจอดีมาแล้วเหมือนกัน แกเล่าว่าเคยมีคนเห็นชายแก่แต่งตัวโบราณหน่อยเดินหลังค่อม ๆ เวลาดึก ๆ มักเอามือขัดหลังเดินไปมาเหมือนสำรวจที่ของแก ( บางทีแม้แต่ลูกชายเราเองตื่นนอนมาตอนดึก ๆ ก็มักจะชอบเดินเอามือขัดหลังเดินหลังค่อม ๆ แบบคนแกมาหาเราบ่อย ๆ ) หรือ บางทีแกไม่ชอบขี้หน้าใครแกก็จะทำเสียงหลังคาดัง ๆ ใส่ เหมือนคนกระโดดลงมาจาหลังคาก็มี ..

    ... ส่วนเราเองตอนแรกแม่เราไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้มันเป็นเพียงร้านผ้ามือสอง .. ตอนที่เรามาเซ้งต่อที่นี้เราได้เดินมาที่ตรงจอมปลวกแห่งนี้ซึ่งตอนนั้นขึ้นเป็นรูปนูนโค้งสวยมากเหมือนคนมาปั้นไว้เรียบสนิท .. เราไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีตอนที่เรารอแม่เราคุยกับคนเช่าเก่าเราก็เดินมาเอามือจับที่จอมปลวกสองข้างแล้วอธิฐานจิตคุยกับจอมปลวก ( เราก็เดาเอาว่าน่าจะมีอะไรพิเศษอยู่ ) ถ้าเรามีวาสนาต่อกันก็ขอให้เราได้มาอยู่ที่นี้ หรือ ได้เป็นเจ้าของที่นี้ ..

    ... จากนั้นไม่นานเราก็ได้ที่ตรงนี้มา .. ตอนเราสร้างร้านนี้ขึ้นมานั้นแม่เราเขามีแฟนอยู่ คือ พ่อเลี้ยงของเราเขาเป็นคนสร้างที่นี้ และ เป็นคนทุบจอมปลวกนี้ทิ้งไปโดยไม่ได้ทำพิธีขออะไรเลยเราเองก็ถามแม่แต่แม่เขาไม่ฟังเราเลยเขาทำตามที่เขากับแฟนเขาคิดเองทุกอย่าง .. แค่เริ่มก็ไม่ดีแล้ว .. แล้วมันก็ไม่ดีจริง ๆ ด้วยเรียกว่าอยู่กันไม่เป็นสุขกันเลยทีเดียวมีแต่เรื่องราวให้วุ่นวายตลอด .. สุดท้ายพ่อเลี้ยงเราก็ต้องระเห็ดออกไปจากร้านี้ และ ชีวิตขิงพวกเราตลอดไป .. ตัวเราเองก็เจออาถรรพ์ที่นี้เหมือนกันแต่สุดท้ายเราก็อยู่ร่วมกันมาได้จนทุกวันนี้แหละคะ

    ... จอมปลวกนี้ก้ได้ก่อตัวขึ้นมาอย่างที่เราเคยเอามาลง เอามาเล่าให้ทุกคนฟัง .. แล้วก็มีเรื่องแลกอยู่อย่างหนึ่งคะ ไม่ว่าเราจะไปสมัครงานที่ไหนก็จะติดขัดไปหมดตอนแรกเราไม่เข้าใจ .. จนแฟนเรามาอยู่ที่นี้ด้วยเขาก็เจอไปพอสมควรแต่ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นที่รักของที่นี้มากกว่าเราเสียอีก ... เห้อ ๆ เขาบอกเราว่ามีคนบอกเขาที่หูขวา ( เราถามเขาว่าได้ยินข้างไหน ) ว่า " เขาให้เราเป็นแม่ค้า ให้เราอยู่ที่นี้ ให้เราอดทน แล้วทุกอย่างจะดีเอง " เราก็คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นคะ .. เรากับแฟนเลยตกลงกันว่าเราจะอดทนอยู่ที่นี้จนกว่าเจ้าของที่เขาจะเชิญออก 55555555555 ... ถึงแม้ต้องต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นข้างนอกร้านนี้ก็ตาม ... อย่างน้อยที่นี้ก็ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ .
     
  12. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 11 เรื่องเล่าของพ่อ ตอน 2 ปอบ 108 ( ห่าก้อม ) เมืองลิง

    .... เรื่องนี้พ่อจะเล่าให้ฟังบ่อย ๆ แล้วตอนหลังเราก็เคยได้มีโอกาศถามญาติของพ่อว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงไหม๊ .. คำยืนยัน คือ จริง อาจมีแค่เรื่องการตายของย่าเท่านั้นที่มีคนมองต่างมุมจากที่พ่อเราบอก ..

    ... สมัยนั้นสักห้าสิบปีที่แล้วพ่อเรายังเด็กยังเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่6 สมัยนั้นต้องนึกสถาพบ้านนอกในภาคอีสานที่ยังเป็นทางเกวียนอยู่เลย พ่อมักได้ยินเรื่องราวของ " ผีปอบ " มาเข้าสิงคน มากินคน อยู่บ่อยครั้งในหลาย ๆ หมู่บ้าน สมัยนั้นวิทยาศาสตร์ไม่ต้องพูดถึงยังไม่เป็นที่ยอมรับมากเท่ากับเรื่องไสยย์ศาสตร์ .. พอมีปอบเข้าหมู่บ้านไหนก้จะมีการทำพิธีขับไล่บ้าง จับปอบถ่วงน้ำ หรือ ขังไว้ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติทั่วไป .. สำหรับเรื่องแบบนี้สำหรับคนอื่นอาจไม่คิดอะไรมากแต่สำหรับพ่อเรานั้นไม่ใช่ เพราะพ่อต้องสูญเสียแม่ของแก หรือ ย่าของเราไปกับเรื่องแนวนี้ .. มันเป็นปมในใจแกเสมอมาจนทุกวันนี้ในสายตาของเราทำให้แกสนใจเรื่องวิชา หรือ ไสยย์ศาสตร์ มาตั้งแต่เด็ก ๆ

    .... เมื่อปอบมีมากขึ้นแล้วมีการขับไล่กันเยอะเช่นกัน .. ทำให้ปอบพวกนี้ไม่มีที่อยู่ที่กินดิ้นรนหนีตายนานเข้าพวกมันก็เริ่มแก่วิชาขึ้นเฮี้ยนขึ้นที่เขาเรียกว่า " ห่าก้อม " ลุงป้าเราบอกว่ามีมากมายเกินร้อยกว่าตัวจนได้ฉายาว่า " ปอบ108 " มันมีความดุร้ายมากจนเป็นหวาดกลัวของชาวบ้านในแถบนั้น มีการว่าจ้างหมอผีหลายคนมาปราบแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่เพราะมันมีมากเกินไป ชาวบ้านเดือนร้อนไปทุกย่อมหญ้าไม่เป็นอันกินอันนอน .. นึกสภาพว่าถ้ามันเข้าหมู่บ้านไหนหมู่บ้านนั้นสัตว์เลี้ยงแทบจะไม่เหลือ .. แม้แต่ชาวบ้านค่ำมาต้องปิดบ้านปิดไฟนอนใครมีของดีอะไรก็งัดกันออกมาใช้เพื่อป้องกันตัวเอง และ คนในครอบครัว .. สมัยนั้นปู่เราแกก็ยังคงทำมาหากินของแกไป คือ ยังคงรอนแรมไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อขายยาสมุนไพร และ ผ้าไหม ผ้าแพร แถมย่าเราตอนนั้นก็ท้องแก่ใกล้คลอด .. เราถามพ่อว่าปู่ไม่กลัวเหรอแกก็บอกว่าปู่เขามีวิชาของเขาเอาตัวรอดได้แกเก่งมาก .. แต่ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าปู่กับย่าหน้าตายังไงจนโตมาถึงได้รู้ ...

    .... เมื่อชาวบ้านแถบนั้นเดือดร้อนมากขึ้นจนทนไม่ไหวเลยพากันลงขันธ์แล้วส่งตัวแทนไปว่าจ้างหมอผีจากต่างถิ่นมาไล่ .. คราวนี้จ้างแบบหลายคนเลยเพื่อมาจัดการกับปอบพวกนี้ .. เมื่อกลุ่มหมอธรรมมาถึงได้มีการกำหนดสถานที่ทำพิธีต่าง ๆ และ ให้มีการขุดหลุมขนาดใหญ่ และ ลึกมาก แล้วเอาท่อแบบท่อที่เขาใช้ทำท่อส้วมนะคะ โบกปูนตรงพื้นล่าง และ โอบด้านข้างไว้แน่นหนา .. เขาเรียกว่า " ส่าง " เมื่อมีการเตรียมของทุกอย่างพร้อมแล้วก็มีการไปไล่ปอบตามที่ต่าง ๆ เรียกว่า " เซี่ยงข้อง " วิ่งกันให้วุ่นไปเลยคะ .. แล้วหลุมที่เตรียมไว้ตอนแรกก็เพื่อเอาไว้ " กักขังปอบทั้งหมดไว้ " เรียกว่ามากมายเลยทีเดียว แล้วก็ได้ทำการปิดผนึกหลุมนี้ไว้ด้วยการเอาฝาท่อปิดแล้วเอาปูนโบกทับอีกที ...

    .... จากตอนนั้นจนตอนนี้ก็ 50 ปีพอดีคะ .. ทุกคนคงอยากรู้ว่าเขาขังมันไว้ที่ไหน .. เราคงบอกตรง ๆ ไม่ได้เพราะมันอาจจะมีปัญหาภายหลัง แต่ที่นั้นจะมีลิงอยู่จำนวนมาก ลิงพวกนี้เล่าว่าเป็นลิงที่มีเจ้าของใครจะไปทำร้ายพวกมันไม่ได้ ... แล้วมันจะอยู่แค่เฉพาะที่เท่านั้นไม่ค่อยออกมาจากเขตป่าตรงที่มันอยู่ มีมากมายหลายร้อยตัวและมันก็ไม่กลัวคนด้วย บางตัวดุร้ายมาก .. อันนี้เราเจอมาแล้ว .. เห้อ ๆ .. สถานที่นั้นเล่าว่าเคยเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งสมัยขอมเรืองอำนาจ มีแม่น้ำชีไหลผ่าน และ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่มีอาถรรพ์แรงมากที่หนึ่ง ... เราไปมาหลายครั้งก็บอกได้แค่ว่ามันแรงจริง ๆ เหมือนมีสายตาคนนับร้อยคู่จ้องมองเวลาเราอยู่ที่นั้น .. เราเคยอุตริจะไปเดินหา หลุมที่เขาขังปอบไว้ว่ามีจริงไหม๊ .. แต่เจอกับบรรยากาศ และ ลิงพวกนี้เข้าไปแทบไม่กล้าลงรถเลยดีกว่า ... มันยังอุตส่าห์ลอกยางกันชนที่ติดไว้รอบรถเราออกไปตั้งแต่หน้ารถยันหลังรถด้วยฟันของมัน ... เราทำท่าไล่มันมันยังมาแยกเขี้ยวใส่เลย ... เราก็ได้แต่มองมันทำตาปริบ ๆ

    .... เราเคยคุยกันเล่น ๆ ว่าถ้ามีคนอุตริ หรือ ไม่รู้ไปทำลายหลุมนั้นทิ้ง หรือ ไปทำลายอาคมที่กักขังพวกมันไว้ออกมา ... มันจะเกิดอะไรขึ้น .... คำตอบที่ได้นี้คงคิดเหมือนกันทุกคนแน่นอนเลยคะ ... ตัวใครตัวมัน ...
     
  13. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    บรื๋อ ...

    น่ากลัวสุดๆ

    สงสาร ปอบ ด้วยเนอะ

    พวกเค้ามีการสิ้นอายุขัย ไหมคะนี่
     
  14. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ..... ไม่น่าจะมีกำหนดนะคะ ... เพราะตัวเก่ง ๆ เขาอยู่ได้เป็นพันปี
     
  15. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 12 พี่ชายของฉัน

    .... เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราอายุได้สัก 3 ขวบ สมัยนั้นเรายังนอนอยู่กับพ่อ และ แม่ บ้านเราเป็นเพิงหมาแหงนเพราะพ่อเราเป็นช่างซ่อมรถทุกชนิด พ่อจะเลิกงานประมาณไม่เกินห้าโมงครึ่งถ้างานไม่เยอะ และ จะอาบน้ำนอนประมาณสองทุ่มกว่า ๆ ตามประสาคนบ้านนอกคะ

    .... เรายังจำวันนั้นได้ดีเพราะมันเป็นครั้งแรก และ ครั้งเดียวที่เราได้เจอพี่ชายแท้ ๆ ของเราที่เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ตอนที่แม่คลอดเขา .. มันเป็นเรื่องที่เราได้ยินจนจำได้จนทุกวันนี้ .. ก่อนจะเล่าต่อเราขอเล่าเรื่องพี่ชายเราก่อน .. ตอนนี้แม่แกตั้งชื่อให้ว่า " ไอ้บุญหลาย " แม่เราแต่งงานปีแรกแกก็ท้องเลยพอท้องแกยายก้ให้แม่กลับมาอยู่ที่บ้านกับตายายเพราะพ่อเปิดอู่ซ่อมรถที่ในตัวเมือง ยายกลัวแม่ไม่มีคนดุแลถ้าเจ็บท้องคลอด .. วันที่แม่แกเจ็บท้องจะคลอดพี่ชายเราพ่อเราเขาไปบ้านปู่ กับ ย่า ที่ต่างอำเภอไม่ทราบว่าแม่แกเจ็บท้องคลอดพี่ชายเรา .... แม่เราไม่ได้ไปคลอดพี่เราที่โรงพยาบาลแต่ยายแกให้ .. คลอดแบบธรรมชาติกับหมอตำแย .. ทั้งที่ผู้หญิงตละกูลเราก็พอทราบกันดีว่าคลอดลูกยากเกือบทุกคน ... แม่แกต้องทนทรมานเบ่งพี่เรานานมาก .. เราดูหนังแม่นาคทีไรจะนึกถึงแม่เราเสมอคะ .. เพราะว่าแกต้องอยู่ในสภาพนั้น 1 วัน 1 คืน พี่เราก็ยังไม่ยอมคลอดหมอตำแยแกบอกว่าเด้กไม่กลับหัว หรือ ลงผิดท่าอะไรสักอย่างนี้ละคะ .. จนแม่เราตัวเขียวใกล้จะหมดลมแล้วยายถึงยอมให้พาแม่ไปโรงพยาบาล ...

    .... ในวันก่อนที่แม่เราไปโรงพยาบาล คือ ตอนเจ็บท้องตอนแรกพ่อเราประสพอุบัติเหตุรถยนต์ที่แกขับพลิกคว่ำไปหลายตลบจนรถพังยับไปทั้งคัน .. โชคดีพ่อเรารอด .. แต่แกขาหักไปข้างหนึ่ง .. ซึ่งจนปัจจุบันขาข้างนั้นหีกไปห้าจุดแล้วแกเดินขาเป๋จนทุกวันนี้ .. เมื่อถึงโรงพยาบาลหมอนำแม่เข้าห้องฉุกเฉินทันที และ ขอให้ญาติอนุญาติการผ่าตัดทันทีเพราะตอนนี้เปอร์เซ้นต์รอดเหลือน้อยมาก .. โอกาสตายทั้งแม่ และ ลูกมีสูงเพราะเด็กไม่ได้เอาหัวออกแต่เอาหัวไหล่ออกมาแทน .. หมอให้ยายตัดสินใจว่าจะเลือกใครระหว่าง แม่ กับ ลูกในท้อง .... ยายไม่กล้าตัดสินใจคะ

    ... จนพ่อเราแกต้องมาที่ห้องผ่าตัดเพื่อดูอาการของแม่ .. และ แกก้เป็นคนบอกหมอว่า " เอาแม่ไว้ ลูกมีใหม่ได้ แต่แม่คนนี้มีได้แค่คนเดียว " แม่เรารอดคะแต่พี่เราตายเพราะหมอต้องฉีดยาให้เด็กเสียชีวิต เพราะเด็กดิ้นจนมดลูกข้างหนึ่งมีปัญหา .. จึงเป็นที่มาของการที่เรามักโนแม่ล้อตอนเด็ก ๆ ว่า .. " อีผีบ่อยาก " เพราะหมอตัดมดลูกของแม่ออกไปข้างหนึ่ง .. และ เราเกิดจากมดลูกข้างเดียวที่เหลืออยู่ของแกนั้นเอง และ เราต่างจากพี่เรามากแบบคนละขั่ว แม่บอกว่าพี่ชายเราหน้าตาเหมือนพ่อเราทุกอย่างแม้แต่นิ้วมือตัวขาวจั๋วไม่ดำปี๋เหมือนเรา .. อันเป้นที่มาของฉายา " อีดำตับเป็ด " ตอนเด็กจะฉายาเยอะมากจนจำไม่ได้คะ 5555 ... พอตอนแกท้องเราจึงต้องผ่าออกเท่านั้น .. เราเลยไม่ได้คลอดธรรมชาติ

    ... วันนั้นพ่อกับแม่ไปอาบน้ำที่หลังบ้านซึ่งห่างออกไปสักห้าสิบเมตรได้ .. เราก็นอนเล่นอยู่ในห้องนอนคนเดียว .. เรามั่นใจว่ายังไม่หลับแค่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงรอพ่อ กับ แม่ ที่ตอนนี้กำลังแต่งตัวทาแป้งอยู่ในห้องนั้นเอง ... ตอนที่เรากำลังมองพ่อ กับ แม่ หยอกล้อกันอย่างมีความสุขนั้นเอง .. มีเสียงผู้ชายเรียกชื่อเราดังขึ้นมาจากที่ไหนสักทีในห้องนั้น .. เรายกหัวขึ้นมามองหาต้นเสียง .. เพราะเขาบอกว่าเขาเป็น .. พี่ชายของเราเอง .. เราหันไปรอบ ๆ ห้องจนไปสะดุดกับกลุ่มควันสีดำที่มีตาสีแดง ๆ ที่ข้างขอบเตียงฝั่งติดกับผนังห้อง .. ซึ่งมันมีแค่ช่องเล็ก ๆ เท่านั้น .. กลุ่มควันสีดำมีตากลุ่มนั้นค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นมาได้สักศอกหนึ่ง และ พูดกับเราว่า .." อย่ากลัวพี่เลยนะ พี่ไม่ทำร้ายเธอหรอก พี่แค่มาลาเป็นครั้งสุดท้าย พี่จะไปเกิดแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีนะ " แล้วกลุ่มควันนั้นก็ลอยสูงขึ้นไปแล้วก้หายไป .. เรารีบพลิกตัวไปอีกฝั่งแล้วเรียก พ่อ กับ แม่ .. แต่พอเราเล่าให้ฟังทุกคนกลับหัวเราะเราเห็นเป้นเรื่องตลกไปซะงั้น .. พวกเขาคิดว่าเราฝังใจกับเรื่องพี่ชายเรามากไปเลยจินตนาการแบบเด็ก ๆ

    .... เราจำคำพูดทุกคำนั้นได้จนทุกวันนี้ .. แต่ไม่ค่อยอยากนึกถึงมันเท่าไหร่ เพราะเราเคยน้อยใจพ่อแม่เหมือนกันที่เขาอยากได้ลูกชายมากกว่าลูกสาว .. เคยน้อยใจจนคิดว่า .. ถ้าเด็กที่ต้องตายเป็นเราไม่ใช่พี่ชายเรา .. ทุกอย่างอาจจะดีกว่านี้ .. ตอนหลังมาคิดได้ว่า ... ในเมื่อเราได้เกิดมาแล้วเราจะไม่ฆ่าตัวตายเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเด็ดขาด .. และ ใช้ชีวิตที่ได้มาอย่างมีคุณค่า คุณประโยชน์ไม่มากก็น้อย.
     
  16. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 13 หลวงปู่สรวง กับ อ.บุญชู ..

    ... เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของอาจารย์เราเอง .. เดือนนี้พอดีเราได้เข้าไปกราบท่านที่วัด .. เลยได้บอกข่าวท่านว่า " หลวงปู่หงษ์ท่านมรณะภาพแล้วเมื่อไม่กี่วันนี้เอง " ท่านก็อึ้งไปสักพัก แล้วท่านก็บอกว่าท่านคงไม่ได้ไปงานเพราะตอนนี้ท่านก็อาพาธมาหลายวันแล้วตั้งแต่กลับจากไปดุที่เพื่อสร้างวัดที่ลาว .. แถมยังมีญาติโยมที่แวะเวียนมาหาให้ท่านช่วยเรื่อย ๆ เพื่อให้ท่านช่วยในเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเองเดือดร้อนมาบางเรื่องท่านก็รับช่วยเท่าที่ทำให้ได้ ...

    .... ท่านเลยบอกว่า กับหลวงปู่หงษ์ท่านเคยไปกราบแค่ครั้งเดียว .. แต่ท่านเคยได้รับการช่วยจากหลวงปู่สรวงมาแล้วครั้งที่ไปกราบท่านเมื่อเกือบยี่สิบกว่าปีมาแล้ว .. หลวงปู่สรวงท่านบารมีมากนะท่านเก่งมาก .. ตอนที่กราบท่านหลวงปู่ท่านได้อนุเคราะห์ไล่ผีเชื้อออกให้ .. แกหันมาถามเราว่าเจ้ารู้จักไหม๊ "ผีเชื้อ " หลวงปู่สรวงท่านได้ช่วยข่อยไว้ทำให้ข่อยดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ .. เพราะข่อยไปหลายที่ก็ไม่มีไผ๋เฮ็ดให้ .. แต่หลวงปู่สรวงท่านช่วยโดยที่ข่อยไม่ได้ขอท่านเลยนะ ... แค่ก้มกราบท่านเท่านั้น ...

    ..... ประมาณว่าตอนที่ อ.บุญชู ท่านก้มลงกราบหลวงปู่สรวง .. หลวงปู่ได้เอาของสิ่งหนึ่งฟาดลงที่หลัวของ อ.บุญชู สองครั้งเท่านั้น ... อันนี้ก็เป็นคำบอกเล่าของ อาจารย์เรา .. มีหลายเรื่องวันหลังจะเอามาเล่าให้ฟังนะคะ
     
  17. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    เรื่องที่ 14 ฟ้าใจร้าย ..

    .... เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เม.ย 57 ที่ผ่านมาช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ เรายังนอนหลับอยู่บนที่นอนเพราะฝนตกหนักแถมมันเป็นเวลานอนปกติของเรา .. ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปทำบุญให้แฟนที่เสียเพราะครบรอบวันตายพอดีพอฝนตกเลยต้องงด ... ฝนตกหนักพอสมควรฟ้าแลบฟ้าร้องเป็นระยะ ..

    ... เปรี้ยง ! เสียงฟ้าผ่ามาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้านเราแต่ไม่ดังแบบสนั่นพื้นนะเราเองก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรก็นอนต่อเพราะอากาสกำลังดี ... เกือบห้าโมงเราลุกมาอาบน้ำเตรียมตัวทำงานพอเปิดประตูห้องนอนออกมาปั๊บ ... แม่ " ฟ้าผ่าไอ้อุ๊ยตายแล้ว " "ห๊า " เรางงมากว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ .. ญาติ ๆ บ้านข้างเคียงกันเตรียมตัวไปช่วยงานศพ .. แม่เราก็มาเล่าให้เราฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนที่เริ่มว่างจากลุกค้าแล้ว ... ลืมบอกไป " ไอ้อุ้ย " มีศักดิ์เป็นหลายชายเราเองอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ เราจะขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดเป็นวัน ๆ ไปเลยนะคะ

    .... ช่วงเช้าไอ้อุ้ยได้มาให้น้องเฟรินท์หลานสาวอีกคนลงเพลงในเอสดีการ์ดให้แล้วก็ทำงานอยู่ตรงร้านใกล้ ๆ เราพอบ่ายก็ขับรถมอเตอร์ไซด์ลงไปเลี้ยงปลากระชังที่แม่น้ำชีตามปกติ ( บ่ายสาม ) ตอนนั้นมีคนลงไปให้อาหารปลา 4 คน คือ ไอ้อุ้ย อาตุ๊ก อานุช ตาหลอด เพราะมีแพปลาติดกันแต่แยกกันไปให้อาหารตามกระชังที่ตนรับผิดชอบ ... ฝนก็ยังคงตกหนักพอสมควร ... แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ... ฟ้าได้แล็บแปร๊บเดียวแล้วผ่าเปรี้ยง ! ลงมาที่แพปลาที่ไอ้อุ้ยยืนอยู่ตรง ๆ ทำให้ไอ้อุ้ยโดนฟ้าผ่าเข้าเต็ม ๆ แล้วกระเด็นลงแม่น้ำชีไป .. อาตุ๊ก .. ก็โดนแรงกระแทกกระเด็นตกน้ำไปเช่นกัน ... อานุชดึงอาตุ๊กขึ้นจากน้ำมาได้แต่อาตุ๊กแกสลบแบบช็อคไปเพราะตอนหลังแกเล่าว่าแกมองเห็นทุกอย่างแต่ขยับไม่ได้ ... ตาหลอดเป็นคนดึงไอ้อุ้ยขึ้นจากน้ำแต่สภาพของอุ้ยน่าตกใจกว่าเพราะ " ร่างกายเต็มไปด้วยรอยดำเหมือนไฟไหม้ " ตาหลอดรีบปฐมพยาบาลแล้วขับรถผ่าสายฝนเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อซื้อเหล้าขาวเอาไปเป่ารักษา ..

    ... เชื่อไหม๊คะว่า " ฟ้า " ตามตาหลอดมาแล้ว " ผ่าร้านค้า " ที่แกมาซื้อเหล้าขาวเอาไปเป่าไอ้อุ้ย .. พอแกขับรถออกจากร้านไปได้นิดเดียวฟ้าก้ผ่าลงที่ร้านค้านั้นโดยผ่าลงตรงข้างบ้าน .. ผลทำให้ฝาบ้านที่เป็นปูนร้าวลงมาตั้งแต่บนสุดจนล่างสุดเลยทีเดียว .. ตาหลอดแกก้พุดขึ้นมาว่า " ทำไมต้องตามมาถึงนี้ .. จะไม่ให้รักษามันหรือยังไง " แล้วก็พาอาตุ๊ก กับ ไอ้อุ้ยส่งโรงพยาบาล ..

    ... ช่วงค่ำแล้วพี่ชายของอุ้ยได้เข้าไปยังที่พักตรงแพปลาเพื่อเอาบัตรประชาชนของอุ้ยไปดำเนินเรื่อง ... ไฟภายในห้องอุ้ยติด ๆ ดับ ๆ ตลอดเวลา .. จนพี่ชายอุ้ยต้องบอกว่า " ไม่ได้มาขโมยตังค์แกหรอก กูแค่มาเอาบัตรมึงไปทำเรื่องให้ " แค่นั้นแหละคะไฟก็ติดเป็นปกติ ...

    ... เฟรินท์หลานสาวก็ฝันว่าอุ้ยมาหามาถามว่า " พี่ตายแล้วเหรอ พี่ตายจริง ๆ เหรอ " พอเฟรินท์บอกว่าอุ้ยตายแล้วแค่นั้นแหละ อุ้ยก็ร้องไห้โหเลย .. คงรับไม่ได้ทำใจไม่ได้ ..

    ... แม่ของอุ้ยก้ฝันว่าอุ้ยมาเข้าฝันแม่บอกว่าอย่าเผาศพของเขานะ แค่นี้เขาก็ร้อนมากพออยู่แล้ว .. ทุกคนจึงลงความเห็นว่าไม่เผาแต่จะเอาเก็บเข้า " เบ้า " แทน 7 ปี

    ... ตอนหลังแม่ของอุ้ยบอกว่าตอนที่กลับจากวัดอุ้ยได้ตามแม่เขามาบ้าน .. แกเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า .. แกขึ้นนอนแต่ยังไม่ได้หลับแกได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมาชนคานประตูดัง ตึ๊ง .. ครั้งแรกแกเข้าใจว่าน่าจะเป็นแมว .. แต่มันดังแบบนั้นที่เดิมอีกสองครั้งเป็นสามครั้ง .. แกเริ่มคิดว่าต้องเป็นลูกแกแน่นอนแล้วด้วยความว่าประตุบ้านหลังนี้เตี๊ยกว่าปกติ และ ลูกเขาสูงกว่าประตูเล็กน้อย ... แกตัดสินใจเอ่ยลอย ๆ ว่า " เออลูก .. แม่รู้แล้วว่าแกตามแม่มา .. เดี๋ยวแม่ไปเปิดประตูให้ขึ้นมานอนบ้านเรานะ " แล้วเสียงก็หายไป ..

    ... วันที่สองอาต้อยเล่าว่าไม่มีการสวดอะไรเพราะโบราณเขาถือเลยพากันไปนั้งเล่นคุยกันที่เรือนแพ .. แต่พอค่ำพระที่วัดให้คนมาตามเพราะท่านจะสวดอภิธรรมให้ .. ทุกคนก็แปลกใจว่าทำไมจะมาสวด .. แต่ในเมื่อท่านมาแล้วเลยต้องสวด ฯไปในคืนที่สอง .. และ เฟรินท์ได้เอาเอสดีการ์ดใส่ในโทรศัพท์ไปเปิดให้อุ้ยในโลงเพราะอุ้ยได้มาทวงเพลงที่ให้เฟรินท์ลงให้ .. แล้วก็มีพวกนักเสี่ยงโชคมานั้งเล่นกันเป็นเพื่อนศพทั้งสองคืน ....

    .... วันที่สาม .. ฟ้าครึ่มฝนปรอยเรื่อย ๆ แม่เราได้ไปร่วมส่งศพอุ้ยด้วยแต่เราไม่ได้ไป แม่ก็กลับมาเล่าให้ฟังว่า ... เกือบจะหาที่ฝังศพไม่ได้เพราะวัดบ้านฝังไม่ได้ หรือ ไม่ให้ฝัง เราได้ยินไม่ถนัด .. เลยต้องเอาไปฝังที่วัดป่าบ้านดินดำ ( อ.บุญชู ) แล้วก็มีปัญหาเรื่องการนำศพไปวัดป่าได้ยังไง .. เพราะไม่มีใครอยากให้เอาผ่านหน้าบ้านตนเอง .. เพราะถือว่าเป็นศพตายโหง ตายเฮี้ยน นั้นเอง ... เวลาเคลื่อนย้ายศพก้ต้องให้ชาวบ้านต่างคนต่างไปเจอกันที่วัดป่าเลย ... บางทีก็สงสารเขาเหมือนกันเพราะ ... ไม่มีพิธีศพ + ไม่มีรูปหน้าศพ + ไม่มีการแห่ศพ + ไม่มีพิธีกรรมทางศาสนา + ไม่เผาศพแต่เอาไปใส่เบ้าแทน ...

    .... เราก็ได้แต่แซว ๆ ว่า อ.บุญชู แกก้ได้เพื่อนที่วัดเพิ่มอีกตน ... เห้อ ๆ แต่เราเองก็ยังไม่ได้ไปกราบแกเลยเดือนนี้ ... นี้ก็ยังไม่รู้ว่ามีคนอื่นเจออะไรอีกบ้างหรือเปล่าเพราะเราไม่ได้ตามข่าว ..
     
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ผมเนี่ยนะ...ไม่เคยสาบานในทำนองที่ว่า"ข้าพเจ้าจะรักเดียวใจเดียว หาไม่แล้วขอให้ฟ้าผ่าตาย..."
    ดังนั้นฝนตกฟ้าร้องจึงไม่เคยกลัว แต่ก็ไม่โผล่หน้าออกไปเดินตากฝนยามฟ้าคะนองเช่นกัน...

    มีเพื่อนบางคนที่แฟนพาไปสาบานกับพระประธานในโบสถ์เหมือนกัน...
    เดินออกจากโบสถ์มาได้พักนึง ก็แอบวิ่งกลับไปที่โบสถ์ใหม่
    ไปกราบพระแล้วพูดกับท่านว่า "เมื่อกี้ที่สาบานไว้น่ะ ผมล้อเล่นนะครับ..."
     
  19. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    โห.น่ากลัวจังค่ะ ถึงขนาดตามมาผ่า แสดงว่า ต้องมีอะไรแน่ๆ (ไปสาบานอะไรไว้ก็ไม่รู้) ขนาดเราฝันว่าโดนฟ้าไล่ตามผ่ายังกลัวเลย แล้วนี่ของจริง ตอนนั้นคงเสียวสุดๆ เคยอ่านเจอ ว่าใครที่โดนฟ้าผ่า วิญญาณจะเฮี้ยนสุดๆ
     
  20. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    น่ากลัวจัง เคยแต่เกือบโดนฟ้าผ่าเพราะไปเปิดดูรายชื่อคนขึ้นสวรรค์

    ยังกะหนังเรื่องไซอิ๋วเลย เมฆดำลอยมาทั้ง 4 ทิศ
     

แชร์หน้านี้

Loading...