แสงสีต่างๆ ขณะนั่งสมาธิ บ่งบอกอะไร

ผมนอนสมาธิแล้วมันเป็นแบบนั้นบ่อยๆ เสียงเจ้ายุ่งนี้เองนึกว่าผึ่งตัวโตที่ไหน 555 ขอบคุณที่เมตตาสละเวลาตอบคำถามให้คลายสงสัยนะครับคุณพี่นพ (_/|\_) สาธุ

 

ขอขอบคุณท่านnopphakanมากๆๆ ทำให้ได้รับความรู้มากมาย ไม่เช่นนั้นคงไม่เข้าใจในเรื่องนี้แน่

 

ไม่เคยเห็นเลย เห็นแต่แสงสว่างสีขาวเริ่มจากตรงหน้าชัดตรงหน้าแล้วก็ สว่างทั่วห้อง ไม่มีรูปร่าง เกิดตอนที่สมาธิลุกที่สุดไม่แน่ใจว่านานเท่าใด แต่หายไป ก็มาอีก แค่เห็นทีใจ

 

สว่างทั่วห้อง สว่างมากๆ แต่ว่าแสงนั้นไม่มีความเย็น
และตอนนั้นคล้ายๆเราก็เหมือนจะมีความคิดได้
และไม่หลุดจากกิริยาหรือสภาวะตรงนั้น...
และแสงนี้ ก่อนมันจะสว่างมักจะมาแบบดื้อๆคือ
พอเราเห็นแล้ว แสงก็สว่างๆมากๆเลย....

แต่ถ้าเป็นสีขาว พอเราไปมองแล้วย้ายจุดได้
เคลื่อนที่ได้ ที่เป็นสัญญาเราที่แสดงในรูปแบบแสง
ตรงนี้ก็ให้เฉยๆนะครับ ถ้าเจอแบบนี้ต้องระวัง
ถ้าพลาดไปติดแล้ว จะช้าไปอีกหลายปีครับ..

ส่วนแสงสว่างมากๆที่ว่า
กำลังตรงนี้คือระดับปฐมฌานครับ
ตรงนี้ให้เฉยๆไปเลย รับรองว่าจะปลอดภัย
ทั้งกายและจิต...และมันบอกได้ว่า จิตเรา
ทำงานได้เมื่อมีแสงนำ และที่บอกให้เฉยๆ


..เหตุ เพราะว่า
สภาวะตรงนี้ พวกผีหรือวิญญานมีฤิทธิ์
ชอบที่จะเข้ามา แปลงเป็นโน้นนี่นั้น ระดับต่างๆ
(จริงๆแก้ไม่ยาก แค่เรามองด้วยกำลังสติที่ได้
จากการเจริญสติและสมาธิสะสมเพียงพอที่จะ
รักษาสภาวะในขณะที่เห็นได้นานพอสมควรและเรามอง
ไปยังสิ่งที่เห็น
คล้ายๆมองด้วยตาเดียว ไม่นานความจริงจะปรากฏครับ
ส่วนตัวเคยเจอแปลงเป็นเทพมีชื่อเสียงโด่งดังมาก
มองไปมองมา มียักคิ้วให้เฉยเลย ๕๕๕ ของปลอมนั่นหละ)

และมักเข้า
มาชวนพูดคุย หลอกว่า เราเป็นอะไรที่สำคัญ ที่มักเรียกว่า ผีหลอกในสมาธินั่นหละครับ
บางคนส่วนมากจะผู้ชาย เพราะว่าติดหล่อ
ติดอยากเท่ห์ อยากให้คนมองว่าตนมีอะไรพิเศษเหนือใคร
มักจะ ติดสภาวะนี้. และหลงตัวเองอย่างคาดไม่ถึง

บ้างก็ติดจนกลายเป็นร่างทรงโดยไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นสายเพียวตำราก็มักจะ คิดว่าตัวเอง
บรรลุคุณธรรมระดับใดระดับหนึ่งไปเลยก็มีครับ
เรียกได้ว่า ผีมีฤิทธิ์พวกนั้น แอบขำกลิ้งครับ....
เพราะไปคิดว่า แสงสว่างมากๆ เป็นสภาวะ
ที่บรรลุคุณธรรม....(ผีขำกลิ้ง)


สภาวะนี้ ถ้าเฉยๆได้ มันจะต่อยอดได้ของมันเองครับ...
คือแสงมันจะค่อยๆลดความสว่างลงมาของมันเองครับ
ถ้าเราไม่หลับก่อนนะคับและ
เราก็นั่งต่อไปไม่ต้องสนใจอะไร
เพราะมันจะไม่เห็นอะไรและไม่มีแสงอะไรอีก
ตอนที่สมาธิกำลังไต่ระดับจาก
สภาวะปฐมฌานแบบนี้ขึ้นไปครับ....


แล้วเด่วแสงสว่างมันจะค่อยๆกลับมาสว่างเอง
ค่อยๆสว่างขึ้นเองตามลำดับนะครับ...
ไม่เหมือนตอนแรกที่เรามักไม่รู้ตัว
แต่ว่า อยู่ดีๆแสงก็สว่างมากๆเลย สังเกตุเอานะครับ...

แต่ว่า มันจะไปในโหมดที่เราเรียกว่า อรูปฌานครับ
ต้องไปต่อในลักษณะของการวิปัสสนา
ถึงจะมีประโยชน์ เราจะได้ในเรื่องของกำลังสมาธิสะสมครับ

อ่อ ลืมบอก แสงแบบนี้เกิดขึ้นได้ปกติ
ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาฝึกสมาธิครับ


แต่ถ้าขึ้นด้วยกรรมฐานที่เป็นภาพ มันจะเห็นภาพตอน
ระดับอุปจารสมาธิ ให้เราเฉยๆเหมือนๆกัน
เด่วๆตอนใกล้ๆฌาน ๔ มันจะมีภาพปรากฏมาเอง
แบบที่ว่า มีอะไรๆที่มีความสว่างในตัว
แล้วรวมๆกันเลยดูสว่างๆ ทางตำราเรียก
ปฏิภาคนิมิตครับ ตรงนี้แล้วแต่ว่า
เราจะไปทางสร้างกำลังจิตก็ปั่นภาพนั้นให้หมุนให้ได้
ให้ปั่นวนซ้ายนะครับ ไม่ใช่ขวาเพราะขวาปั่นง่าย
ผลคือ ในเวลาปกติ เราจะเล่นกับพลังงานต่างๆได้

หรือไปทางอฐิษฐานที่จะให้แสดงผลโน้นนั่นนี่
แต่ต้องรู้จักวางอารมย์เรื่องที่จะอฐิษฐานจิตไว้ก่อน
พวกนี้ แล้วแต่จริต แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล
ผลคือ จะเกิดความสามารถทางตาระดับใช้งานได้
ในเวลาลืมตาปกติแบบลืมตาด้วยครับ....

ถ้ายังไม่เกิดความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่ง
อย่างที่เล่าให้ฟังมาในเวลาลืมตาปกติ
ให้เราเฉยๆไว้ทุกๆกรณี
แล้วจะปลอดภัยทั้งกายและจิตใจครับ....

 

โอภาสในเบื้องต้นถ้าหลงก็วิปัสนูปกิเลสครับ
ถ้ารู้จักวิธีใช้ก็มีสิทธิ์ได้ทิพย์จักขุญาณ
ถ้าน้อมออกมาใช้ภายนอกได้ก็กำหนดรูปได้
ของเล่นชั้นดีเลยละครับ
แต่ก็ทำให้หลงได้ชนิดที่ว่ากู่ไม่กลับเลยละครับ

 

ขอเสริมหน่อย กลับอีกแบบที่
มีประโยชน์สำหรับการนำมาใช้งาน
คือแบบเส้นสายตาราง
สี่เหลี่ยม มีสี ถ้าสามารถดึง
เข้ามาในกายได้นะครับ...

 

แสงสีต่างๆ ขณะนั่งสมาธิ บ่งบอกอะไร

ถามว่า บ่งบอกอะไร ? บอกว่า จิตพอสงบๆนิดหน่อยแล้ว กล่าวคือความฟุ้งซ่านลดลง (แค่นี้) ยังไปอีกไกล

อนึ่ง ช่วงนี้แหละ จะทำให้โยคีเตลิดเปิดเปิงได้มากมาย ดังนั้น จึงต้องมีผู้รู้ ซึ่งผ่านประสบการณ์มาแล้วแนะนำ

 

จิตพอสงบๆ มิใช่จะเห็นแสงสี เห็นนั่นนี่เท่านั้น สภาวะยังปรากฎได้อีกหลากหลาย ดูข้อความตรงขีดเส้นใต้

นั่งสมาธิแล้วเหมือนโดนไฟช็อต
รู้สึกมาหลายครั้งแล้วค่ะ พอจิตเริ่มนิ่งอยู่กับลมแล้ว รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต แบบจั้กจี้ ใครเคยเป็นบ้างคะ เราต้องเลิกนั่งเพราะเหตุนี้หลายครั้งแล้วค่ะ ไม่สบายตัวแบบแปลกๆ และเป็นเฉพาะช่วงที่ความคิดรบกวนน้อยลง

สภาวะเริ่มแรกซึ่งเกิดจากจิตสงบนิดหน่อยนี่แหละที่ทำให้โยคีผู้เริ่มปฏิบัติไม่รู้ไม่เข้าใจมัันเป็นไปต่างๆ

 

กิริยาข้างบน อยู่แค่ระดับขนิกสมาธิ
พวกโยคีจริงๆคงไม่ปัญญาอ่อนไปหลง
สภาวะอนุบาลแค่นี้หรอกครับ
คงจะเป็นโยคีกระบือหละครับ
สภาวะแบบนี้ ใช้เวลาไม่ถึงวินาที
เค้าก็ทำได้กันเป็นปกติแล้วครับ
สำหรับพวกโยคีนะ...

ไอ้ที่มักจะหลง ส่วนใหญ่จะเป็นพวก
คนธรรมดา ที่บ้าเรื่องพิเศษๆนี่หละครับ
ยิ่งพวก อยากเด่น อยากดัง อยากสวย อยากงาม
ทั้งหลายหลงแน่ หลงเนี่ยไม่ใช่แค่ยึดติดนะครับ
ต่อไปจะหลง ในลาภ ยศ สุข สรรเสริญด้วย

ไอ้กิริยา โอภาศเนี่ย จะว่าไป
ยังไม่ถึงปฐมญานด้วยซ้ำครับ
ซึ่งไม่สร้างคุณวิเศษ
อะไรด้วยซ้ำ กิริยาแบบที่ คุณ มาจากดิน
ก๊อบปี๊มาจากเวบ อื่นๆเอามาลงนั้น
มันเป็นแค่สัมผัสพื้นฐาน
ของจิตที่รับรู้พลังงานได้ในระดับ
เริ่มต้นเท่านั้น (เข้าใจคำว่าเริ่มต้นนะครับ
พูดง่ายๆก็อนุบาล) เนื่องจากจิตยัง
ยึดติดกายอยู่ และฟ้องว่าสมาธิ
สะสมยังน้อย มันเลยส่งถึงกายอย่างนั้น
และตังแต่ เห็นที่คุณ มาจากดิน ก๊อบปี๊มาลง
มีแต่พวกสมาธิต่ำกว่าปฐมฌาน
แต่ยึดติดสภาวะนามธรรม
หรือไม่ก็หลงตัวเองคิดว่าตนเองดี
ทั้งๆที่ สติทางธรรมก็ยังน้อย
แยกรูปแยกนามไม่ได้ซักคน
ถึงไม่เจอคน เข้าใจกิริยานามธรรมปกติ
ที่เกิดได้ระหว่างทาง กลับมองเป็นเรื่อง
แปลกประหลาด วิเศษไปซะงั้น...
อย่างนี้ชาตินี้ ไปหาอย่างอื่นทำจะมีประโยชน์กว่า
อย่ามาฝึกสมาธิเลยชาตินี้
ไปฝึกสติก่อน แล้วค่อยมาว่าเรื่องสมาธิ
เรื่องวิปัสสนาครับ....

แต่ไอ้ข้างบนในตัวอย่าง ที่เอามาพูด
เหมือนตัวเองรับรู้ได้พิเศษ
บอกเลยว่า ยังอ่อนหัดมาก
คือ สติทางธรรมก็อ่อนเลย
ไม่เข้าใจสภาวะนามธรรม
(เรื่องปกติ เพราะไปยึดว่ากิริยา
มันประหลาด มันวิเศษ)

แต่ถ้าโยคีจะหลงก็จะหลง อรูปฌาน
ที่ต้องผ่านรูปฌานมาก่อนครับ
อย่าเอา โยคี ไปเปรียบเทียบ
กับพวกหลงสภาวะปัญญาอ่อนอย่างนั้น
มันคนละเลเวลกัน (เรื่องสมาธินะ)

ซึ่งสามารถนับคนที่เข้าถึงได้ อรูปฌานเนี่ย
ซึ่งไม่ใช่ว่า พวกไก่กาจะนั่งไปถึงได้ง่ายๆนะครับ
ส่วนมาก มีแต่หลงสภาวะอรูปฌานติ้งต๋อง
ที่แค่นอนๆอยู่ ฝันๆเอา ก็เข้าถึงได้
หรือคนไม่เคยฝึกรูปฌานก็เข้าถึงได้
แต่ลืมตาไม่มีผลอะไรต่อจิตตัวเอง
ก็ยังหลงตัวเองได้ ว่าตนได้อรูปฌาน
ทั้งๆที่จิต เล่นกับอรูปไม่ได้ ก็ยังหลงตัวเอง
คิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครได้ ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย

ซึ่งในโหมดที่โยคีเข้าถึง มันเลยรูปฌานมา
มีการสร้างกำลังจิตให้เกิดกับจิต แล้วไปต่ออรูปฯ

ซึ่งทำให้จิตเกิดความสามารถพิเศษ
แต่ไปยึดความสามารถพิเศษตรงนี้
และไม่วางความสามารถพิเศษตรงนี้
ไม่ให้ความสำคัญกับการทิ้ง การปล่อย
การวาง ไม่สนเรื่องปัญญาลดละกิเลสต่อ
และไปหลงว่า สภาวะอรูปฌานนั้น
มันเป็นสภาวะนิพพานครับ
เพราะสภาวะอรูปฯ มันคล้ายคลึงนิพพาน
แต่ว่ามันยังไม่ใช่นั้นเอง
การหลงแบบนี้ มีมาตั้งแต่ก่อนกำเนิดผู้เป็นเลิศ
ทั้ง ๓ ภพแล้วครับ...

ไม่ใช่พวกโยคีกระบือ
ที่จะมาหลงโอภาสในระดับ
สมาธิอนุบาลแบบนี้หรอกครับ.....
รู้ไม่จริง ประสบการณ์สมาธิไม่มี
ไม่เคยพบ เคยเจอด้วยตนเอง
กรุณา อย่าเดามั่วครับ...

ปล.เข้าใจที่พูดนะครับ พูดแล้วจบไป....

 

อิอิ เริ่มตบะแตกอีกแระ เด๋วก็เสกหนังควายเข้าท้องอีกหรอก

 

พอจิตเริ่มๆสงบแล้ว สภาวะมากมายจะปรากฎให้เห็น มิใช่แค่เห็นแสงสี,มิใช่แค่รู้สึกเหมือนไฟช๊อตนะคุณนพ ที่ขีดเส้นใต้ นี่เหมือนมีอะไรรัดคอ ปาดคอ

คือตอนที่ผมนั่งสมาธิพอจิตสงบไม่คิดอะไร อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดที่คอ หรือ ไม่ก็เหมือนถูกอะไรปาดคอ พักหลังๆเป็นอย่างนี้แทบทุกครั้งครับ

 

ยังปกติดีทุกอย่างนะครับ....
ไม่ต้องห่วงว่า ผมจะเป็นอะไรนะครับ
เอาตัวเอง ให้มันรอดปลอดภัยก่อนนะครับ
และคำพูดแบบเดิมๆ ที่จะมายุส่วนตัว
คงใช้ไม่ได้ผลแล้วหละครับ อิอิ



และส่วนตัว เชิญนะครับ หากว่า คุณ มาจากดิน
มีปัญญา มีความสามารถ
ทำได้จริงๆนะครับ...เชิญตามอัธยาศัย
แต่พอรู้อย่างคุณ มาจากดิน คงพูดได้แค่เอาฮา
พูดพอ ยุให้โกรธ ๕๕
เพราะ เป็นพวกไม่ได้ญาน นั่งสมาธิไม่ได้
เพราะข้อความ ที่ คุณ มาจากดินยกมา
ยังไม่มีใครเกิน ปฐมฌาน ซักคน
แต่ไม่มีปัญญาที่จะแนะนำด้วยตนเอง
ป่านนั้น รับหน้าที่ดูแลเวบ
เสนอหน้า ตั้งกระทู้อยู่เรื่อยเนาะ..


และที่สำคัญไร้ความสามารถทางจิตใดๆ
สิ่งที่พอทำได้ คือ เก่งแต่ปาก
แอบแทงข้างหลัง
แล้ว ก็มาก๊อบปี๊ คำสอนในนี้
ไปวางในเวบ ที่ตัวเองดูแลอยู่
แค่นั้นหละ ชีวิตที่คุณทำได้

และที่ส่วนตัวต้องมาเขียนบอกไว้
เกรงว่า เผื่อสมาชิกใหม่ๆ
เข้ามาอ่าน. แล้ว ไม่รู้ กมลสันดาน
หน้าไหว้ หลังหลอก หรือคนที่ไม่รู้
กำพืดของคุณ มาจากดิน มาก่อน มาได้อ่าน
เกรงว่า สมาชิกท่านนั้น
ถ้าตามอ่านข้อความ
ที่สรุปจากความคิดตัวเอง
ของคุณ มาจากดิน นั้น
สมาชิกท่านนั้น จะมีความคิด
แบบกระบือๆ คล้ายๆคุณมาจากดินครับ

คุณ มาจากดิน คงไม่รู้ตัวนะครับ
ว่า สมาชิกที่มาอ่าน เค้าเบื่อข้อความ
และเอือมระอา กับนิสัยคุณแค่ไหน
แค่เห็น ข้อความคุณ คนก็ข้ามแล้วครับ


คือเค้ารู้กันหมดแระครับ ว่าคุณเป็นอย่างไร
แต่เค้ามีมารยาทพอที่จะไม่ว่าคุณ
ส่วนตัวก็มาเขียนในมุมที่พอจะมีประโยชน์
ซึ่งมาจากประสบการณ์ตรง

ไม่ได้คิดเอา นั่งทางในเอา วิเคาระห์ เดาเอา
ท้ายสุด ก็จะมีความคิด แบบนักปฏิบัติกระบือๆ
ไร้ความสามารถ ไร้ญาน ไร้ปัญญา
แบบคุณ มาจากดิน นั่นหละครับ
รู้ไหม ว่าคนเค้าเบื่อคุณ จนถึงขั้น
ต้องออกไปคุย ไปสนทนาในข้อความส่วนตัวกัน
เพราะมี คนแบบ คุณมาจากดิน นี่หละครับ
แล้วดัน ทะลึ่งมา ขยันตั้งกระทู้ในห้อง อภิญญา- สมาธิ



ถ้าคุณ มาจากดิน ลองได้สรุปอะไรแล้ว
ด้วยสมองตัวเอง ปกติการสรุปมักจะออกนอกโลก
นอกจักรวาล. ชอบสรุป ความเห็นเชิงดูถูก
กล่าวหา ว่าระดับโน้นนั่นเป็นอย่างนี้
ทั้งๆที่ตัวเอง ไม่มีประสบการณ์ตรง
และไม่มีความสามารถที่จะนั่งสมาธิ
ได้ระดับฌานอะไรเลย.
ซึ่งไม่ต้องพิสูจน์อะไรยาก
เด็กๆมาอ่านก็รู้



และ ฟ้องได้ว่า คุณ มาจากดิน
เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ
คือ คุณ มาจากดิน สรุปแบบ คนไม่รู้เรื่อง คนปฏิบัติไม่ได้
คนไม่มีประสบการณ์ในทางปฏิบัติ
อะไรเลยจริงๆ นะครับ
ถามจริงๆว่า คุณไม่ทราบจริงๆ
ไม่รู้ตัวเองจริงๆหรือเปล่าครับ


ถ้าเวบนี้มีคนยอมรับว่าตัวเองหน้าด้าน
เป็นอันดับหนึ่ง คุณ มาจากดิน จะได้
ที่ ๒ แบบไร้คู่แข่งครับ

แถมหลังๆอ้างอิง ข้อความมา ยัง
ไม่มีการอ้างแหล่งที่มา จะอ้างเฉพาะที่ยก
ที่ก๊อบปี๊มา
พอใส่ความเห็นตัวเอง
ความแตก ปลาตายน้ำตื่นครับ...

ปล.สมาชิกทั้งหลาย เข้าใจตรงกันนะครับ
พูดแล้วจบครับ

 

จิตมันปรุงแต่งไปเองทั้งนั้นหละครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ป่านนี้
คนนี้ตายไปนานแล้วครับ
ถามหน่อย ว่าเจ้าของบทความนี้
ปัจจุบันนี้ตายหรือยังครับ
ถ้ายังแสดงว่า จิตปรุงแต่งไปเองครับ
แค่นั่นหละ ไม่มีอะไร
ไปฝึกเจริญสติซะ
จะได้ทิ้ง เลิกสนใจกิริยาพวกนี้ได้
ปล. จบซะ...

 

คุณนพ ไม่ได้เข้าใจภาคปฏิบัติทางจิตเลย ผมก็บอกอยู่แล้วว่า พอจิตสงบๆ ไม่ใช่มี/เห็นแต่สีแสง มันมีสารพัด คุณนพยังไม่เข้าใจ อิอิ

คือ จะเอาแต่ได้ คนประเภทนี้แหละปฏิบัติจริงๆแล้วจะเพี้ยน เอ้าจริงๆ

 

เห็นคุยว่าทำไม่ถึงนาที ทำยังไงอ่ะ ไหนว่าไปสิของตัวเองน่า

ร้อยเอาขี้หมากองเดียว คุณนพไม่เคยทำไม่เคยฝึกภาคปฏิบัติมาเลย พูดเอาทั้งเพ เป็นคุ้งเป็นแคว จริงไม่จริง

คคห.นี่ชัดแจ๋วเลย

จิตมันปรุงแต่งไปเองทั้งนั้นหละครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ป่านนี้
คนนี้ตายไปนานแล้วครับ
ถามหน่อย ว่าเจ้าของบทความนี้
ปัจจุบันนี้ตายหรือยังครับ
ถ้ายังแสดงว่า จิตปรุงแต่งไปเองครับ
แค่นั่นหละ ไม่มีอะไร
ไปฝึกเจริญสติซะ
จะได้ทิ้ง เลิกสนใจกิริยาพวกนี้ได้
ปล. จบซะ...

คุณยังตามหาจิตอยู่เลย อิอิ

มจด.ไม่คุยหรอกครับว่าเคยทำมาไหม ทำมาแบบไหน แต่มองออกครับ เพราะอะไร คุยไปคุณก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้จะคุยไปทำไม คิกๆๆ

 

นี่เป็นพฤติกรรมอีกอย่างของ นาย มาจากดิน นะครับ
จะชอบพูดทำลายดิสเครดิสกัน
เป็นหนึ่งในกมลสันดาน
ที่นายคนนี้ แก้ไม่หายซักทีครับ

ไม่ต้องกลัวว่า จะมีคนเชื่อคุณหรอกนะ
ในเวบนี้ คนเคยเจอข้าพเจ้าตัวจริงๆมีเยอะ
เค้ารู้ว่า ส่วนตัวข้าพเจ้าทำอะไรได้หรือไม่ได้
และเผื่อใครเข้ามาอ่านใหม่ๆยังไม่รู้
คนนี้จะแกล้ง เอามาถาม
ไม่ว่าเราจะตอบอะไรไป
มันก็จะมาย้อน แย้งว่าเราอย่างโน้นอย่างนี้
ทั้งๆที่ตัวเอง ปฏิบัติไม่ได้
มันพูดทำเก่งไปอย่างงั้นหละครับ
ไอ้นี่จริงๆไม่มีอะไรหรอกครับ
ท้าได้ทุกกรรมฐานหละครับ



ดูจากสภาวะ ที่ยกมาถามแค่เพียง ระดับพื้นๆ
พูดไป อธิบายไป นายคนนี้ก็ไม่เข้าใจหรอก..
ถ้านายคนนี้
แนะนำได้จริงๆ ด้วยตัวเองนะครับ
คงไม่ก๊อบปี๊จากเวบ ที่ตัวเองดูแล้วแล้ว
เอามาลงในพลังจิตหรอกครับ ๕๕๕๕๕๕๕

นี่คือ พฤติกรรมที่เราเรียกว่า หน้าไหว้หลังหลอก
ชอบแทงข้างหลังครับ
พูดง่ายๆว่า ดูแลเวบ แต่ตัวเองไม่มีความสามารถ
แนะนำได้ เพราะถ้าแนะนำ คนจะรู้ว่า ตัวเอง
ทำไม่ได้ ๕๕๕๕๕๕๕
เลยกลายเป็นที่มาเอามาลงในนี้
แต่ยังไม่ทิ้งลาย เก่งแต่ปาก...
กลัวเสียฟอร์ม พูดทำลายเครดิส
แล้วก็หายไปเป็นพักๆ


คุณ มาจากดิน นอกจากความสามารถทางจิตต่ำแล้ว
อยากพิสูจน์ ก็ลองไปถามในข้อความส่วนตัว
เรื่องพิเศษๆได้ครับ จะได้รู้ความจริง..

ส่วนตัวกล้าท้า คุณ มาจากดิน ได้เลยครับ
ว่า แค่ระดับปฐมฌาน หรือระดับอุปจารสมาธิ
หรือ ขนิกสมาธิ ในระดับที่รับรู้
อย่างพวกที่ คุณ ก๊อบปี๊มา
คุณไม่มี ความเข้าใจ ไม่เคยสัมผัส
ไม่เคยผ่านมาด้วยซักสภาวะ
ป่านนั้น ยังหน้าด้าน มาโม้อีกว่าดูออก
พูดได้ ช่างไม่อายปาก

นี่หละถึงบอกว่า ถ้าเวบนี้ใครยอมรับว่าตัวเอง
หน้าด้านอันดับหนึ่ง นายคนนี้ได้ที่ ๒ แบบไร้คู่แข่ง อิอิ


และถ้าคุณ มาจากดิน ยังปากดี ยังข้องใจอยู่
ส่วนตัว ขอท้า คุณ มาจากดิน ทุกๆกรรมฐาน
ที่ คุณ มาจากดิน คิดว่าตัวเองเจ๋งสุด
มาท้าพิสูจน์ กับส่วนตัวไหมครับ
กสิณไม่ต้องหรอก เพราะชาตินี้คุณไม่มีปัญญาทำได้อยู่แล้ว
เอากรรมฐานอะไรก็ได้ในระดับ ที่ใช้งานได้นะครับ
ไม่ใช่ระดับ ที่เอาสภาวะที่เจอระหว่างทางมาโม้นะครับ

ท้าอย่างนี้แล้ว ถ้าคุณ คิดว่า คุณ เจ๋ง กรรมฐานกองไหนสุด
ให้คุณ เลือกมาได้เลยครับ ย้ำว่ากสิณไม่เอานะ
เด่วจะหาว่าส่วนตัว ไปรังแกเด็ก
แล้ว หาคนกลาง มาพิสูจน์กัน ว่า
ใครสามารถทำให้คนอื่นๆรับรู้ได้เหมือน
ที่ตัวเองทำหรือไม่.

กล้ารับคำท้าไหมครับ.
ปากดี มันทำได้ครับ
แค่เกรียนๆคีย์บอร์ดเหมือนเด็กขนเพชรพึ่งขึ้นไม่กี่ปี
เด็กๆหรือใครๆก็เขียนได้ครับ

และปฏิบัติไม่ได้แล้ว
ในอดีต ไปโม้ หาว่า ข้าพเจ้ามั่วอย่างโน้นอย่างนี้
ในกระทู้กสิณ
พอ โดนท้า ให้แสดงความสามารถ
ก็แสดงพฤติกรรมแบบโง่ๆ ให้ชาวพลังจิตยุคนั้น
ได้รู้ว่า เก่งแต่ปาก นิสัย หน้าไหว้หลังหลอก
ชอบแทงข้างหลังแบบนี้หละครับ

มันหน้าแหก หายเงียบไปพักหนึ่งแล้ว
เวบอุตสาห์เงียบสงบไป
อยู่ดีๆ นาย มาจากดินคนนี้ก็กลับเข้ามาอีก
และก็มาแสดง นิสัยแบบเดิมๆอีก

การปฏิบัติ เค้าไม่ได้ใช้แต่ปากหรอกครับ
หนังหน้า อย่างคุณ อย่ามาทำเป็นสู่รู้เลย
อย่ามาทำว่า เป็นดูข้าพเจ้าออกหรอกครับ
ข้าพเจ้า หรือใครก็ดูออก ว่าคุณ มันกระจอก
ขี้คุย เก่งแต่ปาก....

ปล.ถ้าแน่จริง มาวัดกันไหม
ไม่ใช่ เก่งแต่ปากว่า จะเสกหนังควายเข้าท้องคน
สงสัย วิชาเสกหนังความกระจอก
คงสืบทองมาจากบรรพบุรุษหรือเปล่า
เห็นชอบเอามาอ้างจัง....
วิชาแบบนี้ มันพวกเดรัชฉานนะครับ....

ย้ำนะว่า ได้ทุกกรรมฐาน เอาที่
คุณ คิดว่า ตัวเอง เจ๋งสุดเลยครับ
ผมต่อให้ครับ..จะหาคนมาช่วยซัก
สิบคนก็ได้นะ ส่วนตัวคนเดียวพอครับ
เข้าใจตรงกันนะ...หึๆ

 

เอ้าๆดิ้นใหญ่ เริ่มดิ้นแรงแล้ว เหมือนการดิ้นของสัตว์ใหญ่ที่จะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย คิกๆๆ

พูดอวดสรรพคุณเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ถามว่าทำยังไง อภิญญาอะไรของคุณน่ะทำยังไง บอกไม่อยากคุยให้กระบือฟัง กระบือฟังไม่รู้เรื่อง อิอิ

อพินยาหน้าเวป

 

ย้ำนะว่า ได้ทุกกรรมฐาน เอาที่
คุณ คิดว่า ตัวเอง เจ๋งสุดเลยครับ
ผมต่อให้ครับ..จะหาคนมาช่วยซัก
สิบคนก็ได้นะ ส่วนตัวคนเดียวพอครับ
เข้าใจตรงกันนะ...หึๆ

ไม่รู้เปงงัยพักนี้ มีแต่คนท้าตีท้าต่อย นี่ท้าอีกแระ เห็นเราเป็นใบตองแห้งไงไม่ทราบได้ พอรับคำท้า ไม่เอาสักราย

นี่ท้ากรรมฐาน ทุกกรรมฐานด้วยนะ อิอิ พูดยังงี้ แสดงว่า เข้าใจกรรมฐานผิดแระ

ย้ำอีกว่า ร้อยเอาอุจจาระ (ขี้) หมากองเดียว มีแต่ราคาคุย คือคุยมานาน แต่จริงๆไม่เคยสัมผัส ไม่เคยฝึกฝนด้านจิตมาเลยสักอย่างเดียว อย่าว่า แต่ทุกอย่างเลย เพราะอะไร คนฝึกทำกรรมฐานทุกอย่างบ้าแล้ว เขาให้เอาให้เลือกเอาอย่างเดียวที่ถูกจริตตน คิกๆๆ

อ้อ แล้วทำไมต้องหาคนมาช่วยทำกรรมฐานด้วย หือ

 

กล้ารับคำท้าไหมครับ.
ปากดี มันทำได้ครับ
แค่เกรียนๆคีย์บอร์ดเหมือนเด็กขนเพชรพึ่งขึ้นไม่กี่ปี
เด็กๆหรือใครๆก็เขียนได้ครับ

ถ้าผมรับคำท้าแล้ว คุณจะเริ่มต้นยังไง หือ ไหนว่ามาสิคุณนพ ว่ามาสิผมรับคำท้าแล้ว คุณจะเอาอิท่าไหน ว่ามา ผมรับคำท้า เอ้า อิอิ

 

บอกไปแล้ว อย่าแถและกระบือครับ
คือ คุณว่า เจ๋ง กรรมฐานอะไร ให้คุณเลือก
และให้หา คนที่คิดว่า จะช่วยคุณได้มาได้
อีก ๑๐ คนครับ เอาที่ว่าเจ๋งๆเลยนะครับ
เอา พวกที่มันชอบ เสกหนังควายเข้าท้องแบบคุณ
นั่นหละครับ เอามาเลยครับ
และฝากบอกพวกนั้นด้วย ว่าผมแค่คนเดียวครับ
ไม่ต้องกลัวว่า ข้าพเจ้าน้อยกว่า จะไปรังแกคนมากกว่าครับ
พูดง่ายว่า ข้าพเจ้า ๑ กับ พวกกระบือที่ชอบ
ขู่คนด้วยการเสกหนังควายเข้าท้องเอามาให้หมดนะครับ

และข้าพเจ้าบอกไปแล้ว ว่าจะไม่ท้าคุณ เรื่องกสิณ
เพราะถ้า เอากสิณ เกรงว่า คุณ กับพวกเดรัชฉาน
ที่ชอบเสกหนังควายเข้าท้องจะไม่ได้มา
เสนอหน้า หรือดูแลเวบที่ไหนอีก...
ตรงนี้ชัดเจนนะ ว่าไม่ใช้กสิณ..

จึงให้คุณ เลือกกรรมฐาน ที่คุณ เจ๋ง
ที่สุดในโลกเลยครับ. เอาที่ คุณ โม้ว่าเจ๋ง
เอาที่คุณ คิดว่า แน่ระดับจักรวาลเลยครับ
ให้คุณเลือกได้เลย..



พวก คุณ ต้องแสดงกรรมฐานนั้นได้
ในระดับตาเปล่า และภายในเวลาไม่นาน
ให้คนอื่นๆ สามารถ ทำได้ รับรู้ได้ เหมือนคุณทำ
เข้าใจนะ ภาษาไทย ง่ายๆ
ถ้ายังหลับตา นั่งสมาธิ ไม่ต้องเอามาเสียเวลาและต้อง
ให้คนอื่นๆรับรู้ได้เหมือนคุณนะ ย้ำนะ

อ่านด้วยครับ พ่อ กระบือ อย่าเก่งแต่ปาก
เขียนไปหมดแล้ว...ยังโชว์กระบือมาทำเป็นเก่งถามอีก

ปกติ ส่วนตัวไม่หาเรื่องใครหรอก
แต่พอดีมีไอ้พวก ทำเดรัชฉาน ที่มันมา
ตั้งกระทู้ แบบเลิศหรู อลังการ
ที่มัน มีแต่ก๊อบปี๊ มาวาง แล้วสรุปแบบกระบือๆ
ในห้องอภิญญา มันมาคุย มันมาโม้
ว่ามันจะเสก หนังควาย เข้าท้องข้าพเจ้า
ก็เลยอยากลองหน่อย

ปล.ไม่ต้องว่า ข้าพเจ้าจะเอาเปรียบนะ
เพราะ ต่อให้มาได้ ๑๐ คนเลยนะครับ หึหึหึ

มีกติกาว่า ถ้าใครทำไม่จริง
หรือใครแพ้ คนนั้นจะต้อง.
ก้มลงกราบเท้าคนที่ชนะ
แล้วเอารูปมาลงให้ห้องพลังจิต
และต้อง มาตั้งกระทู้ ขอขมา
ในเรื่องต่างๆที่ได้เคยกล่าวหากัน.........
ไม่ต้องกลัว หน้าตาข้าพเจ้า ออกสื่อ
คนเคยเห็นเยอะครับ
คนอยากจะเห็น หน้าตา
บุคคลิกคนอย่างคุณมากกว่า





นัดวัน นัดเวลามา แต่ไม่เอาต่อหน้าพระองค์ใหญ่
หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีตัวแทนรูปพระพุทธเจ้านะครับ
จะนัดกันไป ลองของ ไม่อยากให้ศาสนาเสื่อมเสีย
จะได้นัดสมาชิกในนี้ไปเป็นพยาน ไปช่วยถ่ายรูป
ผลเป็นอย่างไร จะนำมาลง ในห้องอภิญญาครับ...
คติผมมีอย่างนี้นะครับ
'' ใครมาดีก็ยิ้มรับ ใครมาไม่ดีก็ยิ้มรับ ''
เฉพาะฆารวาสนะ...