เคยเป็นกันมั้ย กับความรู้สึกเบื่องานทางโลก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย gotodido, 1 มีนาคม 2010.

  1. Phuket

    Phuket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +877
    เบื่อทางโลก
     
  2. ราศีสิงห์

    ราศีสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +2,118
    อาการเบื่อๆทางโลกแบบนี้ดีสิครับ เค้าเรียกว่าจิตมันเบื่อทางโลกเพื่อมุ่งสู่ทางธรรม
    ลองปฏิบัติธรรมดูครับบางครั้งมันถึงเวลาของเราแล้วก็ได้ (เบื่อแล้วจงมีสติรู้ตัวว่าเบื่อ อย่าให้จิตหดหู่นะครับ ถ้าจิตหดหู่แล้วมันไม่เบื่อจริง ๆครับ มันขี้เกีขจต่อหน้าที่การงานมันเป็นกิเลสตัวหนึ่งเท่านั้นปฎิบัติธรรมสักระยะแล้วจะรู้ว่าเบื่อจริงหรือเบื่อปลอม สาธุอนุโมทนาครับ)
     
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    พิจารณาให้ดีว่ามันหน่ายจริงไหม หรือแค่อยาก ได้รับในสิ่งไม่อยาก เป็นนิวรณ์ธรรมดา

    สัตว์น่ะ ถ้าหน่ายจริงแล้ว เห็นอาสวะในลำดับหนึ่ง จะไม่ค่อยใคร่ครวญสนใจเรื่องพวกนี้ เพราะยอมรับความจริง ยอมรับความโง่ของตัวที่อยากเกิดมา

    ในเมื่อเกิดมาแล้ว ชีวิตที่เหลือ ลมหายใจที่เหลือ ก็จะทำ ก็จะลงมืออย่างเต็มที่ เพียรเผากิเลส อันเป็นเหตุ ที่ทำให้เวียนว่ายทนทุกข์
     
  4. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,697
    ค่าพลัง:
    +1,559
    เคยเป็นแต่สาเหตุมาจากคิดถึงความตายจนเห็นว่าชีวิตเหมือนละคร คน1ก็หนึ่งบทละคร
    บทของเราก็คงเคยมีคนเล่นบทที่เราเล่นมาแล้วมากมายๆ ซ้ำๆกัน

    บทชีวิตเราเหมือนตัวประกอบ บทรัฐมนตรี-นายก-พระเจ้าแผ่นดิน มีคนได้เล่นมากน้อยลดหลั่นกันลงไป
    น้อยลงไปอีกคือบทของพระอริยะ น้อยลงไปอีกคือบทของพระปัจเจกพุทธเจ้า
    บทที่น้อยที่สุดคือบทของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็ยังเป็นบทชีวิตที่ซ้ำกันอยู่ดี
    ตั้งแต่อธิฐานลอยถาดทอง ตอนจมลงก็ยังจมลงไปที่เดียวกันจนซ้อนกัน และก็ยังซ้ำๆกันอีกหลายอย่าง
    ก็ขนาดพระพุทธเจ้ายังมีบทชีวิตที่ซ้ำๆกันเลย

    ตัวประกอบกระจ้อยอย่างเราจะเป็นบทชีวิตที่ซ้ำซากขนาดไหน โอ้ละหนอ ทำเหมือนๆกัน ดินรนเหมือนๆกัน สุข-ทุกข์เหมือนๆกัน จบลงเหมือนกัน และไม่มีใครรู้จักหรือจำเราได้เหมือนกันทั้งหมด . . . . .เกิดมาทำแค่นี้เองหรือเรา
    - -
    เพิ่มเติม ก็เลยเบื่อการดิ้นรนหา . . . วิธีแก้ก็ทำแบบสายกลางมั๊ง เอ หรือว่าหย่อนลงไปเลย- - ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2010
  5. สบู่เลือด

    สบู่เลือด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +391
    ถ้าเบื่อทางโลกแล้วอยากเข้าทางธรรมแบบเต็มตัวก็ดีมากเลยค่ะ(อนุโมทนาด้วยนะคะ)
    ถ้าเราไม่มีภาระทางโลกใดๆต้องรับผิดชอบ อย่างนี้ก็ไปทางธรรมได้อย่างไม่มีห่วงเลยค่ะ..
    แต่บางคนจะเบื่อเป็นพัำกๆ คือยังไม่เบื่อได้ที่น่ะค่ะ อย่างงี้ก็ต้องรอเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน..
     
  6. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    เมื่อสามปีที่แล้วเคยเบื่อมากๆ แต่เรายังมีภาระอยู่ ไปบวชไม่ได้ ปัจจุบัน นั่งสมาธิ สวดมนต์ใช้เวลา สองชั่วโมงกว่า เวลาจึงมีน้อยจึงรู้สึกบ่อยๆ ว่าทำซ้ำ อ้าวอาบน้ำอีกแล้ว แปรงฟันอีกแล้ว ก็คิดเสียว่าเราทำหน้าที่ในทางโลก สนุกกับงานไป และขณะนี้มีความสุขกับการนั่งสมาธิด้วย
     
  7. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    เบื่องานมาก ตอนนี้ลาออกแล้ว ก็สบายใจขึ้น แต่ก็ยังคิดเหมือนกันว่าจบมาจะทำอะไร แต่ก็มีกำลังใจจากหลายๆอย่าง ทำงานแลกเงินแล้วมันไม่มีความสุข ไม่อยากจะอยู่ทั้งวันแบบนั้น เหมือนชีวิตมันไร้ค่า ทำมา 1 ปี 8 เดือนรัับผิดชอบมากมายหลายอย่างผมเป็น จนท.สาสุขหน่ะ พอกันทีกับชีวิตแบบนี้ ลาออกซะ
     
  8. เสรีชน

    เสรีชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +727
    ข้าพเจ้าเองก็...เบื่ออย่างที่เจ้าของกระทู้กล่าวมาทั้งหมด

    ข้าพเจ้ามีวิธีก็คือ ทำงาน 5 วัน หยุด 2 วัน

    ข้าพเจ้าก็เอาเวลาสองวันนี้ไปบำเพ็ญประโยชน์ เช่น อนุรักษ์สัตว์เเละป่าไม้ ซึ่งมีกลุ่มเเละเครือข่ายของเรา(ตอนนี้มีเลียงผาเจ็บหนักที่เขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี ) หรือจะเป็นในเรื่องของการทำนุบำรุงพระทธศาสนา มีการออกโรงทาน(วันคล้ายวันเกิดหลวงจรัญ จ.สิงห์บุรี) กราบหลวงปู่ หลวงตาที่ท่านเดินทางมาโปรดที่กรุงเทพ(เช่น เฝ้า(กราบ)สมเด็จพระสังฆราชที่ตึกญาณสังวร รพ.จุฬา หลวงปูท่อน หลวงปู่จันทร์เเรม หลวงปู่บุญญฤทธิ์ หลวงปู่เณรคำ ) หรือมีข่าวการมรณภาพขององค์หลวงปู่ท่านใด(สายป่า) ข้าพเจ้าก็จะเดินทางไป หากตรงวันหยุดข้าพเจ้าก็จะไป หรือเเม้เเต่การเข้าเฝ้าถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่วังสวนจิตลดา ในวันที่4 ธ.ค
    .........ทั้งหมดที่ทำมาทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า ลมหายใจเเละสังขารของเราสามารถทำประโยชน์ให้กับผืนเเผ่นดินผืนป่า คนรอบข้าง รวมไปถึงสัตว์ร่วมโลก มากกว่างานการที่ทำอยู่... งานเป็นเพีบงส่วนหนึ่งของข้าพเจ้าที่จะทำงานเพื่อนำเงินมาเป็นค่าที่พัก ค่าน้ำนมเเม่ ค่าดำรงสังขารเพื่อทำประโยขน์ ค่าเดินทางไปยังที่ๆจะทำประโยชน์เท่านั้น เมื่อเป็นดังนี้เเล้ว ข้าพเจ้าไม่เบืองานที่ทำ เพราะข้าพเจ้าทราบว่าจะทำงานไปเพื่อจุดมุ่งหมายอะไร..................
     
  9. KLRHV1

    KLRHV1 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +373
    คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด
    ธรรมประจำใจ
    พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์
    ละได้ย่อมสงบ
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ
    สันดาน
    ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได
    แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
    ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก
    ชีวิตทุกข์
    การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
    จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ
    จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
    เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ
    เมื่อเราจะออกจากบ้าน
    ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
    นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย
    บรรเทาทุกข์
    การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
    เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคมเราต้องเป็นตัวของเราเอง
    และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่าสิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
    ยากกว่าการเกิด
    ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
    เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย
    ไม่สิ้นสุด
    แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
    กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น
    ยึดจึงเดือดร้อน
    ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่
    ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะโดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล
    จักรวาลโลกมนุษยนี้ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
    สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
    ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน
    เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
    สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ
    อยู่ให้สบาย
    ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น
    เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึดอยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
    อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
    เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทาเหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรักเหนือชัง
    ธรรมารมณ์
    การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
    อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
    ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทนเพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆแล้ว
    ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัสเสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์
    กรรม
    ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า
    เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
    ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์มีความรื่นเริง
    มารยาทของผู้เป็นใหญ่
    ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
    มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
    คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ
    โลกิยะหรือโลกุตระ
    คนที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
    คนที่เดินทางโลกิยะย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร ?
    ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
    ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ?
    ถ้าเป็นไปได้ พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ?
    แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน
    เราต้องตัดสินใจ ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง
    ศิษย์แท้
    พิจารณากายในกาย พิจารณาธรรมในธรรม พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
    นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    รู้ซึ้ง
    ทุกอย่างจะต้องมีเหตุเมื่อมีเหตุจึงจะมีผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ
    เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา
    ใจสำคัญ
    การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
    จะต้องทำด้วยความศรัทธา
    ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย
    หยุดพิจารณา
    คนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียวจิตมันจะฟุ้งซ่าน
    และถ้าภาวะนั้นตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือหยุดพิจารณา
    แล้วค้นสัจจะของ ศีลสมาธิ ปัญญาย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้
    บริจาค
    ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
    การสวดมนต์เป็นการภาวนา การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
    เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
    การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก
    นี่คือเรื่องของนามธรรม
    ทำด้วยใจสงบ
    เราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ
    อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้นมันจะพาเราไปสู่หายนะ
    เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจงอย่าทำ
    นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน เมื่อจิตใจสบายแล้วปัญญาก็เกิด
    เมื่อเกิดปัญญาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก
    มีสติพร้อม
    จะทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม
    คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
    อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผลมาอยู่เหนือความจริง
    เตือนมนุษย์
    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีง านทำในไม่ช้า
    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
    มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า
    พิจารณาตัวเอง
    คืนหนึ่งก็ดีวันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร
    ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆว่าที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
    คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างคิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
    เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้ มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิดไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง
    คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2010
  10. คนโง่

    คนโง่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +68
    เบื่อค่ะ เบื่อมากกกกกกกกกกกก
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,456
    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Ccom%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:16.0pt; font-family:"Angsana New"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ผมคิดถึงครับ
    <o></o>
    คิดถึงเวลาครองเพศสมณะ
    คิดถึงทางจงกรม ผมจะอยู่ทางจงกรมตลอดทั้งวัน
    ยกเว้น เวลานอน บิณฑบาต ทำข้อวัตร และทำธุระส่วนตัว
    <o></o>
    ช่วงเย็น ๆ พวกสัตว์ต่าง ๆ ก่อนจะกลับไปพักที่พักของตน
    เค้าจะมาเดินวนเวียน อยู่รอบทางจงกรมที่ผมเดินอยู่
    บางทีก็เดินผ่านไปผ่านมาในทางจงกรม
    เค้าจะเดินเฉียดไปเฉียดมา ใกล้กับผม จนแทบติดกัน
    <o></o>
    ก็มี กระจง ไก่ นกยูง กระรอกขาว กระรอกน้ำตาล เต่า กระต่าย
    เดินวนเวียน หยุดมองผม หรือบางทีก็หาอะไรกิน รอบทางจงกรม
    และนกชนิดหนึ่งผมก็ไม่ทราบเรียกว่านกอะไร มาเกาะกิ่งไม้เล็ก
    บางทีก็บินโฉบ ผ่านหน้าผม จากกิ่งหนึ่งไปกิ่งหนึ่ง
    <o></o>
    พอตกค่ำ มืดแล้ว เค้าก็ต่างแยกย้ายไปที่พักของตน
    สัตว์พวกนี้กับผ้าเหลืองเค้าคุ้นเคยนะครับ
    เค้าไม่กลัว เค้ามาทุกวันครับ
    ทำเหมือนเดิมทุกวัน
    <o></o>
    ปกติสัตว์พวกนี้ใครเข้าใกล้ได้เมื่อไหร่
    แต่อยู่กับพระ กับ ผ้าเหลือง นี่เค้ารู้สึกปลอดภัยเลยล่ะ
    <o></o>
    ผมคิดถึงเพศสมณะมากครับ
    คิดถึงทางจงกรม คิดถึงสัตว์พวกนั้น
    <o></o>
    สัตว์กับพระนี่เหมือนเพื่อนรักกันเลยครับ
    มันเป็นไปเองเลยนะครับ ไม่คิดว่าจะเป็นได้
    <o></o>
    เป็นพระ เป็น เพศสมณะ นี่
    รู้เห็น ได้ทุกอย่างเลยครับ
     
  12. Nunclub

    Nunclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +321
    ความคิดผมเห็นว่า ทุกข์ทั้งหลายนั้นเป็นอริยสัจ เป็นความจริง ที่ท่านทั้งหลายทุกข์ก็เพราะจิตนี้ไม่ยอมรับความจริง ขอให้เดินตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสำคัญครับ เพื่อความหลุดพ้นอย่างถาวร

    อนุโมทนาสาธุ อารมณ์เบื่อก็ให้รู้ทันอย่ายึดติดจะเสียงานเสียการนะครับ รู้เท่าทันอารมณ์นะครับ มันเป็นทางผ่าน เห็นทุกข์จึงเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เมื่อคลายกำหนัดจึงหมดความยึดถือ เมื่อหมดความยึดถือแล้วจึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้น
     
  13. ชัยธนันท์

    ชัยธนันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    859
    ค่าพลัง:
    +1,488
    มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยากฉะนั้นจะเจออะไรที่หนักหนาเราก็สามารถใช้ปัญญาแก้ไขได้ อย่ายอมแพ้แก่ปัญหาที่เล็กน้อย ชีวิตนี้สั้นนักแล้วจะมานั่งเสียดายว่าที่ผ่านมาตอนที่เรายังมีกำลังอยู่เราน่าจะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างแต่กว่าจะคิดได้ ก็สายไปเสียแล้ว
     
  14. ทาสธรรม

    ทาสธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +95
    เช่นกันครับ แต่ผมมองไปทางไหนก็เบื่อครับ รูสึกว่าคนรอบข้าง หมกหมุ่นเกลือกกลั้ว กับกิเลสทั้งๆๆที่รู้ว่ามันทำให้เราทุกข์ แล้วมาบ่นว่าทุกข์ว่าลำบาก....
    ผมเองก็รอเวลานั้นมาถึงครับ วันที่เราออกจากโลกที่วุ่นวาย แก่งแย่งชิงดี
    ออกธุดงค์ ศึกษาธรรม เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ เพราะผมเบื่อโลกนี้เต็มทีแล้วครับ
     
  15. กนกพิชญ์

    กนกพิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +163
    เท่าที่อ่านเรื่องราวของแต่ละท่าน ก็ได้รู้แล้วว่าชีวิตคนเรานี่ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดเลย ความเบื่อมีอยู่ทุกคนยิ่งอายุมากขึ้นผ่านโลกมามาก ก็ยิ่งเบื่อ
    เห็นอะไรก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นน่าค้นหาเหมือนตอนเด็กๆ แต่จะทำอย่างไรล่ะในเมื่อเราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ส่วนตัวแล้วตอนนี้ก็เริ่มเห็นความจริงมากขึ้นทีละอย่าง
    เราจึงคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่ทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีความสุข งานที่ทำก็เป็นงานที่
    เราทำแล้วมีความสุขเป็นนายตัวเอง รายได้จะได้มากน้อยไม่สำคัญ อยู่ที่เราพอเพียงหรือไม่ ดีกว่าที่เราต้องเป็นไปอยู่ในกรอบ ทำงานตามเวลาเงินเดือนมากก็จริงอยู่แต่หาความอิสระไม่ได้เลย ทุกวันนี้มีเวลาไปเข้าวัดปฎิบัติธรรมตามโอกาส
    ได้ทำบุญทำการกุศลโดยอิสระ ช่วยเหลืองานวัดบ้างครั้งคราวถือว่าได้สะสมบุญไป
    อย่างน้อยก็ได้ขจัดความเบื่อไปได้ไม่มากก็น้อยค่ะ..
     
  16. su37berkut

    su37berkut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,121
    เบื่อเหมือนกัน...แต่ก็ไม่รู้จะทำยังงัยดี เช่นกันครับ...
     
  17. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    บวชใจให้รู้ทัน บวชกายทำง่าย แต่รักษาใจนั้นยากแสน จงรู้ทันก็ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งทางธรรมไปพร้อมๆกับทางโลกเลยล่ะครับ
     
  18. Kump

    Kump เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +508
    เดิมทีผมเคยคิดว่าการทำให้ตัวเองมีอิสรภาพทางการเงินได้ จะทำให้เรามีความสุขได้อย่างราบคาบ เพราะจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยนั่งทำงานอีกต่อไป จะไปเที่ยวไหนก็ได้ ฯลฯ
    แต่พอมาสังเกตุดูตัวเองก็พบว่า ในช่วงวันหยุดยาวๆ เราไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีอะไรให้ทำ มันกลับรู้สึกว่างเปล่า ไร้ค่าไร้ประโยชน์เสียจริง เมื่อลองหันไปมองดูคนสูงอายุคนอื่นๆก็พบว่า คนที่รู้จักแต่ละคนก็ทำงานอยู่ตลอด(ถึงจะมีเงินเก็บเยอะก็เถอะ!!) และคิดว่าจะทำจนร่างกายไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานได้เพราะกลัวว่าเงินที่เก็บมาจะไม่พอใช้ในวันข้างหน้าเมื่อมันจำเป็นจริงๆ(คนเรามักคิดอย่างนี้เสมอเพราะกลัวลำบาก) จนสุดท้ายคือจากไปโดยที่ยังคงทำงานตลอดชีวิตเหมือนเดิม....
    สรุปคือไม่ว่ายังไงคนเราก็มักจะทำงานกันจนกระทั่งตายอยู่ดี
    หากบุกบั่นงานอย่างเดียวย่อมเสียกิจธรรมโดยไม่ได้อะไรเลย น่าเสียดายที่สุดครับ
    ทางออกที่ดีคือ
    ทางตรงกลางระหว่างการงานกับธรรมครับ จึงจะไม่ได้อย่างเสียอย่าง

    เป็นมุมมองที่มันเคยผ่านมาและพยายามจะคิดหาทางออกให้ได้ในตอนนั้นครับ
     
  19. shakira

    shakira Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ขอบคุณทุกความเห็นในที่นี้ค่ะ ทำให้ข้อคิดในการปฏิบัติในชีวิตตัวเอง
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  20. ลูกจันทร์

    ลูกจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +547
    ก็มีอาการเบื่อทางโลก
    อยากมุ่งทางธรรมมากกว่า
    เบื่อสังคมที่วุ่นวาย ไม่จริงใจต่อกัน อยากสงบ
    แต่ก็ต้องทำใจอยู่กับสิ่งเหล่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...