อยากทราบวิธีสอนสมาธิเด็กไม่ให้เบื่อค่ะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย พลอยรุ้ง, 25 มกราคม 2010.

  1. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    สงสัยก่อนหน้าจะไปโพสต์ กท ผิดห้อง ขออภัยด้วยค่ะ

    อยากจะสอนให้ลูกนั่งสมาธิน่ะค่ะ จะมีวิธีสอนอย่างไร ให้เค้าขยัน สนใจ ไม่ให้เบื่อ ง่วง ค่ะ ใครมีวิธีสอน กรุณาแนะนำด้วยค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    สวดมนต์ครับ...

    ความจริงเด็กอายุน้อยๆเราไม่จำเป็นที่จะต้องให้เขานั่งสมาธิได้นานอะไรหลอกครับ....อย่าได้ไปตั้งความคาดหวังว่าเขาจะต้องได้เท่านั้นเท่านี้....หรือให้ได้เหมือนเรา....ลูกเราอาจมีบารมีที่แตกต่างกับเจ้าชายสิทธัทธะที่นั่งสมาธิตั่งแต่เด็กแล้วบรรลุฌาน หรือ พระนางวิสาขา ที่เป็นพระโสดาบันตั้งแต่ ๗ ขวบ......


    คุณต้องเข้าใจในธรรมชาติของเด็กครับ....ง่ายที่สุดถ้าคุณต้องการให้เขาได้ซึมซับความดีและเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีในอนาคต....อย่างแรกคุณต้องเริ่มจากตัวคุณและคนในครอบครัวครับ.......คนในครอบครัวต้องเป็นครอบครัวกัลญาณมิตร....ไม่ใช่ครอบครัวที่ทะเลอะกันอยู่ตลอด...หรือบ้านแตก.....คุณคงจะเข้าใจว่าสังคมรอบข้างนั้นมีความสำคัญมากต่อเด็ก.....อย่าทะเลอะกันต่อหน้าลูก.....

    การสวดมนต์นั้น...เราไม่จำเป็นต้องเน้นมากบทหลอกครับ.....แต่คุณจะต้องทำเป็นกิจวัตร.....พยายามสวดมนต์แปลครับ.....ให้รู้ความหมาย....สิ่งที่จะได้คือ คุณเองก็รู้....ในขณะเดียวกัน....ลูกคุณก็รู้ความหมาย....นานไปก็จะฝังอยู่ในใจ.....และบทสวดมนต์แต่ละบทย่อมมีความหมายที่ดีและเป็นมงคลอยู่แล้วในตัว.....แน่นอนคุณต้องทำด้วยกับลูก....และพยายามสอนเขาว่าอะไรเป็นอะไร....อะไรที่ถูกอะไรที่ควร....และอะไรที่ไม่ควร.....กราบพระกราบอย่างไร.....เจอพระสงฆ์ต้องทำอย่างไร......ต้องเป็นคนนอบน้อมอย่างไร.....ไม่พูดเสียงดัง.....ว่าไป.......

    เมื่อมีกิจกรรมในครอบครัวเช่น วันสงกรานต์ ก็ต้องพาไปกราบปู่ย่าตายาย....รดน้ำดำหัว.....ในลูกติดเป็นนิสัยกับสิ่งที่ดีๆ......

    เมื่อมีวันเกิด ไม่ว่าของใคร พยายามยามสอนลูกให้เป็นผู้ให้.....มากกว่าที่จะเป็นผู้รับ.....อาจมีกิจกรรมเช่น พาลูกไปบ้านเด็กกำพร้า....ซื้อ ไอติม ไปแจก....ให้เขาแจกกับมือ.....ให้กับผู้ที่ไม่มี..อย่างเขา.....สิ่งเหล่านี้คุณไม่ต้องไปสอนอะไรเขามากหลอกครับ.....มันจะซึมซับลงไปในใจของเขาเอง......

    การที่เขาจะได้อะไร...พยายามสอนเขาให้ได้มาโดยมีเงื่อนไข.....ไม่ใช่อยากได้ก็ซื้อเอาให้....ไม่พอใจก็ซื้อให้....เหมือนเด็กที่กระทืบเท้าในห้างเมื่อต้องการสิ่งของ.....เงื่อนไขก็ไม่มีอะไรมาก...เช่น ทำการบ้านให้เสร็จก่อนดูทีวีทุกวัน.....กินข้าวให้หมดถ้วย.....ตลอดจน โตมาก็ให้เงื่อนไขที่มากขึ้นไปเท่าที่เขาจะทำได้.....

    พยายามพาเขาเข้าวัด....หาพระบ้าง....ตักบาตร.....ทำบุญ.......ให้ทำบ่อยๆ....เมื่อเขาถามก็ค่อยๆตอบไป......ไม่ต้องไปสอน...แบบ แบบเรียนชุดเก่าที่จะต้องท่องว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้.....หมดยุคแล้วครับ.....และมันก็ไม่ได้ผลหลอก....

    เมื้อเขาโตพอที่จะรับอะไรใหว...คุณก็ค่อยๆสอนในสิ่งที่สูงขึ้นไป....เช่น นั่งสมาธิ รักษาศีล สอนให้เขาไม่โกหก...บ้างว่าไป....ก็ต้องบอกประโยชน์ให้เขารู้ด้วยว่ามีประโยชน์อะไร.......พยายามอย่าสอนให้เขาเป็นคนงมงายโดยไร้ซึ่งเหตุผล......

    และอีกมากมาย......ที่สำคัญทุกสิ่งต้องเริ่มที่ตัวคุณครับ.....คุณเป็นเช่นไร...ลูกคุณก็จะเป็นเช่นนั้น......

    หวังว่าในอนาคตลูกคุณจะได้เป็นกัลญาณชนที่ดี.....เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีมีปัญญา.....ในอนาคต.....<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบคุณ คุณภาณุเดชมากนะคะ คือดิฉันคิดว่า เด็กๆน่าจะสอนง่าย เพราะจิตใจเค้าบริสุทธิ์อยู่น่ะค่ะ เลยอาจจะดูเหมือนรีบไปหน่อย อีกอย่างนึงคือ อยากให้เขาซึมซับตั้งแต่เด็กๆ อยากให้เขาชินค่ะ ก็พยายามทำบุญใส่บาตร ก็มักจะพาเขาไปด้วย จริงๆแล้วบ้านเราไปหมดทั้งบ้านค่ะ แล้วก็พยายามสอนให้สวดมนต์ก่อนนอนด้วย สวดบทสั้นๆค่ะ ยาวไม่ได้ เค้าจะง่วงทันที (เหมือนเป็นยานอนหลับ)
    ขอบคุณคุณอีกครั้งค่ะ
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ง่ายที่สุดคือ....การปฏิบัติตนเองให้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับลูก...ครับ

    เพราะบุตรจะรับเอามารดาเป็นครูคนแรกในชีวิตและจะเริ่มซึมซับในทุกส่วนที่รู้เห็นจากมารดา

    การที่เราทำดี ปฏิบัติดี ทำให้เป็นตัวอย่างที่ดีกับบุตรอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ย่อมเป็นเหตุจูงใจให้บุตรหลานของท่านปฏิบัติตามโดยอัตโนมัติ ครับ

    ขอเจริญพร
     
  5. ผู้หญิงธรรมดา

    ผู้หญิงธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +535
    เป็นตัวอย่างที่ดี ทางธรรมให้เขาค่ะ
     
  6. เด็กน้อยรักธรรม

    เด็กน้อยรักธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +81
    ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีค่ะ แล้วก้อพาเขาทำด้วย

    อาจจะไม่ได้อย่างที่คาดไว้เลย ก้อไม่ต้องคิดมากค่ะ

    เรื่องแบบนี้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบ

    เพราะแต่ละคนนั้นบารมี ต่างกันค่ะ ช้าเร็วอยุ่ที่ตัวของเขาเองนะคะ

    ขอแค่ ให้เป็นแบบอย่างที่ดี แล้วก้อพาเขาทำค่ะ

    อนุโมทนา กับคำถามและคำตอบของทุกคนเลยค่ะ
     
  7. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ...ใช้วิธี เล่าให้เขาฟัง...จะได้สมาธิ และปัญญา....(เพียงแต่คนเล่าต้องรู้ก่อน)

    ...เริ่มจาก พุทธประวัติ...(มีทั้งเหตุ และผล ที่จะทำให้เขาสนใจ และคิดตาม)..

    ...สมาธิ ต้องคิดถูกก่อน(ต้องสนใจก่อน)...แล้วจะติดตาม ค้นคว้าต่อไป เอง....
     
  8. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    ใช้กลุ่มสังคมพ่อแม่ วัด และสิ่งแวดล้อมจูงใจหล่อหลอมเด็ก

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6hO6O4E5YaU]YouTube - การฝึกสมาธิให้กับเด็ก[/ame]

    อนุโมทนา...​
     
  9. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,157
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +29,709
    ....เสียดายจัง

    ถ้าอยู่เชียงใหม่ จะสอนให้ฟรี

    คนที่เค้าได้ เค้าก็จะเล่าให้เพื่อนๆฟังเอง ว่า ไปเที่ยวไหนมาบ้าง

    ..แต่ขออย่างหนึ่งสำคัญมาก คือ ห้ามใช้เด็กสอดรู้สอดเห็นในเรื่องส่วนตัว

    ที่เป็นเรื่องนอกศีลธรรม เช่นดูหวย เรื่องชู้สาว ฯลฯ เพราะจะมีผลร้ายข้างเคียง

    ..แล้วเด็กจะบอกว่า สนุกกว่าเล่นเกมส์คอมฯ คนละโลกเลย...


    ใครอยู่เชียงใหม่ ติดต่อผมได้ ส่วนใหญ่ว่างวันอาทิตย์

    สอนครั้งหนึ่งไม่เกินชั่วโมง

    ถ้าใกล้ต้วเมืองหน่อยก็ดี

    ถ้าหาพรรคพวกมาทีเดียวหลายๆคน เด็กเค้าจะได้เป็นกำลังใจให้กัน
    แบบว่า ..แก็งส์เด็กเทพ ...ตลุยสามโลกมันส์สสสส มาก
     
  10. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ใจเด็กยังสะอาดครับ มลทินยิ่งน้อย ยิ่งถึงสมาธิได้ง่ายครับ
    สำหรับเด็กอาจจะหวังผลสูงๆได้ยาก...
    แต่แน่นอน ฝึกสมาธิตั้งแต่เด็ก จะช่วยรักษาความสะอาดในใจของเขาไปยันโตเลยครับ
    แล้วคราวนี้หละ จะเข้าถึงธรรมได้ดีเลยครับ...

    ว่างๆ ลองพาไปฝึกที่วัดปากน้ำภาษีเจริญสิครับ
    ไม่ก็วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ที่ราชบุรีก็ได้ครับ บรรยากาศดีมากเลยนะครับ
     
  11. congto

    congto สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    อีกทาง หลังจากที่ผมได้ศึกษาและปฏิบัติเรื่อยมา อาจแลกเปลี่ยนกันได้

    ผมได้มีโอกาสสอนเด็กทำสมาธิแบบเจริญปัญญาอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเคยทำค่ายคุณธรรม พุทธบุตรฯลฯ ภายหลังได้ใช้พัฒนาการเด็กเข้ามาประยุกต์ด้วยในการที่จะสอนให้เขาเป็นผู้มีสมาธิ สติพร้อมด้วยการ หยั่งภูมิเก่าหรือทางวิชาการว่าการดึงองค์ความรู้เด็กมา
    ......เด็กมีความสุขอยู่กับสิ่งที่สนใจ และจดจ่อต่อเนื่องด้วยความอยากพิสูจน์ การถามในสิ่งที่เขาเป็นสุข และพอใจ(เวทนา/สุขเวทนา)ในการปฏิบัติคืออะไร 1.ให้เด็กได้ตอบ ว่าเมื่อเขาทำสมาธิแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหลังจากหลับตาแล้วนั่งนิ่งๆ
    2.ถามเขาว่าความรู้สึกที่เกิดอันไหนบ้างที่เขาชอบ และไม่ชอบ
    3.เลือกถามสัก 1 อย่าง ยกตัวอย่างลูกศิษย์อายุ10ขวบที่ผมสอนคือ เขาบอกว่าเขารู้สึกดี และพอใจเวลาที่ทรายมันเข้าไปอยู่ที่เท้า(ผมเลือกสุขเวทนาก่อนเพื่อเปิดทางในระยะยาว) มันคือสุขเวทนา ลูกศิษย์เลยบอกต่อว่าสักครู่มันก็หายไปทั้งเท้าแล้วก็ปวดแล้วเขาก็จะดิ้นหรือเปลี่ยนท่านั่งให้มันหายไป
    4.ถามเขาว่า แล้วทรายในขณะที่มันอยู่ มันอยู่ยังไงลูก มันหมุน มันเคลื่อนที่ หรือมันหยุดนิ่ง มันร้อน มันอุ่น หรือมันเย็นไหม เปิดโอกาสให้เด็กได้ตอบ เพราะคำตอบเหล่านั้นมาจากประสบการณ์จริงที่เด็กดึงความจำหรือองค์ความรู้เหล่านั้นมาด้วยสมาธิ และสติสัมปชัญญะ
    5.เมื่อเขาตอบเรามาแล้ว ก็ให้นำคำตอบเหล่านั้นมาเป็นโจทย์ในการกระตุ้นให้เขามีความสุขกับการพิสูจน์ค้นหา โดยมากเด็กจะตอบได้ไม่ทั้งหมดโดยละเอียดในสิ่งที่เราถาม ผมจึงให้ลูกศิษย์ดูความเป็นไปของทรายในเท้าของเขา(การตามดูอาการของเวทนา เท้าเขาชาครับ) ว่ามันเข้ามายังไง แล้วมันอยู่ในเท้าเรายังไง แล้วตอนอยู่มันทำอะไรกับเท้าเราบ้าง แล้วพอเราขยับหรือเปลี่ยนท่า ทรายมันทำยังไง หายไป ถ้าหายไป เอ๊ะตอนไป มันไปยังไง ค่อยๆไป หรือ หายไปพรึบเดียวเลย ........... ผมให้ลูกศิษย์เป็นการบ้าน อาทิตย์หนึ่งเราเจอกันครั้งแล้วกลับมาตอบครูให้ได้ว่ามันเป็นยังไง .......................................... สิ่งที่ผมพยายามสอน คือ การเจริญสมาธิควบคู่ไปกับพัฒนาการของเด็กครับ ณ วันนี้เขาอาจจะยังไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าทรายในเท้าคืออะไร .... พอมันอยู่รู้สึกดี ชอบ พอใจคืออะไร ....ตอนมันเปลี่ยนจากทรายเป็นอื่นแล้วทำให้เกียดไม่ชอบคืออะไร... มันเข้ามา มันมีอยู่(แต่จับต้องไม่ได้) แล้วมันก็ไป
    ...มันคืออะไร .......แต่เด็กสามารถบอกเราได้ทีละอย่างจากหยาบๆไปหาอาการอันละเอียดได้........ค่อยนำพาเขาไปหาสิ่งที่ท้าทายต่อๆไปครับ
    อย่างให้เขาทำสมาธิแบบติดรูปแบบ ผมไม่นิยมให้เด็กนั่งสมาธิเกินความต้องการของเด็ก ไม่นิยมให้เด็กนั่งสมาธิโดยการจำกัดเวลา ให้เขาค่อยๆใช้สมาธิผ่านสิ่งที่เรียกว่าชอบ โดยอาศัยพฤติกรรมที่ได้ลงมือทำอย่างเป็นธรรมชาติดีที่สุด เพราะเราจะรู้ได้ว่าลูก หรือลูกศิษย์เป็นคนที่มีสมาธิ และสติดียิ่งขึ้นแล้ว รูปแบบและความเข้าใจของเด็กให้เป็นไปตามพัฒนาการของเขาดีที่สุดครับเมื่อโตขึ้นเขาจักระลึกได้เองว่า อ๋อ สิ่งนี้คือ???

    หวังว่าคงจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งนะครับที่คิดว่าจะสามารถทำให้ลูกทำสมาธิแล้วไม่เบื่อ และไม่เซ็ง ผมเรียกวิธีการนี้ว่า Buddhist Adventureครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...