ผมจะเลิกสำเร็จความไคร่ (ช่วยตัวเอง) ยังไงหรอครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย guzs06, 12 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ทำไมทำไม

    ทำไมทำไม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +13
    ทำเป็นเล่นไป เราเคยตีมันนะ โมโหมัน อะไรกันนักหนา บอกให้หยุด หยุด หยุด ก็ไม่ยอมหยุด เลยตีซะเ้ลย ปรากฎว่า จุก แล้วก็พาลหมดอารมณ์ไป แต่ทำบ่อยๆ ไม่ดีนะ อันตราย อิอิ
     
  2. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    หาหนังสติกดีดมันแรงแรง อารมณ์คงไม่เหลือ
     
  3. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เจริญกาคตายสติ...

    การลด ละ เลิก กาม ทำได้โดยเจริญกาคตายสติ..........
     
  4. jackctu

    jackctu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +290
    ฝันเปียกห้ามยากครับ แต่จะเลิกช่วยตัวเองคงทำได้
    ค่อยๆเลิกครับ ก็อย่าพยายามอยู่คนเดียวครับ ให้กันอยู่หลายคน
    มีกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ทำงานร่วมกัน เป็นต้น
    โอกาสที่จะสำเร็จความใคร่น้อยลงครับ พยายามอยู่ในที่ๆ
    ไม่เอื้อประโยชน์ในการเกิดอารมณ์ครับ สาธารณะสถาน
    ออกกำลังกายมากๆ ครับ เหนื่อยก็ไม่เกิดอารมณ์แล้ว
    คงช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
     
  5. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +2,691
    วิธีที่ผมศึกษามาขณะบวชเป็นพระ และก็ใช้ต่อเนื่องเรื่อยๆมาอีกหลายๆปีดังนี้ครับ

    วิธีที่๑. เมื่อเกิดความรู้สึกขึ้น (แต่ไม่มากนัก) รวบรวมกำลังสมาธิจิต ใช้จิตเพ่งไปบริเวณจักระที่๒ (แถวๆหัวหน่าว) นิ่งอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกจะค่อยๆระงับไป

    วิธีที่๒. เมื่อเกิดความรู้สึกมากกว่าวิธีที่๑ ให้ใช้มือทั้งสองกดบริเวณตำแหน่งข้างๆสะดือ (จักระที่๓) คล้ายๆเราเอามือ๒ข้างท้าวเอว แต่กดนิ้วมือทั้งสองไปข้างๆสะดือ ความรู้สึกก็จะทุเลาลง บางทีอาจใช้วิธีที๑ เข้าร่วมด้วย

    ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นวิธีแก้ไข หรือบรรเทากำหนัด แต่ข้อสำคัญก็คือการป้องกันในสิ่งเร้าทั้งหลายที่เอื้อต้องขจัดออกไปก่อน เช่น วัตถุ โอกาส สถานที่ฯลฯ

    ส่วนวิธีในขั้นละเอียดกว่านั้นก็คือ พิจารณาความไม่สวยของร่างกายเช่น อสุภกรรมฐาน กายคตานุสติกรรมฐาน เป็นต้น

    ควรค่อยๆฝึกทีละน้อยๆ ค่อยเป็นค่อยไปไม่ควรใช้วิธีหักดิบนะครับ เพราะมันจะสวิงกลับมาแรง การปฎิบัติธรรมต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจเช่น เราปฎิบัติธรรมเพื่อให้ได้ความสุขอันละเอียดปราณีต ส่วนความสุขจากกามคุณนั้นยังหยาบอยู่มาก...

    ในการช่วยตัวเองสำหรับพระสงฆ์นั้นมีโทษถึงสังฆาฯเกือบปราชิก แต่สำหรับฆราวาสผู้รักษาศีล๕นั้นไม่ผิดอะไร แต่ทำให้ติดข้องในกามคุณทำให้ไปนิพพานไม่ได้

    อีกอย่างก็คือโทษทางใจ กรณีที่คุณจิตนาการถึงหญิงผู้อื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน ซึ่งโทษทางใจนี้แหละเป็นการทำให้ขาดหิริ-โอตัปปะ ขาดพรหมวิหารธรรม ทำให้มีกระแสใจที่หมองลง

    ไหนๆก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมขออธิบายต่อไปเลยว่า การที่เราเสียอสุจิออกไปนั้น เราจะเสียพลังชีวิตหรือที่เรียกว่า ชี่(Chi)ออกไปด้วย(มีในตำราเต๋า) พร้อมกันนี้กำลังจิต หรือกำลังฌานของเราจะลดลงทันที (สังเกตุดูว่าเราจะหมดแรง)

    อธิบายมาพอสังเขป ผมขอให้ท่านเจ้าของกระทู้และผู้อ่านทุกๆท่านได้รับประโยชน์ และสามารถละความสุขหยาบเข้าไปหาความสุขอันละเอียดปราณีตได้สำเร็จนะครับ
     
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    เสียเวลาดีด มากครับ..ใช้เข็มแทงหรือจิ้มดีกว่าครับ:cool:
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ตอนเริ่มทำ เคยถามใครไหมว่าทำอย่างไร
    ถ้าตอนฝึกทำไม่ได้ถาม จะเลิกทำก็ไม่ควรถาม
     
  8. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ชักขึ้นก็รู้ ชักลงก็รู้ ให้รู้ตรงปัจจุบันนั่นแหละ
     
  9. เงาอสูร

    เงาอสูร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    1.เลิกหมกมุ่นกับสิ่งหล่อแหลม
    2.เล่นกีฬาออกกำลังกายประจำ
    เดียวมันหนื่อย มันก็ไม่มีเองและครับ ผม เป็นเดือนๆ ถ้าปฎิบัติมากๆ อาการเครียดเพิ่มขึ้น
    อย่าไป ทำร้ายตัวเองเลยครับ ไปออกกำลังกายดีกว่า สุขกภาพแข็งแรง ใจไม่ไปหมกมุ่น
    ดีกว่าไหม หรือถ้าพิการ มันเป็นแค่ข้ออ้าง ถ้าใจมันจะทำ อะไรก็ห้ามไม่ได้ ...
     
  10. Anurak_Pokun

    Anurak_Pokun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +57
    หาเมียซักคนครับ...ถ้าไม่หาไม่ทันก็ซ่องเจ๊หวีครับช่วยได้...สักดอกสองดอกช่วยได้เยอะ
    หายไปพักใหญ่..อย่าไปรู้สึกผิดนะเพราะท่านสร้างมาให้ใช้มันเป็นการปรับสมดุลด้วย
    ปล.แต่ตอนเสร็จนะต้องให้พล้งวิ่งทะลุกะหม่อนนะไม่งั้นมีผลเสียมากมายนะจะบอกให้
     
  11. boatsa2538

    boatsa2538 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +90
    กามมันมีมาแต่อารมณ์ คือความคิดเราเท่านั้นเอง มันรับมาจากการปรุงแต่ง เหมือน เรากินข้าว รู้ว่ามันอิ่ม มันอร่อย ก็เพราะข้าว แต่พอกินเสร็จก็ต้องกินอีก เพราะมันหิวอีก นั่น ให้พิจารณา คนเราปกติต้องรับประทานอาหาร คือมีอารมณ์ มาวนเวียน ลองเปลี่ยนไปเป็นส้มตำ ขนมปัง รึ อะไรก็ว่าไป ซึ่งขอให้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เท่านั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องกินข้าว แล้ว เพราะมันอิ่มจากอย่างอื่นเสียแล้ว .<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ตรงจุดกันหลายๆท่านเลย 5555 รวมผมด้วย 5555 ก่อนหน้านี้ก็เหมือนท่านนั้นแหละ แต่พอเริ่มปฎิบัติธรรม มันก็ลดลงได้เอง แต่ต้องทำอย่างจริงจังนะครับ
    แรกๆต้องรวมพลังอย่างสูง ด้วยการนำธรรมต่างๆมาพิจารณาตอนเข้าสมาธิเข้าใจแล้ว ก็มาใช้ตอนมันเกิด (นำธรรมมาตัดวงจรช่วงเกิดผัสสะ)
    1.ลด ด้วยการไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆ เช่นไม่เข้าเวปโป๊ ไม่มองผู้หญิงแบบคิดต่อว่าสวยจัง หันไปทางอื่นเสีย ฯลฯ ผัสสะทางกาย
    2.ละ โดยการนำ ธรรมต่างๆมาขัดจังหวะตอนเกิด ผัสสะทางกายหรือใจ เช่น พิจารณาว่าร่างกายเป็นอสุภะบ้าง มันนำไปสู่การลดลงหรือหมดไปของสติในช่วงนั้นบ้าง หรือมันจะทำให้เราติดในวัฎจักรไม่จบสิ้นบ้าง อะไรนึกออกก็เอามาสู้กับมันหมดเลย
    3.เลิก ยังไม่ได้เลย เฮ้อ!! อิอิ
     
  13. จื่อหลิง

    จื่อหลิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +698
    สิ่งงดงามวิจิตรในโลกนี้มิใช่กาม แต่ความกำหนัดที่เกิดขึ้นเพราะการดำริต่างหากเล่าเป็นกามของคน เมื่อละความพอใจได้แล้ว สิ่งงดงามวิจิตรก็มีอยู่อย่างนั้นแต่ทำให้เป็นพิษอะไรไม่ได้อีกต่อไป(เอามาจากอนิเมชั่นพุทธประวัติ พุทธศาสดาตอนที่ 41) พิจารณาดูครับ
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ผมจะเลิกสำเร็จความไคร่ (ช่วยตัวเอง) ยังไงหรอครับ


    ให้คนอื่นช่วยครับ

































































































    .

























    แค่ในกระทู้นี้ก็มีคนอื่น ช่วยเต็มไปหมดเลย


    ใช้ สมาธิ ฌาณ ช่วย ทรง อารมณ์ สมาธิ ให้ทรงตัว ตลอด 24 ชม

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2012
  15. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เซ็งเป็ด ถ้าคิดไม่ได้ ก็ชักมันให้หลุดออกมาจากตัวเลยดิ หรือไม่ก็ตัดมันทิ้งไปเลยดิ มันจะได้ไม่มากวนใจ ทำไมไม่หัดคิดบ้างว่าเราคือตัวเราก็เป็นแบบนั้นแหละ ถ้าของมันละได้ง่ายป่านนี้โลกนี้ก็มีแต่พระอนาคามีกับพระอรหันต์แล้วดิแต่นี่มันไม่ใช่ของง่ายเลย มันต้องอาศัยเวลา...ทำความเข้าใจมัน ใครจะไปรู้ว่าไอ้ที่คิดว่าแทงๆเข้าไปนั้นสุดท้ายคือต้นเหตุแห่งทุกข์ น้อยคนจะรู้เพราะหลงคิดว่านั้นคือความสุข และความสุขเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวมันก็สั้นนักแต่ใครจะรู้ได้ นี่ก็ชัดเจนเลยในเรื่องความยึดมั่นถือมั่น เข้าใจว่ามันคงให้ความสุขสุดยอดเราได้จริงๆ คิดเอาเองก็แล้วกันยังมีเวลาให้คิดอีกนาน
    สาธุคั๊บ
     
  16. สูญเปล่า

    สูญเปล่า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +0
    โลกไซเบอร์ทุกวันนี้นับเป็นดาบสองคม
    การเข้าถึงสื่อที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศสามารถเข้าถึงได้ง่าย
    ผมมองว่าจะมีผลเสียที่มากขึ้นจากกรณีนี้ในวันข้างหน้า
    และจะมากขึ้นยิ่งไปอีกในอนาคตนับว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก

    แ่ต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลกครับ
    ไม่ใช่ว่ามันเป็นปัญหาแต่เฉพาะเราคนเดียว
    อย่าให้มันหมกมุ่นมากให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมก็โอเคแล้วครับ
     
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์...สุขทุกข์ ที่มันเกิดขึ้นมา เดี๋ยวมันก็ดับ มันไม่เทียง....รสอาหารอร่อยก็ไม่เที่ยงอาหารไม่อร่อยก็ไม่เที่ยง...รูปทางตาที่เห็นก็เป็นเพียงรูป.....สติปัฎฐานสี่ เลยต้องทำให้มาก!!!:cool:
     
  18. หน้าวัด

    หน้าวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +102
    นับหนึ่งถึงพัน รับรองหดก่อน
     
  19. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +3,165
    มันไม่เห็นโทษจริง มันก็ละไม่ได้จริง
    วันหนึ่งมันรู้ว่าเป็นโทษจริง เป็นของไม่ดีจริง มันก็ละได้จริง
    ทำให้รู้จริงนั่นละที่ต้องทำ นั่นละถ้าจะละจริง
     
  20. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ต้องเลิกเพราะอะไรเหรอครับ
    อย่างผมเคยบวช 3 เดือน ก็เลยทำไม่ได้เพราะผิดศีลของพระ (ส่วนฝันเปียกไม่ผิดศีลครับ เพราะการนอนนั้นย่อมขาดสติในการยับยั้ง)

    ถ้าต้องการบรรลุ ศีล 5 ก็ยังเป็นโสดาบันได้ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปห้ามอะไร แต่อย่าหมกมุ่นมากจนไม่ปฏิบัติภาวนา
    จริงอยู่เรื่องกามารมณ์ก็เป็นตัวขัดขวางการภาวนา แต่ถ้าไม่ผิดศีลก็ไม่เป็นไร

    ส่วนตอนบวชทำได้อย่างไร ก็คงเพราะไม่มีสิ่งกระตุ้น (พอสึกมาลองถือศีล 8 แค่เดือนนึงยังรู้สึกยากเลย มีสิ่งกระตุ้นเยอะ) และก้ต้องอาศัยการภาวนาด้วย ถ้าสติเราอยู่กับพุทธโธ คิดเรื่องเพศเมื่อไหร่ก็ดึงกลับมาพุทธโธ จะนั่งก็ได้ เดินจงกรมก็ได้ ร่วมกับการอดนอนผ่อนอาหารลดปัจจัยที่ส่งเสริมกำลังของราคะก็ช่วยได้

    ยังไงทุกอย่างอยู่ที่ใจครับ ไม่มีอะไรเกินกำลังใจไปได้หรอก
    แม้แต่กิน 3 มื้อเหลือมื้อเดียวยังอดได้ หรือไม่กิน 3 วัน 5 วันยังอดได้ มันขึ้นกับเราเองที่จะหลงตามกิเลสรึเปล่ามากกว่า
    ปล. เรื่องศีลและภาวนาเป็นสิ่งที่คู๋กัน การจะถือศีลได้ดีก็ต้องอาศัยการภาวนาลดความฟุ้งซ่าน และอาศัยการเจริญสติทำให้มีสติรูเท่าทันไม่หลงไปตามกิเลส ส่วนการจะภาวนาได้ดีก้ต้องอาศัยศีลที่บริสุทธิ์ เมื่อศีลบริสุทธิ์จิตใจไม่ขุ่นมัวก็ภาวนาได้ดี
    ถ้าเป็นฆราวาสศีล 5 ก็เพียงพอแล้วครับทำให้ได้เหอะ เรื่องภาวนาก็ค่อยเป็นค่อยไปอย่าไปรีบร้อน บางทีก็ขึ้นกับบารมีด้วย ถ้าบารมีไม่พอก็ต้องสั่งสม จะฝึกเมตตา ฝึกให้ทานอะไรก็ตามแต่
    หรือจะฝึกพิจารณาอสุภะควบคู่ไปก็ได้ขึ้นกับจริตของแต่ละคนครับ
    ปล. แต่ละคนต่างกันครับ ต้องพิจารณาหาอุบายขัดเกลากิเลสกันเอง ฝึกไปเรื่อยๆจะรู้เองแหละครับว่าวิธีไหนได้ผลไม่ได้ผล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...