ช่วยด้วยครับเกี่ยวกับการปรามาสพระรัตนตรัย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 17 เมษายน 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ช่วยด้วยครับตอนนี้ผมเหมือนคนบ้าครับ ผมนอนไม่หลับทั้งวัน ไปโรงเรียนไม่มีกระจิดกระใจเรียน เพราะต้องคิดๆๆๆๆๆๆ คิดๆ ตลอด คือเกิดไปตําหนิพระท่าน พระที่ผมเคารพ



    แล้วช่วยตอบปัญหาผมด้วยครับ

    1.ตัวผมขอขมาพระท่านแต่ตอนขอขมาเหมือนไม่เคารพท่านเหมือนสักว่าขอ ควรแก้ยังไงดีครับ

    2.บางครั้งผมเกิดเหมือนมีสองคน คนดีกับคนเลว (จริงๆน่าจะเป็นเจตสิก) แต่ผมตามมันไม่ทัน ผมปวดหัวไปหมด เพราะก่อนหน้านี้ก่อนจะศึกษาธรรม ผมมักจะใช้สมอง คิดดีและคิดชั่ว ไปในด้านคน เช่น เพื่อนผมคนนี้ คิดดี อืมคนนี้เป็นคนดีให้เงินเรา พอไปด้านคิดชั่ว อืมไอ้นี้ไม่ดีมันอาจจะมาหลอกเราก็ได้

    แล้วผมมาศึกษาพระธรรมคําสั่งสอนผมลองใช้ศรัทธาและกับใช้สมองหาคุณของพระพุทธเจ้า ผมก็เกิดว่าพระพุทธเจ้านี่ท่านดีจริงๆ ท่านน่านับถือจริงๆ แล้วบางครั้งผมก็ไปปรามาส พระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า

    3.ผมเป็นคนเคารพหลวงพ่อฤาษีลิงดํา แต่บางครั้ง ผมรู้ไม่ทันจิตคือผมสํารวมใจไม่ทันไปเผลอด่าท่านต่างๆนา แล้วผมเกิดไม่ชอบใจ แต่มันเหมือนมีอะไรมากระซิบในลึกๆของเราก็ไม่ชอบนั่นแหละ

    4.ไอ้อะไรมากระซิบแบบว่า อย่าไปทําความดีนะ แบบนี้ภาษทางธรรมเรียกว่าอะไรครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมสร้างตัวตนเองขึ้นมารึเปล่า

    5.ผมเหมือนพวกดัดจริต แบบว่าบางครั้งมีกําลังเคารพพระรัตนตรัย บางครั้งไม่มีกําลังศรัทธาไม่มั่นคง ทําไงดีครับช่วยหน่อย

    6.ช่วยบอกคุณของพระอริยสงฆ์หน่อยครับ ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่

    7.ผมเวลาจะไปโรงเรียนก็คิดว่า ความรู้ทางโลกเรียนกี่ปีกี่ชาติ กี่แสนชาติก็ไม่รู้จักจบ ลืมๆเรียนใหม่ วนไปวนมา ถ้าเราเรียนทางธรรมปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เราก็เรียนทีเดียวก็จบเลย
    แบบนี่ผมควรทํายังไงดีครับ คือจะเรียกว่าขี้เกียจเรียนก็ได้เพราะผมก็เบื่อ เรียนก็ไม่รู้จักจบสักที ถึงเรียนจบก็ต้องใช้เงินทองเลี้ยงชีวิต ชีวิตนี่ก็ขันธ์ห้า ร่างกาย แต่ก็คิดว่าถ้าเราบวชเป็นพระ แล้วกฎของพระมีเยอะมากมาย แล้วถ้าเราเกิดความคิดไม่เอาจริง เอาแค่หลอกชาวบ้าน แบบนี้ก็กลัวลงนรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2012
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    การขอขมา ถ้า จิต ตัวเองไม่ลง ขอขมาไม่ขึ้นหรอกครับ

    ไม่ใช่แค่ พูดปากเปล่า

    ไม่ใช่แค่ นึกเอาเองในใจ

    ไม่ใช่แค่ จุดธูปไหว้พระพุทธรูป

    และอื่นๆ แล้วจะหายจากการ ปรามาสพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ ได้นะครับ


    วิธีแก้

    เลิกการปรามาส พระพุทธเจ้าเป็นอาจิน ครับ

    ทำทาน รักษาศีล ภาวนา ให้มากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2012
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    "ปรามาสพระ" กรรมที่ทำได้ง่ายๆ แต่มีวิบากร้ายแรงเกินจะรับไหว<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    การ ปรามาสพระรัตนตรัย
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กรรมในการปรามาสหรือล่วงเกินพระอริยะเจ้า

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
    อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
    พยสนสูตร
    [๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายกล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
    ความฉิบหาย ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือ
    ภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ ๑
    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ๑
    สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว ๑
    เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย ๑
    เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ๑
    ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง ๑
    ย่อมถูกโรคอย่างหนัก ๑
    ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน ๑
    เป็นผู้หลงใหลกระทำกาละ ๑
    เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดด่าบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย กล่าวโทษพระอริยะ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถึงความฉิบหาย ๑๐ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส ฯ
    จบสูตรที่ ๘

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23511
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ความหายนะของการปรามาสพระรัตนตรัย

    ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
    แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์

    ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้
    การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก

    เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด10อย่างคือ

    1.บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ
    2.เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที

    3.สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
    4.เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม

    5.ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์
    6.ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง

    7.ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก
    8.ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน

    9.หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ
    10.เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน
    มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด


    อ้างอิงจากหนังสือ "พระประวัติ สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน"

    ความหายนะของการปรามาสพระรัตนตรัย




     
  7. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    อย่ากังวลมากครับ

    จขกท. หมั่นเจริญอานาปานสติ สิครับ อย่าเอาแต่นอนฝึก(ขนาดพวกเก่งๆ หลายท่านยังนอนเข้าญานไม่ได้เลยนะ) ให้เปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งซะ

    และแนะนำให้ ไปหาที่สงบ มีแสงแดด อากาศสบาย แล้วเดินออกกำลังกายธรรมดานี้แหล่ะ แต่พยายามรู้ลมหายใจให้มากที่สุด แรกๆ จะเครียดหน่อย แต่พอชำนาญแล้วจะรู้สึกสบายเดินไปไม่เบื่อ/ไม่ฟุ้งซ่าน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  8. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ก็เตือนเจ้าของกระทู้ไปแล้ว ให้เลิกถาม เลิกสร้างวิจิกิจฉา
    คราวนี้ สภาวะวนไม่หยุด ใจคิดวนไปวนมา เรื่องสภาวะ ปรามาสพระรัตนตรัยไปเอง
    อยากหยุดสภาวะนี้ ก็ต้องเลิกด้วยตัวเอง ถามต่อไป ก็สร้างวนไปเรื่อยๆ
     
  9. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ที่เคยอ่านเจอในหนังสือตอบปัญหาของหลวงพ่อฯ ลองไปค้นๆดูนะครับ มีคนถามเหมือนคุณแบบนี้ว่าอยู่ๆไปคิดปรามาสพระรัตนตรัยเข้า จะทำอย่างไร ท่านก็แนะนำว่าให้ ขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆ ปฏิบัติสมาธิต่อไป อาการจะค่อยๆหายไปเอง รายละเอียดจำได้ไม่ถนัดนัก ลองไปหาๆดูครับ อย่าไปกังวลถึงโทษ อย่าเอาจิตเข้าไปจับ ให้เกาะไว้แต่ในส่วนที่ดี อย่างคำประกาศศาสนาขององค์สมเด็จฯ ท่านกล่าวไว้ว่า จงทำจิตให้ผ่องแผ้ว และเกาะความดีอยู่เสมอ โชคดีครับ
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    .................จริงจริงแล้ว คือ ภาวะ ที่เรียกว่า ครึ่งครึ่ง กลางกลาง....ที่น่าจะเป็นคือ คุณ พยายามศึกษา แต่ ไม่ปฎิบัติ หรือปฎิบัติแบบไม่ตั้งใจจริง(จริงจริงก็ไม่ใช่ว่า ต้องปฎิบัติแบบหักโหมอะไร ภาวนาแบบชาวพุทธคือ จะได้ผล ส่วาง สะอาด สงบ มีปัญญา มีสุข) .....พูดง่ายง่ายคือ เข้าสู่การภาวนา บ้าง ซะที แล้วมันก็จะไปเรื่อยเรื่อย มีความเข้าใจด้วยตัวเองไปเรื่อยเรื่อย จากการภาวนา(ลองนึกดูว่าเราควรทำอะไรบ้าง):cool:แล้วก็ลงมือทำ
     
  11. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    เขายังมีกรรมอยู่ครับ เตือนไปแล้ว เรื่องวิจิกิจฉา ยังไงเขาก็ยังไม่หลุดในช่วงนี้ครับ
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถ้ายังเลิกไม่ได้ ปรามาสพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ พระอริยเจ้า อริยบุคคล ไม่ได้

    ปรามาส ทำเป็นอาจินนี่

    ภาวนาไม่ขึ้น ภาวนาวิปันสนาไม่มีทางได้หรอก

    เลิกพูดถึง สมาธิ ภาวนา กันไปได้เลยดีกว่า แบบนี้

    พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า ตรัสหนึ่ง ไม่มีสอง

    กรรมของการปรามาส พระพุทธเจ้า ตรัส บอกไว้แล้ว

    ถ้าคิดจะ ภาวนา ทำสมาธิ ก็ต้องเลิก ปรามาส ให้ได้ครับ

    จะแก้ ก็ต้องแก้ เลิก ปรามาส ก่อกรรมหนัก ให้ได้ก่อน




    ความหายนะของการปรามาส

    1.บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ
    2.เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที

    3.สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
    4.เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม

    5.ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์
    6.ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง

    7.ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก
    8.ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน

    9.หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ
    10.เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก



    ถ้าคิดว่า ใคร ปรามาส แล้ว สมาธิ ภาวนา ได้ ก็แสดงว่า กล่าวตู่พุทธพจน์ ละครับ

    ไม่มีทาง ภาวนา สมาธิ ฌาน ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ หรอก

    จะภาวนา ก็ต้องไปแก้ที่ เหตุ ก่อน เลิกการปรามาส พระพุทธเจ้า ให้ได้ก่อน ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2012
  13. helioliotrope

    helioliotrope เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +218
    ขออนุญาตตอบคำถามตามปัญญาที่มีนะคะ หากคุณพบว่ามีประโยชน์ขอให้คุณกราบขอบพระคุณในพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ

    1.ตัวผมขอขมาพระท่านแต่ตอนขอขมาเหมือนไม่เคารพท่านเหมือนสักว่าขอ ควรแก้ยังไงดีครับ
    อันดับแรกก่อนขอขมา ขอให้คุณคิดถึงการกระทำที่คุณได้ปรามาสพระ ลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธเจ้าผู้รู้แจ้งโลก เมตตาต่อทุกดวงจิต เผยแพร่ธรรมเพื่อความหลุดพ้นของสัตว์โลก คุณเจตนาหรือไม่เจตนาลบหลู่ ขอให้พิจารณาดูว่าผิดหรือไม่ สำนึกผิดหรือไม่ เมื่อจิตสำนึกผิดด้วยใจจริง ไม่ต้องการจะปรามาสท่านผู้มีพระมหากรุณาธิคุณอันประมาณไม่ได้อีกต่อไป ด้วยจิตมั่นคงแน่วแน่นี้ คุณจะขอขมาพระองค์ด้วยความเคารพ
    ควรขอขมาพระรัตนตรัยทุกวันนะคะ จิตเราจะได้แจ่มใส


    2.บางครั้งผมเกิดเหมือนมีสองคน คนดีกับคนเลว (จริงๆน่าจะเป็นเจตสิก) แต่ผมตามมันไม่ทัน ผมปวดหัวไปหมด เพราะก่อนหน้านี้ก่อนจะศึกษาธรรม ผมมักจะใช้สมอง คิดดีและคิดชั่ว ไปในด้านคน เช่น เพื่อนผมคนนี้ คิดดี อืมคนนี้เป็นคนดีให้เงินเรา พอไปด้านคิดชั่ว อืมไอ้นี้ไม่ดีมันอาจจะมาหลอกเราก็ได้

    แล้วผมมาศึกษาพระธรรมคําสั่งสอนผมลองใช้ศรัทธาและกับใช้สมองหาคุณของพระพุทธเจ้า ผมก็เกิดว่าพระพุทธเจ้านี่ท่านดีจริงๆ ท่านน่านับถือจริงๆ แล้วบางครั้งผมก็ไปปรามาส พระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า

    คนเลวในตัวคุณ คือกิเลสมาร ตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้น ทุกคนมีคนเลวในตัวทั้งนั้นค่ะ มันคือตัวที่จะพยายามยับยั้งความดี อีกนัยหนึ่งคือบททดสอบที่ทุกคนต้องผ่านพ้นม้นไปให้ได้ ขอให้คุณลองอธิษฐานจิตต่อพระรัตนตรัยนะ ต่อพระพุทธรูปที่บ้านก็ได้ ว่าข้าพเจ้าขอลาจากการเป็นสาวกของพระเทวทัต ขอกราบเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้อธิษฐานบ่อยๆ ทุกวันนะคะ

    3.ผมเป็นคนเคารพหลวงพ่อฤาษีลิงดํา แต่บางครั้ง ผมรู้ไม่ทันจิตคือผมสํารวมใจไม่ทันไปเผลอด่าท่านต่างๆนา แล้วผมเกิดไม่ชอบใจ แต่มันเหมือนมีอะไรมากระซิบในลึกๆของเราก็ไม่ชอบนั่นแหละ
    จะมีใครนอกจากกิเลสมาร ขอให้อย่าไปสนใจมันค่ะ รับรู้อย่างเดียว วางใจเป็นกลางเพราะมันเป็นของไม่เที่ยง หากเราตั้งใจจะสร้างแต่ความดี หยุดประกอบกรรมชั่ว ขอให้ลองสังเกตต่อไป กิเลสพวกนี้จะอ่อนแรงลงแน่นอนค่ะ ต่อให้มันจะผุดขึ้นมาในจิตอีก คุณก็จะเข้มแข็งมากขึ้น ไม่หม่นหมองเพราะพวกมัน
    เรานั้นคบกับกิเลสมาไม่รู้กี่ภพชาติ หากต้องการจะกำจัด เอาชนะมัน ต้องทำทาน ศีล ภาวนาเข้าสู้


    4.ไอ้อะไรมากระซิบแบบว่า อย่าไปทําความดีนะ แบบนี้ภาษทางธรรมเรียกว่าอะไรครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมสร้างตัวตนเองขึ้นมารึเปล่า
    ดิฉันไม่ทราบภาษาทางธรรมค่ะ แต่สิ่งที่คิดว่าควรทำคือวางเฉย มีสติรู้เท่าทัน รู้อย่างเดียวอย่าได้เอามาเป็นอารมณ์ เอามาปรุงแต่งต่อ อย่าให้มันมาทำลายการประกอบกรรมดีของเรา

    5.ผมเหมือนพวกดัดจริต แบบว่าบางครั้งมีกําลังเคารพพระรัตนตรัย บางครั้งไม่มีกําลังศรัทธาไม่มั่นคง ทําไงดีครับช่วยหน่อย
    ขอให้คุณตั้งจิตให้มั่นคงแน่วแน่ว่าเราจะเคารพศรัทธาในพระรัตนตรัยเต็มหัวใจ พยายามเข้าทุกวันๆ เดี๋ยวก็ทำได้เป็นปกติเอง ใช้กำลังใจตัวเดียว ขอให้คุณตั้งใจฝึกพรหมวิหาร 4 รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์เป็นปกตินะ

    6.ช่วยบอกคุณของพระอริยสงฆ์หน่อยครับ ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
    เข้าลิงค์นี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเมตตาสอนเกี่ยวกับพระอริยเจ้า
    http://palungjit.org/posts/5900802


    7.ผมเวลาจะไปโรงเรียนก็คิดว่า ความรู้ทางโลกเรียนกี่ปีกี่ชาติ กี่แสนชาติก็ไม่รู้จักจบ ลืมๆเรียนใหม่ วนไปวนมา ถ้าเราเรียนทางธรรมปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เราก็เรียนทีเดียวก็จบเลย
    แบบนี่ผมควรทํายังไงดีครับ คือจะเรียกว่าขี้เกียจเรียนก็ได้เพราะผมก็เบื่อ เรียนก็ไม่รู้จักจบสักที ถึงเรียนจบก็ต้องใช้เงินทองเลี้ยงชีวิต ชีวิตนี่ก็ขันธ์ห้า ร่างกาย แต่ก็คิดว่าถ้าเราบวชเป็นพระ แล้วกฎของพระมีเยอะมากมาย แล้วถ้าเราเกิดความคิดไม่เอาจริง เอาแค่หลอกชาวบ้าน แบบนี้ก็กลัวลงนรก
    ที่เราต้องเกิดมา มีร่างกาย มาเลี้ยงดูร่างกาย ทำกิจวัตรทางโลก มีนิสัย มีความชอบแตกต่างกันไป พบเจอทั้งอุปสรรคหรือไม่มีอุปสรรค ก็เป็นผลจากกรรมที่เราก่อมาทั้งสิ้นไม่ว่าชาตินี้หรือชาติก่อน เราต้องยอมรับมันเพราะเป็นของธรรมดา ดิฉันเคยคิดเหมือนคุณ สมเด็จองค์ปฐมได้ตรัสสอนเกี่ยวกับเรื่อง กายทำงานทางโลก แต่จิตทำงานทางธรรม ไม่ต้องบวชพระ ก็สามารถเข้าถึงธรรมได้ ร่างกายจักทำอะไรอยู่ก็ตาม จงกำหนดจิตให้อยู่ในอารมณ์พระกรรมฐานตลอดเวลา
    คิดว่าเราต้องเรียนให้จบเพื่อทำงานหาเลี้ยงร่างกายและร่างกายของผู้มีพระคุณ แต่ใจเราจะยึดในพระธรรม ทำตามคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเกิดพบเจอความทุกข์เช่นนี้อีก
     
  14. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +1,260
    เกริ่นไปก่อนนะครับ มันเป็นโรคทางสมอง(ย้ำคิด) การเเพทย์สมัยใหม่รักษาได้เเต่ไม่หายขาด ถ้าไม่รักษาร่วมกับการปฏิบัติธรรมจะไม่สามารถหายได้เลย

    อาการคือ ชอบคิดไม่ดีต่างๆโดยที่ไม่ตั้งใจยิ่งสิ่งที่เราเคารพสูงเท่าไหร่ยิ่งคิดไม่ดีหนักเท่านั้น

    ถ้าวันนี้ได้อ่านข้อความของเพื่อนสมาชิกบางท่านเเล้วทำให้ใจไม่สบาย งั้นเอาธรรมนี้ไปเเก้ก่อนนะครับ จิตจะได้สงบ

    ขันธ์5 ใช่ตัวเราหรือเปล่าครับ
    พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า ขันธ์5 ไม่ใช่ตัวเรา
    ความคิดของเราคือ 1 ในขันธ์5 (สังขารหรือการปรุงเเต่ง)
    ถ้าเราเชื่อพระพุทธเจ้าว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวเรา เเล้วเราจะทุกข์ไปทำไม
    เช่น ตาเห็นรูป เกิด วิญญาน ขึ้นทางตา(หนึ่งในขันธ์5) สัญญาเกิด(หนึ่งในขันธ์5) สังขารเกิด(หนึ่งในขันธ์5) เวทนาเกิด(หนึ่งในขันธ์5)เพราะมันไปปรุงเเต่งคิดคำต่างๆ

    ผมถามตัวคุณอยู่ไหน ตัวคุณคือใคร ใครคือตัวคุณ เเล้วคุณจะไป ทุกข์ หาอะไร พูดง่ายใช่ไหมครับ เเต่พวกนี้ต้องฝึก บุคคลล่วงทุกข์ด้วยความเพียร

    จิตเดิมสว่างอยู่เเล้ว เเต่เราไปเอาขันธ์5มาเป็นตัวเราเเท้ๆมันถึงทุกข์อยู่ทุกวันนี้ไง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2012
  15. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบคุณครับที่ตอบคําถามและคนอื่นตอบ ตอนนี้ผมมึนหัวมากๆไม่ไหวจริงๆ ฟุ้งซ่านมากๆ แล้วที่พี่Saber บอก แล้วตอนนี้ผมก็เป็นอยากถามวิธีแก้ครับ ตอนนี้เหมือนแต่ก่อนผมร่าเริงตอนนี้ไม่และ ไม่ยิ้มอะไรเลย มีแต่คิดๆอย่างเดียว

    อนุโมทนาครับ


    ขอบคุณครับที่ตอบ

    แล้วขอบคุณทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2012
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คำขอขมาพระรัตนตรัย

    ..................................

     
  17. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    อย่าเพิ่งมีความคิดแบบนี้ จริงอยู่ปัญญาทางโลก เปนเพียงปัญญาหาข้าวกินไปวันๆ แต่ว่าปัญญาแบบนี้ทำให้เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงพ่อแม่ได้ ถ้าไม่มีปัญญาข้อนี้ต่อไปภายหน้าตัวเราเองจะลำบากมากนะ ส่วนปัญญาทางธรรมเปนปัญญาดับทุกข์มีค่ามากก้จริง แต่ว่าก้ต้องอาศัยปัญญาทางโลกก่อนเหมือนกัน ควรจะมีปัญญา2ปัญญาคู่กัน ไว้เสมอ อย่าทิ้งข้อได้ข้อหนึ่ง โดยเฉพาะปัญญาทางโลก อีกอย่างการปฏิบัติธรรมใช่ว่าทำครั้งเดียวแล้วจบแล้วบางทีฝึกทั้งชาติอาจไม่สำเร็จก้เปนไปได้ น้องอายุยังน้อย ไม่ต้องรีบในเรื่องการปฏิบัติธรรมหรอกนะ ค่อยเปนค่อยไปเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา หรือฝนทั่งให้เปนเข็ม จะดีกว่า
    ธรรมะของพระพุทธองค์ใช่จะศึกษาแค่ปี2ปี ก้จะก้าวกระโดดไปไกล แต่จริงๆมันต้องศึกษาไปทั้งชีวิตเรานะ และอาศัยความอดทนอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่ของง่าย แต่ก้ไม่ใช่ของยาก อาศัยความเพียรพยายามสูงมาก ขอให้คิดพิจารณาในสิ่งที่น้องถามให้ดีๆ ๆ ให้ใช้ชีวิตตามวัยให้สนุกสนานเถอะ พ่อแม่ให้เรียนเราก้เรียนให้จบแล้วมีงานทำ ส่วนการทำสมาธิก้ถือว่าเปนเพียงปฏิบัติทางจิตให้เกิดความสงบร่มเย็น เสริมเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง ให้เกิดเปนกำแพงความเข้มแข็งทางใจ จะได้มีสติปัญญาเกิดความรุ่งเรื่องเอาชนะอุปสรรคในชีวิตอีกต่อไป
     
  18. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบคุณครับถ้าผมแก้จุดนั้นได้ผมก็ไปต่อได้ใช้ไหมครับ

    ก็จริงครับสาธุครับ
     
  19. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ผมดูเจ้าของกระทู้มานานแล้ว สงสัยไปสาระพัดเรื่่อง
    มันเลยวนพาให้ไปปรามาสพระสงฆ์องค์เจ้าจนได้
    และจะวนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ..จะไปใหนไม่ได้

    แนะให้ขอขมาตามที่แต่ละท่านโพสต์ให้ข้อมูล
    การขมาพระรัตนตรัย ขอให้ออกมาจากใจจริงของเรา
    แล้วเลิกสงสัยในสิ่งต่างๆ แล้วจงมุ่งปฏิบัติให้เต็มที่
    พูดให้น้อย แต่จงทำให้มาก...
     
  20. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    สู้ด้วย ศรัทธา

    ผมว่า คุณballbeamboy2 มี ความพยายาม ในการถึงพระรัตนไตร
    แต่เกิดปัญหา บางอย่าง ทำให้ มีความคิด ปรามาสอยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่ตนเองไม่ตั้งใจ

    ผมคาดว่าคงมีสาเหตุมาจาก ญาติของท่านในภพอื่นคงขวางทางอยู่ โดยส่งกระแสคิดก่อกวนท่านballbeamboy2
    เพราะญาติเหล่านี้ ไม่รู้จักคุณพระรัตนไตร และ ด้วยความผูกพันธ์ในฐานะญาติ จึงเหนี่ยวรั้งท่านballbeamboy2
    โดยไม่สนใจว่า โดยเนื้อแท้แล้วท่านballbeamboy2 มีความต้องการสรณคมน์ เพื่อเป็นที่พึ่งในการพ้นทุกข์

    ลองแก้ โดยระลึกเฉพาะ พุทธคุณ เป็นเบี้องหน้าก่อน เช่น ว่า
    "ข้าพเจ้า มี องค์พุทธะ เป็น สรณะ โดยแท้" นึกขึ้นในใจ บ่อยๆเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย
    แล้วตัวคุณballbeamboy2 ต้องรู้จักพระองค์ จริงๆ ว่ามีคุณค่าต่อเราและสัตว์โลกอย่างไร

    คุณballbeamboy2 ต้อง สร้างศรัทธาให้แรงและถูกต้อง

    ถ้าเขาแทรกความคิดเราได้(คือญาติในโลกทิพย์ที่เข้าใจผิด) แล้วเกิดคำปรามาสขึ้นในใจ
    คุณก็ขอขมาพระรัตนไตรทันที แล้ว ประกาศขึ้นในใจ อีกว่า "ข้าพเจ้า มี องค์พุทธะ เป็น สรณะ โดยแท้"

    ยากหน่อย นะ แต่หวังว่า คุณคงทำได้

    ขออำนาจพระรัตนไตร จงคุ้มครอง คุณballbeamboy2
     

แชร์หน้านี้

Loading...