ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับที่อจ.นพพูดทั้งหมด
บางคนมาเฉี่ยวๆฟัง...
...ก่อนเดินออกไปก็บอกทำนองว่า"งมงาย"
บางคนก็ส่ายหัวในเชิงสัญลักษณ์
ประเภทนี้คือดันทุดัง เพราะไม่เคยพิสูจน์เลย
หรือไม่มีปัจจัยบุญได้พบเห็นสิ่งที่บางคนเห็น
บางคนไม่ใช่นักปฏิบัติ
ไม่เคยรู้จักคำว่านั่งวิปัสสนากรรมฐานด้วยซ้ำ
*แต่ทำไมยังพบเห็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็น*
เรื่องบังเอิญหลายๆเรื่อง
เป็นเรื่องที่สุด ที่สุดแห่งความบังเอิญ
ถ้าไม่ใช่ปัจจัยบุญที่มีมาจากชาติปางก่อน
คงยากที่จะเกิดขึ้นได้
แต่ถ้าคนที่ไม่เชื่อเรื่องปัจจัยบุญ
แล้วยังจะบอกว่า"บังเอิญ"นั่นแหละ
เคสนี้ยังพอที่จะคุยและรับฟังกันได้
เพราะคำว่า"บังเอิญ"เป็นภาษาตื้นๆที่นิยมพูดกันทั่วโลก
ส่วน"ปัจจัยบุญ"เป็นภาษาลึก...เชิงซับซ้อน
ที่คนกว่าค่อนโลกยังไม่รู้จัก
บางคนไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนด้วยซ้ำไป
อาจเป็นศัพท์แสงใหม่สำหรับพวกเขา
มัวมานั่งถกเถียงอธิบายให้ฟังตั้งแต่เช้ายันตะวันตกดิน
...ความมืดคืบคลานเข้ามา...
...บรรยากาศมืดๆอย่างนี้ยิ่งงงกันไปใหญ่
ฉะนั่นสุดท้ายใครจะบอกว่า...
"บังเอิญ บังเอิญ เพราะบังเอิญนั่นแหละ"
ก็ไม่ว่ากัน เพราะเป็นคำที่นิยมพูดกัน
พวกสายวิทย์บางคนในกลุ่มเพื่อนผม
จากเดิมที่ชอบส่ายหัว แต่ไม่พูดปฎิเสธ
ผ่านไปไม่กี่ปี จากฟัง...กลายเป็นคนเล่า
เล่าเรื่องแปลก เรื่องเหลือเชื่อ ลี้ลับ
ส่วนบางคน...คืนดีวันดีกลับสนใจ...
...อยากจะไปวัดที่เกี่ยวข้องกับพญานาค
อนิจจัง อนิจจา
"โลกใบนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ"
กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.
หน้า 153 ของ 312
-
ตั้งใจไว้ให้มั่นครับ เฮียว่าต้องได้ครับ -
เอาเรื่องคาถาละกัน เจอมากับตัวเหมือนกัน
นานมาแล้ว ที่บ้านเขาจัดงานอะไร ผมก็จำไม่ได้แล้ว
จำได้แต่นิมนต์พระมาสวดมนต์ที่บ้านด้วยตอนค่ำๆ
ในจำนวนพระทั้งหมด ก็ได้นิมนต์หลวงพี่ที่เป็นญาติกันมาด้วย
ทีนี้ผมก็รีดผ้าด้วยเตารีดแบบเก่าที่ใช้ถ่านที่ใช้หุงต้มร้อนๆ (สมัยนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้เด้อจ้าา)
น้องแอม กะน้องเจน จะรู้จักมั๊ยน๊อ 55555
บังเอิญผมพลาด มือไปถูกเตาลวก ผิวหนังพองเป็นแนวยาว
ปวดแสบปวดร้อนมากๆ ไม่รู้จะเอาอะไรใส่
หลวงพี่เห็น ก็เรียกเข้าไปหา แล้วเอามือกดบริเวณที่พองไว้
แล้วท่องคาถาดับพิษไฟ เป่าเพี้ยงๆมา 3 ครั้ง แล้วปล่อยมือออก
ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ แผลที่พองๆ แบนราบเหลือแต่หนังดำๆติดอยู่
อาการปวดแสบปวดร้อนหายเป็นปลิดทิ้ง สองสามวันหนังที่เคยพองก็หลุดลอกออกไป -
เป็นของเจน ดวงเจนล้วนๆ
จะเป็นข้อตกลง ให้แฟนพาไปได้
เพราะแฟนเจนจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆเลย
พอเจนเคยบอกเรื่องเลขเสี่ยงดวง
เขาถึงเชื่อ เพราะครั้งนั้นนานมาละคะ เจนถูกหวย
ได้ไปคำชะโนดเลย ~~~ เย้
เจนพวกสาวกของเก่า
ชอบมาก แต่ไปหาซื้อไม่ค่อยชอบ ชอบได้มาฟรี 5555
เพราะขอซื้อต่อเขา แพงงง มากกกกก
เจนชอบตะเกียงเจ้าพายุ รุ่นเก่าๆ
ชอบของเก่าๆ มากกกกคะ -
บอกว่าอยากไปกราบท่านมากๆครับ แต่ขาดปัจจัย เราไม่ได้ขอเพราะความโลภ ลองดูครับ
ช่วงนี้เตารีดเก่า กลายเป็นของสะสมไปแล้วครับ หายาก ราคาเลยแพงครับ
บ้านเฮียก็ไม่มีซะแล้ว 55555 -
สำหรับ เรื่อง เกี่ยวกับหลวงปู่ ท. ที่ใครๆก็รู้จัก
ส่วนตัวมีเรื่องเหนือวิสัยที่สามารถเล่าได้อยู่เรื่องหนึ่ง
ที่มองว่าเป็นรูปธรรม ที่พอจะเล่าได้ คือ
กรณีขับรถยนต์ รู้จัก ย้อยพวงมาลัย ไหมครับ
ย้อยพวงมาลัย คือ ชิ้นส่วนที่จะทำให้เราสามารถบังคับล้อ
ให้ไปในทิศทางที่สัมพันธ์กับการบังคับพวงมาลัยในรถ
ซึ่งมันจะมีแกนตัวหนึ่งเป็นตัวเชื่อมชิ้นส่วนต่างๆที่มาจาก
พวกมาลัยและชิ้นส่วนที่จะไปบังคับล้อให้เลี้ยว
ก่อนหน้านั้น ได้ไปซ่อมตรงจุดนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
จำได้แม่นเรื่องนี้ ตอนปี ๒๕๕๒ ช่วงปีใหม่ ช่วงนั้นทำงาน
อยู่ที่ หนองขาม น่าจะ ชลบุรี จะกลับมา ขอนแก่น
แต่ต้องแวะไปรับ น้าที่ นนทบุรี ด้วย...ช่วงไป นนฯไป
มีอะไร วิ่งทาง กรุงเทพชลบุรีสายใหม่ แล้วย้อนกลับมา
ไปทางปราจีนบุรี เพื่อวิ่งข้ามเขา มาทางกบิณบุรี
มาทาง ปักธงชัยที่โคราช นั้นในขณะที่ขับรถนั้น
ผ่าสถานการณ์รถติด ขึ้นเขานั้น อยู่ดีๆเหมือนง่วง
เฉยๆแต่ก็พยายามฝืนไม่หลับ แล้วสายตาเหลือขึ้นไปมอง
บนท้องฟ้านั้น พบเห็นเหตุการณ์ประหลาดบางอย่าง
ตรงนี้ไม่สามารถเล่าได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้เอะใจอะไรตอนนั้น
เพราะช่วงนั้น แม้ทำงาน ๗ วัน ๒ บริษัท เป็นที่ปรึกษา
๒ แห่ง ไม่มีวันหยุดเลย..และเที่ยวปกติ ก็ยังเจอเรื่องนามธรรม
แบบตาเปล่าได้อยู่ปกติ ก็เลยไม่ได้คิดอะไร
ก็ขับรถมาได้เรื่อยๆ จนถึง ขอนแก่น
แต่ยังไม่ถึงบ้าน มาถึงบริเวณ ถนนมิตรภาพในตัวเมือง
ก็พบว่า อยู่ดีๆรถไม่สามารถสตารท์ติดได้ และไม่สามารถ
บังคับพวงมาลัยให้เลี้ยวซ้ายและขวาได้
ตอนนั้น พอเข้าใจได้ว่า รถมันอายุหลายปีแล้ว
คงเป็นไปตามสภาพ ตอนนั้นขับยี่ห้อเดียวกับ มอไซด์นี่หละครับ
แต่ก็ มาประหลาดใจอย่างหนึ่งว่า
เข๊มขัดหนัง จรเข้แท้ๆ ที่ซื้อ ที่โรงงานผลิตเลย
โรงงานจะอยู่แถวๆหนองขาม ห่างกันไม่ถึง ๑๐ กิโลฯ
ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย....หาอย่างไรก็ไม่เจอ
ทั้งๆที่เป็นคนเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากับมือ
แต่ก็ได้แต่ปลง เพราะรู้สึกเสียดายมากตอนนั้น
เพราะจำได้ว่า ตอนนั้นจะซื้อกระเป๋าสตางค์มาฝาก
พระบิดา ซื้อเข๊มขัดมาฝากพระมารดา....
และตอนนั้น บัตร ATM ก็หายอีก สมุดก็ไม่ได้เอามา
เอามาก็เบิกไม่ได้เพราะแบงค์ปิดหมด ๕๕๕ เรียกว่า
มีแต่ตังค์ที่ติดกระเป๋าตัวเอง ไม่กี่บาท
ได้ยืมคนอื่นๆใช้ไปก่อน ๕๕๕ นึกแล้วขำดี
ก็นั่งแท๊กซี่กลับบ้าน แล้วก็ให้อู่ มาลากไปไว้
ดีว่า เจ้าของอู่ยังไม่ได้ไปไหน แต่ก็ต้องรอ
หลังปีใหม่ค่อยได้ซ่อม......
ผลปรากฏว่า เจ้าของอู่บอกว่า รถพี่
แกนย้อยพวกมาลัยมันไม่มีครับ
ปกติมันไม่น่าจะเลี้ยวรถซ้ายหรือขวาได้
ก็เลยบอกเค้าว่า ก็ขับขึ้นมาทางปราจีนมาถึง ขอนแก่นได้
ทาง เจ้าของอู่ เค้าก็เลยทำหน้าแบบงงๆ
ประมาณว่า เราพูดเล่นหรือพูดจริง......
นึกออกไหม ถ้าแกนย้อย มันไม่มี
การที่เราจะเลี้ยวรถเพื่อจอดยังไม่ได้
เพราะรถมันจะตรงได้อย่างเดียว.....
ที่เล่ามานี่หละ คิดว่า เหนือวิสัยมากแล้ว...
กับ ประสบการณ์ หลวงปู่ ท.
แลกกับ การที่เข๊มขัดหนังจรเข้หาย
กับการลืมบัตร ATM แต่ไม่ประสบอุบัติเหตุ
ในระหว่างเดินทางขึ้นเขา จนมาถึง
ขอนแก่นได้. ส่วนตัวคิดว่า
โชคดีสุดๆแล้วหละครับ.......
ส่วนอื่นๆ จะเป็นนามธรรม
พูดไปก็พิสูจน์ไม่ได้.....
เอาว่า การที่ส่วนตัวได้ทราบว่า
ท่านมีพระวรกายคล้ายพระพุทธรูปฯ
ยืนบนดอกบัว และ กำลังเสด็จลงมาจากบนฟ้านั้น
เหตุเพราะ สมัยที่ออกจากวัดป่าใหม่ๆ(คือพึ่งสึกมา)
ช่วงนั้นกำลังสติอ่อน เลยติดการท่องเที่ยว
แบบพิเศษไปหน่อย เพราะเมื่อก่อนจะชอบ
ไปเที่ยววัดดังๆแบบพิเศษด้วย
เพราะการเดินทางปกติ เราไม่มีเวลา
และมีค่าใช้จ่ายด้วย เป็นเหตุผลหนึ่งที่ใช้อ้างนะ....
แต่ก็มีหลายครั้ง ที่ทำเพื่อไปดูคนใกล้ชิด ณ เวลานั้น
ว่าเค้าทำอะไรอยู่ ถ้าสถานที่ใด ไม่มีผู้ดูแลรักษา
จะสามารถไปเห็นได้หมดว่า กำลังทำอะไร
เล่าให้ฟังแต่ไม่แนะนำ เพราะมันทำเพื่อตัวเอง
ไม่มีประโยชน์.....
อย่างวัดดังๆ หลวงพ่อ องค์ใหญ่ๆเนี่ย
เวลาไปแบบพิเศษ ท่านจะออกมา ยิ้มต้อนรับ กลางอากาศ
ด้วยความรู้สึกว่า ท่านเมตตามากๆ
มีวันหนึ่ง นึกจะไปวัด มีชื่อ ที่ จ.อุทัยธานี อีกรอบ
คือเคยไปแล้วรอบหนึ่ง ว่าจะไปอีก ว่างอยู่ช่วงนั้น
ในระหว่างทาง ของเส้นทางที่จะไปวัด มีชื่อ
ที่ จ.อุทัยธานี นั้นหละครับ ที่พบท่านที่ลอยมาจากบนฟ้า
ส่วนตัวไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร เพราะเห็นเป็น
พระพุทธรูปยืนบนดอกบัว ชัดเจนมาก เห็นในสภาพ
แวดล้อมกลางวันนี่หละครับ
ซักพักท่าน ก็กลายมาเป็น
พระสงฆ์ท่านหนึ่ง
ในท่านั่ง มีขนาดหัวเข่าซ้ายถึงขวาใหญ่มาก
๒๔ เมตรคือตอนนั้น จิตมันบอกว่า ๒๔ เมตรและก็ยืนแหนหน้ามองท่านอยู่ (แต่ด้วยที่กำลังสติอ่อน คือ กำลังสติทางธรรม
คือเครื่องมือที่ทำให้เรารู้อะไรๆทางด้านนามธรรมต่างๆ)
ตอนนั้น ไอ้เราก็เลยยืนมองพระพักต์ท่าน แต่มีความรู้สึกว่า
ท่านหน้าตาเหมือน หลวงตา รูปหนึ่งที่ จ.สระบุรี คือดูคล้ายๆ
กัน เลยยังไม่ทราบว่า ท่านเป็นใคร
ในใจก็เลยคิดว่า ''ท่านเป็นใครครับ.... ''
แค่คิด พระสงฆ์รูปใหญ่นั้น ก็หมุนมาให้เห็นด้านข้าง
พร้อมกับมีเสียงตอบกลับมาว่า '' จำได้หรือยังว่าเป็นใคร''
ตอนนั้นก็เลย อ้อ...หลวงปู่ .... นี่เอง
จบเรื่อง นิทาน ขี้โม้ ทางด้านนามธรรม
ตามแบบคนกำลังสติอ่อน ไม่มีค่ารถเดินทางในช่วงนั้น
เหตุการณนี้ ปี ๕๒ เช่นกันครับ
ส่วนเรื่องที่มีคนเล่า ว่าท่านเป็นโน้นเป็นนี้
อยู่นั่นอยู่นี้ ไม่ทราบหรอกครับ ก็ฟังๆไว้เฉยๆเหมือนกัน -
บ่ายวันนี้...วันที่ 9 วันดีได้รับผ้ายันต์ลป.ทวดแล้วครับ
ขอบคุณมากครับท่านอจ.นพ
วันนั่นบอกว่า....
"ลป.ทวด...ท่านทรงประทานให้จริงๆ"
ด้วยวันนั่นแค่นึกสนุกๆ หลับตานึกอึดใจเดียว
มองเห็นเป็นผ้ายันต์สีขาวชัดเจน
...แค่เล่าสู่กันฟังสนุกๆ
ความจริงก็คือคิกขุเดาสญาณ
ตามที่อจ.นพเคยบอกไว้
คือจะมีบางสิ่งหนุนส่งในช่วงเวลาที่เริ่มคิด
-
จู่ๆช่วง6โมงก็เวียนหัว บ้านหมุน
เลยเข้านอนตั้งแต่1ทุ่มคะ
พออาการดี ตื่นมาตอนนี้ ตี1ครึ่ง
ให้ตายเถอะเมาคลี ตื่นมาตอนนี้
แล้วจะหลับตอนไหนเนี่ย~~~~
มีใครอยู่มั้ยค่า -
Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 75 ลำดับที่ #1484
(เป็นคำถามจาก 9 ที่สงสัยเรื่องพระธาตุเสด็จบนพระเครื่อง)
[QUOTE="nopphakan, post:]
เล่าให้ฟังลองพิจารณาดูนะ
พระธาตุเสด็จบนพระเครื่องไม่ชัวร์
เพราะคำว่าเสด็จ ที่ส่วนตัวเข้าใจ
คือต้องมีมาเพิ่ม หรือมาจากที่อื่น
และปกติลักษณะพระธาตุมักจะไม่เหมาะ
กับการเคลื่อนที่ เพราะมีแรงดึงดูดในตัวเอง
อาจทำให้เกิดแรงอื่นๆขึ้นมาได้
เพราะมวลสารที่ประกอบเป็นพระเครื่อง
นานๆไปสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยังไง?
ยิ่งถ้าไม่โดนอากาศก็เปลี่ยนแปลง
เป็นคล้ายตาข่ายได้ เป็นขุยๆ
เพราะว่าธาตุน้ำ อันนี้โม้หน่อย
เป็นธาตุหรือเป็นอนุภาคของสะสาร
ชนิดหนึ่งที่ไม่เข้าพวกกับใคร
(เข้าพวกกันเป็นดิน ไม่เกาะใครเป็นลม
เสียดสีกันเป็นไฟ พูดพอให้เห็นภาพ)
พอมันไม่เข้าพวกกับใคร ปกติมันก็จะต้องกลายเป็นน้ำ แล้วเมื่อไหร่ที่ประกอบ
เป็นชิ้นขึ้นมา น้ำก็จะแทรกอยู่ในช่องว่าง
ของวัถตุนั้นๆ เมื่อเวลาผ่านไป
น้ำเหล่านี้ก็จะออกมา เนื่องจากคุณสมบัติ
ที่ไม่เข้าพวกกับใคร(ที่เค้าบอกว่า ตากวัตถุ
อบวัตถุเพื่อให้แห้งคือให้น้ำออกจากวัตถุ
สังเกตุดูเรื่องวัตถุจะยังอยู่ ที่อยู่เพราะระดับ
อนุภาคมันเข้าพวกกัน พอนึกออกนะ)
เมื่อน้ำออกจากช่องว่างของวัตถุ แต่ไปเจอ
กรอบพลาสติก ที่ประกอบด้วยวัตถุ
ที่เข้าพวกกันขวางไว้ ไม่มีช่องให้น้ำซึม
ผ่านออกมา.
น้ำต่างๆเหล่านั้น ที่ปกติมันไม่เข้าพวกกัน
มันเลยถูกบังคับ ไม่ให้ไปไหน
น้ำเหล่านี้ ก็เลยวนเวียนอยู่ ระหว่างช่องว่าง
ของวัตถุเดิม(องค์พระ) กับระยะห่าง
ระหว่างองค์พระถึงกรอบพลาสติก
หรือในตลับในลักษณะปิดไม่ให้มีอากาศเข้า
หรือเนื้อวัตถุน้ำซึมผ่านไม่ได้
ดังนั้นในช่วงระยะห่างนี้
จึงมักจะปรากฏเป็นสารอีกประเภทหนึ่ง
ขึ้นมา ที่ลักษณะเป็นขุย เป็นตาข่าย
ยุ่ยง่ายหากไปโดน ก็ด้วยจาก
คุณลักษณะทางอนุภาคสะสาร
ของน้ำที่ไม่เข้าพวกกับใครที่ออกจาก
ช่องว่างในวัตถุ แล้วเจอวัตถุที่เข้าพวกขวางอยู่
(กรอบพลาสติก หรือฝาปิดต่างๆ)
พอจะมองสาเหตุออกบ้างเนาะ
ส่วนที่โดนอากาศก็จะเปลี่ยนแปลง
ในลักษณะการหดตัวของมวลสาร
เรื่องจากปริมานน้ำที่แทรกอยู่ในช่องว่าง
จนมวลสารมีการระเหยออกมา
ทำให้เกิดการหดตัวได้
ดังนั้นถ้าจะชัวร์สุด ในเรื่องเกี่ยวกับวัตถุคือ
มีการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบ
ในวัตถุนั้นๆเลยเช่น วัตถุนั้น
มีเส้นผมสีดำแล้วเปลี่ยนเป็นสีใส
อย่างนี้พอจะบอกได้ว่า มีต้นกำเนิดของแรง
ที่ทำให้สะสารบางอย่างที่อยู่ในเส้นผมนั้น
ที่เคยเป็นสีดำ เกิดการสูญสลายของอนุภาคบางอย่าง
และเกิดการเปลี่ยนอนุภาคไป
(เนื่องจากแรงบางอย่างหลุดออกจากนิวเคลียส
ตัวนิวเคลียสมันเป็นศูนย์กลางอะตอม
ตัวอะตอมเป็นองค์ประกอบสะสารก่อนเป็นวัตถุ
วัตถุมีองค์ประกอบสะสาร
และอนุภาคของสื่อนำแรงเป็นองค์ประกอบ
(ทบทวนกันงง)...พอมีอนุภาคบางอย่างหายไป
(หลุดจากนิวเคลียส) เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลง
(คือมีการคลายประจุลบในอนุภาคของสื่อนำแรง
ที่เป็นส่วนประกอบในนิวเคลียส )
ที่หายไปคือสีที่เรามองเห็น และอนุภาคที่คลายประจุมันจะกลายเป็นอนุภาคอีกตัวแทน
ที่มันใสเพราะ อนุภาคที่คลายนั้น
มันเป็นอนุภาคที่เราเรียกว่า โฟรตรอน
ซึ่งเป็นแรงเกี่ยวกับไฟฟ้า
บ้างก็เรียกว่าอนุภาคแห่งแสง
เป็นที่มาว่าทำไมวัตถุที่เปลี่ยนจึงเป็นสีใสนั่นเอง
ดังนั้นกรณี วัตถุให้เราพิจารณาให้ดี
ในเนื้อวัตถุเปลี่ยนแปลงได้
ขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดของแรง
ก็คือจิตนั่นหละ
ปล ที่เล่าเพราะ ไม่อยากให้ฟันธง
ว่าต้องใช่หรือไม่ใช่
แต่แนะให้พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล
ย้อนให้ถึงในระดับ การกำเนิด
ของวัตถุ ในส่วนของอนุภาคเลย
ให้อ่านแล้ว งงกันเล่นๆ
แต่ถ้าเข้าใจได้
เราจะข้ามศรัทธา
ในลักษณะที่ ขาดเหตุขาดผลได้นั่นเอง
เล่าสู่กันฟัง
-
เช้านี้นำข่าวนี้มาให้อ่าน
เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ
ที่เด็กไทยชนะเลิศงานแกะสลักน้ำแข็ง 10 ปีซ้อน
รูปที่แกะสลักออกมา...
ลองพิจารณาดูว่า "เป็นรูปสัตว์อะไร"
ส่วนตัวดูไม่ออกแฮะ...ลักษณะแปลกดี
เหมือนคล้ายหัวมังกรหรือพญานาค
***************************************
เด็กไทยแกะสลัก13หมูป่าติดถ้ำ ทำคว้าแชมป์แกะสลักหิมะ10สมัยซ้อน 3อาชีวะที่โลกต้องจารึก
Publish 2019-01-07 18:06:21
จากกรณีที่วันนี้(7ม.ค.)ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ออกมาเปิดเผย เมื่อสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ส่งทีมนักศึกษาอาชีวศึกษาจำนวน 3 ทีม ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี และวิทยาลัยสารพัดช่างตราด เข้าร่วมการแข่งขันการแกะสลักน้ำแข็งจากหิมะนานาชาติ ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 4 - 7 มกราคม 2562 ในงาน “The 11th International Collegiate Snow Sculpture Contest 2019” ที่เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้โดยวิทยาลัยสารพัดช่างตราด สามารถรักษาแชมป์ให้ประเทศไทย คว้ารางวัลชนะเลิศต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 10 และทั้ง 3 ทีมอาชีวศึกษา สามารถคว้ารางวัลต่าง ๆ อีกหลายรางวัล จากผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 5 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษ รวมจำนวนทั้งสิ้น 55 ทีม
นอกจากนี้เลขาธิการ กอศ. ยังกล่าวอีกว่า รางวัลที่ทีมนักศึกษาอาชีวศึกษาได้รับจากการแข่งขันแกะสลักหิมะ มีดังนี้ วิทยาลัยสารพัดช่างตราด ได้รับรางวัล Top grade Awards ซึ่งเป็นรางวัลคะแนนรวมสูงสุดของการแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับรางวัลสุดยอดความคิดสร้างสรรค์ (Best Creative award) ของการแข่งขัน จากผลงาน Rescue Mission Rivets Thamluang caves in Chiangrai Thailand. จากการพบรอยนิ้วมือคนเกาะตามถ้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหวัง และสร้างพลังใจให้กับทุกคน โดยนักประดาน้ำชาวอังกฤษ 2 คนได้ค้นพบและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเหตุการณ์การหายไปของทีม 13 หมูป่าอะคาเดมี โดยครูผู้ฝึกสอน ได้แก่ นายเกริกไกร นนทลักษณ์ และ นางรุ่งนภา อุดมชลปราการ นักศึกษา 4 คน ได้แก่นางสาวพรรณนิภา นามวิชัย นักศึกษา ปวส.1 แผนกวิชาการโรงแรม นายชโยทิต สุขสวัสดิ์ นักศึกษา ปวช. 2 นายธวัชชัย สนธิพิณนักศึกษา ปวช.3 นางสาวน้ำฝน จันทร์จรูญ นักศึกษา ปวช.3 จากแผนกวิชาการโรงแรม
ขณะที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฏร์ธานี ครองรางวัลชนะเลิศ อันดับ2 ร่วมกัน โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ส่งในชื่อผลงาน “มิตรภาพเหนือกาลเวลา” จากเหตุการณ์การหายไปของทีม 13 หมูป่าอะคาเดมี ณ เขตวนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย นำไปสู่การรังสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าสื่อถึงการมีมนุษยธรรมของชาวโลก โดยมีครูผู้ฝึกสอนได้แก่ นายสุระชาติ พละศักดิ์ และนายพิศิษฐ์ อู่ศิริกุลพาณิชย์ และนักศึกษา 4 คนประกอบด้วย นายอัฐกร แก้วหาวงค์ นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ นายมินธาดา ปักษาพันธ์ นายธนวัฒน์ สิงหะไชย และนายธนาวัช ป้องแก้ว นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช). ชั้นปีที่ 3 สาขาวิจิตรศิลป์
ด้านทีมของวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ในชื่อผลงาน “ความรัก ความผูกพัน” จากแนวคิดว่าความรัก ความผูกพัน ไม่มีข้อจำกัด และมีเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ นำเสนอผ่านสัญลักษณ์รูปช้าง ซึ่งครูผู้ฝึกสอนได้แก่ นายพฤติพงษ์ วงศ์วรรณา นักศึกษา 4 คน ได้แก่ นายวรายุ บุตรทอง นักศึกษา ปวช.3 นายนายอธิป กล่อมทอง นายภาคีไนย ใจสว่าง และนางสาวอริสา แก้วทองดี นักศึกษา ปวช. 2 จากแผนกวิชาวิจิตรศิลป์
ในการแข่งขันการแกะสลักหิมะนานาชาติปีนี้ มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 55 ทีม จาก 5 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษ ประกอบด้วย 1.ไทย 2. รัสเซีย 3.เดนมาร์ก 4 อังกฤษ 5 จีน 6. ฮ่องกง และ 7. ไต้หวัน ทั้งนี้ทีมนักศึกษาอาชีวศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันที่ 8 มกราคม 2560 โดยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CAPEK-BKK CA959 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 18.005 น.
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กของผู้ใช้ชื่อว่า มนฤดี สุวรรณกูฏ วอศ.อุบลฯ ก็ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งระบุว่า
เสร็จแล้ว !!!! สวยงามสมชื่อดีกรีแชมป์ 2 สมัย แกะสลักหิมะนานาชาติที่จีน อาชีวะอุบลฯรังสรรค์ผลงาน “มิตรภาพเหนือกาลเวลา” ขอบคุณชาวโลกช่วยเหลือ 13 หมูป่าอะคาเดมี่ มั่นใจคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ฝากคนไทยรอลุ้น
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : มนฤดี สุวรรณกูฏ วอศ.อุบลฯ
HASTAG : หิมะ อาชีวะ แชมป์
เรียบเรียงโดย
ศิริพงษ์ หนูแก้ว
ขอบคุณที่มา...Tnews
-
เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ตื่นมาดึกๆ ตี1กว่าๆ
พยายามข่มตานอนคะ
มีความรู้สึกว่าหลับ ท่านอนหงาย
และเกิดอาการ เหมือนถูกอำ แต่ไม่แน่ใจว่า ใช่หรือไม่
เพราะ มันเหมือนความฝัน และเหมือนความจริง
เป็นภาพเหตุการณ์ในห้องนอน แต่ตาลืมไม่ได้
ใช้การสัมผัสเอาคะ
มือขวาเจน บังเอิญไปจับเจอ ขา ของผู้ชาย
ซึ่งมาแต่ตัวจริงๆ เพราะจับไม่เจอเสื้อผ้า (ออกแนวมกซกนิดหนึ่งคะ)
คือด้วยความกระดิกตัวไม่ได้ กระดิกได้แต่แขน
แขนซ้ายก็คลำหาสามี เพราะสามีนอนซ้ายมือเจน
พอคลำเจอพุงสามีกับแขน ความรู้สึกเจนคือ
กลัวมากคะ เอาแล้วไง ขวามือ ที่จับอยู่ คือใครว่ะ
พยายาม จะตื่นให้ได้คะ ตื่น ลืมตา แต่ไม่ได้
ทำไม่ได้ จนมีความรู้สึกว่า บุคคลขวามือ
เอาหน้ามาแนบที่หน้าอกเจน แบบว่า
เหมือนลูกชายเจนเคยทำเวลามาอ้อนเจน
เขาจะเอาหน้ามาแนบตรงหน้าอก สายตามองมาที่แม่
ประมาณนี้
สัมผัสได้ถึงการหายใจ แต่ก็มีความอ้อนของบุคคลนั้นด้วย
พยายามสุดตัว สะดุ้งขึ้นมา เฮือกหนึ่ง
ลุกขึ้นมา มองรอบๆตัว เจนสวดมนต์ หลวงปู่ทวดจบ
ต่อด้วย กำลังสวดบทคาถาพระมหาจักรพรรดิ
เจนได้ยินเสียง “แง” ดังมากคะ คือดังข้างหูเลย
เจนตกใจสวดต่อไม่ไปแล้ว พยายามตั้งสติ
สวดไป เสียงเด็กร้องไห้ ดังค่อยๆที่นอกบ้านแล้วคะ
หลอนมาก เป็นอะไรที่ หลอนสุดๆคะ -
-
สากๆหลอนนนน -
เรียกปี่เซียะ
หลักสังเกตุ มีครีบที่หู
กับหนวดย้อนขึ้นกลับไปบนศรีษะ
และลำตัวอวบๆป้อมๆ
ปล ทางจีนครับ
ของเจน ครั้งแรกควรอุทิศกุศลให้
จำไว้ว่า อย่าใช้คาถาไล่ผีเพราะกลัว
เพราะไม่แน่ใจ เพราะสงสัย
หรือเพราะไม่รู้อะไร หรือเพราะเค้าว่ามา
ยกเว้นว่า อุทิศแล้ว ๒ ถึง ๓ ครั้ง
แต่ยังจะมาทำร้ายเรา
แบบนี้ไม่เป็นไร
ปล ทุกคน ทุกบ้าน มีผู้ดูแล
ถ้าเค้าเจตนาไม่ดีแต่แรก
จะเข้าถึงตัวเราได้อย่างไร ?
ยกเว้นเป็นเจ้ากรรมนายเวร
จะเห็นด้านขวา ในมุมล่าง
ห่างไป ๒ ถึง ๓ เมตร
บางทีที่มาให้เห็น อาจจะเป็นญาติในอดีต
ที่กลายมาเป็นผู้ดูแลเราตอนนี้ ก็เป็นได้
เครเนาะ
-
ยอยพวงมาลัยที่ว่าน่าจะอยู่ใกล้ๆแร็คพวงมาลัย(ไม่แน่ใจ)
อยู่ตรงกลางช่วงล่างระหว่างล้อหน้าซ้ายขวา
เป็นชิ้นส่วนที่จะต่อเนื่องกับพวงมาลัย
ใช้บังคับรถตรงไปหรือจะเลี้ยวซ้ายขวา
อัศจรรย์มาก...ขับไปถึงขอนแก่นได้ไง
เหนือวิสัย...ยิ่งกว่า...
ยิ่งกว่าสายฟ้าเลือกผ่าต้นมะพร้าว...
...แทนที่จะผ่าคนถือคีม ซ้ายจับตาข่ายเหล็ก
ห่างแค่เมตรเศษ ด้วยระดับความสูงไม่ต่างกัน
".....ขึ้นเขานั้น อยู่ดีๆเหมือนง่วงเฉย
แต่ก็พยายามฝืนไม่หลับ แล้วสายตาเหลือบขึ้นไปมอง
บนท้องฟ้านั้น พบเห็นเหตุการณ์ประหลาดบางอย่าง....."
ผมว่า...นี้แหละคือที่มาของเหตุแคล้วคลาดปลอดภัย
แต่เสียดายเป็นเรื่องที่ไม่ควรเล่า
แต่ผมพอจะเดาได้ว่าวันนั่นอจ.นพพบเห็นอะไรบนท้องฟ้า
...ถือเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากๆ -
ตรงที่ว่า...
ข้อ 1.มารดาที่แท้งลูกโดยไม่ได้ตั้งใจ
เช่นหกล้มโดยอุบัติเหตุ...
หรือแท้งโดยไม่ทราบสาเหตุอันใด
ทั้งที่ทนุถนอมทารกแรกเริ่มเยี่ยงชีวิต
...ทารกน้อยจะกลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรได้อย่างใด ?
ข้อ 2.คนที่ตั้งใจทำแท้งลูกด้วยอ้างว่า"ความจำเป็น"
อย่างนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องเจ้ากรรมนายเวร
แต่เห็นมีบางวัด บางสำนักสามารถ...
...ลบล้างเจ้ากรรมนายเวรได้ด้วยกรรมพิธีต่างๆ
ไม่ทราบว่า...มีความเป็นไปได้แค่ไหน ?
ขอบคุณครับ -
เผลอสวดมนต์ เจนจะต้องแก้ไขยังไงคะอาจารย์
กำลังสติเจนไม่ดีพอ กลัวมากก
พอกลัว แล้ว สิ่งที่จำได้แม่นคือ บทสวดมนต์คะอาจารย์ -
เรื่องแท้งนี่เคยไปพัวพันอยู่ ตอนไปหาหมอดูบอกว่ามีเด็กตาม เป็นเด็กที่แม่แท้ง (ข้อ 1) ก็เลยเสกเป็นกุมารทอง เอาเข้าบ้าน ตอนนั้นกลัวมาก ต้องมีนม น้ำแดง ขนม ของเล่น พอไปครั้งหลังหมอดูคนนั้นบอกว่าจะเอาเด็กไปอยู่ด้วยเพราะเห็นกลัวกัน แต่พอมาดูกับอีกคนนึงบอกว่าเด็กยังอยู่ สุดท้ายก็เลยพากันไปทำบุญให้ แล้วก็เลยเลิกสนใจไม่รู้ไปเกิดยังผ่านมาหลายปีแล้ว
-
Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 75 ลำดับที่ #1496
[QUOTE="nopphakan, post:]
ส่วนนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ น่าจะหลายปีแระ
เป็นปฐมบท มหากาฬ
ของการพบเจอกายคล้ายพระพุทธรูป
คล้ายพระปัจจเจก พระสงฆ์มีชื่อในอดีตทั้งหลาย
รูปปั้นมีชื่อทั้งหลายที่คนไทยกราบไหว้
ทั้งไทย จีนพราหมณ์ และฝรั่งบางท่าน
และการเข้าไปข้องกับภพภูมิเกือบทุกวัน
เกือบสองถึงสามปี เรียกว่าช่วงนั้น
ถ้าถามว่าปี้นี้ไม่เจอผีกี่วัน
จะตอบได้ง่ายกว่า เคยเจออะไรบ้าง
ที่เล่ามามีแต่พระปัจจเจกกับเทพฝรั่งเท่านั้น
ที่เคยพบในนิมิต นอกนั้นเห็นแบบ
ตาเปล่าๆธรรมดาเหมือนมองคนทั่วไปนี่หละ
คือเล่าไปเหมือนโม้หน่อยๆ
แต่ว่า สามารถเกิดขึ้นได้
เรื่องการเสด็จมาของพระสรีระนั้น
(ตอนนั้นยังไม่มีพระธาตุเสด็จมา)
มักจะมีนิมิต มาให้ทราบก่อนหน้าเสมอ
อย่างส่วนตัวก็พอเคยมีประสบการณ์บ้าง
ตัวอย่างครั้งแรกเลยที่มีพระสรีระเสด็จมา
เพิ่มจำนวน ๗ สีและมาหลายองค์นั้น
เกิดนิมิต พบรูปกายแบบพระพุทธรูป
เสด็จมา ๓ องค์ ถ้าเอ่ยพระนามคิดว่า
คงทราบกันดี องค์แรกอยู่กลางสูงกว่า
อีก ๒ องค์อยู่ต่ำลงมาซ้ายและขวา
ซักพัก ก็ปรากฎรูปกายคล้ายพระสงฆ์ ๒ท่าน
ในอดีตที่ล่วงลับไปแล้ว มาในตำแหน่ง
ที่ต่ำกว่า พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์
ความรู้สึกคือ เหมือนท่านมีเมตตามาก
ทั้งที่ ๒ ท่านส่วนตัวไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ
ตอนท่านมีชีวิต และไม่เคยไปวัดท่านมาก่อนเลย
ที่เล่าจะสื่อว่า การมีสิ่งเหล่านี้
เกิดขึ้น ไม่ได้ประกันว่า
เราจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดา
หรือเป็นคนดีอะไร
เพราะตราบใดที่เรายังประมาท
ก็มีโอกาสที่จะเดินออกนอกเส้นทาง
ได้เสมอ เพียงแต่ว่า ควรจะรู้ตัวให้เร็ว
และกลับมาให้ไว เพราะพึ่งระลึกเสมอว่า
ถ้าเราดีจริง เราคงไม่ได้มาเวียนว่ายตายเกิดแล้ว
ดังนั้นเรื่องอะไรที่ทำให้ใจเรามันเศร้าหมอง
หรือทำแล้วให้ใจเรารู้สึกว่าไม่บริสุทธิ์
เราก็พึงค่อยๆละ ค่อยๆวางมันซะ
เพราะเราไม่ใช่พระอรหันต์
ที่จะตัดโช๊ะได้ทันที
และตำราตัวอักษรก็ไม่ได้
ส่งผลต่อพฤติกรรมทางจิตเรา
กิริยาภายนอก เป็นสื่อในการดำรงชีวิต
อยู่ร่วมกับสังคมและธรรมชาติให้ได้อย่าง
แยบยล ส่วนใจเรานั้น
ตัวเราเอง จะรู้ดีที่สุด
ดังนั้นเมื่อ ดาวโลกเป็นอย่างนี้
เราอาศัยดาวนี้อยู่
ก็ควรอยู่รวมกันอย่าง
แยบยล และมีความสุข
ในแบบของเรา.
รู้ละ รู้วาง รู้ว่าง ทุกนาที
ชีวิตนี้มีแต่สุข ทุกข์ไม่มี
จบ นิทานปนโม้ -
Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 75 ลำดับที่ #1496
(ซ้ำ)
คลิ๊กส่งครั้งเดียว...แต่ออกมาซ้ำ
นำคติธรรมมาแทนนะครับ
หน้า 153 ของ 312