การขโมยพลังจากผู้ที่ไม่หวังดี

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 30 มกราคม 2006.

  1. Hurahara

    Hurahara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +106
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>ผมว่าที่คุณ auntoday พูดนิคงเข้าใจผิดอย่างมากแล้วนะครับ ที่บอกว่า เราคิดว่า การที่เราสวดมนต์ ชินบัญชร เรามีที่ๆดีถึงขนาดที่จะเชิญเหล่าเพทมาไหม ถ้าที่บ้านและ/หรือที่เราสวดไม่ดีพอ เราว่าอย่าไปเชิญเลยนี เพราะว่าวลาที่เราเรียกเข้ามามา เราไม่อายบ้างหรอ
    มันไม่เกียวกันเลยนะคับ ไม่ว่าใครจะสวดก็ตามจะจนหรือรวย จะบ้านใหญ่หรือบ้านเล็ก หรือจะเป็นคนข้างถนนก็ตาม ขอเพียงแค่เรามีจิตตั้งมันตั้งใจสวดและมีความศัรทธา ท่านก็จะลงมาคุ้มครองเราหมดละครับ ไอ้ที่บอกว่า<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1> <!-- / icon and title --><!-- message -->เชิญเพทมาไหม ถ้าที่บ้านและ/หรือที่เราสวดไม่ดีพอ เราว่าอย่าไปเชิญเลยนี เพราะว่าวลาที่เราเรียกเข้ามามา เราไม่อายบ้างหรอ
    ท่านไม่สนหรอกหรอกคับว่าที่ ที่จะเชิญท่านมาจะเป็นยังไงเพราะคนดีนะดูที่ข้างนอกไม่รู้หรอก ต้องดูที่จิตใจ พวกสัตว์นรกมาเกิดเป็นคนรวยก็ตั้งเยอะที่สร้างความวุ่นวายให้กับสังคม อยู่ทุกวันนี้นี่แหละ ขอแค่เป็นคนดีปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ อยู่ในศีลอยู่ในธรรม ต่อให้สวดอยู่ข้างถนนท่านก็จะมาคุ้มครองคับ
     
  2. ดาวฤกษ์

    ดาวฤกษ์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    พลังที่พูดนะค่ะมีขึ้นเอง หรือฝึก หรือทั้ง 2 อย่าง เป็นไปได้ไหมว่าบางคนฝึกแล้วก็ไม่เกิดผล รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะค่ะ
     
  3. กัลคี

    กัลคี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2007
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +568
    คนที่ดูดพลังจะได้รับพลังที่ดีและไม่ดีของคนที่ถูกดูดไปด้วย
    คนที่ถูกดูดก็ไม่ต้องเสียดายพลังอะไร ถือว่าเป็นการให้ทานไป
    พลังสามารถสร้างใหม่ได้ไม่มีที่สิ้นสุดด้วยการนั่งสมาธิ
    การทำสมาธิที่ถูกวิธีจะก่อให้เกิดพลังและความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
    ผู้ที่ทำสมาธิเป็นจะรู้สึกสดชื่นมีพลัง
    การนั่งสมาธิให้เกิดพลังทำได้โดยนั่งหลับตา หลังตรง(จะนั่งขัดสมาธิหรือนั่งบนเก้าอี้ก็ได้ขอให้นั่งแล้วรู้สึกว่ามีพลังที่ทำให้ร่างกายเราเป็นสุข) เวลาทำ
    สมาธิก็ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรเลย ไม่ต้องคิดว่าเราจะต้องเพ่งกสิน หรือนึกจิต
    เพ่งรูปนั้นรูปนี้(เราต้องได้สมาธิขั้นพื้นฐานก่อนคือการฝึกควบคุมลมหายใจให้
    เกิดพลังจนคล่องแล้วค่อยไปหัดเพ่งกสิน)นั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ไม่ต้องหวังเรื่อง
    อิทธิฤทธิ์อะไร ทำจิตให้มีแต่ความว่างเปล่า แล้วคุณจะรู้สึกถึงพลังที่ทำให้เป็น
    สุข
     
  4. smutux

    smutux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +242
    ผมว่าอย่าเพ้อเจ้อกันไปให้มากนักเลยครับ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม กรรมเป็นตัวกำหนด พระพุทธองค์ได้ทรงสอนไว้ว่า ใครจะใหญ่เกินกรรม ไม่ว่าใครจะดูดพลังอะไรจากเราก็ช่างเขาไปเถิด แต่เขาจะดูดบุญกุศลที่เราทำเอาไว้ไปไม่ได้ ของแบบนี้ถ้าอยากได้ต้องทำเอง ขอให้เน้นทำดีได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่วเสมอ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป มะมะอุ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ถ้าเข้าใจก็จะเข้าถึงกฏแห่งการดับสูญ หากพลังงานไม่มีวันหมดเราคงไม่ต้องใช้เงินซื้อน้ำมันมาเติมทุกวัน เช่นรถใช้พลังงานความร้อนจากการจุดระเบิดของห้องเครื่องเป็นพลังงานให้รถขับเคลื่อนไปถ้าเราไม่เหยียบคันเร่งรถก็จะค่อยชลอความเร็วลง เมื่อเราเหยียบคันเร่งน้ำมันที่เป็นแหล่งพลังงานก็จะหมดลงเพราะมันถูกเผาผลาญเป็นพลังงานความร้อน และสูญสิ้นไปเพื่อให้รถขับเคลื่อนไปเป็นกฏแห่งการแลกเปลี่ยนทางพลังงานในด้านวิทยาศาสตร์ แต่ ผมอยากให้ทุกคนเน้นในเรื่องการทำความดีครับอย่าไปติดยึดกับวิชาที่คนพูด ดูจะเพ้อเจ้อเหมือนดูแฮรี่ พอตเตอร์ไปมาก ถ้าจะอาการหนัก เพราะเห็นมีรูปแฮรี่ ข้างหลังมีฟ้าผ่าเอามาลงให้ดูด้วย ถ้าคุณขี่ไม้กวาดเหาะได้เหมือนแฮรี่เมื่อไร ผมจะเชื่อคุณครับ และศาสดาที่ผมเชื่อมีองค์เดียวในโลก คือ พระพุทธเจ้าครับ ทำดีได้ดีฉันใด ทำชั่วก็ได้ชั่วฉันนั้น คุณเป็นคนเช่นไรย่อมรู้แก่ใจของตนเองนอกจากของเข้าในตัวมากเกินไปจนถึงหลอกตัวเองได้จนเชื่อสนิทนั้นว่าตัวเองเก่งเหนือผู้คน อันนี้ต้องปรึกษาจิตแพทย์เพียงอย่างเดียว จึงเรียนมาด้วยจิตคารวะ
     
  5. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    พลังจิตต่างจากพลังทางกายอย่างไร ถ้าคิดแบบชาวโลก ก็จะจินตนาการไปว่าพลังจิตเหมือนพลังกาย ที่ต้องนำสะสมอยู่ในตัวจนแข็งแกร่ง แล้วเอาพลังกายไปใช้ เมื่อใช้การนึกไม่ใช่การเห็น ก็จะคิดว่าพลังจิตต้องดูดต้องเก็บเอามาสะสมไว้ในตัวเหมือนชาร์ตแบบเตอรี่ แล้วเอาพลังงานที่เก็บไปทำนั่นทำนี่ แล้วก็มีภาวะที่แบตหมดไฟ หนักเข้าก็มีการขโมยชาร์ตไฟ แนวคิดแบบนี้เป็นการจินตนาการ พลังทางจิตจริงๆไม่ได้ก็มีลักษณะแบบนั้น
    ทราบไหมว่าพลังจิตเกิดอย่างไร การที่พลังจิตทำอะไรที่เหนือโลกได้มีกลไกอย่างไร คำว่าจิตเป็นธาตุสำเร็จมีความหมายอย่างไร สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ มีแต่เดาเอาเอง เรื่องดูดพลังก็นึกจินตนาการกันไปแต่ไม่มีส่วนแห่งความจรีงแม้แต่นิดเดียว
     
  6. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    อันนี้อย่าสรุปแบบฟันธงครับ ในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่จริงๆแล้วเป็นไปได้ การดูดบุญกุศลนั้นทำได้ครับ คุณเคยเจอมาแล้วด้วย ก็ตอนที่คุณทำบุญแล้วปลื้ม แต่ต่อมาเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อบุญนั้นๆ นึกเสียดายบ้าง นึกสงสัยในเนื้อนาบุญบ้าง นี่ละเกิดจากฤทธิ์ของพญามารที่ส่งกระแสอกุศลให้มาทำลายกุศลเจตนาที่ทำไว้ดีแล้วของเรา ทำให้บุญที่เราเคยมีไม่บริสุทธิ์เท่าเดิมและหดลงตามจิตที่ตกของเรา ถ้าเรารู้ทัน ประคองจิตไม่ให้ตกต่ำ พญามารก็ทำอะไรไม่ได้ แตถ้าปล่อยใจให้ไหลไปตามอกุศลที่ปรุงแต่ง บุญเราก็ถูกขโมยได้ เวลาบุญส่งผลก็ส่งผลไม่ต่อเนื่อง มีการขาดห้วงทำให้ชีวิตมีอุปสรรค มีขึ้นมีลงเป็นระยะๆ
     
  7. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    โดนขโมยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับใจ และเจตนาเราเองครับ
    แต่ถึงแม้ว่าจะโดนขโมยไปบ้าง ก็ค่อยสั่งสมพลังเอาใหม่
    อย่าลืมว่า ทุกอย่างล้วนมี "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป"
    ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้สักอย่าง
     
  8. fay10

    fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,760
    เวลานั่งสมาธเสร็จแล้วเป็นบางครั้งค่ะที่เหนื่อยเพลียเหงื่อเนี้ยเยอะเลยเป็นกับอะไรค่ะ
     
  9. ingshie

    ingshie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +531


    เพ่งเกินไปรึป่าวคะ หรือ ร้อน

    ก็ไม่รู้เหมือนกัน - - ฮี่ๆ ^~^V


     
  10. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    เวลานั่งสมาธิแล้วเพลีย อาจเป็นผลจากร่างกาย เพราะเวลาทำสมาธิจะมีกลไกทางกายหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นลมหายใจช้าลงแต่ยาวขึ้น หัวใจเต้นน้อยลง แรงดันเลือดลดลง ปรกติถ้านั่งสมาธิเสร็จแล้วควรจะสดชื่น การนั่งแล้วเหนื่อยก็เพราะระบบการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี ก่อนนั่งพยายามนั่งให้กายตรงเพื่อหายใจได้สะดวก ผ่อนคลายร่างกายไม่ให้เกร็งแล้วสูดลมหายใจลึกๆสัก 3 ครั้งเพื่อปรับธาตุให้สมดุล พยายามทำใจให้สบาย การปรับใจเป็นกลไกที่สำคัญที่สุด ไม่ต้องรีบร้อนที่จะทำสมาธิ อย่าเคร่งเครียดในเวลานั้ง ห้ามลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง หลังจากนั่งแล้วก็ควรทำกายบริหารบ้าง ยิ่งทำโยคะเพื่อยืดเส้นสายนี่ดีมากเลย
    การที่เหงื่อออกอาจเป็นเพราะอากาศถ่ายเทไม่ดี ที่นั่งไม่เป็นสัปปายะ อาจร้อนเกินไป เวลาที่จิตเป็นสมาธิ อุณหภูมิที่ผิวหนังสูงขึ้น ทำให้เหงื่อออกได้ง่าย
     
  11. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    ส่วนผม นั่งแล้วรู้สึกว่าตัวเอียงๆๆๆ เอียงมากเลยครับ
     
  12. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    อยากถูกดูดพลังจังเลย แต่ขอคนสวยๆนะ :) ผมยอม
     
  13. smutux

    smutux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +242
    อันนี้ก็ต้อง ลาออกจากพุทธศาสนิกชนแล้วล่ะครับ ดูดบุญกุศลของเราได้ด้วยอยู่ในพระไตรปิฏกฉบับไหนครับ แบบนี้เห็นทีบุญก็ไม่ต้องทำกันแล้ว คอยแต่ดูดบูญกุศลคนอื่นดีกว่าเร็วกว่าด้วย ผมว่าคนตั้งกระทู้เพี๊ยนแล้วเจอคุณนี่ ผมอึ้งเลย เพี๊ยนกว่า!! อีกอย่างขอเถอะอย่าอวดฉลาดกว่าองค์พระศาสดาของชาวพุทธเลยท่านตรัสสอนให้มนุษย์กระทำแต่ความดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าคุณดูดบุญกุศลของคนอื่นได้จริง ก็เปรียบเสมือนการโขมยของคนอื่นแล้วถือว่าเป็นการทำชั่วไหม(วานตอบ)แล้วการทำชั่วในศาสนาพุทธ ก็คือทำชั่วก็ได้ชั่ว ถึงดูดไปได้แล้วมันจะได้ดีได้อย่างไรล่ะครับ มันก็ขัดแย้งกับหลักศาสนาซีครับ ผมคงต้องแนะนำท่านไปพบจิตแพทย์อีกคน หรือไม่ก็จงเป็นบัวใต้น้ำที่เข้าใจอะไรโง่ๆต่อไป อย่างว่าแหละครับถ้าโลกนี้มีแต่คนฉลาด คนฉลาดก็คงเหนื่อยแย่..
     
  14. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +3,882
    คุณอาชวินก่อนทำการอยู่ที่โลกทิพย์เวลาจับพลังพระก็คอยแอบดูดพลังเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เด้วนี้มาเลิกไปปั่นกระทุู้ในพันธ์ทิพย์มาหาสานุศิษย์ใหม่ๆที่บอร์ดนี้กี่ปีแล้วหละ คงมีคนไปอุดหนุนร้านแถวจุตจักรเยอะโขอยู่นะ ขอแสดงความยินดีด้วย
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +3,882
    คนที่ฝึกพลังจักรวาลถึงจุดหนึ่งจะรู้ได้เองว่า เราอยู่ในสนามพลังที่เหมือนกับห่อหุ้มไว้ด้วยภูษิตฟ้า พ่อฟ้าแม่ดินให้พลังงานแก่เราโดยปราศจากเงื่อนไขและเราสามารถใช้พลังนั้นไปเพื่อการรักษาคนอื่นโดยปราศจากเงื่อนไขเช่นกัน
    พลังที่ได้รับมานี้ไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณเป็นของสาธารณที่เหมือนได้เปล่าๆแต่หลั่งไหลเหมือนสายธารที่ไร้ขีดจำกัดขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้อัญเชิญพลังว่ามีจิตสาธารณะแค่ไหน
    เมื่อตระหนักถึงจักระ จักระย่อมไม่มีวันถูกผู้ใดทำให้ปิดได้เหมือนอย่างที่ครูบาอาจารย์จอมปลอมขู่ไว้
    ยิ่งช่วยตนมากเท่าใด ยิ่งอุทิศตนมากเท่าใด ยิ่งปราศจากอัตตามากเท่าใด ก็จะยิ่งทรงมหิทรานุภาพเหมือนธรรมชาติเท่านั้น
    พึงเรียนรู้และตระหนักถึงพลังอันเป็นอนันต์ของธรรมชาติเถิด เพราะว่าเขาไร้เงื่อนไขจึงยิ่งใหญ่ เพราะว่าเขาไร้อัตตาจึงเอนกอนันต์
    วินาทีที่เราตระหนักถึงความไร้สาระของโลกคือวินาทีที่เราเข้าใจโลกและเป็นอันหนึ่งอันเดียวจากจุดที่เล็กที่สุดนั้น
    พลังเป็นของทุกๆคน ไม่มีใครขโมยมันไปได้จากคุณ
     
  16. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +3,882
    ครูบาอาจารย์ที่จอมปลอมย่อมขู่ให้ศิษย์กลัวไปต่างๆนานา บ้างก็หลอกล่อด้วยอุบายที่จะครอบงำศิษย์ไว้ให้ไร้ความเติบโตเพราะกลัวว่าจะมีผู้เหนือกว่า เหมือนกับครูของอหิงสกะ ก่อนสำเร็จเป็นพระอรหันต์องคุลีมาร
    อลัสชีบางจำพวกก็แสดงตนว่าเป็นผู้วิเศษอวดอุตริมุนษย์ธรรม เพื่อปรารถนาลามกในลาภ ยศ สรรเสริญ
    คุรุที่ประเสริฐย่อมชักนำศิษย์ไปสู่ความสว่างแห่งปัญญา ความอิสระของจิตจากตัณหาและอุปาทาน ที่สุดไม่ยึดแม้จิตนั้นว่าเป็นตัวเป็นตน
    พระพุทธองค์เป็นคุรุอันประเสริฐที่สุดของข้าพเจ้า
    นโม ต้สสะ ภควะโต อาระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
     
  17. tamm16

    tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +466
    ไม่เห็นกระทู้นี้ มานานพอควรมีคนขุดมาจนได้

    แต่อยากรู้วิธีป้องกันจริงๆแหละครับ ถ้าโดนดูดเข้าจริงๆ แล้วป้องกันไม่ได้มีหวังฟลุบแน่แน่พลังจะหมดไปเลย รู้สึกอ่อนแรง เพลีย อยากนอน ถ้าคนธรรมดาทั่วไปก็คงจะหมดแรงเร็วกว่าคนที่มีพลังบ้าง
     
  18. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +3,882
    ใครจะไปดูดพลังคุณกันครับ
    พ่อฟ้า แม่ดิน ให้พลังกับทุกๆคน ทุกเวลาและมากเกินกว่าคุณจะดูดหมดด้วย
    จอกเล็กๆจะรองรับน้ำทั้งมหาสมุทรได้อย่างไร
    เมื่อใดคุณหมุนจักระทั้ง7 คุณย่อมเชื่อมจักรวาลของคุณกับจักรวาลภายนอก พลังที่มีอยู่เสมือนเป็นอนันต์
    เมื่อใดที่คุณรับพลังจากฟ้า ดิน และให้ผุ้อื่นด้วยจิตบริสุทธิ์ ปราศความมุ่งหวังในอามิส
    ยศ สรรเสริญ
    คุณให้พลังกับผู้อื่นไม่เลือกหน้า แผ่ไพศาลไปทั่วเหมือน ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้กับคุณ
    พลังคุณไม่มีหมดหรอกครับ เพราะพลังนี้มีไว้เพื่อรักษาคน ไม่ได้มีไว้เพื่ออิทธิเดชใดๆ
    หมายเหตุ นี่ไม่ใช่ทางหลุดพ้นนะ ออกตัวไว้ก่อน เด้วหนอนตำราจะหาว่าปฎิบัตินอกแนวศาสนาอีก
     
  19. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    บุญที่เราทำมีการเกิด 3 ระยะ ก่อนทำ กำลังทำ และหลังจากทำ การทำลายหรือตัดรอนบุญกุศล ก็คือทำลายความเลื่อมใสหลังจากเราทำบุญไปแล้ว หลักนี้อยู่ในพุทธศาสนาไม่ได้นอกพุทธศาสนาเลย หากคนใดทำบุญกุศล ภายหลังเกิดจิตอกุศลต่อบุญที่ได้ทำไว้แล้ว มันก็จะทำให้เจตนาหลังทำผิดเพี้ยนไป การตามระลึกถึงบุญทำให้บุญที่ทำไว้เพิ่มพูนขึ้น ฉันใดก็ฉันนั้นการระลึกถึงบุญที่ทำไว้ในแง่ลบก็ทำให้บุญที่ทำไว้ดีแล้วถูกกัดกร่อนหรือทำลายลงได้ ซึ่งก็ทำให้เวลาบุญส่งผลส่งผลไม่ตลอดไม่ต่อเนื่อง ต้นดีปลายร้าย ซึ่งผมก็อธิบายหลักการนี้ชัดเจนตามพระธรรมวินัยแล้ว ไม่ได้ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย ส่วนคำว่า "ดูด" พลังผมก็ได้แย้งไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันเหลวไหล แต่ที่มีบางท่านยกคำว่าดูดบุญขึ้นมา แล้วชี้ในลักษณะว่า ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายต่อบุญที่เราทำไว้แล้ว ซึ่งยังไม่จริง อันตรายยังมีอยู่ตลอดเวลา คำว่าดูดยังไม่ตรงกับที่ผมอยากชี้ประเด็นเท่าใดนัก แต่เมื่อมีคนยกคำว่าดูด ผมก็ใช้คำว่าดูดตามไปแต่ก็อธิบายอย่างชัดเจนแล้วว่ากลไกที่ทำลายบุญนั้นมีอยู่ จริงแล้วคำว่าดูดยังน้อยไปไม่ตรงกับเป้าหมายที่อยากชี้ ซึ่งผมอยากใช้คำว่า "ทำลาย" บุญมากกว่า เพราะจริงๆแล้วบุญเองก็อยู่ใต้กฎอนิจจัง มันมีความไม่แน่นอน เพิ่มได้ลดได้ตามวาระจิตของเราที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ควรประมาท
    ส่วนเรื่องของพญามารที่มาดลใจให้เกิดอกุศลก็มีในพระไตรปิฏก ไม่ได้ด้นเดาเอาเอง เช่นเรื่องของอดีตชาติของพระโมคคัลลานะที่เคยเกิดเป็นทูสิมารซึ่งเข้ามา ดลใจชาวบ้านต่างๆนานาเพื่อทำลายคณะสงฆ์ ซึ่งการดลใจก็เป็นสิ่งที่พระไตรปิฎกแสดงไว้อย่างชัดเจน
    ผมว่าคุณเจอคำว่า "ดูด" ก็ตัดสินทันทีว่าผิดเพี้ยน การใช้คำแต่คำเดียวมาตัดสินโดยไม่ยอมพิจารณาข้อความทั้งหมดว่ามีเหตุผลประกอบอย่างไรบ้าง ซึ่งหลักการที่ถูกอธิบายก็มาจากพระไตรปิฎกทั้งสิ้น จึงไม่น่าที่จะถูกกล่าวหารุนแรงแบบนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2010
  20. tamm16

    tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +466
    ถ้าได้เจอพวกคุณไสยพลังดำ คุณจะรู้สึกได้ทันทีว่ามันต่างกันยังไงระหว่างโดนดูดกับการแผ่เมตตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...