การจำภพชาติ

พุทธศาสนาสองให้อยู่กับปัจจุบัน "คุณถึงได้โยกไปย้ายมา" ในการคุยกับผมอยู่เรื่อยๆ "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" นั้นเป็นการกล่าวถึงอนาคต(รอการพิสูจน์) ซึ่งไม่มีผลคำพูดคุณจึง "ไร้ประโยชน์"

และ "คนมีสองด้านเสมอ" เป็นการตรึก/คิด/มโนไปเอง ความจริงคือไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง ลูกฆ่าพ่อยังมี เพื่อนกันหักหลังกันก็มี มันมีตามความเป็นจริงดังนั้นคุณมโนเอาเองแบบคุณหงบนั่นแหละ

 

อิอิ ล๊อกความเห็นไว้เลย..อิอิ

 

อา. ดูกรท่านผู้มีอายุ บุคคลผู้กำหนัด ถูกความกำหนัดครอบงำ รัดรึง
จิตไว้ ย่อมคิดเพื่อจะเบียดเบียนตนเองบ้าง คิดเพื่อจะเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
คิดเพื่อจะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่ายบ้าง เสวยทุกข์โทมนัสที่เป็นไป
ทางจิตบ้าง เพื่อละราคะได้แล้ว ย่อมไม่คิดเพื่อจะเบียดเบียนตนเอง ไม่คิดเพื่อ
จะเบียดเบียนผู้อื่น ไม่คิดเพื่อจะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย ไม่
เสวยทุกข์โทมนัสที่เป็นไปทางจิต บุคคลผู้กำหนัด ถูกความกำหนัดครอบงำ
รัดรึงจิตไว้ ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติ
ทุจริตด้วยใจ เพื่อละราคะได้แล้ว ย่อมไม่ประพฤติทุจริตด้วยกาย ไม่ประพฤติ
ทุจริตด้วยวาจา ไม่ประพฤติทุจริตด้วยใจ บุคคลผู้กำหนัด อันความกำหนัด
ครอบงำ รัดรึงจิตไว้ ย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตนตามความเป็นจริง ย่อมไม่รู้แม้
ซึ่งประโยชน์ผู้อื่นตามความเป็นจริง ย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตนและผู้อื่นทั้งสอง
ฝ่ายตามความเป็นจริง เมื่อละราคะได้แล้ว ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ตนตามความ
เป็นจริง ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่นตามความเป็นจริง ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน
และผู้อื่นตามความเป็นจริง ความกำหนัดแล ทำให้เป็นคนมืด ทำให้เป็นคนไร้
จักษุ ทำให้ไม่รู้อะไร ทำปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝ่ายความคับแค้น ไม่เป็นไป
เพื่อนิพพาน บุคคลผู้ดุร้าย ฯลฯ บุคคลผู้หลง ถูกความหลงครอบงำ รัดรึงจิต
ไว้ ย่อมคิดเพื่อจะเบียดเบียนตนเองบ้าง คิดเพื่อจะเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง คิดเพื่อ
จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่ายบ้าง เสวยทุกข์โทมนัสที่เป็นไปทาง
จิตบ้าง เมื่อละโมหะได้แล้ว ย่อมไม่คิดเพื่อจะเบียดเบียนตนเอง ไม่คิดเพื่อจะ
เบียดเบียนผู้อื่น ไม่คิดเพื่อจะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย ไม่เสวย
ทุกข์โทมนัสที่เป็นไปทางจิต บุคคลผู้หลง ถูกความหลงครอบงำ รัดรึงจิตไว้
ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยวาจา ย่อมประพฤติทุจริต
ด้วยใจ เมื่อละโมหะได้แล้ว ย่อมไม่ประพฤติทุจริตด้วยกาย ไม่ประพฤติทุจริต
ด้วยวาจา ไม่ประพฤติทุจริตด้วยใจ บุคคลผู้หลง ถูกความหลงครอบงำจิต
รัดรึงจิตไว้ ย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตนตามความเป็นจริง ย่อมไม่รู้แม้ซึ่ง
ประโยชน์ผู้อื่นตามความเป็นจริง ย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตนและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย
ตามความเป็นจริง เมื่อละโมหะได้แล้ว ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ตนตามความเป็น
จริง ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่นตามความเป็นจริง ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ตนและ
ผู้อื่นทั้งสองฝ่ายตามความเป็นจริง ไม่หลงและทำให้เป็นคนมืด ทำให้เป็นคนไร้
จักษุ ทำให้ไม่รู้อะไร ทำปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝ่ายความคับแค้น ไม่เป็นไป
เพื่อนิพพาน ดูกรผู้มีอายุ เราเห็นโทษในราคะเช่นนี้แล จึงบัญญัติการละราคะ
เห็นโทษในโทสะเช่นนี้ จึงบัญญัติการละโทสะ เห็นโทษในโมหะเช่นนี้แล
จึงบัญญัติการละโมหะ ฯ
ฉ. ดูกรท่านผู้มีอายุ มรรคาปฏิปทาเพื่อละราคะ โทสะ โมหะนั้น
มีหรือ ฯ

Credit : http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=20&A=5667&Z=5721






เมื่อจิตส่งออกนอก/เพ่งไปภายนอก เพียงเพราะไม่อาจรับความจริงที่ผมแซวได้ ด้วยการเพ่งโทษ ด้วยมโนกรรม(คิดไปเอง)ไม่อยู่กับความเป็นจริง ผลลัพท์คือความคับแค้นต้องหาทางระบายออกโดยการตอบ "ในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับคำถาม" เพราะมโนของตนที่เป็นบ่วงดักตัวเอง

ซึ่งธรรมที่ควรแก้ไขโดย "มัชฌิมาปฎิปทา"







ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย บรรดาธรรมดังกล่าวแล้วนั้น โลภะและโทสะ เป็น
ธรรมลามก มัชฌิมาปฏิปทา เพื่อละโลภะและโทสะมีอยู่ ทำความเห็น ทำความรู้ ย่อมเป็นไปเพื่อ
เข้าไประงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็มัชฌิมาปฏิปทานั้น
ทำความเห็น ทำความรู้ ย่อมเป็นไปเพื่อเข้าไประงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
เป็นไฉน? อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล คือ เห็นชอบ ดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ
เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย มัชฌิมาปฏิปทา
นี้นั้นแล ทำความเห็น ทำความรู้ เป็นไปเพื่อเข้าไประงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.
การปฏิบัติสายกลาง
ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย บรรดาธรรมดังกล่าวแล้วนั้น ความโกรธและความผูกโกรธไว้
เป็นธรรมลามก ... ความลบหลู่และความตีเสมอ เป็นธรรมลามก ... ความริษยาและความตระหนี่
เป็นธรรมลามก ... ความเจ้าเล่ห์และความโอ้อวด เป็นธรรมลามก ... ความหัวดื้อและความแข่งดี
เป็นธรรมลามก ... ความถือตัวและความดูหมิ่น เป็นธรรมลามก ... ความเมาและความเลินเล่อ เป็น
ธรรมลามก มัชฌิมาปฏิปทาเพื่อละความเมาและความเลินเล่อมีอยู่ ทำความเห็น ทำความรู้ ย่อม
เป็นไปเพื่อเข้าไประงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
มัชฌิมาปฏิปทานั้น ทำความเห็น ทำความรู้ ย่อมเป็นไปเพื่อเข้าไประงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อ
ตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เป็นไฉน? อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล คือ เห็นชอบ ดำริชอบ เจรจาชอบ
การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
มัชฌิมาปฏิปทานี้แล ทำความเห็น ทำความรู้ ย่อมเป็นไปเพื่อเข้าไประงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อ
ตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.
ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีใจชื่นชม ยินดีภาษิตของท่าน
พระสารีบุตร ฉะนี้แล.

Credit : http://www.84000.org/tipitaka/read/?12/26/26






ปล.เนื่องด้วยผมขี้เกียจสอนคุณและคุณไม่ฟังเพราะมัวแต่เพ่งโทษผมจึงก๊อปวางให้คุณคิดเอาเองแล้วกันนะครับ

หากรอบนี้คุณยังคิดไม่ได้ "คุณจะยังอัดอั้นและมาพิมพ์ตอบไปเรื่อยๆไม่สงบจนกว่าอาการเลิกเพ่ง(โทษ)จะหายไป" และจะเริ่มพิมพ์ไม่รู้เรื่องขึ้นเรื่อยๆ เพราะไร้สติ

"นี่แหละคือตัวคุณที่มั่นใจในตนของคุณว่าเก่งข้าแน่ ความจริง คุณมีราคะ(เพ่งไปรับอารมณ์จากภายนอก) คุณมโนไปเอง" นี่คือตัวคุณที่กำลังปรากฏอยู่นะครับ "กล่องไม้ขีดไฟ"

 

ธรรม มันปรากฏ ที่คนโพสน์ นั่นแล...ดูเอา!!

 

คุณกำลังอับอายจึงได้พยายามย้อนกลับมา ด้วยความคับแค้นตามนั้นครับ

 

ว่าไงว่าตามกันครับ " จุดเริ่มต้นของคุณคือมิจฉาทิษฐิ" เห็นไม่ตรงตามจริง "คิดไปเองมโนไปเองครับ"

 

ไปละทุกท่าน

 

แถม

[๘๑] โสกะในทุกขอริสัจนั้นเป็นไฉน ความโศก กิริยาที่โศก ความ
เป็นผู้โศก ความโศก ณ ภายใน ความตรมตรอม ณ ภายใน ความตรอมจิต
ความเสียใจ ลูกศร คือ ความโศก แห่งบุคคลผู้ถูกความฉิบหายแห่งญาติกระทบ
เข้าก็ดี ผู้ถูกความฉิบหายแห่งสมบัติกระทบเข้าก็ดี ผู้ถูกความฉิบหาย คือ โรค
กระทบเข้าก็ดี ผู้ถูกความฉิบหายแห่งศีลกระทบเข้าก็ดี ผู้ถูกความฉิบหายแห่งทิฐิ
กระทบเข้าก็ดี ผู้ประจวบกับความฉิบหายอื่นๆ ก็ดี ผู้ถูกเหตุแห่งทุกข์อื่นๆ
กระทบเข้าก็ดี นี้ท่านกล่าวว่า โสกะ ฯ
ปริเทวะในทุกขอริยสัจนั้นเป็นไฉน ความครวญ ความคร่ำครวญ ความ
ร่ำไร ความเป็นผู้ร่ำไร ความเป็นผู้รำพัน ความบ่นด้วยวาจา ความเพ้อด้วยวาจา
ความพูดพร่ำเพรื่อ กิริยาที่พูดพร่ำ ความเป็นผู้พูดพร่ำเพรื่อ แห่งบุคคลผู้ถูกความ
ฉิบหายแห่งญาติกระทบเข้าก็ดี ... ผู้ถูกเหตุแห่งทุกข์อื่นๆ กระทบเข้าก็ดี นี้ท่าน
กล่าวว่า ปริเทวะ ฯ

เมื่อเพ่งโทษย่อมได้รับโศก(ะ)และย่อมได้รับปริเทวะ(มโนไปเอง) ซึ่งตรงกับอาการของคุณอย่างสิ้นเชิง

หวังว่าจะได้อะไรจากวันนี้นะครับ "กล่องไม้ขีดไฟ"

 

กั๊กๆๆๆ

มะขีด ไปชง ...สิ่งที่มะใช่ คำถาม
มาหรอ

ไม่ได้ถาม แต่ พอเทศนา จบ งง
กว่าเก่าชะปะ

เทศนา : ตั้งอยู่ คือ สภาวะ สงคราม
ธาตุสงครามขันธ์

คนไม่ถาม : ตั้งอยู่ ใสกิ๊งเดิมแท้

เทศนา : ธรรมชาติ คือ กาม คือโลก

คนไม่ถาม : ธรรมชาติพบแว้วมะเกิด
มะดับ


ฮิวววววววส์

คนมะถาม : ตามเปล่า นะฮับ

 

แถม

เทศนา : แค่ปรารภความเพียร ก้
สามัคคี กันได้ ไม่ว่ากัน

คนไม่ถาม : สำนักโน้นปฏิบัติผิด
ไม่เคยรบ ไม่ควรคบ



ฮิววววววส์


คนไม่ถาม บิน !!!!!!

 

มีแถมให้ด้วย..
คนมันมีสองด้านเสมอ
แล้วแต่จะเล่นด้านไหน?

จะสวมหน้ากากเป็นอะไร?
ไปตามสมมุติ ที่ตนอยากเล่น..

เล่นกับไฟ..ใยต้องกลัวร้อน..!!

 

นี้ก็มีแถม..
ต้องไปสำนักเส้าหลิน ของท่านตั๊กม๊อ
ฝึกกำฟู ไปเพื่ออะไร?..

 

เอาหน่า

ดีกว่า ไป ชง คำถาม จนครูบาอจ. จับได้

ว่า คนถาม ไม่เคย ผ่านสงคราม

ชง จิตไม่เกิดไม่ดับ แอบให้รับรอง

ครูบาอจ. จับได้ สวน!! ป๊าป นิ่มๆ

จิตเกิดขึ้น คือ ส่งออก

จิตตั้งอยู่ คือ สภาวะสงครามธาตุขันธ์

จิตดับไป คือ ก้าวข้าม...( ท่านรอ
คำอธิบาย ให้ยกไปทั้งอำเภอ อะรูไหม้ )

มรรคเจริญ ไม่บัญญัติ เงียบกริบ!!

คนชง คำไม่ถาม งงเต๊ก



ปล. การรับรอง แอบให้รับรอง
เปน อาการ ตรรกะ ปรัชญา
แกะ ลาหัด ออกเป่า

 

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้า เข้ามาอ่านตอนนี้ ...
( คำ อาราม พาบด ทีวีชอบปิ้ง
แทนคำว่า แถม ..มักลาบุ 10 ท่านแรก )

สภาวะสงคราม บ้านดาตแก้ว่า หมุนติ้วๆ

สภาวะหมุนติ้ว ทำสุริน หนังสือ
ป.อินเทวดาตด แก้ว่า ......กินน้ำเย็ลลล์

ติ๊ง โจะโบะ

 

แย่เข้าไป.,.
กลับมาหาไอ้ไบโพล่าไง!!
กินยาแก้จิตวิปลาสหรือยัง..

ว่างๆหาฟังธรรมบ้าง..
ว่า ขันธ์ในจิตมันทำงานอย่างไร
จะได้หายโง่...

 

ต้องไปราชบุรี ได้คำตอบ..

 

ฮี้ๆๆ

พระศาสดา ตรัส

ธรรม ดูที่ คำพูด

หาก เน้นการส่อง อุปาทาน แน่นวล
เบื้องต้น พรหมจรรย์ ไม่รู้จัก

เขาภาวนายังไง มืดแปดทาง

 

#ภาพปริศนา คว้าแล๊ป

 

กระโถนบิน..

วัดป่าใช้บ่อย