มีแต่คนกล่าว ท่านนั้นสอนผิด คนโน่นสอนผิด แปลกไหม ไม่มีใครกล่าวผมปฎิบัิติผิดเอง ผมโง่เอง ผมรู้เท่าไม่ถึงการเอง ผมเห็นผิดเอง ผมไม่เข้าใจเอง
ไม่แปลกเลย โลภ โกรธ หลง ทั้งนั้น น่าจะมีคนกล่าวบ้างนะ ผมยังไม่แจ้งเอง ยังมีความไม่รู้อยู่เยอะ ยังเป็นเสขะอยู่ ผมจะหยุดพูดจาบจ้วงผู้อื่น หยุดจาบจ้วงพระสงฆ์ แล้วผมจะไปลงมือปฎิบัติอย่างจริงจังแล้ว
การสอนดูจิตตอนนี้ ไม่ต่างไปจากท่านสัญชัยปริพาชกในครั้งพุทธกาล
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 6 พฤศจิกายน 2009.
หน้า 51 ของ 56
-
-
-
แซวกันเล่น อย่าเพิ่งเสียความมั่นใจหละ
พูดจาไพเราะนั้นแหละดีแล้วครับ
เพราะ หลวงตาท่านเพิ่งบอกเมื่อศุกร์ที่แล้วว่า อย่าไปอวดเก่งท้าทาย เทวบุตร เทวดา เปรตผีมีจริง เดี๋ยวจะเจออย่างหลวงพ่อสิงห์ทอง แล้วจะเข็ด ให้ประพฤติตนอ่อนน้อม เรียบเชียบไปนั่นแหละดี -
เอ้า คุณเกิด เคยนั่งสมาธิไหมนี่
เวลานั่งสมาธินะ เวลาถอยออกมา บางครั้งจิตมันไปปรามาสพระรัตนไตร เคยเห็นเป่า
แบบพี่ นี่น่าจะเจอนะ เพราะ สร้างนิมิตวิตกไว้อย่างนึงอยู่ ในปัจจุบันก็เพียรสร้างอยู่
เจ้าตัวนี้จะเป็นกรรม กรรมของใครของมัน ไม่เกี่ยวกับคน หรือ นิมิตที่เอามาวิตกหลอก
กรรมตัวนี้เมื่อสบช่อง มันก็ต้องให้ผล ตกเป็นอาหารของกุ้ง หอย ปู เต่า ปลา ...งงมะ
เขาเรียกว่า สร้างรอยช้ำไว้บนหน้าผากตน..ฝังไว้เป็นเชื้อของ"โวลเดอมอร์" -
พี่พูด ถึงความเศร้า ก็ดีแล้ว
ผมก็รออยู่ว่า เมื่อไหร่ พี่จะคายคำนี้ออกมาจากจิตของพี่เกิด
พี่เกิดเคยสังเกตไหม ตอนที่เรียก Music Music จากผมหนะ พี่รออะไร
พี่เล็งเห็นอะไร พี่เชื่อสิ่งใดจากการปรารภ หรือ ไม่ปรารภ Music จากการ
แสดงออกของผม
ถ้าวันไหน ผมยังแสดง Music อยู่ พี่ก็เจื่อนๆ ใช่ไหม
แต่วันไหน ผมดูเหมือนจะไม่แสดง Music พี่ชักลิงโลดใจใช่ไหม
นั้นแหละ อาการของเปรตชนิดหนึ่ง ที่คอยชิมรสเศร้าหมองจากผู้อื่น
เหมือนพวกกินน้ำใต้ศอกเขา ดูความเศร้า แผลฝีหนองจากเขา
สนุกไหมหละนั่น
[music]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=15526[/music] -
เจ้าตัวโนคอมเม้นท์ แต่เหน็บให้เจ็บใจไม่แพ้กัน
คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้นี่แหละ
ฆ่าผู้รู้ หมดผู้รู้ ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง<SCRIPT type=text/javascript> <!-- vBulletin.register_control("vB_ProfilefieldEditor", "5"); //--> </SCRIPT> -
พูดไป คุณเกิดก็ไม่รับหลอก เรื่องธรรมะหนะ หากจะรับฟังนะ ไปฝึกกรรมฐาน
กับ วัดมหาธาตุสิ แล้วจะรู้ว่า ธรรมที่พ้นเจตนาหนะ เขาต้องทำอะไรยุ่งยากไหม
ถึงจะเห็นได้
คนฉลาดในการสร้างประโยชน์แก่ตัว เขาจะใช้สภาวะธรรมที่พ้นเจตนามาเป็น
อุบายในการฝึกสติ เอามาทำให้เกิดสมาธิ เขาเรียกว่า วางใจลงในคลองกุศลไว้เนืองๆ
หรือ โยนิโสมนสิการวางจิตไว้กับอสังขาริกัง มันทำให้เห็นชัด และให้กุศลสูง
สภาวะธรรมที่มันเกิดตามธรรมชาติ ปราศจากเจตนาเข้าไปสร้าง นี่มันเป็นสภาพธรรม
ที่พ้นอำนาจของกิเลส นิวรณ์ในตัว หากรู้ทันลงเป็นปัจจุบันนี่ พี่เกิดมึนได้ คว่ำหมด
แหละไอ้ที่ยึดมั่นถือมั่นไว้หนะ
ยกตัวอย่างนะ สภาวะธรรมที่พ้นเจตนานี่ก็ การหายใจเข้าออก นี่เกิดโดยธรรมชาติ
หรือ การดูท้องพองยุบ นี่มันก็เกิดโดยธรรมชาติ หากพี่เกิดเห็นว่า ลมหายใจ หรือ
ท้องพองยุบเกิดโดยเจตนาของพี่นะ ก็ลองทำดู ไม่อึดอัดขัดธรรมชาติให้มันรู้ไป -
สมาธิคือไม่ไหล ไม่มีสมาธิคือไหล คงไม่งงนะครับ ไหลแปลว่าคล้อยไป ไปกับอะไร ตามตำราว่า นิวรณ์ธรรม ส่วนตัวผมอะไรที่มันนอกเหนือจากสิ่งที่กำหนดหรือตั้งที่หมายหรือวางความรู้สึกเอาไว้นั้น ถือเป็นเรื่องอื่นหรือไหลไปทั้งสิ้นครับ ทีนี้มันก็พอมองเห็นอยู่สามแบบโดยส่วนตัวนะคัรบ สติอ่อน ไม่รู้ว่าไหลไปตอนไหน และผ่านไปแล้วจึงรู้ว่าไหล กับ สติกลาง รู้พอดีตอนที่กำลังจะไหลและกลับมาที่เดิม และสติกล้า ไม่มีที่ว่างให้ไหลเลยสติเต็มที่กับสิ่งที่กำหนด ไม่ว่าจะคิดว่าพ้นหรือไม่พ้นเจตนา สิ่งที่เป็นผลการฝึกคือความสามารถในการแยกแยะได้ว่าสติสมาธิลักษณะนั้นๆเป็นชนิดใด ควรแก่งานใด ข้อนี้รู้ได้ด้วยตนเอง
ลองทำดูก็ได้นะครับ คำว่าเจตนานั้น ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาใช้เพื่ออะไรกันรู้เพียงว่า การฝึกสมาธิไม่ใช่เพียงจะเอาแต่สมาธิอย่างเดียวหรือทำจนเป็นภวังค์ท่าเดียวแล้วบอกว่าบรรลุบ้างหรือฌานบ้าง อันนี้ผมขอเสนอแนะในเรื่องของสมาธิ แต่หากเจตนาเท่ากับสติ ก็จำต้องมีไม่มีไม่ได้เลยครับ แต่หากเจตนาคือความคิดสมมุติก็สมควรแล้วที่จะต้องละทิ้งความคิดและสมมุตินั้นๆ
อนุโมทนาครับ -
คุณธรรมยังต้องละ ละอย่างสิ้นเชิง
คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้นี่แหละ
ฆ่าผู้รู้ หมดผู้รู้ ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง -
อยากอีกแล้วเรา (อยากได้แค่นี้ละ สม)
-
คุณธรรม บาป บุญ คุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comโทษ ร้าย</st1:personName> ดี<O:p
ก้อยังเป็นของสมมติ ขึ้นมาเพื่อ<O:p</O:p
ขัดเกลาจิต ให้เข้าถึงภาวะไร้รูปไร้นาม<O:p</O:p
ให้ละใจตัวเองให้ทำตนเหมือนคนไม่มีจิตมีใจ<O:p</O:p
คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้นี่แหละ
ฆ่าผู้รู้ หมดผู้รู้ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง <O:p</O:p
<O:p
คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้นี่แหละ
ฆ่าผู้รู้ หมดผู้รู้ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง <O:p</O:p -
แล้วใครหรืออะไรที่ฆ่าผู้รู้???
ฆ่าผู้รู้แล้ว หมดผู้รู้ แล้วรู้ได้ยังไงว่าหมดเรื่อง???<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --> -
ที่เขาให้ฆ่าผู้รู้ นี้จะต้องฆ่าอัตตาหรืออวิชชาที่แฝงในผู้รู้
ส่วนตัวจิต ไม่ต้องฆ่า มันต้องรู้เป็นธรรมชาติ
และ จะรู้รับกับส่วนสมมติ หมดสมมติก็นิพพาน ก็นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
นี้จะให้ใครรู้ นิพพาน ถ้าไม่ใช่จิต
-
ใช่ ลักษณะ สัตว์ ตัวตน เรา เขา ไหมครับ -
นี้กันมาแล้ว ปัญญาญาณที่รู้รอบในกองสังขาร
จะเป็นตัวฆ่าผู้รู้???ผู้รู้หลงที่มาเวียนว่ายตายเกิด
ตัวตนจริงก็ได้พบกันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง
คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้นี่แหละ
ฆ่าผู้รู้ หมดผู้รู้ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง -
ผู้เป็นพระที่คุณเข้าไปกราบล่าสุด และด้วยกลอนของคุณ ก็กำลังฆ่าพระ
หรือปลิดคำสอนของ อ. คุณไปแล้ว ...ผมจะแก้ให้ดังนี้
o ผู้ใฝ่ดีดีชอบชวนทำกิจ
ให้รู้ผิดอย่าผ่อนผัดไม่หักหาญ
สิบดีอ้างสัญญา มึงไม่ถึงแม้กึ่งทาง
ถือชายชาญลากสมมติ ประมาทชล...! -
ศึกษาด้วยใจเป็นกลาง แล้วลองปฎิบัติดู ให้ถึงมรรค ถึงผลเสียก่อน ค่อยมาแสดงความเห็นก็ไม่สาย -
ผู้รู้ที่มีปัญญาญาณรอบรู้กองสังขาร จะเป็นตัวฆ่า"ผู้รู้ที่หลง"ไปตามอารมณ์ใช่มั้ย?
คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้ที่รู้ผิดจากความเป็นจริงคือไม่รู้จักอริยสัจจ๔ใช่มั้ย?
เมื่อผู้รู้ที่รู้ถูกตามความเป็นจริง คือรู้เห็นอริยสัจจ๔ ก็ไม่คาภพคาชาติใช่มั้ย?
ผมถึงได้ถามว่า ใครฆ่าผู้รู้แล้ว หมดผู้รู้ รู้ได้ยังไงว่าหมดเรื่องแล้ว???
<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->มีพุทธพจน์ในมหาปรินิพพานสูตร ว่าไว้ดังนี้:
จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ยถาภูตํ อทสฺสนา สงฺสริตํ ทีฆมทฺธานํ ตาสุตาเสว ชาติสุ
แปลว่า
[SIZE=+0]ความเวียนว่ายของเรา เข้าไปในชาติน้อยใหญ่ทั้งหลายอันยาวนาน
นับไม่ถ้วนนั้น "เพราะไม่รู้เห็นอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง" ดังนี้[/SIZE]
;aa24
-
ยังมีความถือมั่นในผู้รู้...
ยังไม่รู้ว่า ผู้รู้ไม่ควรถือมั่น...
[SIZE=+0]นับว่ายัง ไม่รู้เห็นอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง[/SIZE] -
ใครที่นับว่า ยังไม่รู้เห็นอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง? จิตหรือกายที่ตายเน่าเข้าโลงได้?
;aa24<!-- google_ad_section_end -->
หน้า 51 ของ 56