ขออนุโมทนาท่าน จขท ด้วยครับ
"ถ้าเราแสดงแบบที่ท่านคิด แล้วพระวัดอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ วัดเราจะกินอะไร แล้วอีกอย่าง ถ้าทำแบบนั้นเราจะเอาเวลาสงบที่ไหน คนก็จะแห่ มาหา มีแต่ความวุ่นวาย "
อนุโมทนาหลวงตาท่านด้วยครับ ^^
การหยั่งรู้วาระจิตคนอื่น (เจโตปริยญาณ):ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กัณฑกะ, 21 พฤษภาคม 2012.
หน้า 2 ของ 3
-
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดีและมีแต่คนแนะนำแนวทางที่ดีจริงๆครับ ขอขอบคุณทุกท่านมากๆครับ
และชออนุโมทนาบุญด้วยครับ -
:cool: Anumo tana satu naka.
-
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
เกิดขึ้นกับตัวเองเหมือนกันค่ะ สามารถรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สังเกตว่าช่วง 2-3 เดือน
สังเกตุง่ายๆ นึกถึงสิ่งใด นั้นมักจะสื่อสารกลับมา กลัวที่สุดเรื่องการเอ่ยวาจาค่ะ หากเอ่ยเอ่ยไปแล้ว มักจะเป็นตามปากที่พูดออกไป ไม่กล้าที่จะโกหกหรือทำผิดในสิ่งไม่ดี
อนุโมทนาบุญค่ะ -
ความจริงวัันนั้นบอกตรงๆว่าวิสัยคนติดกามแบบทรามปัญญา แต่เมื่อครองผ้าเหลืองก็ควรที่จะสำรวม ไอ้กายมันไม่เท่าไรแต่ใจมันพยศสุดๆ บังเอิญว่ามีช่างผู้หญิงในวัดรูปร่างหน้าตาดี ไอ้เราเองก็ไม่สนใจอะไรมากมาย เราก็ทำกิจของเราไปเช็ดนี่บ้างปัดนี่บ้าง ช่างหญิงคนนั้นเดินอยู่ในวัดคนเดียวมันก็ดูไม่ดีนักหรอก เพราะจะไปนู่นมานี่ มันก็ต้องเจอพระที่ทำกิจอยู่ แล้วไปจ้ะเอ๋กันเข้าสองต่อสองก็ผิดวินัยกันพอดี ไอ้เราครั้งแรกเดินผ่านมา ก็ยังไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ยังไม่วาย มีครั้งสอง ครั้งสาม เอ้นี่มันอะไรวะ จิตนี่ฟุ้งขึ้นมา มาบ่อยนักจับลากเข้าป่าใครจะรู้มั้ยว้า แค่นั้นเองไม่ถึงสองนาที มีเสียงพูมาจากข้างหลัง ทำกิจไปถึงไหนแล้วล่ะท่าน ก็เหลือกวาดอะไรอีกนิดหน่อยครับหลวงพ่อ บ้ะแล่วๆ ไม่ใช่ครั้งแรก กรูโดนอีกแล้ว
-
ปลื้มสุดๆครับ nunoiyja ขอบคุณมากครับ
-
-
จิตท่านรั่วไหลแน่ๆครับ
-
-
เคยเจอมากับตัวเองเหมือนกันครับ
งานของผม เกี่ยวข้องกับการประมูลงานโครงการใหญ่ๆของทางราชการและรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งมีการชิงไหวชิงพริบทุกรูปแบบ ทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง
เมื่อสองปีที่แล้ว ผมตั้งใจกลับไปบวชให้แม่ที่บ้านเกิด
แม่เลยพาผมไปพบท่านเจ้าอาวาสเพื่อขอฝากตัวบวชกับท่าน
จำได้ว่าวันนั้นบนกุฏิท่าน มีญาติโยมที่เป็นชาวบ้านแถวๆนั้นนั่งสนทนากับท่านอยู่ ๓ ถึง ๔ คน
พอผมก้าวเหยีบหัวบันไดกุฏิท่านเท่านั้นแหละ ....ท่านพูดลอยๆขึ้นมา พร้อมทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ว่า
"ไอ้ งานล๊อคสเปค ฮั้วประมูล อย่าไปทำมากเน้อ มันเป็นบาป"
ท่านรู้ได้ไง และ ทำไมท่านถึงพูดประโยคนี้ออกมา
คนอื่นในที่นั้นฟังอาจจะเฉยๆ ...มีแต่ผมที่ ยืนจุก อยู่คนเดียว -
-
-
เยี่ยมมากครับอ่านแล้วสบายใจ....ว่างๆคงได้ไปพักกายพักใจอย่างท่านบ้าง
-
อยากพบเจอท่านครูบาอาจารย์บ้าง อยากกราบเรียนถามบางอย่างเพื่อพัฒนาจิตครับ
-
แค่นี้พอนะ พูดมากไปก็บ่นพร่ำไปเปล่าๆ ขอให้เจริญในธรรมนะครับ -
Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ
กราบโมทนา สาธุ ท่านผู้มีใจบุญใจกุศล เสียสละเวลาหาบทความ นำบทความที่ดี มีสาระประโยชน์ ให้ผู้อ่านได้ศึกษา อันก่อให้เกิดปัญญาในการพิจารณา เมื่อปัญญาพิจารณาแล้ว จิตจะเป็นผู้กำหนด เป็นผู้เลือกความถูกต้อง ถือว่าเป็น จาคะ คือการให้และการให้นั้น ให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อีกทั้ง ถือว่าการให้นั้น เป็นธรรมทาน เป็นบุญใหญ่ สมดั่งพระธรรมคำสั่งสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพยดา ปรากฏใน ตัณหาวรรค ธรรมบท ว่า “การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง ผู้ใดให้ธรรมะเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย“ ขอโมทนาสาธุ -
Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ
คำถามที่ยังคงคาใจ และเพิ่มขึ้นมาอีก ๑ ข้อ หลังตัดสินใจเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว คือ ระยะทางมีส่วนเกี่ยวข้องไหมกับการล่วงรู้วาระจิตคนอื่นหรือไม่ หรือจะรู้เฉพาะผู้ที่สนทนาอยู่เบื้องหน้า นอกจากนี้ การหยั่งรู้เป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือจำเป็นต้องเพ่งกระแสจิตเพื่อให้รู้โดยเฉพาะ
เพราะถ้าการกระแสจิตเพื่อการหยั่งรู้วาระจิตคนอื่น ไม่มีผลเรื่องระยะทางแล้ว คงสามารถนำเอามาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในทางโลกอีกมาก แต่ก็อีกนั่นแหละ บุคคลที่มีศักยภาพในการเข้าถึงเรื่องดังกล่าว อย่างเช่นหลวงพี่ ก็ไม่สนใจที่จะนำเอามาเกี่ยวข้องกับทางโลกอยู่นั่นเอง
ขณะที่เขียน (พิมพ์) อยู่นี่ หลวงพี่อาจล่วงรู้แล้วก็เป็นได้ เพียงแต่ว่าเครื่องรับอย่างผู้เขียนไม่สามารถรับได้ในระยะไกลเท่านั้นเอง อยากรู้คำตอบมาก ๆ เมื่อไร คงจะต้องหาเวลาเดินทางไปนมัสการหลวงพี่ ปูเสื่อนอนนับดูดาวตก กลางลานหิน บนยอดเขาของวัดเขาวังวรารามอีกสักครั้ง
คำถามที่ ๑ การล่วงรู้ วาระจิตของผู่อื่นเกี่ยวข้องกับระยะทางหรือไม่
ขอตอบว่าไม่เกี่ยวกับระยะทาง ครับกระผม
มีอยู่คราวหนึ่ง ข้าพเจ้าเดินทางจากกรุงเทพมหานคร เพื่อจะไปทำบุญเลี้ยงพระประมาณ ๒๐๐ รูป เนื่องในโอกาส ครบรอบ ๕ ปี ของการละสังขารของท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์ สำนักปฏิบัติธรรมปากช่อง-หนองสาหร่าย (ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) อยู่ที่ 155 หมู่ 9 บ้านคลองยาง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 ปรากฏว่าเดินไปถึง อ.กลางดง จ. สระบุรี ก็แวะปั้มน้ำมัน เมื่อทำธุระเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ปรากฏพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ ป้ายแดง สวยงามมาก แต่ไม่พบคนขับรถหรือเจ้าของ จึงถือโอกาส สำรวจรอบรถวนไป วนมา อยู่ประมาณ ๕ รอบ สวยงามมาก พลางก็นึกอยู่ในใจว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีรถสวย ๆ อย่างนี้ให้ได้ หลังจากนั้นก็ขับรถกระบะอีซูซุ อายุ ๑๐ ปี เศษ เดินทางมาที่สำนักแม่ชีประทุม ทันพอดีถวายเพลพระ เมื่อเข้าไปในวิหารปรากฏว่ามีพระนั่งอยู่ในวิหารเกือบ ๒๐๐ รูป ในใจก็คิดว่าแล้ว เราจะไปไหว้องค์ไหนก่อนดี จิตก็ตอบว่า ก็เอาหัวแถวองค์เดียวพอ ก็ถือว่าเป็นการกราบพระทั้ง ๒๐๐ รูป ถ้าหากจะกราบให้ครบทุกองค์ ก็ต้องกราบกัน ๒๐๐ ครั้ง พระก็คงไม่ต้องฉันเพล มานั่งรอให้ญาติโยม กราบให้เสร็จเสียก่อน เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว จึงได้เดินตรงเข้าไปกราบ พระที่อยู่หัวแถว พอกราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม ยังไม่ทันลงแตะพื้น พระองค์ที่อยู่หัวแถวก็พูดขึ้นมาว่า
“ว่าไงละโยม ชอบละซี วนอยู่ซะหลายรอบ ซีนะ สักวันหนึ่งก็คงจะมีกับเขาหรอก ” ทำเอาข้าพเจ้าถึงกับตะลึงพูดอะไร ไม่ออก ข้าพเจ้าสืบอยู่นานกว่าจะทราบว่า พระองค์นี้ชื่อว่า หลวงพ่อกอไผ่ แต่อยู่ที่วัดไหนไม่ทราบ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบกับพระองค์นี้อีกเลย แต่ก็ยังคาใจอยู่ว่าจะต้องไปกราบให้ได้เป็นครั้งที่ ๒
ข้าพเจ้าโดยปรกติรับราชการต้องมีหน้าที่เดินทางไปทำงานทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคอิสาน และสิ่งที่ข้าพเจ้าขาดไม่ได้ก็คือ ถังน้ำบรรจุน้ำแข็ง จะมีทั้งน้ำดื่มขวด กาแฟกระป๋อง นมถั่วเหลืองกล่อง เอาไว้ถวายพระธุดงค์ และหากพบพระที่ยืนรอรถอยู่ริมถนนข้าพเจ้าก็ จะรับไปส่งถึงที่เว้นแต่ท่านบอกว่าจะขอลงที่ไหน อีกคราวหนึ่ง หลังจากเหตุการณ์ผ่านมา ๕ ปี ข้าพเจ้าทราบว่า หลวงพ่อกอไผ่ มาอยู่ที่ วัดสระมณฑล จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังสร้างพระ จึงได้รวบรวมเงินได้ประมาณ ๒,๐๐๐ บาท เดินทางไปพบท่าน ปรากฏว่าวัดแห่งนี้อาจจะพูดได้ว่าเป็นวัดที่เล็กที่สุดในโลก เมื่อเข้าไปถึงก็เข้าไปกราบเหมือนเดิม กราบหนึ่ง กราบสอง พอกราบสามยังแตะไม่ถึงพื้น หลวงพ่อกอไผ่ ก็พูดขึ้นมาต่อหน้าญาติโยม ๒๐ คนเศษ และพระประมาณ ๒๐ คนเศษว่า “ ไอ้คนนี้ มันชอบรับพระข้างถนน วันหลังถ้ามึงเห็น พระยืนเยี่ยวอยู่ข้างถนน มึงรับไปด้วยนะ มึงอย่าคิดว่าเป็นพระบ้า” นี่เป็นตัวอย่างว่าระยะทางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
คำถามที่ ๒ การหยั่งรู้เป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือจำเป็นต้องเพ่งกระแสจิตเพื่อให้รู้โดยเฉพาะ
คำตอบที่ ๒ การหยั่งรู้ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือเป็นการเพ่งกระแสรจิต ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แต่ฤทธิ์ดังกล่าวเกิดมาจากผลของการปฏิบัติ เป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติมาถึงจุด ๆ หนึ่งแล้ว เจโตปริยญาณ การหยั่งรู้วาระจิตของผู้อื่น (อิทธิฤทธิญาณ : มีความรู้ในการแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ, ทิพโสตญาณ : หูทิพย์, เจโตปริยญาณ : รู้วาระจิตของคนและของสัตว์, จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ที่ตายแล้วไปเกิด ณ.สถานที่ใด และปุพเพนิวาสานุสสติญาณ รู้ระลึกชาติแต่หนหลังได้) เมื่อได้กองใด กองหนึ่ง กองอื่นก็จะสำเร็จตามกันมา พระพุทธองค์ทรงเตือนอยู่เสมอว่า ไม่ให้ไปหลง ไปติดยึดกับเรื่องฤทธิ์ เรื่องเดช เมื่อปฎิบัติได้แล้ว ให้มุ่งตรงต่อไป พระนิพพาน อำนาจอภิญญาดังกล่าว เปรียบเทียบได้ได้เครื่องสแกน ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ต่อหน้า หรืออยู่ระยะไกลเป็น ๑,๐๐๐ กิโล อำนาจของพลังจิตสามารถสแกนได้เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว รู้ได้ถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ขอยืนยัน เหตุที่ยืนยันได้ เพราะ ในชีวิตของข้าพเจ้า มีโอกาสได้พบ ได้กราบพระสำเร็จอภิญญา และทุกท่านได้เมตตาแสดงฤทธิ์ให้ปรากฏต่อสายตา ดังนี้
๑.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา (ละสังขาร)
๒.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (ละสังขาร)
๓.หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ (ละสังขาร)
๔.หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน (ละสังขาร)
๕.ท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์ (ละสังขาร)
๖.หลวงปู่เกี่ยว วัดสระเกศ
๗.หลวงพ่อกอไผ่
-
-
Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ
-
Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ
หน้า 2 ของ 3