ขนหัวลุก! เปิดตำนานพระนอนกินเณร แห่งวัดเขากบ นครสวรรค์ ผู้เฒ่ารุ่นเก่าเล่าให้ฟัง เณรหายตัวลึกลับ เหลือแต่เศษจีวรติดอยู่ที่ปากพระ

ขนหัวลุก! เปิดตำนานพระนอนกินเณร แห่งวัดเขากบ นครสวรรค์ ผู้เฒ่ารุ่นเก่าเล่าให้ฟัง เณรหายตัวลึกลับ เหลือแต่เศษจีวรติดอยู่ที่ปากพระ




วัดวรนาถบรรพต เดิม ชื่อวัดเขากบ เหตุที่มีชื่อเรียกเช่นนี้ก็เพราะเรียกตามเชิงภูเขา ซึ่งวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเชิงตีนเขากบ หรือมีชื่อเรียกในหลักฐานศิลาจารึกในสมัยสุโขทัย คือ ‘วัดปากพระบาง’ อย่าไรก็ตามประชาชนโดยทั่วไปมักเรียกวัดปากพระบางว่าวัดวรนาถบรรพต หรือเรียกว่า “วัดเขากบ” “วัดกบ” กันจนติดปากมาถึงทุกวันนี้



วัดเขากบเป็นวัดที่เก่าแก่ของเมืองนครสวรรค์ มีหลักฐานการสร้างวัดว่าสร้างมาตั้งแต่ครั้นกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ทั้งบนเขาและเชิงเขาวัดนี้มีโบราณวัตถุและโบราณสถานหลายอย่าง เช่น รอยพระพุทธบาทจำลอง เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนบริเวณเชิงเขามีเจดีย์ขนาดใหญ่สมัยสุโขทัย ซึ่งกรมศิลปากรได้จารึกประวัติศาสตร์ของวัด ไว้ที่ฐานของเจดีย์องค์นี้ด้วยวัดนี้ได้รับการยกย่องจากกรมการศาสนา และมหาเถรสมาคม ให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อ พ.ศ. 2509

นอกจากนั้นในวัดยังมีรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดนครสวรรค์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารข้างเจดีย์ใหญ่ด้วย


วัดเขากบเป็นวัดที่เก่าแก่ของเมืองนครสวรรค์ มีหลักฐานการสร้างวัดว่าสร้างมาตั้งแต่ครั้นกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ทั้งบนเขาและเชิงเขาวัดนี้มีโบราณวัตถุและโบราณสถานหลายอย่าง เช่น รอยพระพุทธบาทจำลอง เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนบริเวณเชิงเขามีเจดีย์ขนาดใหญ่สมัยสุโขทัย ซึ่งกรมศิลปากรได้จารึกประวัติศาสตร์ของวัด ไว้ที่ฐานของเจดีย์องค์นี้ด้วยวัดนี้ได้รับการยกย่องจากกรมการศาสนา และมหาเถรสมาคม ให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อ พ.ศ. 2509

นอกจากนั้นในวัดยังมีรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดนครสวรรค์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารข้างเจดีย์ใหญ่ด้วย



ส่วนตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา เป็นตำนานที่หลายๆคนอาจเคยได้ยินผ่านหู และถูกเล่ากันปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงยุคสมัยปัจจุบัน



ย้อนกลับไปเมื่อปี 2460 วัดเขากบในสมัยนั้นบริเวณวัดยังเป็นป่าทึบรก และยังเป็นวัดร้างไม่มีพระเณรอยู่จำพรรษา จึงถูกทิ้งร้างไว้หลายสิบปี



(หลวงพ่อทอง วัดเขากบ)

จนกระทั่งหลวงพ่อทองเกจิด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านเดินธุดงค์มาจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ผ่านมาปักกลดจำพรรษาอยู่ที่วัดร้างแห่งนี้ชาวบ้านแถวนั้นจึงนิมนต์พระท่านให้มาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้และพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

ซึ่งพระท่านเองก็ไม่ขัดศรัทธาวัดร้างแห่งนี้มีโบสถ์เล็กๆอยู่ด้านข้างเจดีย์ ซึ่งด้านในมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งเป็นรูปปางยืนขนาดเท่าตัวคนจริง ประดิษฐานอยู่ (รูปสมมติ)



ทั้งเถาวัลย์ ทั้งหยักไย่ และฝุ่นมากมายเกาะอยู่ที่พระพุทธรูปเต็มไปหมด ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวไม่มีใครกล้าเดินผ่านแม้ช่วงกลางวันก็ตาม



ต่อมาหลวงพ่อทองก็ได้พัฒนาซ่อมแซมโบสถ์แห่งนี้ใหม่จนสะอาด ชาวบ้านแถวนั้นก็เริ่มมาทำบุญและบวชพระ บวชเณรกันมากขึ้น แต่แล้วเรื่องลึกลับก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเณรที่บวชนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับทีละ คน สองคน

ในตอนแรกท่านเจ้าอาวาสนึกว่าเณรแอบหนีกลับบ้านจึงได้ไปไถ่ถามที่บ้านแต่เมื่อโยมพ่อ โยมแม่ของเณรเหล่านั้นมาบอกกับท่านเจ้าอาวาสว่าเณรไม่ได้กลับมาที่บ้าน

ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจมากว่าเณรหายตัวไปได้อย่างไร พระที่ทำหน้าที่ดูแลโบสถ์นั้นได้สังเกตเห็นว่ามีเศษจีวรติดอยู่ที่ปากของพระพุทธรูปที่อยู่ในโบสถ์ ถึงแม้จะเอาออกแล้ว กลับมาก็ยังเจอติดอยู่ในตอนแรกนึกว่ามีคนแกล้งเล่น

แต่เมื่อสังเกตองค์พระดีๆนั้นกลับพบว่ามีขนาดใหญ่ขึ้น จากขนาดเท่าคนจริงตอนนี้สูงถึง 2เมตรส่วนสามเณรในวัดก็ยังหายตัวไปอย่างต่อเนื่องไม่มีใครตามหาพบ

แต่เล่ากันว่าเณรที่หายตัวไปนั้นถูกพบครั้งสุดท้ายที่บริเวณแถวโบสถ์ จนวันหนึ่งพระท่านที่เฝ้าโบสถ์ได้มาแจ้งท่านเจ้าอาวาสด้วยสีหน้าตื่นตกใจและให้ไปดูที่โบสถ์อย่างไวเมื่อไปถึงก็พบกับภาพที่ทำให้ตกใจเพราะพระพุทธรูปจากที่เคยเป็นปางยืนนั้นบัดนี้ได้ล้มตัวลงนอนตะแคงและมือดันพระเศียรไว้ ทั้งบริเวณปากนั้นก็พบจีวรขาดๆ ติดอยู่ด้วยในวันรุ่งขึ้นท่านเจ้าอาวาสจึงสั่งให้ช่างมาทำลูกกรงล้อมรอบองค์พระ และหลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องเณรหายอีกเลย

ตำนานพระนอนกินเณรนั้น อาจถูกสร้างขึ้นโดยพระที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณวัดเผื่อไม่ให้สามเณรในวัดออกไปเที่ยวเล่นในกลางดึกเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ตัวสามเณรได้ แต่ในความเชื่อของคนเฒ่าคนแก่นั้น บอกว่าตำนานพระนอนกินเณรนั้นมันคือเรื่องจริง



ขอบคุณข้อมูลจาก : twitter @ANNYSTORY_CLUB
ข่าวโดย : ประภาพรรณ มั่นใจ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)

++++++++++++++++++++

ที่มา
http://panyayan.tnews.co.th/contents/219144/

 

ถ้าจำไม่ผิด ขึ้นไปจะมองเห็นวิวบึงบรเพชรด้วยใช่ไหมคะ ??? สวยงามค่ะ

 

เคยได้ยินญาติๆคุยกันเรื่องพระพุทธรูปกินคนเหมือนกันค่ะ ได้ฟังตอนเด็กๆมาก แต่พวกผู้ใหญ่เขาคุยกันเหมือนเกิดในชุมพร(ไม่แน่ใจค่ะ ทางบ้านเป็นคนชุมพร) จำได้คร่าวๆว่าวัดร้างหลายๆที่จะมีแบบนี้ ไม่ใช่ที่เดียว ประมาณว่าหลังองค์พระจะมีการเจาะรูไว้1-2รู แล้วคนมีวิชาบางคนเขาเอาปรอทไปใส่ไว้(เพื่ออะไรจำไม่ได้) แล้วปรอทนี้ฟังดูเป็นกายสิทธิ์ วันดีคืนดีไหลออกตามรูไปไหนมาไหนได้ คนบางคนที่ไปพักแรมวัดร้างแบบนี้ก็ปุบปับรับโชคร้ายโดนกินได้ แต่เหมือนเขาไม่ได้กินหรือออกไปไหนมาไหนตลอดเหมือนจะมีวันข้างขึ้นข้างแรมอะไรทำนองนี้ด้วยค่ะ ต้องให้คนทีวิชาอาคมทำพิธีกักปรอท จำไม่ได้ชัดว่าเรียกออกจากองค์พระรึเปล่า แต่เขาจะอุดรูนั้นด้วยค่ะ

รายละเอียดจำได้ไม่ค่อยชัดต้องขออภัย เพราะตอนนั้นยังเล็กมากๆไม่กี่ขวบเอง

 

น่ากลัวจัง.. แต่กรณีถ้าเป็นเพราะโดนปรอทกินมีโอกาศเป็นไปได้สูง...
ฟังหูไว้หู เพราะปรอทป่า เวลากินรูปธรรม ถ้าเรามองจากด้านนอกจะคล้ายๆว่า
เหมือนรูปธรรมนั้นจะค่อยๆถูกดูดหายไปลงดิน หรือต่ำแหน่งที่ดูด คล้ายๆย่อเล็กลงเรื่อยๆ
เหมือนตรงส่วนที่ย่อลงไปคล้ายๆทรายดูด

ปล.หวังว่าในรูปปั้นสมัยก่อน คงไม่ได้มีใครเผลอเอาปรอทที่มากในระดับหนึ่ง
และมาผสมสร้างเป็นรูปปั้น เพื่อหวังในเรื่องพิเศษต่างๆ
แต่พี่งมาทราบภายหลังว่ายังไม่รัดกุมในการควบคุม
พอรู้ว่าเกิดเรื่อง เลยมาทำการแก้ไขภายหลังนะครับ

ทั่วๆไปถ้าเผลอไปนอนใกล้ๆหรืออยู่ใกล้ๆเวลาที่เค้าออกมา (บินได้ มีเสียงดัง)
อยู่ในเส้นทางเดินทางของเค้าแล้วหละก็
ตตต. (เตรียม ตัว ตาย) (เดาเอา)

 

เคยได้ยินแต่เป็นพระสำริดค่ะโดยเฉพาะพระประธานในโบสถ์ ถ้าจำไม่ผิดพวกผู้ใหญ่บอกว่าบางวัดที่ไม่ร้างก็มีคนแอบไปเจาะรูพระใส่ปรอท บางองค์ที่ขึ้นชื่อความศักดิ์สิทธิ์ก็มีปรอทในองค์พระค่ะ ไม่รู้ว่าทำทำไม แต่ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะมีคนมาปล่อยไว้รอสักระยะแล้วค่อยมาเรียกปรอทไปก็มี แต่รูปร่างหน้าตายังไงไม่รู้ค่ะ

 

เป็นไปได้สูงครับ กรณีมีคนแอบเอามาไว้
รูปร่างคล้ายขนมปังทรงกลม
ที่ฐานดูแบนข้างบนดูกลม นึกภาพเอาลูกบอลมาฝ่าครึ่ง
มองด้วยตาเปล่าจะเหมือนว่าจะอ่อนตัว
และยุบได้ แต่ก็คงสภาพอยู่อย่างนั้นได้
ลอยไปได้ ถ้าไปเป็นกลุ่ม
เสียงเหมือนผึ้งแตกรังแต่ดังกว่า
ตอนลอยไม่มีปลีกนะครับ
หมายถึงปรอทในป่านะครับ
ปรอทเรียกจากอากาศก็คล้ายกัน แต่จะเล็กหน่อย
ปรอทที่เป็นผลมาจากการฝึกกรรมฐานบางอย่างก็คล้ายกัน
แต่มาเป็นคู่แยกกัน
ส่วนปรอทที่เกิดในวัถตุจะปนไปกับเนื้อวัถตุนั้น
(ส่วนตัวมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เกิดในพระเครื่ององค์หนึ่งเนื้อทองแดง)
แต่ถ้าเป็นปรอทแบบสำเร็จ
แล้วแต่จะปรับแต่งรูปร่าง
เคยมีแต่ให้คนอื่นไปแล้ว
ส่วนปรอทสำเร็จ แท้หรือเปล่า
หรือทำแล้วจะส่งผลอย่างไร
เป็นอีกประเด็นหนึ่ง (^_^)
พอขำๆ

 

เล่าเรื่องปรอทให้ฟังได้ป่าวคับ น่าสนใจ

 

แนะนำให้คุณmaxmiลองอ่านกระทู้
รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม :กฎข้อห้ามพรานล่าสัตว์/สมิง/ปรอท
เยอะจังชนิดปรอท ความจริงรู้จักอย่างเดียวคือปรอทวัดไข้ ก้ำกรรม

 

ฆาตกรรมอำพรางหรือเปล่าครับ อาจเป็นพวกโรคจิต ตุ๋ยเณร แล้วก็ฆ่าปิดปาก
เพื่ออำพรางความผิด ก็เลยเอาศพไปฝัง แต่เอาจีวรกับเลือดมาทาที่ปากพระพุทธรูป เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจว่าพระพุทธรูปกินเณร
พอชาวบ้านเข้าใจว่าพระพุทธรูปกินเณร ก็เกิดความสยองหวาดกลัว
ไม่คิดจะสืบสาวหาความจริง หรือไปค้นหารอบๆบริเวณ
ตัวฆาตกรก็ลอยนวล พ้นผิด ไม่ต้องถูกสงสัย

 

เพิ่งเคยได้ยินเรื่อง ปรอท (ตั้งแต่เกิดมาเลยอ่ะค่ะ)
สนใจอย่างมากเลย ทึ่ง! อยากรู้ๆ
เห็นมีกระทู้นึง เดี๋ยวเข้าไปอ่านรายละเอียด ^_^
ขอบคุณมากค่ะ