ขลังแบบพระพุทธเจ้า หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 26 กันยายน 2013.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ขลังแบบพระพุทธเจ้า


    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๘



    มีแต่ของขลังเต็มแหละเดี๋ยวนี้ อย่างนี้ละสิ่งแทรกซึมแทรกซึมเข้าศาสนาแทรกซึมเข้าอย่างนี้แหละ องค์ศาสนาจริง ๆ จะไม่ปรากฏนะเวลานี้ มีแต่สิ่งแทรกซึมซ่องสุมเข้าไปในวงศาสนา มีแต่ของปลอม ๆ แทรกเข้าไป ๆ เต็มหมดบ้านหมดเมืองชาวพุทธเรา ไปไหนยื่นของขลังให้กัน ไอ้ขลังภายในที่จะปฏิบัติตัวให้ดีนี้ไม่ยอมสนใจเลย องค์ศาสนาจริง ๆ ไม่เอา ไปหาเกาที่ไม่คันสู้หมาขี้เรื้อนไม่ได้ หมาขี้เรื้อนมันเกาถูกที่คันนะ มันคันตรงไหนมันเกาตรงนั้นถูก อันนี้เกาดะไปเลย ถลอกปอกเปิกไม่หายาใส่แต่เกาเรื่อย นี่ซิน่าทุเรศนะ

    การปฏิบัติตัวให้ดีเพื่อความร่มเย็นแก่ตนเองและครอบครัวตลอดสังคมทั่ว ๆ ไปนี้ไม่ยอมสนใจทำ องค์ศาสนาแท้อยู่ตรงนี้ไม่สนใจ มีแต่ของขลังเต็มบ้านเต็มเมืองเดี๋ยวนี้ ไม่ทราบขลังอะไรก็ไม่รู้เราก็แปลไม่ออก ให้ขลังในเจ้าของซิ ตั้งใจปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี นั่นละขลังอยู่ตรงนั้น ความชั่วกลัวขลังแบบนี้ แต่ขลังแบบที่ว่าความชั่วไม่ได้กลัวนะ กิเลสหัวเราะเพราะเป็นทางของกิเลสเดิน

    พระพุทธเจ้าท่านหาของขลังอยู่ในป่าในเขา สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราท่านหาของขลังอยู่ในป่าในเขา ท่านไม่ได้มาจุ้นจ้านตามตลาดตเลนะ ท่านผู้ที่เป็นของขลังของโลกจริง ๆ แล้วท่านเป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้อยู่ในป่า พระสาวกทั้งหลายเหมือนกัน บรรลุธรรมตรัสรู้ธรรมอยู่ในป่าในเขาในถ้ำแล้วมาเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ท่านเหล่านี้ขลัง-ขลังจริง ๆ ขลังเลิศโลกไม่ใช่ขลังธรรมดา โลกของท่านผู้ขลังประเภทนี้อยู่ไม่มีคนมีกิเลสเข้าไปอยู่ได้เลย แม้คนเดียวไม่มี มีแต่ท่านผู้บริสุทธิ์ล้วน ๆ นั่นละท่านขลัง-ท่านขลังอย่างนั้น

    พยายามฝึกหัดตัวเองให้ขลังซิ อยู่ที่ไหนเย็นใจสบายใจเพราะไม่ได้ทำความชั่ว ทำแต่ความดีตามหลักธรรมที่ท่านสอนแล้วความชั่วจะเข้ามาช่องไหน เมื่อมีแต่ความดีสกัดลัดกั้นกันอยู่แล้ว อันนี้เปิดแต่ทางชั่วให้ความชั่วเข้ามาทั้งวันทั้งคืน แล้วก็หาแต่ของขลัง ขลังอะไรอย่างนั้น

    วันนี้ก็จะได้ไปวัดโพธิ ฯ เขานิมนต์ไปเทศน์งานศพตอนบ่ายโมง นั่นละธรรมเทศนาสอน ตายที่นั่นตายที่นี่เหล่านี้เป็นธรรมเทศนากัณฑ์เอก ๆ สอนเตือนเจ้าของนี่เราจะตายอยู่นะ แล้วคนเราก็รู้เนื้อรู้ตัวระลึกตัวได้พยายามสร้างความดี ความดีติดหัวใจเข้าไปแล้วแทรกหัวใจเข้าไป ความดีกับหัวใจเป็นอันเดียวกันแล้วอยู่ไหนอยู่ได้หมด ไม่สะทกสะท้านไม่หวั่นไม่ไหวเรื่องความเป็นความตาย ความได้ความเสียอะไรไม่หวั่น คนมีความดีเต็มตัวนี้คือขลัง-ขลังอย่างนี้เอง ไม่เดือดร้อน ขลังแบบพระพุทธเจ้าไม่เดือดร้อน ถ้าขลังแบบกิเลสแล้วร้อนทั้งนั้นเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด

    เวลานี้กิเลสกำลังตีแผ่ศาสนาของเราให้เป็นศาสนาของกิเลส ไปไหนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด ศาสนาของกิเลสเป็นอย่างนั้น สอนโลกนี้เก่งมากกิเลส สอนอยู่ทุกหัวใจ ศาสดาอยู่ทุกหัวใจ ศาสดาของกิเลสมีอยู่ทุกหัวใจ สอนโลกให้ล่มจมมานี้มากต่อมากแล้ว โลกทั้งหลายก็ไม่ยอมเห็นโทษของมัน ยิ่งฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปตามมัน ที่โลกร้อนร้อนเพราะอันนี้นะ ศาสนาแทรกไม่ถึงละเวลานี้ ศาสนาจริง ๆ มองไม่เห็น เห็นแต่สิ่งจอมปลอมทั้งหลายหุ้มห่อปิดบังเอาไว้หมดเลย เพียงดูใจของเราก็รู้

    อย่างท่านที่ไปหาของขลังในป่าในเขา นั่นละท่านดูใจเจ้าของ ใจนั่นละบ่อเกิดแห่งเหตุทั้งหลาย ส่วนมากชั่วเกิดที่นั่นเพราะกิเลสฝังอยู่ในใจ ท่านไปดูหัวใจท่าน มันคิดไปในเเง่ใดมุมใดตีเรื่อย ๆ ตีเข้ามาเรื่อยชำระเข้าไปเรื่อยก็ค่อยหมดไป ๆ เดี๋ยวก็สง่างามขึ้นมา สง่างามขึ้นมาด้วยศีลแล้วยังไม่แล้ว สง่างามขึ้นมาด้วยสมาธินี้ชุ่มเย็นสบาย สง่างามด้วยปัญญาแล้วสว่างกระจ่างแจ้ง พอสง่างามขึ้นมาด้วยวิมุตติหลุดพ้นแล้ว อาโลโก อุทปาทิ จ้าเลยครอบโลกธาตุ นั่นท่านขลัง-ท่านขลังอย่างนั้น

    ศาสนาล่วงมา ๒,๕๐๐ ปีนี้ดูแล้ว แหม ตั้งแต่เราเริ่มบวชมานี้ก็ดูมาเรื่อย ไม่ใช่ตั้งใจสังเกตนะ เพราะสิ่งสัมผัสสัมพันธ์มันหากเป็นข้อสังเกตกันเอง มันสัมผัสสัมพันธ์อยู่ตลอดเวลากับสิ่งภายนอก และความเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ เปลี่ยนแปลงมีแต่เปลี่ยนแปลงทางลบ ๆ เรื่อยมา แล้วว่าโลกเจริญ ๆ คือกิเลสเจริญขึ้นเรื่อย ๆ ธรรมะนี้ค่อยยุบยอบลง ๆ เรื่อย ๆ สุดท้ายกิเลสเจริญขึ้นเท่าไรไฟก็เจริญขึ้นตาม ๆ กัน น้ำดับไฟไม่มีก็ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด

    ถ้าใครอยากเห็นของขลังก็ให้พยายามปฏิบัติตัวให้ดีนะ ของขลังอยู่ที่ใจนั่นแหละ อยู่ตรงใจทีเดียวไม่อยู่ตรงไหนแหละ ไม่อยู่ดินฟ้าอากาศที่ไหน ๆ อย่าไปหาเลยไอ้อยู่ยงคงกระพัน มีดฟันไม่เข้าปืนฟาดเข้าไปก็ตายนั่นแหละ ปืนยิงไม่เข้าอีกเหรอเอาค้อนตีมันก็ตาย..คน แล้วมันขลังหาอะไรขลังอย่างนั้นพิจารณาซิ เอาค้อนตีไม่ตายเอาระเบิดนิวเคลียร์ฟาดลงไปแหลกเป็นผุยผงไปเลย แน่ะมันขลังที่ตรงไหนพิจารณาซิ

    ให้ขลังที่หัวใจซิอะไรไปตีก็ไม่แตกหัวใจ มันต่างกันอย่างนี้นะ หัวใจที่เต็มไปด้วยธรรมแล้วตีเท่าไรก็ไม่แตก จะทำอะไรให้ฉิบหายไม่ฉิบหาย ให้แตกให้กระจัดกระจายไม่มีทาง ธรรมเป็นอย่างนั้นละเข้าสู่หัวใจแล้ว พากันตั้งใจปฏิบัติตัวให้ดีซิ เราอยากเห็นคนดี ไปที่ไหนสงบร่มเย็นเป็นสุขสบาย นี่ไปที่ไหนมีแต่ฟืนแต่ไฟร้อนเผาไปเรื่อย ทั้งเขาทั้งเราพอ ๆ กันไปหมดเลยไม่ทราบใครจะพึ่งใคร ใครก็เป็นไฟเหมือนกันหมดไม่ทราบจะพึ่งใคร พึ่งกันไม่ได้น่ะซิต่างคนต่างร้อน ให้ต่างคนต่างทำความร่มเย็นแก่กันซิ ร่มเย็นแก่ตัวเองแล้วก็ให้ความร่มเย็นแก่คนอื่นด้วย

    การปฏิบัติธรรมเป็นของยาก ๆ คือความต้านทานของกิเลสนั้นเองเราก็ไม่รู้ พอจะหันหน้าหรือจิตคิดแย็บไปสู่ธรรมเท่านั้นจะมีอุปสรรคทันที กีดขวางทันที มีแต่ความยากความลำบาก ทุกสิ่งทุกอย่างกั้นกางไว้หมด นั่นแหละคือเรื่องของกิเลสกั้นกางไว้นั้นแต่เราไม่รู้นั่นซิ ไม่รู้ว่านี้คือกิเลสกั้นกางความดี ไม่อยากให้ทำความดี กิเลสกั้นกางไว้หมด ๆ ถ้าทำความชั่ววันยังค่ำคืนยังรุ่งเอาจนเป็นจนตายก็ได้ ไม่มีอะไรขัดข้องไม่มีอะไรมากั้นกาง ถ้าพอว่าจะทำความดีเท่านั้นมันจะสร้างเหตุขึ้นมาทันที เหตุการณ์ภายในจิตนี่จะสร้างขึ้นมาทันที ๆ นั่นละตัวกิเลสตัวข้าศึกตัวกั้นกางหวงห้าม ให้รู้เสียว่านั้นคือตัวมารของธรรม ใครคิดขึ้นมาก็เป็นเหมือนกัน เป็นมารของตัวเอง ๆ สุดท้ายก็ล้มตามมารเสียไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เพราะฉะนั้นจึงต้องฝืน

    ผู้ต้องการเป็นคนดีต้องฝืนกิเลส กิเลสสร้างอุปสรรคธรรมะต้องเหยียบเข้าไปเตะถีบยันเข้าไปเลยรอไม่ได้ ต่อไปกิเลสก็ค่อยอ่อนตัวลงๆ เราจะทำความดีมันจะพุ่ง ๆ เลยสะดวก โน่นให้ถึงขั้นความขี้เกียจไม่มีมีแต่ความอยากหลุดพ้นมันถึงได้เห็นกันชัด ว่าเรื่องไหนเป็นกิเลสอันไหนไม่เป็นกิเลสรู้หมดเลย รู้ไปหมดตลอดทั่วถึง โอ้โห กิเลสนี่มันสลับซับซ้อนมันสร้างไว้ทุกแง่ทุกมุมแต่เราไม่รู้ ๆ นั่นซิ

    เอาละวันนี้ให้พร


    คัดลอกจาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1217&CatID=2
     

แชร์หน้านี้

Loading...