ถูกต้องที่สุด เพราะมันเป็นธรรมชาติไง และทางออกที่ดีที่สุดที่ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนนั้นมีทางเดียวเว้นเสียว่าจะเห็นสัจธรรมนั้นอย่างถ่องแท้จริงๆ แต่คิดว่าเป็นไปได้ไหมละท่านรอดมีเด็กแบบนั้นผมตีให้แสนละหนึ่งแล้วกันนะถ้ามี มันจึงต้องฝึกสร้างสติและรู้ให้ได้ก่อนว่าในตนของตนนั้นมีอะไรกันแน่ ส่วนอะไรที่ทำให้ฮอโมนต์ขึ้นละครับมันก็ธรรมชาติเช่นกันแต่การเกิดขึ้นของธรรมชาตินี้หากคุณสังเกตดีๆ จุดนั้นแม้ว่าคุณหรือใครๆจะบอกก็ไม่ได้คิดได้สนใจมันเป็นเองมันเกิดของมันเอง แต่แท้ที่จริงในจิตของวัยรุ่นนั้นมีการสั่งสมบางอย่างอันเป็นข้อมูลอยู่ภายในผมเรียกมันว่าความสงสัย มันเลยเป็นอย่างที่คุณกล่าวนั่นแหละ คุณนี่แบบแปลกๆ จะอายทำไมกันครับนี่มันเป็นเรื่องธรรมชาติล้วนๆ ใครๆก็มีได้ทั้งนั้นหากต่างกันที่ใครสามารถยับยั้งพระสัทธรรมใครจะเห็นได้มากได้น้อยนั้นขึ้นกับการพินิจพิจารณาเช่นกันครับ
อนุโมทนาครับ อย่าอายไปเลยหากเข้าใจมันไม่มีอะไรน่าอายเลยจริงๆ
ขอคำแนะนำครับ สำหรับคนปฏิบัติธรรมแต่มีแฟนครับ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย prayut.r, 16 ตุลาคม 2010.
หน้า 2 ของ 5
-
อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการว่ากันต่างๆนานา ไม่ใช่เป็นการให้กำลังใจ หรือแนะแนวทาง
การโพสแบบนี้ไม่ได้บุญนะครับ เผลอๆอาจจะมีบาปแถมไป อย่าได้คิดเคื่อง ในคำกล่าว
อย่าได้ย่ำเขาเวลาล้ม อย่าได้ถ่มน้ำลายลดกัน โปรดจงพูดคุย ปรึกษา และให้ข้อคิดกันดีดี
อย่าใช้ซึ่งอารมณ์เลยครับ...ขออนุโมทนา...สาธุ -
-
รอดมี said: ↑kengkenny said: ↑คุณเก่งครับ เอาสั้นๆนะครับ เห็นแก่เพื่อนๆที่มาเตือน
ผมว่าท่านยังไม่เข้าใจ ประโยคใจความของผม
ประเด็นนี้ มันสำคัญเสียด้วย มันเป็นดังนี้ครับ
คำพูดของผมหมายถึง คุณเป็นคนไม่มีศีลธรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
เบื้องต้นของผู้ปฏิบัติที่ดีครับ
ที่ว่าไม่มีศีลมันอยู่ตรงที่ว่า คุณไปยุ่งกับแฟนก่อนการแต่งงาน
คุณไม่คิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่ของฝ่ายหญิงครับ
แค่นี้แหล่ะครับClick to expand...
เท่านี้เองครับที่ผมกล่าวไป และเรากำลังพูดในประเด็นเรื่องอะไรคุณลองทบทวนดูครับ
อนุโมทนาครับClick to expand... -
เดี้ยวจะหาว่าใส่อารมณ์อีกมีอารมณ์อีก ผมอนุโมทนาในความหวังดีของคุณรอดมีเช่นกันครับอนุโมทนาเป็นอย่างสูงในการจะแนะนำตักเตือนผมเกี่ยวกับศีล
อนุโมทนาสาธุครับ -
ช่างมันเถอะครับ เฮ้ย ช่างมันได้ไง (พูดเพ้อเจ้อ ผิดศีลซะและ - -)
ผิดศีลมันง่ายงี้เลยหรอเนี๊ย 55+
อย่าคิดมากเลยครับ
เกิดมาเป็นคน
ร่างกายเรากำหนดมาเองอ๊ะ
เกิดมีมีต่อมไพเนียลที่ทำหน้าที่สืบพันธ์มาแล้วนี่นา -0-
ผู้หญิงมีฮอร์โมนโปรเจนเตอโรนกับเอสโตรเจน ผุ้ชายมีฮอโมนเทสโทสเตอโรน
นอนหลับเวลากลางคืน ทานอาหารครบ แค่นี้ก็มีความต้องการทางนั่น - -แล้วล่ะครับ(สำหรับพวกเจริญพันน่ะ 55+)
ผมยังตบยุงเลย พูดจาผิดก็มี 2ข้อเท่ากันแล้วน้า 555+ -
หากมีครอบครัว ไม่ทำการบ้าน รอผัวหรือเมียมีชู้ มีแฟนยังพอว่า แต่ไม่ทำตามใจเขา จะมีทำไม ไม่ดึงไปถ่วงเขาไว้ทำไม ปล่อยไปตามทางของเขา เราก็ไปตามทางของเรา
-
ศีลข้อสาม หมายถึงผิดผัวผิดเมียผู้อื่น หากเป็นศีล 8 หมายถึงเว้นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งดังที่สมาทานนั่น
-
อานิสงค์ของศีล คือ เป็นผู้มีสติระลึกรู้ ละได้ซึ่งความโกรธ โลภ หลง เป็นผลให้เกิดพรหมวิหารธรรม อันมีเมตตาเป็นที่ตั้ง ดังเช่น พระศาสดาทรงสอนคนที่หลงผิดทั้งในอดีตและปัจจุบันมากมาย นับไม่ถ้วน นั่นเพราะพระมหาเมตตากรุณา แห่งพระองค์อันเกิดจากความบริสุทธิ์แห่งศีลของพระองค์ และผมขอกล่าวดังนี้ว่า ให้พิจารณาธรรมของพระศาสดา เพราะพระศาสดาประกาศพระสัทธรรมไว้ ยังไม่สิ้นสุด ยังมีพระอริยะสงฆ์สาวกเป็นอันมาก อย่าได้หลงในวาจาของผมขอท่านทั้งหลายจงได้พิจารณาธรรมและยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เถิด
อนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับท่านรอดมี -
หน้าที่ กับ ความหลง-ยึดติด ต่างกันนะครับ
*พระโสดาบัน อย่าง นางวิสาขา มีลูกถึง 20 คน
ก็ไม่เห็นคุณธรรมใดๆจะลดน้อยลงเลย
ถ้าคุณมีอะไรกับ แฟน แต่คุณสามารถแยกหน้าที่ กับความยึดมั่นในอารมณ์ของกามได้ คุณก็จะมีคู่ จะครองเรือนได้ตามปกติ จนกว่าคุณจะเป็น พระอนาคามี กับ พระอรหันต์
*นาง+++จำชื่อไม่ได้ เป็นพระโสดาบัน จัดเตรียมอุปกรณ์ล่าสัตว์ให้ สามีที่เป็นนายพราน
ทุกๆวัน พระพุทธเจ้า ทรงบอกว่า ไม่ผิดคุณธรรมของ โสดาบัน เพราะกระทำด้วยความมีหน้าที่ ของ ภรรยา แต่จิตของนาง ไม่เป็นไปเพื่อความเบียดเบียนในสัตว์นั้นๆ
เอา2อย่างนี้มาเทียบเคียงดูนะครับ เพื่อจะทำให้ สบายใจได้บ้างนะครับ -
เวลาจะวัดคุณธรรม เรื่อง กามารมณ์เพศรส อย่าไปวัดกันแบบติดบัญญัติแบบปุถุชนครับ
คือ อย่าไปเอาเรื่องราวขันไม่ขัน การเสพ หรือแม้แต่ ความพึงใจ มาวัด อย่าไปโดน
ภาพที่เข้ากับเรื่องราวมันหลอกตา ทำให้ตั้งธงชี้วัดผิดวิปลาสกันไป
ต้องทำความเข้าใจมาให้ถูกครับว่า สมมติว่า พระอนาคามีท่านละกามได้ อันนี้ท่าน
อาศัยการกำราบกิเลสตัวไหนเป็นประหานะ
ท่านไม่ได้กำราบ โลภะ ราคะ นะครับ สิ่งที่ท่านทำได้ กำราบได้คือ โทษะ ต่างหาก
ดังนั้น เวลาคุณจะตั้งเครื่องมือชี้วัดเรื่อง กามราคะว่า มีหรือไม่มี มากหรือน้อย ให้วัด
ที่.....
ความขัดเคืองใจ ความไม่พอใจ เป็นหลักแทน
เช่น
ตื่นเช้ามา เจอแสงอาทิตย์ส่องหน้า คุณหยีตาทั้งสองข้างไหม หรือว่าหลับข้าง
นึงแล้วลืมตาโพลงอีกข้างนึง หรือ ว่าลืมตาโพลงได้ทั้งคู่ รอจนกว่าภาพมันจะ
ชัดของมันเอง .... ถ้าอาการหยีตาเนื่องจากขัดเคืองในแสงนวลๆยามเช้ามีเท่าไหร่
ก็ให้เอาอันนั้นมาวัดครับว่า มีโทษะความขัดเคืองอยู่เท่าไร
อันนี้เป็นตัวอย่าง คุณสามารถประยุกต์ดู ความขัดเคืองใน ในทุกๆสิ่งที่อยาตนะ
ของคุณเข้ากระทบ คุณแสดงอาการไหลตาม ความขัดเคือง มากน้อยแค่ไหน
มากเท่าไหร่ ก็มี กามารมณ์ทางเพศ มากอยู่เท่านั้น
และถ้า ความขัดเคืองอันเกิดจากผัสสะกระทบ เหลือเพียง มโนธรรม หรือ
ความนึกคิดหรือข้อธรรมเท่านั้นที่ก่อให้เกิดความ ขัดเคืองใจ ได้ ก็ค่อยว่า
กันอีกทีว่า กามารมณ์มีหรือไม่มี(ค่อยขึ้นสังเวียนชี้วัด ชกให้ตรงรุ่น) -
ปฏิบัติธรรมกับการละกาม
prayut.r said: ↑เรื่องมีอยู่ว่าเป็นคนปฏิบัติธรรม มาตั้งนานแล้วหละครับ แต่มาคราวนี้มาเริ่มถือศีล 5 แบบจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ที่ได้ฟังหลวงพ่อฤาษีและหลายๆ ท่านในนี้กล่าวว่าถ้าศีลไม่ดี เรื่องปฏิบิตสมาธิภาวนาก็เห็นผลยาก
ในศีล 5 ข้อมีที่แย่ๆ ก็ 2 ข้อ คือ มุสา กับ กาเมฯ (ส่วนข้ออื่นปฏิบัติเป็นปกติแทบจะไม่พลาดเลยก็ว่าได้ เช่นยุงก็ไม่ตบมาน่าจะเกิน 5 ปีแล้ว)
ข้อมุสานี่พลาดบ่อยๆ เพราะเป็นคนชอบพูดเล่น (กะให้แฟนฮา แต่เขาไม่ฮาด้วย)
แต่ข้อกาเมฯนี่พลาดได้เพราะยังอยู่กับแฟน แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
คราวนี้เรื่องก็เกิดเพราะพอผมตั้งใจเรื่องศีล5มากๆเข้า อยู่ๆ ไอ้ตัวอยาก(กาเมฯ)ก็หายไปเฉยๆ ที่จริงก็ไม่หายขาดหรอกครับ แต่ถ้า 100% นี่ก็มีเหลืออยู่สัก 20%เห็นจะได้แต่...นานนนนนนน นาน จะมาทีครับ
คุณแฟนก็เลยเริ่มน้อยใจ หาว่าไม่เหมือนเดิมบ้าง ไล่ไปหาผู้หญิงอื่นบ้าง
ผมก็เครียดสิ ผมก็รักของผมเหมือนเดิม แต่...มันไม่อยากนี่ครับ ก็บอกว่าอยู่กันแบบไม่ต้องมีความสัมพันธ์กันก็ได้นี่นา(จนกว่าจะแต่งงาน) ก็โกรธเราอีก
เลยอยากให้หลายๆ ท่านแนะนำหน่อยครับ เพราะน่าจะเคยมีคนประสพเหตุแบบนี้บ้าง ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ปล.
กับผู้หญิงคนอื่นๆ ผมก็มองนะถ้าสวยแต่ไม่คิดเรื่องแบบนั้นเลย
พอคิดว่าเขาสวยปุ๊บ ใจมันก็บอกว่าไปดูแม่เขาสิ ยายเขาสิ ว่ายังสวยไหม ก็เลิกคิดเรื่องสวยไป
เรื่องหนัง/ภาพอย่างว่า ก็ไม่ดูมานานแล้ว ไม่อยากดูเห็นแล้วก็สังเวชใจ
(ยิ่งเรื่องภาพนี่แทบไม่ดูเลย เมล์มาก็ลบเลย)
อย่างเมื่อคืนอยากรู้ว่าตัวเองผิดปกติไหมก็เปิดหนังอย่างว่าดู ก็มีความอยากเกิดขึ้น แปปเดียวก็หายไปอีกแล้ว
เฮ้อ...ชีวิตClick to expand...
ขออนุโมทนากับคุณ prayut.r ที่มีศัทธาปสาทะในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าถึงเพียงนี้ จากที่ได้อ่านปัญหา จึงได้เข้าใจปัญาหอย่างเดียวกันนี้ทุกท่าน และจะขอโอกาสแสดงความแตกต่างให้ทุกท่านได้เห็นว่าการปฏิบัติสมาธิ ให้ผลเป็นความสุข และด้วยกำลังแห่งปิติในฌาณ สามารถข่มกามฉันทนิวรณ์ พยาปาทนิวรณ์ ได้แบบชั่วครู่ (ซึ่งในการเจริญฌาณครั้งหนึ่งๆจะสามารถลดกามารมณ์ได้นานต่อเนื่อง 7 วัน หากไม่ถูกกระทบจากระคะภายนอก) เพราะจิตอิ่มจากปิติที่ความสุขในโลกมิอาจให้ได้ นั่นก็อาศัยศีลในระดับเบญจศีลเท่านั้น กาเมสุมิจฉาจาร ข้อนี้มุ่งหมายถึงการล่วงประเวณีต่อผู้อื่นที่นอกเหนือจากคู่ของตน หรือบุรุษ/สตรีที่ต้องห้าม แล้ว ไม่มีอรรถาธิบายที่ไหนเลยว่าเป็นการเว้นขาดจากการเสพกาม ในศีลวรรค คัมภีร์วิสุทธิมัคค์ กล่าวจำแนกศีลซึ่งเหมาะควรแก่ปุถุชน และอริยบุคคลเบื้องต่ำ 3 โดยแบ่งตามบริษัทแปดตามลำดับ ซึ่งกัลยาณปุถุชนตั้งความปราถนาเพื่อความเป็นพระโสดาบันบุคคล และผู้ปราถนาความเป็นพระสกิทาคามิบุคคล 2 จำพวกนี้ อาศัยความบริสุทธิ์ในเบญจศีล ต่างกันตรงความมั่นคงแห่งศีลเท่านั้น ส่วนศีล 8 เหมาะแก่ผู้แสวงความดับทุกข์ ปราถนากระทำฌาณอภิญญา มรรค ผล เพื่อความเป็นพระอนาคามิบุคคลจึงประพฤติศีล 8 สำหรับผู้บวชเป็นสามเณรหรือสามเณรีก็เหมาะกับศีล 10 และยังมีศีลพระภิกษุ กับศีลพระภิษุณีอีกต่างหาก จึงจำแนกให้ผู้ถามได้เห็นว่า เมื่อปราถนาส่วนไหน ก็เลือกประพฤติศีล คือเหตุที่เหมาะสมกับผลที่จะได้รับนั้นๆ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้เป็นพระอริยะแม้ขั้นต้นเลย การถือศีล 5 ก็เหมาะแล้ว แต่หากต้องการฌาณอภิญญา ก็ค่อยสมาทานศีล 8 แต่ถ้าปราถนาถึงพระอริยบุคคลเบื้องต่ำทั้ง 3 และประกอบด้วยฌาณ อภิญญา จึงควรเพิ่มเป็นขั้นศีลบารมี นั่นคืออุโบสถศีล ซึ่งมีผลและอานิสงค์มากกว่าการสมาทานศีล 8 ตามธรรมดา ค่อยเป็นค่อยไป -
คุณถือศีล 5 ข้อกาเม จะผิดได้อย่างไง ถ้าอยู่กับแฟนคุณคนเดียวแบบผู้ใหญ่รู้เห็น
ถ้าไม่รู้เห็นคือผิดล่ะนะ คุณ
ที่ว่าอารมณ์หายไปเพราะมันหดหู่อ่ะจิเนอะมันจะหายได้ก็ระดับพระอานาคามี
ไม่แน่นะ คุณอาจจะเกิดอาการgolden agerแบบมันก่อนวัยอันสมควร
เพราะเกิดจากความเครียด แต่ไม่รู้เพราะมันสะสม จนตกตะกอนไงล่ะ
ดูดีดีแล้วกันนะ พระภิกษูยังต้องพิจารณาศพสาวเปลือยเลย เลยมาอุทานว่า
โอ้ กามของเรานี่ยังเต็มอยู่เหรอ -
ประสบการเดียวกันครับ ...................................อิอิ ..........................
-
Peace in mind said: ↑ยังไม่ได้แต่งงาน แต่พูดเรื่อง...กันอย่างจริงจัง นึกว่าเป็นสามีภรรยากันแล้วซะอีก
ถ้าเราเลือกแล้ว ในทางนี้ ผู้หญิงไม่เอา้ด้วย และขาดเรื่อง... ไม่ได้ อีกทั้งเราเองไม่อาจสนองได้ ก็ควรปล่อยเค้าไปหาคนที่เหมาะกันกว่า แต่ถ้าฝ่ายหญิงรักเรามากพอที่จะอยู่ด้วยความรัก พร้อมจะเป็นคู่ร่วมทำบุญไปกับเรา เค้าก็คงจะยอมรับและอยู่กับเราอย่างมีความสุขได้เอง ของแบบนี้เราบังคับไม่ได้Click to expand... -
555+
yavoiii said: ↑มันเป็นปัญหาตรงนี้นี่ละครับ ไล่มันก็ไม่ไป++Click to expand... -
สำหรับผมนะ ปกติก็เป็นคนมีกามอยู่นี่ละ
แต่มีวันหนึ่งเห็นกามโผล่ขึ้นมา ปกติก็จะปรุงแต่งพอใจไม่พอใจกับมัน แต่มันก็ดับลง ปรุงแต่งไม่ทัน เห็นอย่างนี้ เห็นกามแล้วแต่จิตใจยังไม่ทันได้ตอบสนองต่อกามพอที่ร่างกายจะตอบสนองทันด้วย กามก็ดับลงก่อน เป็นอยู่ช่วงหนึ่ง ปรึกษาเพื่อนคนรู้จักทางโลกเขาบอกถ้างั้นให้หยุดปฎิบัติก่อน แต่ผมเห็นว่า เป็นแค่เพียงอาการที่ปรุงแต่งไม่ทันไม่ได้เติมเชื้อพอใจไม่พอใจดิ้นรนปรุงแต่งต่อจากกาม กามมันก็เลยดับลงเอง
เราดันออกมารู้มัน ไม่ได้ไหลรวมกับมัน ไม่ได้ปรุงแต่งไปตามมัน
ทีนี้พอจะให้กามดำเนินต่อไปได้ ผมก็แค่ เมื่อมีกามเกิดขึ้นแล้ว สนใจมันพอใจหมกมุ่นกับมันหน่อย อย่าออกมารู้ ให้ไหลรวมลงไป หมกมุ่นอยู่กับมันหน่อย ปรุงไว้แค่ว่ามันดีมันสุขมันสนุกมันสวยมันงาม อย่าแยกออกจากมัน ไหลรวมไปอยู่กับมัน ก็กลับไปอยู่กับกามได้เหมือนเดิม มีการตอบสนองทางร่างกายอารมณ์ได้ เป็นเหมือนเดิม
แค่เห็น แค่รู้แล้วกามดับ
กับต้องดิ้นรนปรุงแต่งฟุ้งซ่านตอบสนองต่อกามก่อนแล้วจึงดับ
มันก็ดับทั้งคู่แต่ดับเพราะคลายปรุงแต่ง หรือเพิ่มปรุงแต่ง
ยิ่งปรุงแต่งยิ่งทุกข์
เลือกตามกำลังครับ
หากคู่ครองเป็นคนที่มีคุณธรรมพอกัน การที่เราเป็นอย่างนี้กลับจะยิ่งทำำให้เราเป็นที่รักที่เคารพของคู่ครองมากขึ้น หากรักกันด้วยคุณธรรม ความเสียสละความเมตตาต่อกัน ความปารถนนาดีต่อกัน
คู่ครองความรัก อย่างคุณธรรม กับคู่ครองความรักอย่างโลก ผลก็ตามกำลังนั้นครับ
อนุโมทนาในคุณความดีทั้งหลาย อันเป็นเครื่องให้คลายออกจากทุกข์ครับ -
รอดมี said: ↑ขอร้องอย่าขี้โม้เลยครับ ไม่อยากมีกามราคะแต่มีแฟนเนี้ยนะ
ถ้าไม่มีจริงๆทำไมไม่เลิกกันไปให้รู้แล้วรู้รอด แฟนเขาจะได้ไป
หาคนใหม่ เอาเขามาทนทุกข์ใจทำไม
กามราคะมันไม่ได้เกิดเพราะใจอย่างเดียว มันเกิดจากกายด้วย
พอถึงเวลา ไปบังคับมันมากๆ เดี๋ยวมันก็หลั่งมาเอง
คนเราเวลาหิวกต้องกินข้าว ป่วยก็ต้องกินยา การดำรงเผ่าพันธ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์
นางวิสาขา เป็นถึงโสดาบัน ยังมีลูกเป็นโขยงเลย
หรือว่าพวกท่าน เลยขั้นโสดาบันไปแล้วClick to expand...
ส่วนคุณเจ้าของกระทู้คุณก็คุยกับแฟนครงๆว่าคุณปฎิบัติธรรมช่วงนี้คุณยังอิ่มในพระธรรมขอให้เธอเข้าใจเพราะที่เป็นอยู่คุณก็ไม่ได้นอกใจอะไรเธอหากว่าเธอรับได้ก็เป็นบุญของคุณแต่หากว่าเธอรับไม่ได้อันนี้คุณก็ควรพิจารณาเอาตามแต่กำลังปัญญาไม่มีใครช่วยใครได้ตนเป้นที่พึ่งแห่งตนครับดูว่าตอนนี้คุณยังเสียดายกามอยู่นะครับอย่าตรึงมากไปนะครับเดียวจะทำให้หมดกำลังใจในการปฎิบัติธรรมไปอีกแล้วที่ว่าคบกับแฟนนั้นจะผิดศิลไหมที่มีอะไรกันที่ยังไม่แต่งงานผมว่าแค่คุณไม่นอกใจแฟนคุณนั้นก็ดีแล้วครับศิลมีไว้ไห้รักษาเพื่ออยู่อย่างมีสติและความสุขอย่ากังวลครับเคร่งไปเดียวมันจะขาดไสเปล่าๆ
รักษาใจให้สะอาดผ่องแผ่วเป็นพอครับ ยกตัวอย่างนะหากว่าเดินไปเหยียบมดตายตแล้วคุณคิดว่าศิลคุณจะขาดใหมละครับ ศิลมันอยู่ที่เจตนา และการกระทำนะครับ เพราะงั้นอย่ากังวลมากไปเดียวจะทำให้ใจสับสนวุ่นวายระวังไปเปล่าๆครับหวังว่าคงเข้าใจนะครับพูดมากเดียวเขาหาว่าบ้าอิอิ
หน้า 2 ของ 5