ร่วมบุญเพิ่มเติม ประจำเดือน พย. 2553 ครับ
<style>@font-face { font-family: "SimSun"; }@font-face { font-family: "Angsana New"; }@font-face { font-family: "Tahoma"; }@font-face { }p.MsoNormal { font-size: 12pt; margin: 0cm 0cm 0pt; font-family: "Times New Roman"; }li.MsoNormal { font-size: 12pt; margin: 0cm 0cm 0pt; font-family: "Times New Roman"; }div.MsoNormal { font-size: 12pt; margin: 0cm 0cm 0pt; font-family: "Times New Roman"; }div.Section1 { page: Section1; }</style>โอนเงิน เข้าบัญชี 348-123-245-9
วันที่ 28 ตค. 2553 เวลา 18:19 น. จำนวน 200 บาท ครับ
อนุโมทนา สาธุ ครับ
ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ
ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.
หน้า 286 ของ 453
-
นโม ตัสส ภควโตฯ มหาพลานุภาพ มหานมัสการที่คาดไม่ถึง
<!-- Main -->
ความนอบน้อม อันถึงพร้อมด้วยกาย วาจา ใจ ต่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้เป็นบรมศาสดาแห่งมวลมนุษย์และทวยเทพ มีอานิสงส์ โดยข้อปฏิบัติที่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนา
คือ การเจริญพระพุทธคุณด้วยบทว่า "นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ" ซึ่งโบราณาจารย์เรียกว่า "มหานมัสการ"
"มหานมัสการ" คือ บทน้อมนอบที่สำคัญยิ่ง ในพระไตรปิฏก มีปรากฏบุคคลผู้สาธยายบทนี้
เป็นคำอุทานที่ไม่ใช่พุทธภาษิต กล่าวคือ พระพุทธเจ้ามิได้ทรงตรัสเป็นพุทธภาษิตด้วยพระองค์เอง
แต่เป็นข้อความและเรื่องราวที่มีปรากฏในพระบาลีหลายแห่งทั้งความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน
คือ บางท่านได้รับกิตติศัพท์อันสูงส่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็เปล่งอุทานขึ้นด้วยความเลื่อมใส
บางท่านเปล่งด้วยความพลั่งปาก แต่ทวาเป็นไปในทางที่ดี บางท่านก็เปล่งขึ้นด้วยตั้งใจจะเทิดทูนพระพุทธคุณ
เพื่อยึดเหนี่ยวเอาพระพุทธคุณมาเป็นอารมณ์ป้องกันภยันตรายที่จะมาเบียดเบียน อาทิ ท่านท้าวสักกะ ,
พรหมายุพราหมณ์ , ชาณุสโสณิพราหมณ์ , นางธนัญชานี , ลูกชายของนายทารุสากฏิกะ เป็นต้น
ภายหลังพุทธปรินิพพาน พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ได้ยกบทนี้ขึ้นสู่สังคายนาไว้ในพระสูตรต่างๆ
และใช้เป็นคำนมัสการขึ้นต้น เป็นแบบอย่างของชาวพุทธสืบต่อมา เช่น ใช้เป็นคำนอบน้อมเริ่มต้นก่อนรจนาคัมภีร์
เป็นต้น ฉะนั้น ชาวพุทธจึงนิยมสวดบทนมัสการนี้นำ ก่อนที่จะสวดบริกรรมมนต์บทอื่น และนิยมเขียนไว้เป็นเบื้องแรกของคัมภีร์
บท "มหานมัสการ" นี้ มีความสั้นกะทัดรัด แต่สามารถรวบยอดพรรณนาความสำคัญ ๓ อย่าง คือ พระมหากรุณาธิคุณ(ภควโต)
,พระวิสุทธิคุณ(อรหโต) , และ พระปัญญาธิคุณ(สัมมาสัมพุทธัสสะ) ของพระพุทธองค์ตามลำดับได้อย่างน่าอัศจรรย์
พระพุทธคุณทั้ง ๓ บทนี้ เป็นรากเหง้าเค้ามูลให้บังเกิดพุทธคุณทั้งปวงนับประมาณมิได้ มีความงามในเบื้องต้น
ท่ามกลาง และที่สุด เพียบพร้อมด้วยศัพท์และอรรถ มีความวิจิตรพิสดารด้วยนัยะหลากหลาย
พระพุทธคุณทั้ง ๓ บทนี้ ประเสริฐยิ่งนัก เพราะทำให้เวไนยสัตว์ตลอดกว่า ๒,๕๐๐ ปี ตราบจนถึงกาลบัดนี้
ได้มีโอกาสศึกษา ปฏิบัติพระธรรมตามความตรัสรู้ ได้รักษาชีวิตให้ดำเนินอยู่ในกุศล และมีโอกาสยกระดับจิตใจ
สติปัญญาให้สูงยิ่งๆ ขึ้น ลดละทุกข์ได้ตามลำดับ จนถึงความสิ้นทุกข์โดยสิ้นเชิงได้
ฉะนั้น การสาธยายบท "มหานมัสการ" นี้ ด้วยความนอบน้อม จึงถือว่าเป็นการเจริญ "พุทธานุสสติกรรมฐาน"
การน้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณเป็นสิ่งสำคัญ ผู้สวดบริกรรมหรือสาธยาย
ไม่ควรสวดหรือสาธยายนอบน้อมถึงพระพุทธคุณเฉพาะเวลากราบไหว้พระสวดมนต์
หรือประกอบพิธีกรรมการกุศลเท่านั้น แต่ ควรระลึกนอบน้อมทุกเวลาที่มีโอกาส
ดังเช่น นางธนัญชานีไม่ว่านางจะไอ จาม หรือแม้สะดุดลื่น หกล้ม ก็จะระลึกถึงพระพุทธคุณ
แล้วเปล่งอุทานนอบน้อมว่า "นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ" ทุกครั้ง
การบำเพ็ญบุญด้วยการเจริญพระพุทธคุณ ด้วยจิตศรัทธาเลื่อมใส จนเกิดความปิติปราโมทย์ด้วยความดื่มด่ำในพระพุทธคุณ
จัดเป็นกระแสห้วงบุญอันใหญ่หลวง ที่ยังกิริยาการนอบน้อมให้สำเร็จเป็นไปทุก ๆ (ชวนจิต) ๗ ขณะ ตลอดหลายแสนโกฎิครั้ง
กระแสบุญนั้นเป็นบุญไพศาล มีอานุภาพมาก มีอานิสงส์มาก เพราะเจริญในเนื้อนาบุญอันสูงสุด คือ พระพุทธเจ้า
ย่อมส่งผลให้ผู้นอบน้อมบูชานั้น ได้รับผลทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งที่เป็น "โลกิยะ" และ "โลกุตตระ"
ผลที่เป็นโลกิยะ ได้แก่ ทำให้แคล้วคลาดจากอุปสรรคอันตราย , ทำให้ขจัดภัยและความหวาดกลัว ,
ความตกใจ , ความขนพองสยองเกล้า , ประสบความสวัสดี , ความเจริญรุ่งเรือง , ได้รับชัยชนะ ,
มีสุขภาพอนามัยดี , มีอายุยืน , สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ , ชักนำให้เกิดในสุคติภพ
ผลที่เป็นโลกุตตระ ได้แก่ อริยผล ๔ ประการคือ โสตาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตตผล
เพราะผู้ระลึกถึงพระพุทธคุณด้วยความนอบน้อมอยู่เนื่อง ๆ ย่อมก่อให้เกิดศรัทธาที่ตั้งมั่นอันเป็นเหตุให้เกิดความปิติปราโมทย์
ที่มีกำลังมากในขณะนั้น ครั้นเจริญสติตามรู้ความปิติปราโมทย์นั้นเป็นอารมณ์
ก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลได้โดยพลัน ดังเช่น พระปุสสเทวเถระผู้อยู่ที่กัฏฐอันธการวิหาร
บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และพระนางอสันธิมิตตา อัครมเหสีของพระเจ้าอโศกมหาราชบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน
อานุภาพของบทมหานมัสการ "นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ"
อันประกอบด้วยพระพุทธคุณ ๓ ประการ ที่บุคคลผู้สวดบริกรรม หรือสาธยายด้วยจิตที่มีสมาธิแน่วแน่
น้อมระลึกพระพุทธคุณเป็นอารมณ์ด้วยทวารทั้ง ๓ จะแผ่ไปถึงแสนโกฏจักรวาฬ
ทำให้ผู้สวดหรือผู้สาธยายได้รับอานิสงส์มหาศาลประมาณมิได้ เฉกเช่นคนที่ไม่ได้รับประทานอาหาร
ย่อมไม่อาจรับรู้รสอาหารและผลของการรับประทานอาหารได้ พุทธบริษัทควรหมั่นสวดสาธยายบทมหานมัสการ
หรือบทสวดมนต์อื่นๆ ด้วยการน้อมระลึกถึงพระพุทธคุณอยู่เนื่องๆ เถิด บุญราศีโกฏฐานอันนั้น
ย่อมมีผลานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ฉะนี้แล
ขอขอบคุณ
Link -
ทำอานาปานสติควรลืมตาหรือหลับตา?
คำตอบคือขึ้นอยู่กับว่าเรามีเวลาเท่าไร ทำที่ไหน
มีเวลามากสักชั่วโมงหลับตาก็ดีจะได้ไม่วอกแวก
มีเวลาน้อยตอนคอยใครจะลืมตาก็ดีจะได้ไม่หลงเพลิน
ในอานาปานสติสูตร
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเจาะจงให้ลืมตาหรือหลับตา
แต่ขอให้พิจารณาตามจุดยืนจริงๆของแต่ละคน แต่ละขณะ
ถ้าลืมตาจะวอกแวกตามเหยื่อล่อสายตาไหม?
ถ้าหลับตาจะเคร่งเครียดเห็นนิมิตล่อใจวุ่นวายไหม?
ถ้ากำลังลืมตาหรือหลับตาแล้วเกิดข้อเสียใดๆ
ก็สลับกันเสีย เพื่อขับไล่ข้อเสียนั้นๆไป เท่านี้ก็จบ
หากลืมตาแล้วรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่อง ก็ควรลืมตาให้มาก
หากหลับตาถึงจะรู้ลมหายใจได้นานๆ ก็ควรหลับตาให้ต่อเนื่อง
อย่าไปกลัว หรือไปยึดรูปแบบว่าจะเอาอย่างไหนถึงจะถูก
เพราะมันถูกตรงจิต ตรงสติ ตรงความสามารถรู้ความไม่เที่ยง
ไม่ใช่ถูกตรงหลับตาหรือลืมตา
สำหรับคนส่วนใหญ่จะพบว่าการหลับตา
คือการปิดกั้นเครื่องรบกวนสายตา อันนี้ก็ถูก
แต่สำหรับคนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ถูกรบกวนด้วยเครื่องล่อตาง่ายๆ
และสมัครใจลืมตาทำอานาปานสติ อันนี้ก็อย่าว่ากัน
ขอขอบคุณ
Link -
ทำอานาปานสติควรนั่งขัดสมาธิหรือนั่งเก้าอี้?
ถ้านั่งขัดแข้งขัดขานานๆ
กล้ามเนื้อจะหดเกร็ง
และยิ่งถ้าได้ความพยายามเพ่งลมหายใจมาเสริม
สักพักเดียวก็อาจพบว่าเหน็บกินเหมือนร่ำๆจะพิการได้
แรกเริ่มจึงควรนั่งเก้าอี้ก่อน
อย่าไปติดยึดว่านั่งขัดสมาธิได้ถึงจะเก่งหรือถึงจะถูก
เมื่อนั่งเก้าอี้เจริญอานาปานสติจนบังเกิดความชุ่มชื่นแล้ว
คุณจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อผ่อนคลายสบายมาก
เพราะร่างกายหลั่งสารดีๆออกมา
และจิตก็ไม่ก่ออาการบีบคั้นร่างกายดังเคย
ถึงตรงนั้นถ้าเลื่อนขั้นมานั่งขัดสมาธิ
ก็จะได้ความสมดุลครบวงจร
ตามที่พระพุทธเจ้าแนะว่าอานาปานสติที่สมบูรณ์
ขอขอบคุณ
Link<!-- google_ad_section_end --> -
วันที่ 29 ต.ค เวลาประมาณ 07.10 น. ได้โอนเงินจำนวน 500 บาทเข้าบัญชีทุนนิธิฯ เพื่อร่วมทำบุญประจำเดือน พ.ย. 53 ครับ
-
ภาพบรรยายการเดินทางไปร่วมกฐินทุนนิธิ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนที่ 1
ขอเริ่มต้นด้วยภาพที่คุณพระท่านกำลังฉันอาหารเนื่องจากเดินทางไปถึงหลังสุดครับ
พี่น้องเพื่อนธรรมทั้งหลายที่มาร่วมทำบุญกุศลครับ
โอ่งน้ำมนต์ครับ ปีละครั้ง
และสิ่งของทั้งหลายที่ช่วยกัน ร่วมกันจัดหา เพื่อร่วมกันถวายครับ
สาธุครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ภาพบรรยายการเดินทางไปร่วมกฐินทุนนิธิ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนที่ 2
ข้าวปลาอาหารทั้งหลายก็ร่วมถวายก่อนแล้วค่อยทานต่อกันนะครับ
สาธุครับ
<!-- google_ad_section_end -->ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ภาพบรรยายการเดินทางไปร่วมกฐินทุนนิธิ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนที่ 3
ทีมธรรม นับปัจจัย ระดับ Pro. ครับ
ช่วงนี้ ก็เริ่มพิธีการกันครับ ทุกท่านตั้งใจกัน ดีมากครับ จิตใจตั้งมั่นกันครับ
สาธุครับ
<!-- google_ad_section_end -->ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ภาพบรรยายการเดินทางไปร่วมกฐินทุนนิธิ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนที่ 4
ปัจจัยได้ 581,069 บาท ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยครับ
หนังสือธรรมที่แจกในวันทำกฐินครับ
คุณแม่ของพี่ๆ ธรรม ทั้ง 3 ท่านเป็นผู้นำถวายผ้ากฐินและปัจจัยครับ
คุณพระหลวงพี่ที่รับประเคนผ้ากฐินครับ
ตอนนี้ก็กรวดน้ำครับ มือหนึ่งถ่ายรูป อีกมือก็ขอเกาะพี่ๆ เขาครับ
สำหรับชุดนี้ หลวงปู่ท่านเป็นเจ้าภาพกฐิน อีก 1 วัด จึงให้พี่ท่านแกะปัจจัยในซองใส่บาตร
และพวกเราก็ได้ร่วมบุญกันต่อครับ 2 ชั้นจริงๆ ครับ
สาธุครับ
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ภาพบรรยายการเดินทางไปร่วมกฐินทุนนิธิ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนที่ 5
ช่วงนี้หลวงปู่ท่านเมตตาพรมน้ำมนต์ให้ครับ
สาธุครับ
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ภาพบรรยายการเดินทางไปร่วมกฐินทุนนิธิ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนที่ 6
ขอปิดท้ายด้วยภาพที่หลวงปู่ท่านหันหน้ามาพอดีนะครับ
การกระทำอันใดทั้งหลายที่ลูกหลานทั้งหลายนี้ ได้ล่วงเกินไม่ว่าจะกาย วาจา ใจ ทั้งตั้งใจ ไม่ตั้งใจ
ทั้งหลายทั้งมวลนี้ ตั้งแต่ต้นชาติภพถึงปัจจุบัน
ก็ขอกราบขมาด้วยครับ
และขอแสดงความยินดีพี่ๆ หลายท่านที่จิตใจ มีสมาธิดีขึ้น
และทราบข่าวถึงพี่บางท่านที่ถึงคราวดวงไม่ดี ผมรู้สึกเสียใจครับ
แต่ที่บรรยายเนี้ย
ก็ขอบอกกล่าวกับท่านทั้งหลายว่า วันเวลาผ่านไป อะไรๆ ไม่คงทนจริงๆ
มีแต่บุญและกรรม ที่กระทำ ตามติดตราบที่ยังไม่เข้าสู่พระนิพพาน
สุดแท้แต่ท่านจะพิจารณาครับ ถึงแห่งความไม่ประมาท
มั่นทำบุญทำกุศล อย่างที่พี่ท่านว่าไว้ อะไรก็ไม่สู้ ทำบุญหรอก
สาธุครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขออนุโมทนาบุญกฐินทุนนิธิ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วยครับ สาธุ
-
พลอยขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่ได้ไปร่วมบุญกันที่โรงพยาบาลสงฆ์และงานกฐินทุนนิธินะคะ หวังไว้ว่าจะได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญกับทุกๆท่านสักครั้งหนึ่งนะคะ เห็นในภาพแต่ละท่านมีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสกันเหมือนอิ่มในบุญที่ได้ร่วมกันทำ พลอยก็รู้สึกปิติไปด้วยทุกครั้งเลยค่ะ..สาธุ สาธุcatt9
-
วันที่ 2 พ.ย. 2553 เวลา 12.55 น.
ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญ 300.- บาทครับ
ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ -
รูปเก็บตกงานทอดกฐิน
-
-
-
-
-
หน้า 286 ของ 453