"จิตแข็ง" ผมไม่รู้จะใช้คำอะไรถูกดี อยากขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือพูดคุยแบบประดับความรู้กันนะครับ
ผมไม่รู้หรอกว่าที่ผมเรียกว่า "จิตแข็ง" มันเป็นแบบเดียวกับที่ทุกๆท่านเข้าใจไหม จากตัวผมเองตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันก็อายุ 36 ปีแล้ว มีผู้ที่คิดหรือเหมือนตัวผมไหมว่า ทำไมเราไม่เคยเห็นวิญญาณ(ผี เปรต สัมภเวสี ต่างๆ หรือเทวดา) บางคนก็เห็นเยอะเหลือเกิน ที่เห็นเยอะนี่ไม่รวมพวกที่เค้า(ตาทิพย์)ได้รับอนุญาตมานะครับ ทั้งๆที่ผมเองก็คลุกคลีเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่จำได้ก็ประมาณประถม คือ คุณแม่ผมเค้ารับเป็นร่างทรง (ตอนนี้เลิกแล้ว) ก็มีกุมารทองเป็นผู้สื่อสาร ไอ้เรื่องเห็นผีก็น่าจะมีให้เห็นบ้างอะนะ แต่ว่าก็ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่เรื่องปรกติที่เวลาเค้ามาดูกันก็เพื่อถามข่าวคราวญาติที่เสียไป มารักษาบ้าง จะมีก็แบบแปลกเท่านั้น เช่น มีงูตัวใหญ่ๆมาพร้อมพวกที่มาดู เรายืนอยู่นอกบ้านคิดอะไรไปเรื่อย เค้าก็เลื้อยผ่านหน้าเราไปซะอย่างนั้น ก้าวขาไม่ออกสิครับ ห่างกันไม่เกินเมตร ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นงูเห่าหรือจงอางค์นี่แหละ ผมไม่เคยเจองูใหญ่ขาดนี้มาก่อน เพราะปรกติเวลาเค้าทำพิธีกัน ผมจะอยู่นอกบริเวณบ้าน ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องพวกเค้าเท่าไหร่ แต่ในความคิดของผมเชื่อว่า วิญญาณมีจริง ก็เลยได้เห็นสัตว์แปลกๆที่จะมาพร้อมกับพวกเค้าเหล่านี้ เช่น ตะขาบ งูชนิดต่างๆ หรือไม่บางทีแม่ผมคุยอยู่กับคนข้างบ้าน ในบ้านผมเอง แม่ผมก็ขอเหล้าเค้ามาดื่มซะแบบนั้น ไอ้เราก็งง แม่เราไม่เคยดื่มเหล้า แล้วไปขอเหล้าเค้ามาดื่มทำไม แถมดื่มทียกรีบกระดกเหมือนคนอยากเหล้า พอคนนั้นเค้ากลับบ้านไป แทนที่แม่ผมจะเมาหรือมีกลิ่นเหล้า ตรงข้ามกลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องแปลกๆแบบนี้มีอีกเยอะ จนผมชินกับสิ่งที่เห็น แต่แปลก แล้ววิญญาณหน้าตาเป็นแบบไหน เหมือนคนปรกติไหม น่ากลัวแบบหนังผีหรือเปล่า ขนาดที่เค้าคุยกันว่าตรงนั้นผีดุ ตรงโน้นผีดุ ด้วยความอยากรู้เนอะ กลัวก็กลัว(กลัวแบบโดนปลุกความคิด) ตอนกลางคืนยังอยากไปดูให้เห็นกับตา แต่ว่าก็ไม่เห็นมีอะไรเลย แถมความคิดนั้นก็หลอกหลอนอีกว่าตรงนี้ต้องมีสิ เค้าบอกกันมาแบบนั้น จนกระทั่งเข้าศึกษาธรรมมะมาแบบเต็มตัว ก็ได้ประมาณเกือบ 2 ปีเต็ม ก็ยังไม่พบประสบการณ์ดังกล่าว ล่าสุดไปวัดสุวรรณที่คลอง ๘ ลำลูกกา ตอนขากลับ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ตรงหน้าเมรุก่อนขึ้นรถ เค้าก็มาทักทายแบบลมแรงๆ พัดเอาใบไม้มาหา เหมือนประมาณว่าเค้าก็อยู่ตรงนี้ ในใจก็บอกว่า รู้แล้วครับ
บางทีเคยคิดน้อยใจว่า เอ ที่เราทำไปเพื่อเค้า(วิญญาณ) เค้าจะได้รับจริงไหมเนี่ย เค้าจะพ้นทุกข์ไหม มองก็ไม่เห็น ว่าไปจิตแข็งแบบนี้มันดีหรือไม่ดีกันแน่ บอกกับวิญญาณต่างๆ ถ้าอยากให้ช่วยเหลือ ให้มาเข้าฝัน ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งเดียว แต่ไม่เคยท้อ จะทำต่อไปจนกระทั่งตัวตาย เพื่อที่ให้พวกเค้าเหล่านี้พ้นทุกข์ ถ้าจะถามผมว่าทำไปทำไม "เสียดายคนตายไม่ได้รู้ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน เสียดายคนตายยังไม่ได้ทำ" ตอนที่ผมเริ่มสวดมนต์ใหม่ๆ แผ่เมตตา เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง คิดถึงเรื่องการตายของคนที่จากไป ได้เห็นข่าว ได้ยินเรื่องผีจากคนอื่นๆ เออ ว่าไปพวกนี้ตายแล้วไปอยู่ตรงไหนกัน หนาว หิว ไปไหนไม่ถูก รออยู่แต่ตรงนั้น คนที่มีบุญหน่อยยังไปเข้าฝันบอกได้ แล้วพวกที่ไม่เคยสวดมนต์ ทำบุญ ทำทาน หรือกำลังคิดอยากจะทำ แต่ยังไม่ทันได้ทำ ทำให้สงสารวิญญาณพวกนี้ขึ้นมาจับใจ จนน้ำตาไหล เลยบอกกับตัวเองไปว่า "เราต้องทำเพื่อพวกเค้าเหล่านี้ เราไม่ได้เกิดมาทำเพื่อตัวเอง" สำหรับคนที่ไม่เคยทำความดีเลย คนเหล่านี้เมื่อตายไปแล้ว เค้าไม่สามารถกลับมาแก้ไขตัวเองได้อีกแล้ว ตรงกันข้ามกับคนที่มีชีวิตอยู่เค้ามีโอกาสได้ศึกษา ได้เรียนรู้ วิธีการปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความคิดนี้เลยเกิดขึ้นมา อยากเรียนรู้วิธีทางเพื่อช่วยเหลือเค้าเหล่านี้ ตอนแรกคิดว่าวิปัสสนากรรมฐานอาจช่วยได้ หรือมโนมยิทธิ ที่อาจจะพอช่วยให้เห็นได้ แต่สุดท้ายสองอย่างที่กล่าวมา พอได้ลองศึกษาแล้ว มันไม่ได้ทำเพื่อพวกเค้าเหล้านี้แต่ทำเพื่อตัวเองนี่นา ก็เลยมุ่งสู่เป้าหมายเดิมคือ สวดมนต์แผ่เมตตาให้พวกเค้า ทำบุญ ทำทาน ปล่อยปลา อุทิศบุญกุศล แต่เป็นความโชคดีที่ผมสวดยอดคาถาพระกัณฑ์ไตรปิฎกได้ บทสวดบทนี้แหละ และการทำบุญ ทำทาน ปล่อยปลา ผมเชื่อว่าจะช่วยให้พวกเค้าเหล่านี้ได้ ผมมาเรื่อยเปื่อยไปแระ
สรุปในความคิดผมก็คือจิตแข็งไม่ดีในเรื่องของสิ่งที่เราอยากรู้และไม่ได้รู้ ส่วนสิ่งดีก็คือที่เราเชื่อและยึดถือในคำสอนของพระพุทธองค์เป็นจริงทุกประการ โดยไม่ต้องพิสูจน์
ใครที่เป็นเหมือนผมก็ หัวอกอันเดียวกันครับ มีความสุขในการช่วยเหลือคนอื่น ส่วนตัวเองปล่อยมันไปเหอะ ยอมรับชะตากรรมที่ตัวเองทำ ทำอะไรไม่ดีไว้ก็จงยอมรับสิ่งที่เราทำ อย่าผลักเค้าออกจากเรา ให้เค้าอยู่กับเรา ทำดีเพื่อพวกเค้า เพื่อที่พวกเค้าเหล่านั้นจะได้พ้นจากกงเกวียนของการเกิด
ขออนุโมทนาสาธุ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องของ "จิตแข็ง" ครับ
ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย na_krub, 10 มีนาคม 2012.
-
-
อนุโมทนา สาธุ
กรรมฐานนั้นอาจจะเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว อ่านจากของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หนะครับ
ผมก็คล้ายๆ กับท่าน มองไม่เห็นอะไรเลย ทำสมถะ วิปัสสนา ก็มืดตลอด ไม่มีนิมิต ไม่เห็นพวกกายทิพย์ แต่เชื่อว่ามีจริง และ มีความเมตตา สงสาร ทุกรูปนาม
ผมอยากให้ปฏิบัติกรรมฐาน สมถะ และ วิปัสสนา ต่อไปเรื่อยๆ นะครับ เพราะว่าก่อนจะช่วยผู้อื่นได้ เราต้องช่วยตัวเองได้ก่อน หากเรามีจิตคิดจะช่วย แต่กำลังเราน้อย เราก็ช่วยได้เฉพาะที่อยู่ใกล้ๆ หากกำลังเรากล้าแข็งขึ้น นอกจากเราจะได้กับตัวเองแล้ว เรายังช่วยได้อีกมากมายครับ
ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ท่านอาจจะเป็นพุทธภูมิ ที่ยังไม่ถึงเวลาเริ่มปฏิบัติจริงจัง ครับ -
จิตแข็งน่ะดีแล้วจ้า พวกจิตอ่อนชอบตกใจง่ายเห็นผีเข้าง่าย
แค่นั่งสมาธิหลับตาเห็นนิมิตรแปลกๆหรือน่ากลัวมันก็กลวแล้วครับ
-
ถ้าผู้ที่อยากหลุดพ้นคงอยากสนใจปฏิบัติกรรมฐานต่อ แต่ผมคงสะสมแบบค่อยๆไปทีละนิดดีกว่า แต่กรรมไม่ดี คงไม่เสาะแสวงหา ยังมีความสุขดีกับการช่วยเหลือพวกที่ตกอยู่ในวิบากกรรมต่างๆ มีกำลังช่วยเหลือได้เท่าไหร่ ก็ช่วยเหลือเท่าที่มีความสามารถ ฝืนกำลังตัวเองมากก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่ตัวคนเดียว ภาระหน้าที่ยังมีต้องทำ
ขออนุโมทนา แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ -
จิตแข็ง ผมไม่รู้เขาดูกันตรงไหน แต่ผมว่าผมจิตอ่อนแล้วไหวง่าย แต่ผมเกิดยามเสือ ในระบบฤกษ์ยาม กลางคืน เกิดมากลัวผี แต่อยากเห็น และไม่เห็นสักที คิดว่าน่าจะเป็นบุญรักษามากกว่า เพราะตอนเด็กเดินไปจะชนงูเห่าอยู่แล้ว ห่างกันแค่ศอกกว่า มันก็ง้างกะฉกอยู่ แต่ไม่ฉก พอผมเห็นก็ตั้งสมาธิแล้วกระโดดหนีเต็มที่เหมือนกัน แต่จำได้ตอนเด็กถ้าจำเป็นต้องผ่านที่น่ากลัวแบบหนีไม่ได้ จะสร้างมโนภาพว่าเราเป็นยักษ์ตาแดงตัวโต และดุดัน แค่นี้ก็จะมีความกล้าแล้ว จะกลัวผีน้อยลงมาก ลองเข้ามาสิ พ่อฟาดไม่เลี้ยง 555
-
ตีเค้าไม่ดีนะท่าน SP6580 วิ่งหนีดีกว่าครับ เร้าใจกว่าเยอะ เดี๋ยวนี้ประสบการณ์เจองูน้อยลงไปแล้ว ตั้งแต่สวดมนต์ ไม่เคยพบงูมารอบบ้านอีกเลย ตอนสมัยก่อนที่ยังไม่รู้เรื่องการสวดมนต์ งูรอบบ้านเยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ไปไหนกันหมด สงสัยไปเป็นเทวดาหมดแระ
พูดถึงเรื่องการสวดมนต์นิดนึง ก่อนสวดมนต์อย่าลืมขออนุญาตพวกที่อยู่รอบบ้านๆก่อนนะครับ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นทำบาปโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมยกตัวอย่างของผมที่ใช้นะครับ
"ณ ต่อจากนี้ไป ข้าพเจ้าจะทำการสวดมนต์ภาวนา ขอให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสวดมนต์ภาวนาของข้าพเจ้าได้หลบไปก่อน หลังจากที่ข้าพเจ้าสวดมนต์ภาวนาเสร็จแล้วขอให้ท่านทั้งหลาย ได้กลับมารับผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ด้วยเทอญ ถ้ามีผู้ที่ร่วมยินดีในการสวดมนต์ภาวนาในครั้งนี้ ข้าพเจ้าก็ขออนุโมทนาสาธุ ด้วยความยินดี สาธุ สาธุ สาธุ"
ถ้าไม่ทำเช่นนั้น เวลาที่เราสวดมนต์ไป ก็อาจจะไปทำร้ายพวกเค้าได้ เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของคาถาแต่ละบท มีอานุภาพเปรียบเสมือนมีดคมๆสามารถตัดชิ้นเนื้อพวกเค้าเหล่านั้น เป็นชิ้นๆได้เลย ถ้าพวกเค้าเหล่านั้นมีบารมีไม่เพียงพอที่จะรับ
ขออนุโมทนาบุญ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ -
อ้าว .. ไม่เคยอธิษฐานแบบนั้นเลยค่ะ และก็ไม่เห็นในตำราครูบาอาจารย์บอก ก็เลยไม่ได้สังเกตุตรงนี้.. เป็นงั้นจริงเหรอคะ
(อยากขอที่มาด้วย ..นิดนึง) -
ขออนุโมทนาบุญ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ -
เข้ามาเพราะชื่อหัวข้อจ้า
อาจารย์ปู่เคยพูดใส่ซีดีไว้ว่า "จิตอ่อนควรแก่งาน" ในที่นี้หมายถึงใจที่นอบน้อมอ่อนโยน มีความยืดหยุ่นไม่แข็งกระด้าง จึงสามารถใช้พิจารณาธรรมได้ดี หากว่ากันตามความหมายนี้แล้ว คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->na_krub จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา ไม่น่าเรียกว่า "จิตแข็ง" ในความหมายที่ sun dog คุ้นเคย
การสวดมนต์แผ่เมตตาอุทิศให้สรรพสัตว์ทุกภูมิเป็นสิ่งน่าสรรเสริญ วิปัสสนากรรมฐานก็สามารถทำควบคู่กันไปได้ sun dog ไม่รู้สึกว่าคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->na_krub มีปัญหาอะไรเลย
การที่เราอยากรู้อยากเห็นในโลกวิญญาณแต่ยังไม่สมหวังนั้น น่าจะเป็นเพราะเรายังก่อเหตุปัจจัยไม่ถึงพร้อมที่จะรู้เห็น ถึงแม้เราจะรู้หรือไม่รู้ก็ตามว่าผู้รับเป็นอย่างไร แต่เราก็ให้ได้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของเราในขณะนั้นจะทำได้...ไม่ใช่หรือจ๊ะ ขอให้เราตั้งใจให้อย่างเต็มที่ก็พอแล้ว การศรัทธาในความจริงใจของตนเองถือเป็นพละอย่างหนึ่งที่สำคัญทีเดียวจ้า -
ความจริงหากวิญญาณไม่สร้างข้อแม้ เขาก็สามารถอนุโมทนาเอาได้เลยตามอัธยาศัย ไม่ต้องคอยให้ใครอุทิศให้ก็ได้ อยู่โลกวิญญาณก็สามารถทำบุญได้ด้วยการอนุโมทนาบุญกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจ้า -
หลังจากการสวดมนต์ ผมจะกล่าวคำอุทิศบุญ ดังนี้
"ด้วยอำนาจบุญบารมีแห่ง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้ามามอบให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวิบากกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตก็ดี หรือสิ่งไม่มีชีวิตก็ดี ทั้งในโลก ในจักรวาล และใน ๓ ภพภูมิ ขอให้ท่านเหล่านี้ ได้รับผลบุญของข้าพเจ้า เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้พ้นจากวิบากกรรมต่างๆ ไปสู่ยังภพภูมิที่ดียิ่งๆขั้นไป และได้พบหนทางแห่งการปรินิพพาน"
หลังจากที่ผมทำบุญ ทำทาน ตามวัดต่างๆ ผมจะกล่าวคำอุทิศบุญ ดังนี้
"ด้วยอำนาจบุญบารมีแห่ง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้ามามอบให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวิบากกรรมต่างๆ ที่อยู่รอบๆบริเวณนี้ รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ จงมีอำนาจอิทธิฤทธิ์ ฤทธิ์เดชที่สูงส่งยิ่งๆขึ้นไป ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้รับผลบุญของข้าพเจ้า เพื่อที่ท่านทั้งหลายเหล่านี้ จะได้พ้นจากวิบากกรรมต่าง ไปสู่ยังภพภูมิที่ดียิ่งๆขั้นไป และได้พบหนทางแห่งการปรินิพพาน"
ขออนุโมทนาบุญ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ -
ขออนุโมทนาบุญ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ -
ไม่เคยเห็นเหมือนกันเห็นแต่ประตูห้องน้ำวัดเปิดปิดเองได้มีเสียงราดน้ำแต่ไม่เห็นมีคนเดินเข้าห้องน้ำ ลมก็ไม่กระดิกสักนิด พิจารณารอบครอบแล้วจึงเผ่น ไม่ขออยู่ดูผีขี้เล่น
-
อนุโมทนา แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
-
อนุโมทนาบุญ สาธุค่ัะ -
อนุโมทนา สาธุครับ
ขออนุโมทนาบุญ แด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่าน ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ