ถ้าเราไม่รู้จักยับยั้งตัวเอง ความหยุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ในคราวที่เราจะถลำไปสู่ความชั่ว
ในคราวผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ในคราวทะเลาะวิวาทกั้น
จะคิดทำทุจริต จะตกไปสู่อบายมุขและจะหันไปสู่ความเป็นคนเลว
เมื่อถึงคราวอย่างนั้น ก็จะต้องรู้จักหยุดข่มใจตัวเองตั้งสติไว้
รู้หนอ... รู้หนอ... นี่มันชั่วอย่าทำ
คิดหนอ... คิดหนอ... อย่าทำ คิดแต่ดี
นี่คือ ข่มใจของตัวเอง นี่คือ พระกรรมฐาน
ฝึกใจเพื่อตนเองให้กลับไปสู่ทางที่ดี ที่ถูกที่ควร
หรือเหมาะสมตามฐานะของตนเองโดยทั่วกัน
ท่านทั้งหลายเอ๋ยโปรดพิจารณาตัวเอง นี่คือ พระกรรมฐานทั้งนั้น
แต่ท่านไม่เคยกำหนดจิต
สติท่านไม่ดีจะหละหลวมเหลาะแหละเหลวไหลชัดเจน
ทมะจึงมีลักษณะเป็นความข่ม หมายความว่า การข่มใจ
ข่มตัวอย่าให้กำเริบเสิบสานจนเกินไป
ตามปกติตัวของเราถ้าปล่อยไปตามอำเภอใจ
ตามยถากรรมก็จะมีความจองหองพองขนขึ้นไปมาก
ทั้งในการกินอยู่ การเที่ยวเตร่
หนักเข้าตัวเองก็จะไม่สามารถปรนเปรอให้แก่ตัวเองได้
กลายเป็นคนมีความเป็นอยู่สูงเกินฐานะ
ผู้ที่เป็นอย่างนี้ ถ้าเป็นคนอยู่ในอุปการะของคนอื่น
ก็นำความเดือดร้อน อิดหนาระอาใจแก่อุปการะเลี้ยงดู
ก็แม้ว่าเป็นผู้หาเลี้ยงตัวเอง ก็ไม่วายเดือดร้อน
รายจ่ายเกินรายได้ หนักเข้าก็กู้หนี้ยืมสินรุงรังตั้งตัวไม่ติด
ยิ่งถ้าเป็นคนมีครอบครัว ก็จะพากันระส่ำระส่ายไปทั้งครอบครัว
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ท่านจึงสอนให้บำเพ็ญทมะ คือ รู้จักข่มตัว
คือ การเจริญสติข่มตัวเองไว้ มิให้เห่อเหิมเกินฐานะตัวเอง
จะเสียท่าเสียกาลเวลา
ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12211
ข่มใจของตัวเอง นี่คือพระกรรมฐาน (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 23 สิงหาคม 2007.
-
joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
-
[b-hi]
อนุโมทนา..
"ชนะสิ่งใด ก็ไม่ยิ่งใหญ่ เท่าชนะใจตนเอง" -
อนุโมทนาครับ....ใจมีสติอยู่กับกาย ผลลัพท์ทับกับปรกติ (ศีล)
-
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
เห็นรูปหลวงพ่อ คล้ายๆมาจากหนังสือกฎแห่งกรรม เล่มเท่าไรนา
แต่ที่แน่ๆ เล่ม 21 กฏแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญ ออกมาแล้ว
เรามีแล้ว ได้รับวันเกิดหลวงพ่อ เห็นรูปหลวงพ่อแล้วชื่นนนนนใจ -
คิดแต่ในสิ่งดีๆ แล้วสิ่งดีๆก็จะตามมา
-
.....อนุโมทนาสาธุ.....
จงแปลงกรรม..... เป็นธรรม.....
เพราะสิ่งที่ในทางโลกว่าไม่ดีนั้น จะเป็นทางสว่างให้จิตนั้นได้เห็นความจริง
แต่ในความดีในทางโลกนั้น จะเป็นทางมืดให้กับจิตนั้นได้หลงไปในความ
รู้ที่ไม่เป็นความจริง.....
.....ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการที่จะยอมรับผลของกรรมนั้นจิตในสันดาน
ของตัวข้าพเจ้านั้นในส่วนใหญ่จะไม่ค่อยยอมรับในผลที่ได้พบเจอในอดีต
.....แต่ข้าพเจ้านั้นก็จะปฎิบัติเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อพัฒนาจิต
ให้ยอมรับกับสิ่งต่าง ๆ และให้ได้เข้าใจถึงเหตุ....ต่าง ๆ และผลที่ได้รับ
ซึ่งข้าพเจ้าจะเรียนรู้ธรรมะจากธรรมชาติที่เกิดขึ้น และจะชวนเพื่อน ๆ
มาเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมะที่ท่านพระพุทธเจ้านั้นท่านได้ตรัสไว้ชอบแล้ว
เพื่อทางออกของจิตอันวุ่นวายในวัฎจักรนี้ คือความอยากมี อยากเป็น
ซึ่งในบางครั้ง เมื่อความอยากเกิดขึ้นก็เกิดความไม่สบายใจ แต่
พอได้แล้วความไม่สบายใจนั้นก็ได้หายไป แต่ได้คิดไหมว่า
สิ่งที่ได้มานั้นในบางครั้งมันก็ไม่ได้มีประโยชน์จำเป็นอันใดเลย
แต่ทำไม .... ต้องเป็นกังวลในสภาวะจิตที่ฟุ้งซ่านอยู่เป็นประจำ
.....ขอให้ท่านได้รู้เท่าทัน ในรูป นาม ทั้งหลาย เพราะทุกสิ่ง
เป็นไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นของธรรมดา
##### สาธุ สาธุ สาธุ ##### -
แหมอ่านแล้วรู้สึกว่ากรรมฐานนี่ง่ายมากเลยค่ะ