ขอแสดงความยินดีกับคุณปาฏิหาริย์ และคุณ ufo no.356 ด้วยนะครับ
ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.
หน้า 55 ของ 661
-
คิวต่อไป หรือต่อๆไป ต้องไม่พลาด
คุณ rescuelp คุณ mead คุณ Falkman คุณจิตต์ปภัสสร
และ คุณ apichan แน่ๆเลยครับ ผมว่า.
เพราะว่าท่านเหล่านี้..ผมเชื่อว่า..
เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และมีจิตใจที่ดีงามผ่านเกณฑ์อยู่แล้วหละครับ
ขอแสดงความยินดีกับทุกๆท่านด้วยเช่นกันครับ
ท่านอื่นๆอีก 95 ครอบครัว และอีก 5000 คนทั่วโลก
ที่ระบบยังไม่ได้เปิดเผยตัวให้ทราบ
ผมเชื่อว่าวนเวียนอยู่ในเวปพลังจิตนี้
ไม่น่าจะต่ำกว่า 1000 คนกระมัง..อันนี้คิดเอง พูดเอง นะครับ -
ระบบจะบอกย้ำเสมอว่าอย่าตั้งความหวังทุกครั้งที่ทำอะไร เพราะว่าถ้าเริ่มตั้งความหวังเมื่อไร ก็จะต้องพบเจอกับความสมหวังและผิดหวังเมื่อนั้น ดังนั้นผู้ฝึกจึงค่อยๆ เคยชินกับการทำอะไรที่ไม่ตั้งความหวัง แต่ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรแบบไม่ค่อยตั้งใจนะครับ คือคิดแค่ว่าทำตามเหตุตามปัจจัย เช่น เมื่อเราจะต้องไปสัมภาษณ์เข้าทำงานที่ไหนซักที่นึง ก็ไปด้วยคิดเสียว่าไปตามเหตุตามปัจจัย เหตุปัจจัยอะไรล่ะ ก็คืองานที่เขาเปิดรับตำแหน่งนี้ เราก็มีความสามารถที่จะทำได้พอดี วุฒิการศึกษาก็ตรง อายุก็ไม่เกิน(รึเปล่า) ที่ทำงานใหม่ก็ไม่ไกลบ้านมากยังอยู่ในวิสัยที่จะเดินทางไปกลับทุกวันได้ ก็ในเมื่อโอกาสเป็นของเราแล้วอย่างนี้ก็ถือว่าเหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่เราสมควรจะไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งนี้ แล้วเราก็คิดว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่ที่สำคัญคือไปโดยไม่ตั้งความหวัง คือเหมือนกับทำใจว่าได้ไม่ได้ก็ช่างมัน เพราะว่าเราพยายามทำดีที่สุดสำหรับการไปสัมภาษณ์งานของเราแล้ว
ก็แบ่งปันประสบการณ์กันครับมิบังอาจชี้แนะ แต่ว่าผมนำมาใช้ได้ผลมาแล้วครับไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทฯ ญี่ปุ่นในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร เมื่อประมาณปี2543 (กลับจากฝึกมาแล้ว)หลังสัมภาษณ์เสร็จผมก็เดินยิ้มออกมาเลยครับ เพราะรู้ว่าไม่ได้แน่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง แต่ก็ไม่ทุกข์เพราะความผิดหวังเลย ก็จะสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอะไรที่ใช้คำว่า"ฝึก" ก็จะต้องมีการนำไปใช้จริงกันทั้งนั้น เช่น นักกีฬาต้องมีการฝึกซ้อมเพื่อนำไปใช้แข่งขันจริง การฝึกช่างฝีมืออาชีพก็เพื่อเอาไปประกอบอาชีพได้จริง การฝึกจิตจากระบบจากสถานการณ์จริงก็เพื่อเอาไว้ใช้ดับทุกข์ตอนที่จะต้องทำงานจริง หรือไม่ให้ทุกข์ตอนที่ต้องพบเจอกับชีวิตจริงที่มีแต่ความไม่แน่นอนของโลกธรรม 8 โดยที่อาจจะไม่ใช่สถานะการณ์ที่ระบบสร้างขึ้นก็เป็นได้ครับ -
คิดซะว่าไปเที่ยวต่างประเทศเล่นๆก็แล้วกันครับ ^-^ ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนะครับ -
อยู่หลังไมค์ซะนานขอออกมาหน้าจอบ้างก่อนอื่นขอ แสดงความยินดีกับนามใหม่ของกองบัญชาการท่านมนุษ์ต่างดาวค่ะ และขอยินดีกับสมาชิกใหม่ทั้งสองท่านในการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ขออนุโมทนาบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลด้วยค่ะ
-
สวัสดีครับทุกท่านและพี่สุดใจ
สวัสดีครับ พี่สุดใจ พี่ no.9 และเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ หนุ่ม หลายๆคนอาจไม่รู้จัก เพราะไม่เคยแสดงตัวหรือตอบกระทู้เลยสักครั้งเดียว นี่เป็นการลงกระทู้ครั้งแรกหลังจากที่ได้อ่านมาอย่างเดียว แต่พี่สุดใจรู้จักผมเพราะคุยกันอยู่เพราะบ้านเดียวกัน (อยู่ข้างๆบ้านเลยแต่เพิ่งมารู้จักที่งาน UFO) เข้าเรื่องเลยละกัน พี่สุดใจเคยบอกผมว่าผมเป็นการถูกฝึกเดี่ยว จากที่ผมอ่านประสบการณ์ของหลายๆท่าน และได้นำมาเทียบเคียงกับประสบการณ์ของผมที่ได้พบมาและได้ฟังคำอธิบายจากพี่สุดใจ คิดว่าคงโดนฝึกมาตั้งแต่ ปี 2542 เจอสารพัดเรื่อง โดนโกงเงินบ้าง ทำงานเสร็จจะส่งมอบลูกค้าพรุ่งนี้ วันนี้มีเหตุให้ต้องสะดุด ไม่สามารถส่งมอบงานได้ทุกที ทุกข์มากไม่ว่าเรื่องครอบครัว สารพัด ตกงานไม่มีเงินใช้ แต่สังเกตุได้ช่วงที่เงินในกระเป๋าใกล้หมด จะมีช่องทางให้ได้เงินมาตลอด ไม่มากแค่พอใช้ ถ้าเหลือ 20 บาทก็จะเหลือแค่นั้นถ้าเราคิดว่าพอ แต่ถ้าคิดว่าไม่พอจะมีมาให้ใช้ตลอดเงินไม่ขาดมือ แต่ไม่มาก เป็นแบบนี้มาเรื่อยจนถึงสงกรานต์ปีที่แล้วที่รู้สึกว่า ไม่ไหวแล้วชีวิต เลยจะไปบวช พอไปขอบวชที่วัดแห่งหนึ่งที่นครสวรรค์ พระท่านบอกผมว่า "เอ็งนะบวชไม่ได้หรอก บวชใจก็พอ" คำว่า (บวชใจก็พอ ตรงกับคำพูดของพี่สุดใจ และพระท่านที่วัดเขาพนมเศษ บอกผมเลย) พอพระท่านบอกแบบนั้นก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรบวชพราหมณ์ ถือศีล 8 ก็ได้ (ลืมบอกไป ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 42 มา จะมีความรู้สึกเหมือนว่า กำลังค้นหา ต้องค้นหาอะไรสักอย่าง จนมาหนักเข้าช่วงเดือนที่ผ่านมา แล้วจะเขียนให้อ่านภายหลัง) ขณะบวชพราหมณ์ก็ได้พระท่านสอนหลายอย่าง เรื่องจิต เรื่องธรรมะ การปฏิบัติ ทำเช่นเดียวกับพระหมดทุกอย่าง เหมือนได้เวลาต้องมาทำงาน พระท่านให้ไปทำงานได้ ก็สงสัยจะไปทำงานไหน ตกงานอยู่นะ ก็มีคนโทรมาตามให้มาทำงาน พอมาทำงานก้มีความรู้สึกแปลกๆตามมา ฝันเห็นพระบ้าง เห็นสถานที่บ้าง แต่ไม่ได้คิดจะไปพิสูจน์อะไร ช่วงเดือนธันวาคม 2550 จะหนักขึ้น ไปสถานที่เดียวๆกันในฝันหลายคืนติดต่อกันจนสงสัย และจนได้ไปเห็นประกาศใน web เรื่องการจัดงาน UFO ไม่ได้คิดจะหาแต่มือมันพาไปจนเจอ ยังงงๆอยู่เลย จนถึงวันจัดงาน UFO ไม่คิดอะไรนั่งทำความสะอาดห้อง ซักผ้า ฟังเพลงเพลิน ๆ ก็ไม่คิดที่จะไปงาน จนกระทั่ง 12.30 ไม่รู้นึกอย่างไร ลุกขึ้นแต่งตัวเฉยเลยก็คิดในใจเอาวะไปก็ไป เพราะคิดว่าไปอย่างไงก็ไม่ทันงานอยู่แล้ว ไม่รีบ เดินลงมาจากหอพัก รถ taxi จอดรับเฉยเลย ใจคิดจะไปรถเมล์ถูกกว่า เอ๊าจอดแล้วก็ขึ้นเลย ไม่ทันบอกว่าจะไปไหนเหมือนรู้ พอดีผม print ภาพประกาศของงานมา เลยยื่นให้คนขับ taxi เขาเลยบอกว่า อ๋อจะไปงานนี้เหรอ ผมก็บอกครับ แล้วก็เงียบไม่กล้าพูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าบ้า ปกติ กทม. รถจะติดแต่วันนั้นแปลกโล่งมากๆ รถก็ขับไม่เร็วนะ ไปถึงงานเวลาประมาณ 13.05 ใช้เวลา 15 นาทีเห็นจะได้ไปถึงงาน งงเลยเพราะไม่คิดว่าจะไปทัน ไปไม่รู้จักใครสักคน แล้วก็ลงทะเบียนนั่งตามปกติ ใจยังคิดมีกลุ่มนี้เยอะเหมือนกันแฮะ ในงานมีทั้งเรื่องเตือนภัย เปิดพลังจักรวาล ซักถามคำถาม พูดภาษาแปลกๆ ก็ฟังไปเรื่อยๆจนจบงาน จนจะกลับบ้าน ก็เหมือนมีความรู้สึกให้ต้องอยู่รอ วันนั้นเดินกลับจากงานเป็นคนสุดท้าย เดินออกจากซอยมา พี่ที่ทำงานการบินไทย ก็เลยรับขึ้นรถมาด้วย (เห็นเดินคนเดียวเลยสงสาร) ชวนมาทานข้าวด้วย ก็ไป ไม่รู้จักใครเลยแต่ก็ไป (หน้าด้านไป อิๆ) ก็เลยได้คุยกับพี่สุดใจก็ที่ร้านอาหารนี่แหละครับเลยรู้ว่าเป็นคนข้างบ้านกันที่ไม่รู้จักกันเลย แปลก วันนั้นผมยังได้บอกพี่สุดใจเลยว่า (ผมไม่รู้ตัวเองนะ ว่ามาทำไม มาเพื่ออะไร ก็ไม่รู้จริงๆ) หลังจากวันนั้นมาก็ยิ่งมีความรู้สึกต้องค้นหาเพิ่มมากขึ้น หาอะไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งเดือนที่แล้ว ฝันเห็นพระ 2 รูป เห็นโบสถ์ เห็นภูเขา พระท่านมาสอนเรื่องกรรมฐาน ประมาณ 3 คืนติดต่อกัน คืนที่ 3 พระทั้ง 2 รูปท่านพาผมเดินเที่ยวรอบวัดพอดีช่วงที่ไปเป็นงานบุญพอดี มีคนเยอะเลย และมีช่วงหนึ่งเดินผ่านป้ายวัด จำได้ชื่อว่าวัดเขาพนมเศษ ตื่นมาก็ยังจำได้แม่น พอมาทำงานก็ search หาที่ google ก็ปรากฏว่ามี 5 รายการ ที่แปลกคือบอกที่อยู่ครบเลยว่าอยู่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ทั้ง 5 รายการที่ขึ้นแสดง ก็จดไว้และพอดีวันเสาร์เป็นวันหยุด เลยตั้งใจจะไปพิสูจน์ โทรถามทางเพื่อนที่อยู่แถวนั้น ก็บอกทางไปให้แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปถูกหรือเปล่า วันเสาร์ไปกับพ่อแม่และแฟน ก็ขับรถไปเรื่อยๆ พอไปถึงที่วัด พ่อแม่ยังถามเลยว่ารู้จักหรือว่าเคยมาฮึไม่เคยมา แต่ก็มาถูกไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้อย่างไง เหมือนมีคนบอกมาตลอดทาง ไปถึงวัดเงียบมากไม่เห็นมีพระเลย ก็เลยขับขึ้นไปบนเขาผ่านโบสท์ไม้เก่าๆ ก็บอกพ่อแม่นี่แหละโบสท์นี้เลยที่ฝันเห็น แต่ในฝันกับความจริงต่างกันมาก เพราะโบสท์เก่ามากๆจะพังอยู่แล้ว พอไปถึงกลางเขา หมดทางขึ้นแหละมีลานจอดรถหน้าหลวงปู่ขาว เงียบมากๆ แต่ที่แปลกมีพระรูปหนึ่งเดินมาเหมือนรอกลุ่มของผมอยู่ ถามว่าจะมาไหว้หลวงปู่เหรอ เราก็ไม่รู้เนอะหลวงปู่ไหน ก็ตอบครับๆ เดี๋ยวอาตมาจะนำทางไปให้ ต้องเดินขึ้นเขาไป กลุ่มผมก็เดินตามท่านไป กลางทาง พ่อแม่ บอกขอลงก่อนเดินไม่ไหว ไปกันเองละกัน ก็ขึ้นถึงยอดได้กราบหลวงปู่ และคุยธรรมะกับพระท่าน ท่านสอนแปลกๆ ไม่เหมือนที่เคยได้ฟังมาเลย และท่านบอกว่าอย่างผมไม่ต้องบวชพระหรอก บวชใจก็พอ พูดเหมือนกันแป๊ะ ยิ่งงงไปใหญ่ สนทนาอยู่พักใหญ่ก็ขอตัวกลับก่อน (มีเรื่องแปลกก่อนลงจากเขา ท่าบอกว่าท่านรู้ได้ว่าถ้าหากจะมีใครขึ้นมาบนเขา นกจะร้อง 3 ครั้ง ตอนที่ผมจะลงเขามากับแฟน 2 คน นกร้อง 3 ครั้ง ผมกับแฟนได้ยิน ก็ยังคุยกัน สงสัยเห็นเรามั๊ง เลยร้อง พอเดินลงมากลางทาง ปรากฏมีกลุ่มคนแก่ๆ เดินสวนทางขึ้นมา ยังยิ้มทักทายให้กันเลย แปลกแต่จริง) หลังจากได้ไปพิสูจน์แล้วกลับมาก็มีเรื่องฝันแปลกๆมาเรื่อย จนเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน มีความรู้สึกต้องโทรหาพี่สุดใจก็เลยโทรคุย ก็คลายความสงสัยไปได้เยอะหลังจากที่คุยและคิดว่าต้องไปเขากะลาสักครั้ง วันเสาร์ที่ผ่านมาผมหยุดเลยคิดกะจะไปเขากะลาสักหน่อย ตอนเที่ยงพอดี พี่สุดใจโทรมาบอกว่า ไปได้ ยังแซวพี่สุดใจอยู่เลย เหมือนรู้ว่าผมจะไปเขากะลา และย้ำว่าระบบให้ไปได้ ปลอดภัยไม่มีอะไรไปได้เลย วันเสาร์ก่อนไปเขากะลาตอนเย็นได้เลยไปเขาพนมเศษก่อนเพราะแม่ถูกหวยเลยแวะไปไหว้หลวงปู่ขาวก่อน ที่แปลกเขาพนมเศษอยู่ตรงข้ามกับเขากะลามองเห็นกันได้เลย เขาพนมเศษมีลักษณะเหมือนเจดีย์คว่ำ พระท่านบอกว่าที่นี่เป็นเมืองลับแล ทุกวันพระจะมีลูกไฟขึ้น ดวงใหญ่มากเท่าขนาดใบพัดลม ชาวบ้านขึ้นมาหลงหายไปกลางทาง 3 วันก็มี ต่อๆ หลังจากไหว้หลวงปู่ขาวแล้วก็จะไปเขากะลาละ ตลอดทางก็ได้มีการโทรถามทางพี่สุดใจตลอด พอไปถึงป่าอ้อยผ่านวัดและโรงเรียนไป มืดมากมีแต่ไฟรถส่องทางอย่างเดียว ผมก็ขับรถไปเรื่อยๆ กะว่าคืนนี้ลุยละจะขึ้นให้ได้ แต่พ่อแม่และแฟนบอกให้กลับเพราะรู้สึกกลัวมากๆ บอกให้กลับอย่างเดียว พี่สุดใจเลยต้องบอกให้กลับก่อน เพราะทางระบบรับทราบแล้ว ตลอดทางที่กลับมา มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้กลับมาคันเดียว ความรู้สึกเหมือนตามมาเยอะเลยแหละ กลับมาถึงบ้านก็เฉยๆ ตอนเช้าแม่จับไข้เลย เหมือนเจอผี แม่บอกว่าเกิดมาไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ครั้งนี้กลัวมากๆ ไม่เคยกลัวอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย เกือบพาแม่ไปช็อคตายซะแล้ว ส่วนแฟนบ่นๆว่าปวดตามตัวมาก ส่วนผมเฉยๆไม่รู้สึกเลยแต่รู้สึกเหมือนมีใครตาม จนกระทั่งกลับมาทำงานที่ กทม. ก็ยังตาม โดยคืนที่กลับมาจาก นว. มาถึงห้องพักราวๆ ตี 2 กว่าๆ จะนอนปิดไฟ กึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนมีใครมาเดินในห้อง 2 คน มีเดินมานอนข้างๆแบบประชิดติดตัวเลย 1 คน ใส่ชุดสีขาวไม่เห็นหน้า ส่วนอีกคนเดินอยู่ปลายเท้า ดิ้นไม่ได้เลย ในใจก็บอกไม่กลัวเหรอ คล้องพระนะ ท่องบทสวดมนต์ก็ยังอยู่ สักพักดิ้นหลุดได้ เปิดไฟเลย ครั้งนี้จะนอนแบบเปิดไฟนี้แหละ นอนได้เอาผ้าห่มคุมโปง นึกภาพตามผมนะ นอนชันเข่าเพราะผ้าห่มมันสั้นเลยต้องชันเข่าส่วนหัวก็ทับปลายอีกด้านไว้ ผ้าห่มก็จะตึงๆ ก็พยายามมองรอดผ่านช่องผ้าห่มไป ก็เห็นเป็นคนใส่ชุดขาวมานอนอีกแหละส่วนอีกคนที่เดินปลายเท้าก็เดินอยู่เหมือนเดิมแต่ไม่เดินปลายเท้านะสิคราวนี้เดินผ่านกลางตัวเลย ผ้าห่มที่คุมโปงและตึงๆ ยุบบุ๋มเป็นรอยเท้าเวลาย่างเหยียบเท้าลงมาเลย เห็นจะๆ ไม่นอนแล้ว นั่งยันเช้า เรื่องนี้เกิดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ช่วงที่พี่สุดใจบอกว่าจะนัดคุย นี่ก็เป็นประสบการณ์ของผมบางส่วน และผมเคยเห็นดาววิ่งครั้งเดียว และที่บอกว่าผมกำลังค้นหาต้องค้นหาอะไรนั้น ถึงขณะนี้ ตอนนี้ผมหมดความรู้สึกที่จะต้องตามหาหรือค้นหาอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้สึกอีกแล้ว รู้สึกโล่งมากกว่า รู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นของเราหรือตัวเรา ไม่มีตัวเราอยู่ และช่วงพักหลังนี้ก็ไม่ฝันเห็นอะไรอีกเลย และที่กำลัง post ข้อความอยู่นี้ก็เป็นเวลา ตี 2:40 ซึ่งผมจะกลับห้องพักไปตั้งแต่เวลา 23:50 โดยประมาณเพื่อพักผ่อน แต่ไม่รู้อะไรต้องมา post ก่อน post เรื่องที่เคยพบมาให้เพื่อนๆฟังก่อนทั้งๆที่จะไปนอน เหมือนโดนบังคับอย่างไงไม่รู้ ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆทุกท่านนะครับ ..........หนุ่ม -
คงมีโอกาศได้ร่วมงานกันในอนาคตครับ -
ทุกทุกสายทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันหมด ไม่ว่าจะเป็น โนวา อนาลัย - จิตจักรวาล - หรือการฝึกของกลุ่มพี่สุดใจเขากะลาจากมนุษย์ต่างดาว (น่าจะเรียกเป็นครูบาอาจารย์จากต่างมิติมากกว่า) หรือจะเป็น การคัดคนไปฝึกกับหลวงตาหลวงปู่ต่างๆในป่าก็เช่นกัน พลังจักรวาลของอาจารย์ดาสิราก็ตามวิชาต่างๆถูกรื้อฟึ้นขึ้นมาใหม่ เพราะจุดมุ่งหมายของทุกสายล้วนมีหน้าที่สำคัญในการช่วยเหลือจิตวิญญาณมนุษย์ครับ คือการฝึกให้เข้าใจในธรรมชาติของจิตวิญญาณของทุกสรรพสิ่งอย่างจริงจังในช่วงนี้ เนื่องจากว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ โลกกำลังย่างก้าวไปสู่ยุคใหม่ แต่ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงน่าจะมีอุบัติการบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอนล่ะครับ เหมือนในหนังสือ"โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ"แจ้งไว้ เผ่าพันธ์สุมาริสา มักจะถือกำเนิดเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกใบนี้...น่าจะหมายถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆที่มีหน้าที่ส่งผ่านการข้ามยุคก็ได้ครับ
เดี๋ยวนี้แม้แต่ในความฝันก็ยังถูกทดสอบ ทั้งพบกับคนแปลก ๆ แต่ละฝันระบุถึงหน้าที่บางอย่าง แม้จะมาในความฝันต่างรูปแบบ แต่ทุกหน้าที่ในฝันคือการไปเป็นผู้ช่วยใครบางคน บางคนก็รู้แล้วแต่ไม่แน่ใจ:-
คนในระบบต้องเปิดเครื่องพรางกันแล้วเหรอครับ หล่อๆกันทั้งนั้นเลย
AF 1--AF2---AF3...>>> โหวตกันซะเลยดีมั๊ย อิอิ
(good) -
-
(good) (good) (good) THANK YOU VERY MUCH I WILL BE BACK IN THAILAND OCTOBER 2008 I HAVE NEW POWER AND NEW SYSTEM FROM UFO.........KRUB
-
อ่อแล้วยินดีกับคุณพี่UFO no.356ด้วยครับ*-* -
ติดตามคุณสุดใจมาตั้งแต่สัมมนา ufo สนใจมากขอบคุณค่ะที่อธิบายเรื่องขันธ์ห้า ได้ความรู้มากเลยตอนนี้พยายามศึกษาศาสนาพุทธ ตามแนวเรื่องการฝึกแยกสติกับความคิดอยู่ค่ะ คล้าย ๆ กับที่คุณสุดใจอธิบายเลยค่ะ จะเอาแนวที่เล่ามาไปปฎิบัติค่ะ ตอนนี้ยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่ แต่จะพยายาม อย่างที่คุณสุดใจว่าทำงานด้วยเวลาการฝึกจะน้อยจิตและเผลอตลอดเลยค่ะ
-
งั้นแอดมาใหม่ก็แล้วกัน
andromedar@hotmail.com -
เรียน ท่านสมาชิก
อยากทราบว่า ท่านที่เป็นมนุษย์ไฟฟ้า มีวิธีอะไรที่จะควบคุมไม่ให้ คลื่นไฟฟ้าที่แผ่ออกมาไปรบกวนการทำงานของ
เครื่องใช้ไฟฟ้ารอบตัวอย่างไรบ้างครับ ควรจะกดไว้ภายในหรือควรจะปล่อยออก หรือว่าควรเพ่งไปที่ของอย่างอื่นแทนครับ เพราะอาจทำให้อึดอัดถ้าไม่ได้ปล่อยออกมา
ขอบคุณครับ -
-
ถ้าจำไม่ผิด
มนุษย์ปกติ มีความต่างศักย์ไฟฟ้าภายในร่างกายประมาณ55 โวลต์
สำหรับกระแสไฟที่เกินไป สามารถหาสิ่งที่มีลักษณะ เป็น สายดิน หรือ กราวนด์ ระบายออกไปครับ เช่นพื้นดิน ต้นไม้ หรือ ถ้าบนอาคารไปจับแท่งเหล็กที่เชื่อมไปยังพื้น (อาจจะมีเสียงเปรี๊ยะ เจ็บบ้าง) เมื่อระบายออกไป
...
ถ้าทำได้เก็บประจุไฟฟ้า
ในจุดที่เป็นแบตเตอรี่สะสมในร่างกายเราครับ -
ขอขอบคุณ คุณชยุต คุณ O.A.T. และคุณปาฏิหารย์ มากค่ะที่ได้กรุณาตอบข้อซักถาม ให้ข้อมูล และ นำเรื่องที่น่าสนใจมาเล่าให้เพื่อน ๆสมาชิกได้รับฟังกัน
ค่ะ ก็เป็นการรับงานระบบอย่างเต็มตัวของรุ่น 51 และเริ่มงานด้วยการให้ข้อมูลและตอบปัญหาชีวิตไปพร้อม ๆ กันซึ่งมีทั้งในรูปแบบจิตวิญญาณ และรูปแบบเทคโนโลยีที่ผสมผสานกัน ซึ่งทุกท่านมีประสบการณ์มามาก ในแต่ละด้าน จึงสามารถให้คำตอบในสิ่งที่หลายท่านสงสัยและถามเข้ามาได้ ซึ่งพี่สุดใจก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
พี่สุดใจมีเวลาว่างเล็กน้อยในวันนี้ เลยขอเข้ามาคุยด้วยหน่อยนะคะ
จึงขอแจ้งไปยังผู้รับมอบหมายงานดูแลกระทู้นี้ เพื่อทราบด้วย
แล้วพบกันในโพสต์ถัดไป ขอบคุณค่ะ -
ขออนุโมทนากับทุกท่านที่คุณชยุตได้กล่าวถึง เพราะทุกท่านที่กล่าวมานี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติจิตมาแล้วอย่างยิ่งยวด จึงเป็นผู้ที่เสียสละ ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อผู้อื่นมาโดยตลอด ซึ่งบางท่านพี่สุดใจอาจจะเคยรู้จัก หรือไม่เคยรู้จัก นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะดวงจิตของท่าน การปฏิบัติของท่านนั้น ๆ ต่างหากที่น่าสรรเสริญยิ่ง<O:p</O:p
<O:p</O:p
ดังนั้น ในวันนี้ พี่สุดใจขอกล่าวในเรื่องนี้สักนิด เพื่อที่หลายท่านที่กำลังเคลือบแคลงสงสัย อาจพอทำความเข้าใจได้เพิ่มขึ้น<O:p</O:p
<O:p</O:p
ความจริงแล้ว อย่างที่คุณชยุตได้กล่าวมานั้น ก็ถูกต้องในหลาย ๆ ส่วน แต่อาจมีความเข้าใจที่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด พี่สุดใจก็ขออธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อย<O:p</O:p
<O:p</O:p
จริง ๆ แล้ว เรื่องของระบบนั้น มีการแยกเป็น 4 แผนก อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วในกระทู้ที่ผ่าน ๆ มา (ท่านอาจกลับไปหาอ่านอีกครั้งก็ได้ค่ะ เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น) <O:p</O:p
<O:p</O:p
แผนกขับเคลื่อนระบบ และ maintenance ระบบ<O:p</O:p
แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต<O:p</O:p
แผนกพื้นที่<O:p</O:p
แผนกประชาสัมพันธ์ 60 บุคคล<O:p</O:p
<O:p</O:p
ดังนั้น คนที่ทำงานกับระบบฯ โดยการวางตัวมานั้น ก็จะแยกไปทำงานยังแผนกต่าง ๆ จะไม่รู้จักกันเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคในการทำงาน เพราะทุกคนรับการส่งข้อมูลมาที่แต่ละบุคคลโดยตรง แต่ละงานโดยตรงอยู่แล้ว จึงไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำงานกับระบบอยู่ ในสิ่งที่คุณคิด คุณพูด คุณทำนั่นแหละ คืองานของระบบที่ถูกต้องตามที่ส่งข้อมูลมาแล้ว เพราะคนในระบบที่วางไว้ 5,000 คน ที่อยู่ต่างประเทศมากมาย เราก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกคน แต่ทุกคนก็ทำงานถูกต้องเช่นเราเหมือนกัน
<O:p</O:p
ดังนั้น 60 บุคคล เรามีรายชื่อไว้แล้ว ตามการฝึกโดยระบบ
<O:p</O:p
100 ครอบครัว ก็คือครอบครัวที่ไม่ได้ฝึกโดยระบบ แต่เป็นครอบครัวที่มีการมารับรู้รับทราบ และร่วมงานกันตามแต่วาระ ในแต่ละครั้ง แต่ละงาน ไม่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมกับกลุ่มประสานงานฯ อาจจะอยู่ยังจุดต่าง ๆ กลุ่มต่าง ๆ และปฏิบัติภารกิจยังจุดนั้น ๆ ต่อไป ซึ่ง 100 ครอบครัวนี้ จะมีคนในภายในครอบครัวนั้นเชื่อร่วมด้วยกับเรื่องของภัยพิบัติ มีการพบเห็น มีความเชื่อ หรือมี sense มีปรากฏการณ์แปลก ๆ เกี่ยวเนื่องด้วยเสมอ ซึ่งในกลุ่มนี้ ระบบได้มีการบอกไว้นานแล้วหลายครอบครัว เพียงแต่ว่า งานด้านการแจ้งรายชื่อครอบครัวของคนในระบบในแผนกต่าง ๆ นี้ เป็นความรับผิดชอบของแผนกขับเคลื่อนระบบ และ maintenance ระบบ และแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ๆ <O:p</O:p
<O:p</O:p
5,000 คนทั่วโลก ในนี้รวมทั้ง 60 บุคคล 100 ครอบครัวเข้าไว้ด้วยแล้ว บุคคลกลุ่มนี้มีจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วโลก และทำงานแบบไม่รู้ตัวว่าทำงานกับระบบ คิดอย่างไร ทำอย่างนั้น ระบบจึงต้องเป็นผู้ป้อนความคิดเข้าไป แล้วก็ทำงานตามที่คิดว่าตนคิด จึงทำงานได้ถูกต้องตรงตามเป้าหมายที่ระบบต้องการ<O:p</O:p
หน้า 55 ของ 661