บุคคลมีปัญญาเห็นธรรมได้ในโลกมี4ประเภท คุณอยู่ประเภทไหน
1.แค่ได้ยิน หรือได้เห็นว่ามีคนป่วยหรือตาย ก็นำมาคิดถึงตนเองว่าเราก็ต้องเป็นอย่างนั้นไม่พ้นไปได้ . . .และเห็นธรรมได้
2.ได้ยินได้เห็นตามข้อ1.ก็ยังเฉยๆไม่สนใจ ต่อเมื่อได้ยินว่ามีเพื่อนหรือคนรู้จักป่วยหรือเสียชีวิต จึงได้คิดถึงตนเองว่าเราก็ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่พ้นไปได้. . .
และเห็นธรรม
3.ได้ยินได้เห็น ตามข้อ1 2 ก็เฉยๆ ไม่สนใจ ต่อเมื่อได้ยินว่าได้เห็นว่าญาติพี่น้องของตนป่วยหรือตาย จึงจะได้คิดถึงตนเองว่าเราก็ต้องเป็นอย่างนั้นไม่พ้นไปได้ . . .และได้เห็นธรรม
4.ไดยินได้เห็นตามข้อ1 2 3 ก็ยังไม่รู้สึกอะไร ต่อเมื่อความทป่วย และไกล้
ตาย ได้เกิดขึ้นกับตนเอง จึงเริ่มได้คิดว่าความป่วยและความตาย มาถึงเราแล้ว
และเห็นธรรม
คุณคิดว่า คุณจะอยู่ในประเภทไหน
ผมอยู่ในข้อ4. คือ โง่ที่สุด- -;hi2
อย่ากังวลถ้าคุณอยู่ในข้อ4เหมือนกัน เพราะคนมีชื่อเสียงที่หันมาเขียนหนังสือหลายๆคน ก็อยู่ในข้อ4.เหมือนกัน เช่นคุณกัลณิกา ธรรมเกสร
และผู้เขียนหนังสือเรื่อง เข็มทิศชีวิตก็เหมือนกัน
คน4ประเภท คุณอยู่ประเภทไหน
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย 2ชาติตรัสรู้, 16 มิถุนายน 2009.
-
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
-
เราก็อยู่ใน ข้อ4. นะ
แต่ไม่แน่ใจว่า จะเห็นธรรม ได้ไหม
เดาใจ "คนที่นิ่งใบ้" ไม่ออก -
ขาดไป แบบหนึ่งอะ
x. แค่ได้ยิน หรือได้เห็นว่ามีคนป่วยหรือตาย ก็นำมาคิดถึงว่าสรรพสัตว์พ้นกรรมด้วยการ
ตายจริงหรือ เมื่อเห็นว่าไม่พ้นจริง . . .จึงค้นคว้าธรรมที่ทำให้พ้นกรรมเหล่านั้น..โดยค้น
ไปเรื่อยๆ ตามแต่เหตุปัจจัยจะพาให้เห็น...เมื่อผู้ใดกล่าวถึงธรรมนั้น ก็จะไปฟัง แล้วก็ค้น
คว้าหาด้วยตัวเอง .......ทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้อยู่ในเขตสัมมาทิฏฐิ ล้วนเคย
ตรึกอาการนี้มาก่อน....แต่ทว่า ไม่รอดข่ายทิฏฐิ62 จึงทำให้หาทางออกไม่เจอ -
ถูกทุกข้อ
-
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
ขาดไปหรอ ก็จำๆมานิ หุหุ
-
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
คนในสมัยพระพุทธเจ้า คงจะเป็นแบบข้อ1.แยะนะ ถึงแค่ฟังแล้วคิดตามก็บรรลุได้
-
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
คนในสมัยพระพุทธเจ้า คงจะเป็นแบบข้อ1.แยะนะ ถึงแค่ฟังแล้วคิดตามก็บรรลุได้
ต้องยอมรับว่าเรามันทึบจริงๆ จะลงโลงอยู่แล้วถึงได้คิด - - แต่ก็ยังดีละวะที่คิดออกก่อนลง
หุหุ -
ไม่ขาดก็ได้ ดีแล้ว ที่นึกถึง มรณะสติ มันเป็น 1 ใน กรรมฐาน 40
ทำให้เกิดความสงบแก่จิต
พอจิตสงบแล้ว มันก็เคลื่อนๆ อาจจะเคลื่อนแรงกว่าเดิม หรือ ไม่ก็กด
ข่มไปข้างหนึ่ง
เช่น นักแข่งรถ เวลาเขาเจออุบัติเหตุครั้งหนึ่ง ก็จะมุมานะแรงกว่าเดิม
เพราะตรึกถึงความตายแล้วทำให้สงบ พอสงบแล้วก็ออกมาคิด พอออก
มาคิดก็จะไปทางด้านสู้โว้ย ก็จะเป็นคนที่เก่งขึ้น ขับรถห่ามขึ้น จนกระ
ทั่งอยู่มือ....แต่ครั้นเจอปัญหางี่เง่าเช่น คนมันใส่น๊อตล้อไม่ครบ พอเจอ
อุบัติเหตุอีกครั้ง คราวนี้จะหงอแล้ว เพราะเห็นแล้วว่ามีบางอย่างที่นอก
เหนือการควบคุม พอไม่สู้โว้ย ก็หมด ไม่รู้จะทำอะไร แต่ที่แน่ๆ ต้องกด
ข่มความอยากแข่งรถไว้ ก็จะสุดโต่งสองข้าง ไม่บังคับกดข่มไว้ ก็จะ
ไหลไปตามความต้องการแรงกว่าเดิม แต่ก่อนจะสุดโต่งไปสองข้าง
ก็จะต้องนั่งนิ่ง จิตรวมด้วยการตรึก มรณะสติ ก่อนเสมอ
แต่ถ้า นึกถึงมรณะสติ แล้ว แล้วพิจารณาต่อว่า หากอยู่นิ่งๆ อยู่แต่
การตรึกมรณะสติ มันก็ขาดทุน เหมือนคนที่ไม่ได้ขวนขวาย ดังนั้น
ก็ควรที่จะต้องขวนขวาย ก็แน่นอนหละ หากเป็นคนทั่วไปก็จะขวน
ขวายในบุญ หากเคยสดับธรรมก็จะขวนขวายด้วยการนั่งสมาธิ แต่
ถ้าสดับถึงแก่นพุทธ ก็จะขวนขวายในการทำสติปัฏฐาน4 -
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
นานที่จึงจะเพ่ง ทำตามอาจารณ์มั่นหนะ หุหุ -
หากลองหยุดนิ่งบ้าง ทุกอย่างมันจะใสเอง
-
แจ่ม เลย
การเพ่ง หากเพ่งไปที่อารมณ์บัญญัติเดียว มันก็เป็น สมถะ
ตอนที่ออกมาดูกาย ดูใจ หากเห็นแล้วจับจนนิ่ง ก็เท่ากลับไปเพ่ง
ก็เท่ากับทำ สมถะ แต่เปลี่ยนสิ่งที่เพ่ง
แต่ถ้ารู้สภาวะ เพ่ง เป็นอย่างไร มันบีบๆ ลงไป เป็นอาการ มันเค้นๆ เป็นอาการ
มันคว้าๆ ควานเป็นอาการ เราก็จะรู้ทันว่า ขณะนั้น เราเพ่ง ไม่ได้ดูกายดูใจแล้ว
แต่กลับไปทำ สมถะ เสียแล้ว ..
แต่ถ้าเรารู้จักสภาวะเพ่ง ระลึกได้ จะเกิด สติ อีกชนิดหนึ่งเกิดขึ้น และจะเห็น
สภาวะการ เพ่ง เป็นเรื่องของการ กดข่มจิต ซึ่งเป็นลัษณะของอกุศลจิต เพราะ
มันเจือด้วยโลภะเจตนา สติที่ระลึกอาการเพ่งได้ จะทำให้ดีดการเพ่งออก แต่
ทำได้ประเดี๋ยวเดียวก็จะกลับไปเพ่งอีก เราก็อาศัยการเคลื่อนไปมาของจิตเหล่า
นั้นแหละเป็นเครื่องอาศัยระลึกซ้อนเข้าไปอีก เรียกว่า สาวไปหาเหตุ
ก็จะพบว่า มันมีความยินดี ยินร้าย เป็นตัวผลักดัน พอเรารู้ทันสภาวะยินดี ยินร้าย
ได้ จิตก็จะเป็นกลางต่อเวทนาใจ เมื่อเป็นกลางต่อเวทนาใจ ก็จะเกิดการตั้งมั่นรู้
อีกชนิดหนึ่ง ไม่เหมือนสมาธิที่ได้จากการเพ่ง สมาธิตัวนี้จะทำหน้าที่สักแต่ว่ารู้
สักแต่ว่าเห็นสภาวะธรรมจำนวนมากกระทบจิต แต่เราไม่เคลื่อนออก เพราะกำจัด
อภิชญา โทมนัสเสียได้(เวทนา) ก็จะทำให้รู้อุบายในการเดินออกจากภพ
แต่พอดูๆไปเรื่อยๆ จิตหมดกำลัง จิตมันจะถอยลงมาทำความสงบเอง มันจะมา
เก็บสมถะสมาธิเองแว๊บหนึ่ง แล้วออกมา จะเกิดปิติ สุข เย็นอย่างมาก จนตื่นตา
ตอนนี้หากลุกไปเลยก็จะไม่ดี ควรดูไปเรื่อยๆ อีกสักนิดจนจิตมันหมดกำลังลงมา
เก็บสมถะอีก จะค่อยๆชัดว่า จิตมันลงไปเก็บกำลังสมถะในปฐมฌาณ เมื่อนั้นก็จะ
มั่นใจในทางที่เดินว่านำไปสู่การสิ้นภพชาติ
เพราะจิตที่ลงไปเก็นกำลังปฐมฌาณนั้นแปลว่า วิ่งผ่านฌาณ4 ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เป็น ขณะสั้นๆ ชั่วช้างเวลากระดิกหู งูแลบลิ้น
* * * *
ก็จะเห็นว่า เริ่มด้วยการทำสมถะ แล้วต่อด้วยการวิปัสสนา เมื่อวิปัสสนาแล้ว
จิตจะเกิดปัญญาพาจิตกลับไปทำสมถะสมาธิได้เอง โดยเราไม่เกี่ยวข้อง ทำให้
พ้นเจตนา พ้นภพชาติได้ แม้กระทั่งการทำสมาธิ ทั้งนี้เพราะ จิตมันมีฉันทะปรากฏ
แล้ว ก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจ อิทธิบาท4 โพชฌงค์7 และองค์ธรรมอื่นๆ
ในโพธิปักขยิธรรม32 -
ชีวิตเป็นทุกข์ ต้องมีความเสื่อมเกิดขึ้นกับตัว ต้องรับเวทนาลำบาก และไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง(อาจมีผู้ถามที่เวลาที่ท่านหมดลมหายใจไปแล้ว)
การเกิดเป็นทุกข์ การแก่เป็นทุกข์ การเจ็บเป็นทุกข์ การตายเป็นทุกข์ "เป็นคำตอบเพื่อไปตอบกับผู้อื่นที่ถามเรา " ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นจริงกับเราทุก ๆ คน -
เป็นพวกที่ 5 ด้วยครับ
คือไม่รู้ไรเลย หึหึหึ -
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ผมเริ่มเห็นตอนที่ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังเป็นประจําทุกวันครับ อนุโมทนา
-
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
แต่ไกล้ตายถ้าไม่ได้คิด เสี้ยวหนึ่งก่อนตาย ก็ต้องได้คิดแน่
เอ หรือว่าพวกที่5นี้ หมายถึงพวกตายโหงนะ คือตายแบบปัจจุบันทันด่วน เลยไม่ทันได้คิด . . . แต่ไม่หรอกน่าถึงจะตายโหง ก็คงได้คิดแว๊ปหนึ่งก่อนหมดลมครับ
เพระงั้นอย่ากังวล หุหุ -
มันน่ากังวลตรงที่ คิดแว๊ปนึง ก่อนจะหมดลมนี่แหละ
ถ้าไม่คิดเลย อาจจะจะโชคดี ไปอย่างหนึ่ง มีโอกาสไดไปอยู่ที่สงบๆ
ถ้าคิดแว๊ปนึงแล้วมีสติ รู้ว่าดี รู้ว่าไม่ดี ยังมีสิทธิ์เลือก ว่าจะเอาหรือไม่เอา
จนกว่าจะหมดสติ ก็แจ๊คพอตโดนอันสุดท้ายนั่นแหละ
ถ้าคิดแวปนึงแล้วขาดสติ อันนี้ไม่มีสิทธิเลือก โดนไฟท์บังคับ ต้องก้มหน้ารับกรรม
แล้วแต่บุญหรือบาป จะนำไป
แล้วมีอีกคนอีกประเภทหนึ่ง หยุดคิด หยุดฝัน แล้วถาวร อันนี้น่าจะไปสู่สุคติภพที่เที่ยง
อย่างถาวร
ส่วนคนที่คิดเก่งๆ ก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน นึกไม่ออก
ปัจจุบันนี้ คุณตอบสนองอย่างไร วันที่หมดลมก็ใกล้เคียงที่จะเกิดแบบนั้นเช่น
เป็นคนไม่คิด รู้ตัวว่าไม่คิด ตลอดเวลา
เป็นคิดบ้างไม่คิดบ้าง แต่มีสติรู้ตัวว่าคิด แล้วเลือกตัดสินใจได้ถูกต้อง
เป็นคนคิดบ้างไม่คิดบ้าง แต่ไม่รู้ตัวว่าคิด ไม่รู้ตัวว่าไม่คิด ไหลไปรู้แต่เรื่องที่คิดตลอดเวลา
เป็นคนคิดแต่เรื่องดีดี คิดแง่บวกตลอดเวลา ไม่คิดร้ายกับใครและตัวเองเลย
เป็นคนคิดแต่เรื่องร้ายๆ คิดแต่ภัยพิบัติ คิดไม่ดีต่อคนอื่นตลอดเวลา
เป็นคนคิดดีบ้าง คิดชั่วบ้าง ไม่รู้ตัวตลอดเวลาจมอยู่ในเรื่องที่เรื่องที่คิด
ถ้านอกเหนือจากตัวอย่างนี้ ก็ลองคิดเล่นๆ คุณมีปกติเป็นอย่างไร จะได้ประเมินอนาคต
ได้ใกล้เคียง ได้รู้ตัวก่อนหมดลม
เราคิดเก่งไหม -
ตอนคิด หากรู้ว่ากำลังคิด ก็ได้ตกกระไดพลอยโจน
ตอนคิด หากไปปิดคิด ก็ไปเป็นพรหม
ตอนคิด หากไม่รู้ว่ากำลังคิด ก็เสวยคติ คราวนี้ก็ขึ้นกับคติที่คิด ว่าจะพาไปเกิดเป็นอะไร
ตอนคิด หากคิดถึงศีล ความปรกติของใจ ก็จะเกิดเป็นมนุษย์ แต่...
การที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะคิดถึงความปรกติของใจได้ในเวลานั้น ยากพอๆกับ
การอุบัติของพระสัพพัญญู -
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
ส่วนคนที่คิดเก่งๆ ก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน นึกไม่ออก
ปัจจุบันนี้ คุณตอบสนองอย่างไร วันที่หมดลมก็ใกล้เคียงที่จะเกิดแบบนั้นเช่น
เป็นคนไม่คิด รู้ตัวว่าไม่คิด ตลอดเวลา
เป็นคิดบ้างไม่คิดบ้าง แต่มีสติรู้ตัวว่าคิด แล้วเลือกตัดสินใจได้ถูกต้อง
เป็นคนคิดบ้างไม่คิดบ้าง แต่ไม่รู้ตัวว่าคิด ไม่รู้ตัวว่าไม่คิด ไหลไปรู้แต่เรื่องที่คิดตลอดเวลา
เป็นคนคิดแต่เรื่องดีดี คิดแง่บวกตลอดเวลา ไม่คิดร้ายกับใครและตัวเองเลย
เป็นคนคิดแต่เรื่องร้ายๆ คิดแต่ภัยพิบัติ คิดไม่ดีต่อคนอื่นตลอดเวลา
เป็นคนคิดดีบ้าง คิดชั่วบ้าง ไม่รู้ตัวตลอดเวลาจมอยู่ในเรื่องที่เรื่องที่คิด
ถ้านอกเหนือจากตัวอย่างนี้ ก็ลองคิดเล่นๆ คุณมีปกติเป็นอย่างไร จะได้ประเมินอนาคต
ได้ใกล้เคียง ได้รู้ตัวก่อนหมดลม
อันนี้ไม่รู้ครับ หุ หุ ปัจจุบันแบบได ตอนหมดลม ก็ปัจจุบัน เนอะ
เมื่อถึงเวลาตอนหมดลม ปัจจุบันตอนนี้ก็เป็น อดีต ตอนหมดลมก็เป็นปัจจบัน - -"
งง หุหุ -
เมื่อถึงเวลาตอนหมดลม ปัจจุบันตอนนี้ก็เป็น อดีต ตอนหมดลมก็เป็นปัจจบัน - -"
งง หุหุ<!-- google_ad_section_end -->
เราชอบเดาเล่นๆ
หมดลมเป็นปัจจุบันของคนเก่า
เกิดลมใหม่ เป็นของใครก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆมา คนใหม่ในปัจจุบันไม่ใช่เราที่หมดลม -
ผมเป็นคนขี้สงสาร ถ้าจะว่าไรไหมว่าผมอยู่ในประเภทที่1 แค่เห็นคนขอทานผมก็ใจหวิวๆอยากช่วยเค้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อย่าว่าแต่ตายเลยครับ น้ำตามันไหลออกมา แค่เพียงเห็นคนที่ลำบากกว่าเรา (ในยสัญญาอนาคตผมรู้ตัวเองว่ามีสัญญาต้องบวชเป็นพระธุดงค์,ไปจนสิ้นอายุขัย)