ความจริงกับความจำ...หลวงตามหาบัว

ก็ปรารถนาดี เห็นว่ากำลังเดินทางสายบารมี..

ต่อไปอาตมาไม่มาเกิดบ่อย ไม่มาเล่นด้วยแล้วนะ..

จบภพชาตินี้ขอพักยาวๆแล้วกัน..

ภพชาติต่อไป มาทำกันเองนะ..

บอกไว้ก่อนว่า ภพชาติต่อไป ไม่ง่ายอย่างภพชาตินี้นะ..

ถ้าจะได้ของเก่ากลับมา ต้องปรารภความเพียรให้ยิ่ง..

 

คนที่จริตตรง เขาเห็นปุ๊บ เขาก็ได้แนวทางทันที..

คนที่จริตตรง ตามแนวทางพุทธานุสติ เขาจะรู้เอง..

 

เอาล่ะพอ..

อาตมาจะพักผ่อนแล้ว..

 

เรื่องของพระ มาบอกผมทำไม?

ใครทำใครได้
บารมีของใครของมัน

คนไหนขยันสร้างขยันทำ
บารมีก็เต็มเร็ว

อย่างผมเกิดตลอด
ยิ่งมีศาสนาอุบัติอยู่
อยากเล่นข้อไหนก็ได้...

..

 

กาย เวทนา จิต ธรรม รวมลงที่พุทโธ..

ต้องการเรียนรู้โลก เรียนที่พุทโธ..

พระสัพพัญญูเจ้าทั้งหลาย เรียนรู้โลก เพื่อให้รู้แจ้งโลก..

พุทโธ คำเดียว รู้โลก รู้แจ้งโลกได้..

 

ไหนว่าพอ พักผ่อน!!

 

เอาละพอ กินข้าว

 

ต่อ
การสรัางบารมีนั้นจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
ไม่ว่าสาวภูมหรือพุทธภูมิ
สาวกภูมิพระศาสดาก็บอกไว้แล้ว
ทาน
ศีล
ภาวนา
นี้ทางการก้าวเดินสู่ทางพ้นทุกข์

 

สาววกภูมิแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรก พวกที่พระพุทธเจ้าพาสร้างบารมีโดยตรง
กลุ่มสอง ชาวพุทธทั่วไป เป็นชาวพุทธมาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ

กลุ่มแรก พอพระโพธิสัตว์สมณโคดมต่อเรือเสร็จ
ก็ขนดวงจิตขึ้นเรื่อ แล้วพาสร้างบารมี
เราศึกษาได้จากพุทธประวัติ ทุกชาติที่ท่านเกิด
พวกที่เกี่ยวข้องกับท่านจะเกิดร่วมด้วยแล้วพาบำเพ็ญบารมี
จนถึงชาติสุดท้าย ก็อุบัติเป็นพุทธเจ้า
พวกหมู่ที่เกี่ยวกับท่านมาแต่อดีดก็มาเกิดพร้อม

พุทธเจ้าก็เล็งญาณตรวจสอบว่าไปโปรดใครก่อน ก็ตรวจบารมี
ของหมู่สัตว์ที่เกี่ยวข้องกันมา

 

ชาวพุทธกลุ่มสอง มีมาก ผ่านพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
แต่บารมียังไม่เต็ม ก็สังสมบารมีของตนไปเรื่อยๆ

การมีศาสนาอุบัติ ก็จะชาวพุทธจำนวนมาก
เอาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะ

อย่างภัปกัปนี้มีพระพุทธเจ้าอุบัติมาแล้วสามพระองค์
ถ้ารวมองค์ปัจจุบันเข้าไปด้วยก็มี ปริมาณมากมายที่เป็นชาวพุทธ
แต่บารมียังไม่พอแก่การบรรลุธรรม
ก็เวียนเกิดเวียนตายสั่งสมบารมีไปเรื่อยๆ

พระพุทธเจ้าก็เล็งญาณตรวสอบบารมี คนไหนพร้อมก็ไปโปรด

 

อย่างพระพุทธะเจ้าองค์ปัจจุบันนี้
ทิ้งศาสนานานห้าพันปี

มีหมู่สัตว์เกิดในศาสนาจำนวนมาก
การที่ท่านทิ้งศาสนาไว้นาน
ก็เพื่อให้หมู่สัตว์ได้สร้างบารมีกัน
มีการให้ทานบารมี
รักษาศีลบารมี
เจริญภาวนาปัญญาบารมี

การที่มีศาสนาอยู่จึงเป็นโอกาสอันเลิศ
เรียกว่าได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา
ได้ฟังธรรม ได้สร้างบารมี
สามารถทำบารมีเจ้าของให้เต็มเร็ว

 

ส่วนพวกบารมีเต็ม ส่วนมากเกิดร่วมสมัย
กับพระศาสด่า ทำให้ต้นพุทธกาล
มีพระอรหันต์จำนวนมาก
เรียกว่าลูกคนโต

ก็ยังมีลูกคนกลาง
ลูกคนเล็ก

ที่ทะยอยเกิดทีหลังเพื่อรักษาพระศาสนา
ก็แล้วแต่พระศาสดาจะจัดสรรค์ไว้
เพื่อให้อายุพระพุทธศาสนาอายุครบห้าพันปี
.

 

ฟังเพลง

 

เขียนเสร็จ ปั่นจักรยานต่อ

 

อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา

"ทุกข์มากที่สุดคือบังคับจิตด้วยสตินี่แหละ คือการประกอบความเพียรด้วยการบังคับบัญชาจริงๆ ไม่ยอมให้เผลอเลย เอาทั้งวันอยู่อย่างนั้น วันแรกนี้เหมือนอกจะแตก นี่ละที่ได้พูดให้ฟังชัดเจนว่า สังขารคือความคิดความปรุงออกจากอันนั้นที่ว่าเป็นสมุทัย ออกจากอวิชชา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาหนุนใจออกมา หนุนสังขารออกมาให้คิดให้ปรุง ทางสังขารก็อยากคิดอยากปรุง ทางคำบริกรรมก็บริกรรมไม่ถอย สติก็ติดแนบไม่ยอมให้เผลอ ทางนั้นก็ดันขึ้นมาอยากคิดอยากปรุง ทางนี้ก็บังคับกันไว้เหมือนกับว่ามีช่องเดียว

ช่องนี้แต่ก่อนสังขารมันเคยเกิดมันเคยออกช่องนี้ๆ คราวนี้เอาธรรมะคือพุทโธไปอุดช่อง สติตีตราเข้าไปนั้นเลยไม่ยอมให้ออก เอาสติธรรมกับคำบริกรรมปิดช่องที่สังขารเคยเกิดขึ้นมา เคยปรุงขึ้นมาตลอดทั้งวัน วันนั้นเหมือนอกจะแตกนะ นี่ชัดเจนมากเพราะเจ้าของทำเอง คือมันดันมันอยากคิดอยากปรุง ดันเท่าไรก็ไม่ยอมให้คิด ให้มีแต่ความปรุงได้แก่งานของธรรมไปเสีย คือพุทโธๆ เรียกว่างานของธรรม ความคิดความปรุงของกิเลสสมุทัยเป็นเรื่องของมันไปล้วนๆ ความคิดปรุงทางด้านธรรมะก็ได้แก่พุทโธปิดช่อง สติติดแนบอยู่นั้น วันแรกเหมือนอกจะแตก คือไม่ยอมให้คิดไปเลย เอากันถึงขนาดนั้น ไม่ยอมให้คิดออกมาได้เลย มีแต่คำบริกรรมกับสติติดกันตลอด"

หลวงตามหาบัว

 

"ท่านว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา คืออวิชชานี้หนุนให้เกิดสังขารขึ้นมา อวิชชาก็คือตัวสมุทัยกิเลสอันใหญ่หลวง สงฺขารา คือหนุนให้เป็นสังขารขึ้นมา สังขารก็กลายเป็นสมุทัย นี้หนุนให้อยากคิดอยากปรุงอยากแต่งเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุดไม่ถอย เพราะอวิชชาดันออกมาๆ ความคิดความปรุงจึงเป็นทางเดินอันโล่งของกิเลสอวิชชาสังขาร"

 

โยมเป็นน้องชายศาสดาเหรอ ทำไม่รู้มากจัง..

 

ผู้ที่จะบรรลุธรรมเกิดเป็นอะไร?

พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวก ก่อนบรรลุธรรมเกิดเป็นอะไร?

อะไรเป็นเหตุให้คนทั่วไปไม่บรรลุธรรม ทั้งๆที่มีทุกอย่างเท่าเทียมเสมอภาคกัน..

 

หยิกแกมหยอก..

พอ หอม ปาก หอม คอ..

อาตมาเตรียมตัวไปสวดมนต์เย็นละ..

เจริญพร..

 

อิอิ..ต้องให้พระ ไปถามตถาคตอีกโลกธาตุโน้นเอาเอง
..................... อิอิ...............