"ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนจากเบื้องบน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 9 พฤษภาคม 2007.

  1. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    กำหนดจิตอย่างไรในความฝัน




    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->กำหนดจิตอย่างไรในความฝัน ที่จะรู้เห็นตัวตนในฝัน แยกกับตัวตนยามตื่น คือเห็นตัวตนของตนเองได้กว้างกว่าการเป็นบุคคลตัวตนเดียว ร่างเดียว !


    เริ่มแรกให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องเสียก่อนว่าจิตวิญญาณอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เราไม่ได้เป็นเพียงร่างกายเนื้อหนังแต่เราเป็นจิตวิญญาณด้วยในปัจจุบันนี้ ดังนั้นความสามารถทั้งหลายที่เป็นของจิตวิญญาณ จึงเป็นความสามารถของเราด้วยในปัจจุบัน (จากหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 7)

    ความฝันเป็นภาวะที่จิตวิญญาณเป็นอิสระจากขีดจำกัดของโลกมนุษย์และสภาวะทางกายภาพ จิตวิญญาณดำเนินไปในต่างร่าง ต่างมิติอย่างเป็นธรรมชาติในความฝัน

    คุณ นารถะสุญญตา เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ความฝัน ซึ่งตรงกับสาระที่จะแชร์ให้ในวันนี้ว่า เราสามารถมองเห็นการเป็นบุคคลตัวตนในความฝัันได้เสมอๆหากเรานำเอาสติสัมปชัญญะยามตื่น ติดตามเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ในความฝัน และเราก็สามารถ - เขียนบท - กำกับการแสดง และ ร่วมแสดงบทบาทในความฝันได้ เช่นเดียวกันกับที่ เราเขียนบท กำกับการแสดง และร่วมแสดงบทบาทชีวิตในยามตื่น

    ก่อนอื่นต้องขอย้ำว่า เราไม่ต้องฝึกหรือหัดว่าจะ "ถอดจิต" อย่างไร หรือจะให้จิตวิญญาณเดินทางออกไปสู่ร่างอื่นๆได้อย่างไร เพราะมันเป็นไปอยู่แล้วอย่างเป็นธรรมชาติทุกเมื่อเชื่อวันและคืน และมันก็ไม่ใช่การ "ถอดจิต" หรือการทำให้จิตวิญญาณออกจากร่างไปแต่อย่างใด จิตวิญญาณเพียงบางส่วนเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปเท่านั้น

    ในเวลากลางคืนที่เรานอนหลับ ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราหยุดทำงาน ทำให้ประสาทสัมผัสที่หกหรือประสาทสัมผัสภายในทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่ถูกบดบัง การฝันให้คมชัด และการใช้สติสัมปชัญญะยามตื่นติดตามไปรู้เห็นประสบการณ์ของตัวตนในความฝัน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยการฝึกฝน

    วิธีการฝึกฝน:
    เตรียมกาย-เตรียมใจ
    1. ก่อนนอนให้นั่งสมาธิกำหนดจิตดังที่ได้แนะนำไปแล้วเมื่อวานนี้ ควรนั่งสมาธิให้ได้อย่างน้อย 15-30 นาที อย่านานเกินไปจนนั่งหลับจะเปล่าประโยชน์
    2. พอล้มตัวลงนอนต่อ เอาจิตจดจ่อไว้ที่ตาที่สาม (หว่างคิ้ว) และกำหนดจิตว่า เมื่อจิตวิญญาญเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกแห่งความฝันเมื่อใด จะมีสติพร้อมเพื่อเผชิญกับภาวะที่แท้จริงของจิตวิญญาณ จะไม่กลัวเพราะรู้ว่า เราเพียงติดตามไปดูสภาวะอันเป็นธรรมชาติด้วยสติสัมปชัญญะยามตื่น เราจะกลับคืนมาสู่ภาวะทางกายภาพเมื่อไรก็ได้ เพราะพลังอำนาจและทางเลือกเป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะเผชิญในโลกแห่งความฝัน เป็นภาวะจิต เกิดได้ด้วยจิตวิญญาณ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา จึงดับได้ด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราเช่นกัน เพียงแค่หายใจลึกๆ เราก็จะกลับคืนสู่ภาวะทางกายภาพอย่างปลอดภัยได้เสมอ (ให้ตระหนักรู้ในข้อนี้อย่างลึกซึ้งก่อน เพราะความกลัวและความเชื่อในทางที่ผิดเกี่ยวกับการถอดจิต การกลับมาคืนร่างไม่ได้มักเป็นอุปสรรคในการรู้เห็นเสมอ)

    เผชิญกับสติสัมปชัญญะในความฝัน:
    3. หากสติสัมปชัญญะยามตื่นติดตามเข้าไปในโลกแห่งความฝันได้ เราจะรู้สึกเสมือนว่า เราเป็นผู้สังเกตการณ์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ หรือบางครั้งเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ก่อนแล้วก็ก้าวออกมาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เหมือนดูหนังชีวิต บางครั้งก็กลับกันคือ เป็นผู้สังเกตการณ์หรือผู้ชมก่อน แล้วก็ก้าวเข้าไปร่วมในเหตุการณ์นั้นๆ
    4. เมื่อเผชิญกับการเป็นผู้สังเกตการณ์ ให้ก้มลงมองดูแขนขา เนื้อตัวของเรา บางครั้งอาจประหลาดใจว่าเราเป็นเพศตรงข้าม (อย่าตกใจ หรือดีใจเกินเหตุ จะทำให้ตื่นจากความฝัน เห็นก็ให้รู้ว่าเห็น และจดจำได้)
    5. หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีกระจกใสหรือกระจกเงา ให้เดินเข้าไปหา เพื่อมองดูหน้าตาของเราว่า ร่างกายของบุคลิกภาพตัวตนในความฝันนั้นแตกต่างจากตัวตนยามตื่นอย่างไร (เช่นกัน-อย่าตกใจ หรือดีใจเกินเหตุ จะทำให้ตื่นจากความฝัน เห็นก็ให้รู้ว่าเห็น และจดจำได้)
    6. หากสติสัมปชัญญะยามตื่นติดตามเข้าไปในโลกแห่งความฝันได้ เราจะรู้สึกเสมือนว่า เรามีความจำสองชุด ชุดหนึ่งเป็นของตัวตนยามตื่น และอีกชุดหนึ่งเป็นของตัวตนในความฝัน ซึ่งอาจเป็น:
    6.1. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีต-อนาคตชาติ
    6.2. จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติ
    6.3. จิตวิญญาณ (เสมือน)ร่วมร่างแต่ต่างมิติในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตชาติ
    (ในหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 5- 7 มีรายละเอียด)

    ข้อ 3-6 ไม่ใช่สิ่งที่ต้องฝึกให้เกิดขึ้นหรือเป็นไป เพราะมันจะเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เป็นข้อมูลที่เราต้องเรียนรู้ล่วงหน้า เพราะเมื่อเรียนรู้มาแล้ว เราจะเข้าใจในปรากฏการณ์ที่เราเผชิญ หากเผชิญกับประสบการณ์โดยปราศจากความรู้ อาจจำความฝันไม่ได้ หรือจำได้ก็ปราศจากความหมาย ในกรณีของคุณ นารถะสุญญตา มีสติสัมปชัญญะที่ตามรู้เห็นได้ดี หากมีความรู้ติดตัวไปพอ จะทำให้สำรวจประสบการณ์ได้ โดยรู้ว่า สิ่งที่กำลังรู้เห็น เป็นอดีตหรืออนาคต เพราะจะมีเงื่อนงำปรากฏให้เห็นในสภาพแวดล้อม

    บางครั้งเมื่อเราเผชิญกับอนาคต เราสามารถเข้าไปทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยการเลือกสิ่งที่เราพอใจ เราจะรู้สึกว่าเสมือนว่า เราเผชิญกับเหตุการณ์แล้วก็ตื่น หรือเล่าประสบการณ์นั้นๆให้ใครฟัง แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาจริง-ไม่ได้เล่าจริงในโลกใบเก่าที่เราเข้านอน แต่ไปตื่นขึ้นในโลกใบอื่่นและเล่าให้ใครในโลกนั้นๆฟัง ปรากฏการณ์นี้จะทำให้เรารู้สึกสะดุด หากเปรียบความฝันส่วนนี้เหมือนฉายหนัง ก็จะรู้สึกเสมือนว่าหนังช่วงดังกล่าวนี้ฉายซ้ำสองครั้ง เพราะเมื่อจิตวิญญาณก้าวล่วงไปในอนาคต มันเผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆในอนาคตครั้งหนึ่ง แล้วจิตวิญญาณก็ย้อนกลับมาสู่ปัจจุบันและเผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆอีกครังในปัจจุบัน หากเผชิญกับความฝันในลักษณะนี้ จะรู้ได้ว่าสิ่งที่ไปรู้เห็นมาจะเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบันอย่างแน่นอน

    ดังที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ในหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ ว่า ทุกชีวิต ทุกชาติภพ ทุกมิติ มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นปัจจุบันพร้อมกันหมด ดังนั้นเมื่อเราไปรู้เห็นเหตุการณ์ใดๆ เหตุการณ์เหล่านั้นคือเหตุการณ์บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ซึ่งเป็นได้ทั้งเหตุการณ์ของชาติภพนี้ ชาติภพอื่น มิติอื่น แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เราสามารถเหนี่ยวนำให้เป็นจริงได้ในโลกแห่งความเป็นจริงในชาติภพนี้ มิตินี้

    เมื่อใดที่เรามีความฝันที่เสมือนเผชิญเหตุการณ์ซ้ำ เราก่อเกิดประสบการณ์นั้นๆในชาติภพอื่น มิติอื่น ทำให้ปรากฏการณ์นั้นๆมีพลังสั่นสะเทือน เพราะอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราไปจดจ่อกับมันข้ามชาติภพ ข้ามมิติ การสัั่นสะเทือนจะสะท้อนกลับมาที่ชาติภพนี้ มิตินี้ เสมือนคลื่นที่เกิดจากการโยนก้อนหินลงบ่อน้ำ จุดที่หินตกลงกลางบ่อน้ำคือปัจจุบัน จุดที่คลื่นกระทบขอบบ่อคืออนาคต และจุดที่คลื่นตีกลับมาคืออดีต แต่ในที่สุดคลื่นนั้นก็ตีกลับไปสู่จุดแรกที่หินตกลงในบ่อน้ำคือปัจจุบน

    เทคนิค:
    1. ให้นอนในแนวทิศเหนือใต้ โดยหันศีรษะไปทางทิศเหนือ-เท้าไปทางทิศใต้ การนอนหลับขนานกับทิศทางของสนามแม่เหล็กของโลก ทำให้จิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อและเคลื่อนตัวได้อย่างอิสระง่ายดายมากกว่าการนอนขวางสนามแม่เหล็กของโลก หากจัดห้องนอนให้หัวเตียงหันไปชิดผนังด้านทิศเหนือได้ จะเป็นการนอนที่ฝันง่าย รับขัอมูลได้ง่ายเหมือนการปรับเสาอากาศรับภาพ-เสียงได้คมชัด ผู้ที่ฝึกสมาธิ-กำหนดจิตสม่ำเสมอทุกคืน แต่ไม่ได้นอนในแนวเหนือใต้จะพบว่า บ่อยครั้งที่รับสัญญาณได้ในความฝัน ได้ฝันที่คมชัด ตื่นเช้ามาร่างกายจะหันทิศไปอยู่ในแนวเหนือใต้โดยอัตโนมัติ นอนในท่าศพ คือนอนหงาย ผายฝ่ามือขึ้นหรือคว่ำลง แขนเหยียดตรงขนานข้างตัวตามสบาย มืออยู่ห่างตัวสัก 3-4 นิ้ว
    2. สภาพอากาศแห้งเอื้ออำนวยต่อการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปัชญญะ เนื่องจากจิตวิญญาณมีสภาวะเป็นประจุแม่เหล็กไฟฟ้า ความชื้นจริงเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว อุณหภูมิของห้องประมาณ 23.22-24.39 องศาเซลเซียส
    3. ห้องควรมีสีเย็น หากห้องมีสีร้อน สภาวะแวดล้อมนั้นจะทำให้จิตวิญญาณยึดติดกับภาวะทางกายภาพค่อนข้างมาก
    4.เวลาที่สติสัมปชัญญะมักจะเผชิญกับประสบการณ์ในความฝันได้คมชัดที่สุด จะเป็นช่วงเวลาประมาณ ตี 3-ตี 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิของร่างกายลดต่ำลงกว่าปกติ ทำให้การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะเป็นไปได้ง่ายขึ้น
    5. อาหารที่ช่วยให้กระตุ้นการเปลี่่่่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น คืออาหารประเภทที่มีพลังงานหรือจิตวิญญาณเข้มข้น เช่น หัวปลี ไข่ อาหารประเภทธัญญพืช (ประเภทเมล็ดที่จะงอกต่อไปเป็นต้นไม้ได้) ดิื่มน้ำสะอาด น้ำมันปลา (Fish Oil) อาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาลนิดหน่อย เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะ

    หมายเหตุ: อาหารที่แนะนำนี้ไม่ใช่ว่าจะต้องรับประทานเป็นประจำ หากการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะเป็นไปได้ยาก ไม่ค่อยได้ผล ให้รับประทานเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีความพร้อมมากขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้นก็พอค่ะ


    เคล็ดในการอ่านหนังสือ (ที่อ่านยาก) ให้เอาหนังสือวางไว้ข้างหัวเตียง เอาจิตจดจ่อกับหนังสือก่อนนอนแล้วขอให้จิตวิญญาณไปอ่านหนังสือล่วงหน้า (อย่าหัวเราะนะคะ) ตื่นมาอ่านหนังสือจะประหลาดใจว่า เหมือนได้อ่านข้อความที่อ่านมาแล้ว จะรู้เรื่องล่วงหน้าหมด เทคนิคนี้คุณลูกชอบมากๆ โดยเฉพาะเวลาสอบ อ่านหนังสือตอนตื่นไม่ทัน ก็อ่านตอนนอนหลับก็ได้ บอกเคล็ดให้แล้ว จะหัวเราะก็ไม่ว่า แต่หากนำไปฝึกแล้วได้ผล ขอส้มตำจานเด็ดก็แล้วกัน :)

    การเอาจิตจดจ่อกับหนังสือทำให้เกิดการถ่ายทอดจิตวิญญาณหรือองค์ความรู้จากหนังสือมาสู่จิตวิญญาณของเราได้โดยตรง

    (เคยอ่านเจอเรืิ่องของ Edgar Cayce - The Sleeping Prophet เขียนโดย Jess Stearn - Cayce เป็นคนเรียนหนังสือน้อย อ่านไม่เก่ง แต่มีความรู้มากมายได้ด้วยการนอนหนุนหนังสือ และได้ตำรายารักษาโรคมาจากความฝันบ่อยๆ) เคยหัวเราะเขามาก่อนแต่พอทำได้จริงก็เข้าใจค่ะว่าเขาทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ คุณๆทั้งหลายก็ต้องทำได้ค่ะ ขอให้เชื่อแล้วกันว่ามันเป็นไปได้

    คราวต่อไปจะแชร์วิธีการฝัน เพื่อรู้เห็นปัญหาและทางแก้ปัญหาของตนเองหรือรู้เห็นผ่านดวงตา ผ่านมุมมองของผู้อื่่นเพื่อที่จะรู้ปัญหาของเขาได้อย่างหมดใจและช่วยเหลือเขาได้ถูกจุด

    Have a nice day!
    นักเขียน

    เอามาฝากจากกระทู้ (ช่วงนี้หายไปเพราะไปรับแขกอยู่ครับ)
    เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer] (18 คน กำลังดูอยู่) ( 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1314 15 16 1718 19 20)
    mead
     
  2. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    คำถาม : สวัสดีค่ะคุณนักเขียน
    หนูเคยอ่านหนังสือธรรมชาติแห่งชาติภพมาตั้งนานแล้ว
    แล้วก็เคยใช้วิธีตั้งคำถามก่อนนอนมาบ้างแล้ว
    แต่หนูสงสัยว่าเราจะแยกออกได้ยังไง ว่าคำตอบที่ได้จากคำถามที่ป้อนเข้าไปนั้นเป็นความจริง
    หรือเป็นผลจากความกลัว หรือความอยาก
    หรือเป็นกิเลสที่หลอกให้เราไปตกหลุมพราง
    อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ
    เพราะที่ผ่านมาบางทีคำตอบที่เข้ามาก็เป็นความจริง
    แต่บางทีก็เหมือนแค่มาเติมเต็มความอยากของอัตตา...ให้รู้สึกดี
    ไม่ก็มายั่วอารมณ์ให้รู้สึกโกรธบ้าง อะไรบ้างอย่างนี้น่ะค่ะ
    ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ

    คำถาม : สวัสดีค่ะรู้สึกยินดีมาก ๆ ที่ได้อ่านบทความของคุณ
    เรารับรู้ได้ว่าคุณมีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ และคุณก็ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ได้งดงามมากทำให้รู้สึกว่าเราเองเป็นมดตัวเล็กนิดเดียว มีข้อสงสัยอยู่บ้างอยากให้คุณช่วยแนะนำ เพื่อที่เราจะได้ทำหน้าที่ของเราได้สมบูรณ์แบบมากกว่านี้ ขอถามเลยนะคะ
    1. ในวัยเด็กอายุประมาณ 3 ขวบ เกือบจมน้ำตาย แต่รอดมาได้
    2. ฝันเห็นญาติผู้ใหญ่ที่ตายก่อนเราเกิด มาพูดคุยหรือเรามีส่วนร่วมอยู่ในฝันนั้นด้วย
    3. ก่อนทำการเปลี่ยนชื่อ (อายุ 1 - 29 ปี) มีความรู้สึกเหมือนเป็นลางสังหรณ์ด้านความผิดหวัง ที่เม่นมาก ๆ ในขณะที่เรากำลังเสียใจ จิตใจประหวัดคิดถึงเหตุการณ์ที่บอกเตือนล่วงหน้า แต่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
    4. หลังจากเปลี่ยนชื่อ ได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมจะฝันทุกวัน ตอนแรก ๆ จะตื่นเต้นแต่ตอนหลังก็เริ่มจะทำให้เป็นปกติ แต่ก็เป็นบางครั้งที่ลุ้นว่าความฝันนี้คืออะไร เป็นอย่างนี้มาปีกว่าแล้วค่ะ แม้กระทั่งล่าสุดญาติที่ตายไปกลับมาบ้านได้ยินเสียงเหมือนตรวจตีกระทบกัน เสียงมันดังเข้าไปในหัวใจ ลูก ๆ เขาไม่ยอมเชื่อเขาบอกว่าเตี่ยเขาเป็นคนดี ไม่โดนตีตรวน
    ปัจจุบันจะฝันถึงญาติคนนี้ประมาณเดือนละครั้ง มาในสภาพที่ไม่น่ากลัว แต่จิตเราในฝันเราคิดว่าเขาตายไปแล้วก็มีความกลัวเหมือนกัน แต่ต้องสลัดทิ้งไปทันที
    5. เรามีความเชื่อเรื่องชาติ ภพ เทพ พรหม เทวดา
    ไปแต่ละที่มีความรู้สึกผูกพันธ์ ไปแล้วมีความสุข ไม่อยากจะกลับ
    6. ทางด้านกายหยาบ เวลาเปิดอ่านหนังสือจะเปิดอ่านจากด้านหลังมาด้านหน้า มีปัญหาทางด้านอารมณ์บาง มีโลกส่วนตัว แต่มิใช่เป็นต่อต้านสังคมนะคะ บางครั้งก็ไม่รู้สึกยินดี ยินร้ายกับสิ่งใด ๆ
    แต่บางครั้งไม่รู้จักระงับอารมณ์ตนเอง
    7. ตอนนี้มีปัญหาส่วนตัวทางโลกเหมือนคนปกติทั่วไป คิดอยู่ว่าจะทำอย่างไร ให้ปัญหาทางโลกของตัวเองลดหมดไป เหมือนมีคำตอบว่าคุณต้องเข้าทางธรรมประพฤติ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ถึงจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ แต่คำตอบมาไม่หมด
    8. อยากจะทราบว่าบางครั้งเราไปเจอบางคนที่มีเทวดา เขาเห็นเรามีท่านนี้บ้าง ท่านโน้นบ้าง แรก ๆ ก็สับสนเหมือนท่านพาเราไปเรียนรู้โลกกว้าง บางครั้งเจอการทักเป็นฉาก ๆ บางครั้งก็ทายทักเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วหลายปีถูกบ้างก็มี บางครั้งเจอทำนายทายทักล่วงหน้า 3 - 5 เดือนก็มีเกิดขึ้นไป ฉีกแนวออกไปบ้างก็มี หรือว่าท่านเหล่านั้นที่เราเจอมีความสัมพันธ์ในภพชาติ ต่างกัน

    โดยส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องร่างทรง แต่เจอปัญหาบางอย่างทำให้รู้สึกต่อต้าน มีผู้รู้ได้แนะนำว่าให้แยกมนุษย์ส่วนมนุษย์ เทวดาส่วนเทวดา ไม่ต้องไปหาเหตุผลให้ว่าเขาทำไมต้องเป็นแบบนี้ หลีกออกมาได้ก็หลีกออกมาซะ แต่บางครั้งเรามีความรู้แต่รู้ไม่แตกฉาน ให้คนเขาปรามาสว่านี้หรือคนที่มีเทวดาทำไมทำตัวแบบนี้ อยากพบปะ หรือพูดคุยกับผู้ที่ปฏิบัติดี
    ปฏิบัติชอบ (ไม่ต้องการยิ่งใหญ่เกินใครแต่ขอทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ต้องช่วยหรือเพื่อนมนุษย์ทุกคน ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะช่วยแต่คนที่เราชอบ) มนุษย์ยังมีความรัก
    โลภ โกรธ หลง อยู่ในสันดาน ต้องดับมันให้ได้ด้วยตัวเอง พยายามชักชวนพ่อ แม่ พี่น้อง ให้เข้าวัด
    เขาอ้างว่าเข้าอยู่แล้ว ทำอยู่แล้ว มีวิธีใดที่จะโน้มน้าวจิตใจให้เขาปฏิบัติด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องมานั่งยกมือไหว้ร่างทรง ร่างทรงที่มีศีลก็ดีไป เจอร่างทรงที่มีอวิชชาก็ทุกข์ไม่จบสิ้นกันเท่านั้นเอง แก้ที่ปลายเหตุไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุใช่ไหมคะ

    สรุป ถึงอย่างไรรู้สึกยินดีมากที่ได้อ่านบทความ
    ของคุณ บุญได้จัดสรรจากการไปร่วมงานของ อ.อาจชวินเมื่อนวันที่ 5 ส.ค.2550
    ที่ผ่านมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณพอมีเวลาที่จะคำตอบให้มดตัวน้อยได้สิ้นสงสัย เพื่อให้เกิดปัญญาที่แตกฉานนะคะ<!-- / message -->
     
  3. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ตอบคำถาม:
    ภาวะจิตในความฝัน เป็นภาวะจิตที่ปราศจากเครื่องพรางหรือบิดเบือนการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล คำตอบที่ได้จากความฝันเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมาเสมอ แต่บางครั้งก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในโลกยามตื่น เพราะอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดยามตื่นอาจทำให้ความเชื่อเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก

    "กิเลส"คืออะไรในความหมายของเรา ความหมายนั้นจะมีผลต่อความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์ชีวิตของเราเป็นอันมาก จิตวิญญาณเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างไม่มีวันจบสิ้น แม้แต่ท่านอาจารย์อนาลัยผู้ปราศจากร่างกาย ท่านก็กล่าวว่า ท่านเต็มไปด้วยความปรารถนาในความรู้ เรา-ท่านผู้ยังมีร่างกายเนื้อหนังยังมีความปรารถนาทางกายภาพอยู่มากมาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเลย เพราะความปรารถนาคือปัจจัยที่ทำให้จิตวิญญาณเป็นอมตะ เราเพียงแต่จะต้องรู้จักแยกแยะว่า ความปรารถนาของเราเป็นไปเพื่ออะไร หากมันเป็นไปเพื่อความรู้ที่ไม่ก่อให้เกิดทุกข์กับผู้ใด มันย่อมเป็นความปรารถนาที่ทำให้จิตวิญญาณของเราก้าวหน้า หากมันเป็นเพียงความปรารถนาเพื่อประโยชน์สส่วนตน มันย่อมไม่ใช่ความปรารถนาที่ทำให้จิตวิญญาณก้าวหน้า เพราะจิตวิญญาณก้าวหน้าด้วยการเกื้อกูลซึ่งกันและกันเป็นระบบเครือข่าย

    "อัตตา" ตามคำอธิบายของท่านอาจารย์อนาลัย เป็นตัวตนภายนอกที่จดจ่อกับภาวะทางกายภาพในโลกภายนอก อัตตาก็ไม่ใช่ของเลวอีกเช่นกัน เพราะตัวตนภายนอกเป็นภาพสะท้อนของข้อมูลความรู้ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของจิตวิญญาณ ซึ่งแปลงสภาวะเป็นกายภาพ การเติมเต็มของจิตวิญญาณในโลกกายภาพย่อมต้องอาศัยการเติมเต็มทางกายภาพด้วย เพราะจิตวิญญาณเลือกมาถือกำเนิดเพื่อเผชิญกับความท้าทายและการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตในโลกทางกายภาพ

    การเผชิญกับอารมณ์อันหลากหลาย เช่น ความโกรธ ความเกลียด ความอิจฉาริษยา ความลุ่มหลง ฯลฯ ล้วนเป็นไปเพืิ่อการเรียนรู้ จิตวิญญาณไม่ได้กำลังเผชิญกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดหรือประสบการณ์ในแง่ลบแง่เดียว แต่เผชิญทุกแง่มุม ทั้งบวกและลบ ไปพร้อมๆกันเพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และการเรียนรู้อย่างหมดจดจากทุกมุมมอง เพราะหากเราไม่ได้เผชิญกับความโกรธ เราก็จะไม่เห็นคุณค่าของการให้อภัย หากเราไม่ได้เผชิญกับความเกลียด เราก็จะไม่เห็นคุณค่าของความรัก จิตวิญญาณของเราฉลาดล้ำลึก เราเพียงแต่จะต้องศรัทธาในจิตวิญญาณของเราให้มากพอที่จะไม่เชื่อว่า กิเลสหรืออัตตา หรือ ฯลฯ ที่เราสร้างนิยามขึ้น จะมีอำนาจเหนือความรู้ของจิตวิญญาณจนหลอกเราได้ให้ถอยหลังหรือไม่พัฒนา

    ---------------------------------
    ชีวิตกับความตาย ปราศจากรอยต่อ จิตวิญญาณไม่เคยพบเห็นกับความตาย ผู้ตายไม่เคยพบเห็นความตายของตนเอง เรา-ท่านทั้งหลายก็จะไม่เคยเผชิญกับความตาย จิตวิญญาณจะดำเนินต่อไปเสมือนก้าวล่วงจากภาวะแห่งการตื่นไปสู่ความฝันและกลับไปสู่ภาวะของการตื่นอีกอย่างไม่มีวันจบสิ้นจนกว่า การเรียนรู้ในวงจรของชาติภพจะบริบูรณ์ จิตวิญญาณก็จะดำเนินต่อไปเพื่อการเรียนรู้ในวงจรอื่นๆนอกเหนือชาติภพ การจมน้ำเกือบตาย เป็นประสบการณ์ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นหนึ่งที่เธอเลือก และเธอก็เลือกที่จะรอดชีวิตเพื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ บนอีกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นหนึ่ง เด็กน้อย 3 ขวบนั้นได้ตายไปด้วยการจมน้ำ

    เธอฝันเห็นญาติผู้ใหญ่ที่ตายไปก่อนหน้าที่เธอจะเกิด เพราะในความฝัน จิตวิญญาณอยู่นอกเหนือขีดจำกัดของกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เธอจึงสามารถรู้เห็นการเกิดของบรรพบุรุษของเธอ และบรรพบุรุษของเธอก็สามารถรู้เห็นการตายของเธอได้ และในชาติภพอื่น มิติอื่น บทบาทของเธอแและบรรพบุรุษของเธอสลับสับเปลี่ยนเป็นอื่นไป ในโลกแแห่งความเป็นจริงอีกโลกหนึ่งที่เธอเรียกมันว่าโลกแห่งความฝัน-บรรพบุรุษหรือญาติของเธอยังมีชีวิตอยู่ร่วมชาติภพ ร่วมมิติกับเธอในปัจจุบัน ในโลกยามตื่น-บรรพบุรุษหรือญาติที่ตายไปแล้วเป็นเพียงความฝันของโลกแแห่งความเป็นจริงอีกโลกหนึ่งที่เธอเรียกมันว่าโลกแห่งความฝัน

    ชื่อเป็นสิ่งที่ปราศจากความหมายสำหรับฉัน ฉันใช้ชื่อว่า โนวา อนาลัย เพียงเพื่อแสดงถึงหมวดหมู่ของความรู้ที่จะนำเธอไปสู่เส้นทางสู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา เมื่อเธอเชือว่าการเปลี่่ยนชือ จะนำมาซึ่งความเจริญในชีวิต ชื่อใหม่ก็ดี ผู้วิเศษที่ตั้งชื่อให้เธอก็ดี ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญมาสู่ชีวิตของเธอ แต่ความเชื่อของเธอนั่นแหละคือปัจจัยหลักที่นำทุกสิ่งทุกอย่างมาสู่ชีวิตของเธอ เมื่อเธอเชื่อในภพ เทพ พรหม เทวดา ความเชื่อของเธอเป็นปัจจัยก่อเกิดอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อไม่ใช่ความรู้หรือความเป็นจริงเสมอไป เธอจะพิสูจน์ความเป็นจริงได้ไม่ยากว่า สิ่งใดคือความเชื่อ สิ่งใดคือความรู้

    ความเชื่อทำให้เธอเกิดอารมณ์ที่ไม่ถาวร มันผันแปรไปได้เสมอตามการเปลี่ยนแปลงของการรู้เห็น เธอรู้เห็นสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขชั่ววูบ เมื่อสิ่งที่รู้เห็นสลายตัวไป อารมณ์สุขนั้นก็สลายไปด้วย

    ความรู้ทำให้เธอเกิดอารมณ์สุขที่่ถาวร มันไม่ผันแปรไปได้ เพราะเมื่อมันคือความรู้ มันคือแก่่นแท้ของจิตวิญญาณ หากเธอรู้เห็นสิ่งที่เป็นความรู้ที่แท้จริง จิตวิญญาณของเธอจะเติมเต็มด้วยความรู้ส่วนนั้น ซึ่งไม่มีวันสูญสลาย จิตวิญญาณเติมเต็มด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ความรู้ไม่เคยลดหรือสูญสลาย เมื่อเธอได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง เธอไม่มีวันรู้น้อยลงหรือฉลาดน้อยลง แต่ความรู้นั้นๆจะแปลงสภาพความรู้เดิมไปด้วยทำให้จิตวิญญาญขยายตัว

    เธอจะเปิดหนังสือจากด้านหลัง หรือรู้สึกว่ามองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังเธอได้โดยไม่หันไปมอง ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยการทำงานของประสาทสัมผัสที่หก ซึ่งนอกเหนือไปจากประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ต้องรู้ต้องเห็นตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เธอรู้จักเท่านั้น บ่อยครั้งที่ประสาทสัมผัสที่หกหรืออารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเธอก้าวกระโดดออกไปจากเส้นทางแห่งกาลเวลาด้วยพฤติกรรมบางอย่างที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติทางกายภาพ แต่มันก็เป็นเพียงธรรมชาติของจิตวิญญาณที่รู้เห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หกอยู่ตลอดวันเวลา หากเธอมีสติที่ฉับไวพอที่จะติดตามการรู้เห็นของประสาทสัมผัสที่หก เธอจะพบว่า มือของเธอพลิกหนังสือจากด้านหลังเพียงเพราะเหตุว่า จิตวิญญาณของเธออ่านหนังสือเล่มนั้นจบไปแล้วก่อนที่เธอจะเปิดหนังสือหน้าแรกด้วยซ้ำไป

    โลกส่วนตัวของจิตวิญญาณ เป็นโลกสาธารณะที่ประสานกันเป็นระบบเครือข่าย แต่จิตวิญญาณก็ไม่ได้ปราศจากอารมณ์หรือเย็นชา ไม่รู้สึกยินดี ยินร้ายกับสิ่งใด ๆ ฉันปราศจากร่างกายตัวตนที่เป็นกายภาพ แต่ฉันก็เต็มไปด้วยอารมณ์รัก อารมณ์สุนทรีย์ ยินดีกับความรู้ความสำเร็จของจิตวิญญาณทั้งหลาย

    มนุษย์สร้างเงื่อนไขขึ้นมาตามความเชื่อที่ว่า อารมณ์เป็นของมนุษย์ ความไร้อารมณ์เป็นของจิตวิญญาณ หากปราศจากอารมณ์โลกจะเป็นโลกอยู่ไม่ได้ เพราะเธอจะขาดความรักความเมตตาปรานีและการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และหากปราศจากอารมณ์จิตวิญญาณก็จะหยุดนิ่งปราศจากการถ่ายทอดข้อมูลความรู้ ฉันมาสู่โลกมนุษย์เพื่อถ่ายทอดข้อมูลความรู้ด้วยอารมณ์รักและผูกพันธ์ในโลกและมนุษย์ อารมณ์ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะต้องระงับหรือเก็บกด แต่เป็นสิ่งที่เธอจะต้องรู้จักนำมาใช้ในทางสร้างสรรค์

    ชีวิตเป็นของง่าย หากเธอตระหนักได้ว่า เธอสร้างโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดด้วยความเชื่อของตนเอง ต้นเหตุแห่งปัญหาชีวิตทั้งหลายเกิดจากความเชื่อที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเธอ เธอจึงสามารถขจัดปัญหาชีวิตทั้งหมดได้ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อ

    หากเธอตระหนักได้ถึงพลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณของตนเองที่เสมอเหมือนกับต้นกำเนิด เธอไม่ต้องแสวงหาคำตอบจากภายนอก จากคนทรง หรือหมอดู เพราะเธอสามารถแสวงหาความรู้และคำตอบทั้งหลายได้จากภายใน นักเขียนไม่ได้มาทำหน้าที่ตอบคำถามเธอทั้งหลาย เขามาทำหน้าที่ล่ามและเลขาของฉันเพื่อถ่ายทอดข้อมูลความรู้ให้เธอทั้งหลายตระหนักได้ว่า เธอคือจิตวิญญาณผู้มีพลังอำนาจที่จะมีได้-ทำได้-เป็นได้-สมความปรารถนาด้วยความเชื่อและศรัทธาในพลังอำนาจของจิตวิญญาณของตนเอง

    นักเขียนมีหน้าที่ร่วมสนทนากับพวกเธอเพื่อถ่ายทอดวิธีการฝึกฝน ที่จะทำให้เธอทั้งหลายสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้รู้ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายในได้ด้วยตนเอง เรียนรู้ที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างความเชื่อกับความรู้ เรียนรู้ที่จะตีความหมายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกของความฝัน และถอดความหรือถอดรหัสเป็นคำพูดที่เธอจะเข้าใจได้ เพื่อให้เธอใช้เป็นประโยชน์ต่อโลกยามตื่น แต่เธอทั้งหลายก็ไม่จำเป็นจะต้องถอดความหรือถอดรหัสข้อมูลความรู้เหล่านั้นเป็นคำพูดเสมอไป เพราะบ่อยครั้งมันเป็นขัอมูลความรู้ที่ปราศจากถ้อยคำ

    แม้เธอบางคนจะมองเห็นตนเองเป็นเสมือนเพียงมดตัวน้อย และมองเห็นผู้อื่นรอบตัวเธอเป็นเสมือนราชสีห์หรือช้างสาร ผู้มีความรู้ความสามารถมากมายกว่าที่เธอมองเห็นหรือเชื่อว่าตนเองมี แต่เธอก็มักลืมเลือนไปว่า มดน้อยสามารถชอนไชผืนโลกและผ่องถ่ายสสารต่างๆบนผืนโลกได้อย่างช่ำชองด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของมัน หากปราศจากมดน้อย ผืนดินของโลกก็จะไม่ได้รับการทะนุถนอมให้อุดมพอที่จะเลี้ยงดูสัตว์และพืชใหญ่น้อยอื่นๆในโลกได้ จิตวิญญาณมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังเพื่อแสดงออกซึ่งความรู้-ความสามารถอย่างดีที่สุดจากจุดยืนและมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ-ซึ่งไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน เธอแต่ละคนจึงเป็นบุคคลตัวตนผู้มีค่าและความหมายพิเศษต่อโลกและมวลมนุษย์อย่างหาที่เปรียบมิได้
     
  4. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ใกล้ตื่นให้จับอารมณ์
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ประสงค์.
    ผมลองตั้งจิตก่อนนอนตามวิธีที่บอกแล้วครับ มาจำได้ช่วงก่อนจะตื่นในฝันบอกผมหลายอย่างเสียงเบามาก ให้ทวนอีกครั้งก็ยังฟังไม่ได้ ก็เลยตื่นครับ เป็นเพราะอะไรต้องแก้ไขอย่างไรครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แม้ใกล้จะตื่น ประสาทสัมผัสภายในก็ยังทำงานแทนประสาทสัมผัสทั้งห้าอยู่ค่ะ หากพยายามที่จะได้ยินด้วยหู หูก็ยังใช้การไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเรียนรู้หรือรับได้จากความฝัน เป็นการรับด้วยการรู้เห็นโดยตรงด้วยจิตวิญญาณ ด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือเรียกว่าประสาทสัมผัสภายใน ซึ่งหมายถึงการรับรู้ด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด ดังนั้นเมืิ่อใกล้ตื่น รู้ตัวว่าฝันและรับอะไรมาจากความฝัน ให้จดจ่อกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่ตกค้างมาจากความฝันก่อน โดยไม่ต้องพยายามแปลงเป็นคำพูด แล้วประสบการณ์ความฝันทั้งหมดหรือข้อมูลความรู้ที่ download มาจากความฝัน จะเผยออกมาอย่างง่ายดายเหมือน การ download file มาได้แล้ว ก็ต้องนำมา decompress หรือขยาย file ที่ถูกบีบอัดเป็นรหัส ให้ออกมาเต็มภาพ สิ่งที่รับได้ใกล้ตอนตื่นมักแม่นยำ และมีความหมาย พยายามจับอารมณ์ให้ได้จนเป็นนิสัยนะคะ แล้วจะได้สาระที่เป็นประโยชน์มากกับชีวิตประจำวัน เหมือนได้รับการเตือน การบอกเหตุล่วงหน้า รายวัน
    หวังว่าคงพอช่วยได้นะคะ
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  5. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ต้นTKenji
    เมื่อคืนผมลองฝึกดูรอบแรก จำอะไรไม่คอยได้
    รอบที่2ผมฝันว่าผมกำลังจะตาย พอผมรู้สึกตัวผมก็ตื่นแต่กับเหมือนโดนไฟดู
    ก็เลยนอนนิ่งๆสักพักพอรู้ตัวว่าขยับตัวได้

    ผมอย่างรู้ว่าผมโดนผีอำรึเปล่า ผมถามเพื่อน
    อ.ช่วยตอบผมหน่อยนนะครับ(อ.ท่านใดก็ได้ผมอยากรู้ครับ)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นักเขียนผู้ทำหน้าที่ล่ามและเลขาของท่านอาจารย์อนาลัยขอตอบแทนอาจารย์นะคะ
    ภาวะที่เรารู้สึกเสมือนว่าถูกไฟดูด เป็นภาวะที่ก้ำกึ่งหรือคาบอยู่ระหว่างภาวะที่ประสาทสสัมผัสทั้งห้าและประสาทสัมผัสที่หกพยายามจะแย่งกันทำงาน หรือจะว่าแย่งกันไม่ทำงานก็ได้ คือจะรู้ดัวยประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ไม่เต็มร้อย จะรู้ด้วยประสาทสัมผัสที่หกก็ไม่เต็มร้อย เพราะสติสัมปชัญญะย้ายฐานหรือจิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปอยู่นอกร่างกายบางส่วน ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกายได้ ผีอำไม่มีหรอกค่ะ เราตกอยู่ในภาวะที่เราอำตัวเอง เพราะเราขาดการควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะตามวิถีทางที่เราคุ้นเคย เรารู้สึกเสมือนถูกไฟดูด เพราะจิตวิญญาณมีสภาวะเป็นประจุแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อเราสัมผัสรู้ถึงสภาวะที่แท้จริงของจิตวิญญาณด้วยประสาทสัมผัสที่หกบางส่วน แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็รับรู้ได้บางส่วน ร่างกายจึงรับรู้ได้กระแสไฟฟ้าดังกล่าว

    ภาวะนี้เรียกว่าได้ว่าเป็นภาวะ"ขาเข้า"ถึงธรณีประตูของ ของการทำสมาธิเพื่อไปให้ถึงจุดพลังอำนาจ คือจุดที่จวนจะละประสาทสัมผัสทั้งห้าได้หมด (อยู่ระหว่าง ฌาน 4 กับ 5) เหลือแต่ตัวรู้คือสติสัมปชัญญะ อารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เผชิญกับภาวะนี้อีกเมื่อไร เมื่อรู้แล้วว่าคืออะไรอย่าดีใจเกินไปจะถอนจากภวังค์สมาธิ และถ้าตกใจก็มักตกอยู่ในภาวะเสมือนถูกไฟดูด เพราะละประสาทสัมผัสทั้งห้าไม่ได้หมด

    หากพ้นสภาวะไปได้จะรู้สึกได้ทันทีเพราะประสาทสัมผัสทั้งจะปิดอย่างฉับพลัน จะรู้สึกเสมือนว่าหูดับ หรืออาจได้ยินเสียงเหมือนเสียงระเบิดดังลั่น ร่างกายเนื้อตัวหายไป รู้สึิกเสมือนว่าร่างกายของเรากลายเป็นสิ่งที่โปร่งใส แต่ความรู้สึกนึกคิดยังอยู่ครบพร้อมจินตนาและการอารมณ์ หากฝึกสมาธิและเข้าสู่ภาวะนี้ด้วยการกำหนดลมหายใจ จะพบว่า ลมหายใจหายไป แม้จะมองเห็นหรือรับรู้การหายใจ มันก็เป็นไปเสมือนว่าผ่านทุกอนูของร่างกายที่ปราศจากความทึบตัน

    ในภาวะนี้ ให้กำหนดจิตด้วยการตั้งเจตนา เช่น เจตนาขอรู้ ขอเห็น อภิญญาเกิดได้ด้วยเจตนา ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นปาฏิหารย์โดยปราศจากเจตนาและการฝึกฝน การกำหนดจิตด้วยเจตนาเสมือนการป้อน keyword เพื่อค้นหาข้อมูลค่ะ คำตอบจะขึ้นมาหรือความรู้ข้อมูลจะ download มาอย่างอัตโนมัติเมื่อถูก keyword

    พัฒนามาได้ถึงจุดนี้ต้องศรัทธาในตนเองให้มากนะคะ เพียงอีกก้าวหนึ่งก็คือข้ามธรณีประตูเข้าไปสู่การรู้เห็นโลกภายในแล้ว

    ด้วยความปรารถนาดี
    นักเขียน
     
  6. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ xanadu
    'Resemble the Moon' - what a relaxing and soothing piece of music.(b-flower)

    soft, soothing melody
    cool, dark night
    bright, serene moon
    fragrant, delicate lilies

    Thank you to everyone, especially Nova Analai, the writer, and Mead

    </TD></TR></TBODY></TABLE>(b-smile)(b-smile)(b-smile)

    บทเพลงจากความฝัน
    นักเขียนทำดนตรีบรรเลงเพราะๆไว้หลายเพลง
    เห็นภาพท้องฟ้า+ดวงจันทร์ ตามจินตนาการทีเดียวครับ
    ฟังแล้วโล่งๆตัวเบาๆ เหมือนลอยได้เลยเพลงนี้

    http://www.novaanalai.com/novaanalai...leTheMoon.html<!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    "ถอดจิต"
    ไม่ใช่การ "ถอดจิต" หรือการทำให้จิตวิญญาณออกจากร่างไปแต่อย่างใด จิตวิญญาณเพียงบางส่วนเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปเท่านั้น

    จิตไม่ต้องเดินทาง แต่เราสามารถไปปรากฎในสถานที่นั้นๆได้โดยฉับพลัน คล้ายการพุ่งสติสัมปชัญญะออกไปจดจ่อตำแหน่งนั้นๆ ในระบบเครือข่ายของจิตวิญญาณที่มีอยู่
     
  8. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    <TABLE class=tborder id=post645962 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_645962", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:53 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 6,259 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 29,752 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 53,543 ครั้ง ใน 6,084 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 6292



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_645962 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->"ก่อนนอนให้ตั้งจิตว่า
    ขอฝันเพื่อรู้เห็นจิตวิญญาณต<WBR>่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์
    ขอจดจำความฝันและเข้าใจในประสบก<WBR>ารณ์ที่จะไปรู้เห็น
    จดจ่อกับความคิดนี้จนกว่าจะหลับ
    การตั้งจิตเช่นนี้นอกจากจะกำหนด<WBR>ทิศทางความฝันแล้ว
    ยังจะเหนี่ยวนำให้คุณรู้เห็นผ<WBR>่านตา ผ่านมุมมอง
    และผ่านประสบการณ์ของจิตวิญญาณต<WBR>่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์
    ที่คุณเห็นอยู่ทุกคืนแต่ไม<WBR>่เคยตระหนักหรือจดจำมาก่อน
    ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู<WBR>้
    ตลอดจนทักษะระหว่างจิตวิญญาณต<WBR>่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์เก<WBR>ิดขึ้นระหว่างกันได้ด้วย"

    ข้อความดังกล่าวข้างต้น เหมือนดักรู้ใจผมทีเดียว
    ก่อนหน้านี้เดินเข้าห้องน้ำ ยังนึกคิดว่า
    ตัวเราเปรียบเสมือน สื่อ หรือผู้รับใช้ คุรุไร้รูป
    แต่รู้สึกว่ากลไกภายในยังไม่สามารถรองรับกับสื่อที่จะมา
    ได้เท่าที่ควร คงต้องหาวิธี ทำให้กลไกภายในมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    พอเข้ามาอ่านกระทู้ต่อ ก็เจอข้อความของคุณ mead ที่
    นำ Mail ของคุณนักเขียน มาลงพอดี เซอร์ไพร้ส์ มากๆครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    ต้องเป็นผู้ฉลาดให้ โดยเฉพาะการให้กำลังใจผู้อื่น เพื่อเขาจะได้มีชีวิตที่ดี…
    http://www.palungjit.org/club/MOUNTAIN/
    สนิมเป็นอันตรายมากต่อศาสตราวุธฉันใด ความโกรธก็เป็นอันตรายต่อจิตใจมากฉันนั้น
    <!-- / sig --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("645962")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack --> <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack --> <!-- End Post Thank You Hack --> <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    วิธีการง่ายๆที่เป็นธรรมชาติ ทำได้ด้วยการฝึกฝน ก่อนนอนทุกคืนให้นั่งสมาธิโดยนั่งบนเตียงในท่าที่พร้อมจะขยับตัวลงนอนได้โดยง่าย โดยที่สมาธิไม่ขาด คือขยับตัวน้อยที่สุดในขณะทียังหลับตาอยู่แล้วล้มตัวลงนอน-พร้อมหลับ-พร้อมฝันต่อไปได้เลย

    การนั่งสมาธิ หากใครคุ้นเคยกับการฝึกปฏิบัติแบบอานาปานสติ คือกำหนดลมหายใจเข้าออก ก็ให้ใช้วิธีที่คุ้นเคยนั้น หากใครยังไม่เคยทำสมาธิมาก่อนเลย ให้ทำด้วยวิธีง่ายๆดังนี้คืิอ นั่งในท่าที่สบายพร้อมล้มตัวลงนอนหลับอย่างที่ว่า แล้วให้กำหนดจิตไว้ ณ จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว หรือตาที่สาม กำหนดตัวรู้ไว้ตรงนั้น และตั้งจิตว่า จะขอฝันเพื่ออะไร อย่าขอหลายอย่างเกินไปนะคะ ไม่งั้นจะกว้างเกินไปเหมือนเหวี่ยงแห และในขณะเดียวกันก็อย่าขอสั้นเกินไป เพราะจะเหมือนการใส่ keyword คำเดียว ไม่เจาะจง ข้อมูลที่ได้จะขึ้นมาสะเปะสะปะมากมายจนจำไม่หมดเหมือนเวลาเรา search google ด้วย keyword ที่ไม่รัดกุมโดยใส่ keyword คำเดียว มักได้ website ขึ้นมาหลายแสน web หาอะไรไม่เจอ ตัวอย่างการตั้งจิตขอรู้ :

    + ขอเรียนรู้ธรรมชาติความเป็นจริงของตัวตน
    + ขอเรียนรู้การรักษาโรคด้วยตนเอง
    + ขอเรียนรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงของสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ และขอรู้ทางแก้


    ไม่ว่าคุณๆต้องการรู้อะไร อย่างแรกที่จะต้องทำคือ ต้องมีความเชื่อและศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเองว่า จิตวิญญาณของเรามีความรู้ความสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับจิตวิญญาณรวมและต้นกำเนิดของความรู้ หากปราศจากความเชื่อนี้ แม้จะเผชิญกับข้อมูลความรู้มากมายในความฝัน ก็จะจำไม่ได้หรือหากจำได้ก็จะไม่เห็นความสำคัญและความหมายที่ปรากฏ

    หากจะใช้ความฝันให้ได้ประโยชน์จริงๆ จำเป็นต้องจดเมื่อตื่นขึ้นมา โดยหัดจดฝันอย่างซื่อตรงที่สุดที่จะทำได้ อย่าพยายามตีความหมายให้ดู make sense หรือเป็นเหตุเป็นผล เพราะจะทำให้ความเป็นจริงที่ได้สูญหายหรือบิดเบือนไปหมด ไม่ว่าความฝันที่จดจำได้จะดูเสมือนไร้สาระเพียงใดก็ตาม ให้จดประสาซื่อ คืออย่าพยายามแก้ไขให้มีสาระ

    ประสบการณ์ในความฝันส่วนมาก ปรากฏเป็นสัญญลักษณ์ เป็นรหัส หรือเป็นอุปมาอุปมัย แม้บุคคลต่างๆที่ปรากฏในความฝัน ก็เป็นตัวแทนของบุคลิกภาพ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิด ตัวอย่างเช่น เพื่อนเก่าซึ่งมีนิสัยนักเลง กล้าได้กล้าเสีย อาจเป็นบุคลิกภาพที่แสดงออกถึงภาวะของจิตวิญญาณของตัวคุณเอง ให้จดความฝันประสาซื่อ แล้วขีดเส้นใต้คำที่สะดุดใจไว้ทุกคำ จากนั้นให้ถอดรหัสคำเหล่านั้นไปตาม"ความรู้สึก"และอารมณ์ของตนเอง (ไม่ใช่ตามธรรมเนียมหรือวัฒนธรรม) จากนั้นอ่านความฝันใหม่อีกรอบโดยทดแทนคำเหล่านั้นด้วยความหมายที่เรารู้สึกว่ามันใช่

    แรกๆอาจจะจำความฝันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ต่อไปจะมีความหมายขึ้นเรื่อยๆค่ะ อย่าใจร้อน เพราะเรามีเวลาฝึกทุกคืนนะคะ

    ตื่นขึ้นตอนเช้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ทันทีที่รู้สึกตัวว่าตื่น อย่าเคลื่อนไหวร่างกาย แต่ปลุกสติสัมปชัญญะให้ตื่น กล่าวได้ว่าทำจิตให้ตื่น แต่ปล่อยให้กายหลับต่อ อย่าปลุกกาย ภาวะดังกล่าวนี้ ขอแนะนำให้ทุกท่านที่ฝึกสมาธิมานานแต่เข้าภวังค์สมาธิได้ยาก ให้ลองทำ เพราะภาวะดังกล่าวนี้คือ การคงสภาวะจิตให้อยู่ในภวังค์สมาธิทันทีที่ตื่น หลักการของการทำสมาธิคือ การทำให้ร่างกายหลับ แต่จิตตื่น ดังนั้นเรานำเอาหลักการนี้มาปฏิบัติกลับทางทุกเช้า คือทำให้จิตตื่น แต่คงสภาพกายให้หลับต่อ ทำได้ง่ายกว่าการนั่งสมาธิและเข้าภวังค์ด้วยซ้ำไป เพราะโดยธรรมชาติแล้ว จิตจะตื่นก่อนกายทุกเช้าอยู่แล้วหากเราไม่รีบขยับกาย การฝึกทำเช่นนี้ ก็เพื่อฝึกให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าปิด - หรือหยุดทำงาน ทั้งที่สติสัมปชัญญะพร้อมที่จะรับรู้ ทำให้สติสัมปชัญญะรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายใน หรือรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ

    ยาวหน่อยนะคะ กำลังแก้ตัวที่ทำให้เพื่อนๆคอยเงก....หายโกรธยัง???

    ระหว่างที่ยังไม่ขยับกาย แต่จิตตื่นแล้ว ให้ทวนฝัน ด้วยการ"จับอารมณ์" เป็นอย่างแรก เช่น อารมณ์อะไรค้างอยู่บ้าง มีอารมณ์ขัน อารมณ์รัก อารมณ์โกรธ ให้ทบทวนจับอารมณ์ให้ได้ก่อนเป็นอย่างแรก แล้วความฝันจะกลับมาได้ง่ายขึ้นกว่าที่จะพยายามคิดทบทวนเรื่องราวความฝันทั้งหมด หากจับได้เลือนราง อย่าท้อใจ จับแต่อารมณ์ไว้ก่อน บางครั้งกว่าที่จะจำความฝันได้อาจล่วงเลยไปช่วงสายๆ ผุดขึ้นมามากมาย

    หากฝึกฝนเช่นนี้เป็นกิจวัตร จะจำความฝันได้มากมาย ผู้ที่นอนขี้เซา คือนอนยาว 6-8 ชั่วโมงรวด หายจ้อยไปทั้งคืนไม่รู้ไปไหนมาบ้าง ให้หัดดื่มน้ำมากหน่อย แล้วตื่นเข้าห้องน้ำทุก 3-4 ชั่วโมง คนนอนไว ให้กำหนดจิตด้วยการจับตาดูนาฬิกาว่าเข้านอนกี่โมง กำหนดจิตว่าจะนอนหลับ 3 ชั่วโมง แล้วจะตื่นมาดูนาฬิกาอีก ตั้งนาฬิกาไว้ในตำแหน่งที่แค่ลืมตาก็เห็นได้ในความมืด กำหนดจิตให้ตื่นได้ทุก 3-4 ชั่วโมง ทำบ่อยๆทุกคืน จะทำให้สติสัมปชัญญะคมชัด หลับช่วงสั้นไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงจะจำความฝันได้มากกว่านอนรวดเดียวจนเช้า คุณๆที่ฝึกเข้าห้องน้ำทุก 3-4 ชั่วโมง ต่อไปหายนอนขี้เซา ก็เลิกดื่มน้ำมาก หันมาใช้วิธีตื่นมาดูนาฬิกาได้ค่ะ

    วันนี้ข้ามฟ้ามาฝากให้ฝันกันก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาคุยต่ออีก หากว่ากำลังเล่าเรื่องเก่ารู้ๆกันอยู่ ก็ต้องขอโทษที่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน คงไม่ว่ากัน

    ท่านที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือของอาจารย์อนาลัย ขอเชิญไปอ่านได้ที่ :
    http://www.novaanalai.com
     
  10. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>mead, Nakamura, nova_analai, ประสงค์. </TD></TR></TBODY></TABLE>


    หวัดดีครับพี่นักเขียน...ยังไม่เข้านอนเหร๋อคับ:-
    เมื่อคืนผมเข้านอนดึกมาก เพราะต้องทำงานส่งเค้าวันนี้
    คิดว่าคงไม่ฝันแน่แล้ว..
    ก่อนนอนลองทำตามที่พี่นักเขียนแนะนำแบบสบายๆ
    ทำสมาธิเล็กน้อย แต่ตั้งจิตบริเวณตาที่สาม..แล้วใส่ Keyword
    สั้นๆว่า "ผจญภัย" กับ"อาจารย์อนาลัย" สักพักนึงแล้วเข้านอนครับ

    ปรากฎว่าฝันแต่เรื่องผจญภัย ก้บกลุ่มเพื่อนๆและหน่วยกู้ภัยกลุ่มนึง
    เหมือนอยู่ในป่าชายเลน ต้องนั่งเรือยาง..ในฝันต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญเรื่องนึงเพื่อหาออกจากบริเวณนี้
    คิดว่าเป็นเหตุการณ์อนาคตใกล้ๆปัจุบันนี้ครับ เพราะเห็นเป้ที่ใส่ของเตรียมอพยบเป็นแบบสมัยนี้..แต่เหลือบไปเห็นนาฬิกา เป็นเลข 2009


    ในฝันจำได้ว่าฝันประมาณ 2-3 เรื่อง..อันอื่นๆจำได้ลางๆ แต่จำเรื่องนี้ได้ชัดมาก
    ทำให้เชื่อเลยครับว่าเราสามารถเลือกฝันเรื่องที่เราต้องการได้จริงๆ
    ที่ผ่านมาไม่เคยใส่ใจขนาดนี้..ตั้งใจว่าจะลองเลือกฝันเรื่องที่ยากขึ้นกว่านี้อีก

    คืนนี้จะลองใหม่..ไปลองฝันกันดูครับได้ผลมากๆ
     
  11. mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    บางครั้งเมื่อเราเผชิญกับอนาคต เราสามารถเข้าไปทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยการเลือกสิ่งที่เราพอใจ เราจะรู้สึกว่าเสมือนว่า เราเผชิญกับเหตุการณ์แล้วก็ตื่น หรือเล่าประสบการณ์นั้นๆให้ใครฟัง แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาจริง-ไม่ได้เล่าจริงในโลกใบเก่าที่เราเข้านอน แต่ไปตื่นขึ้นในโลกใบอื่่นและเล่าให้ใครในโลกนั้นๆฟัง ปรากฏการณ์นี้จะทำให้เรารู้สึกสะดุด หากเปรียบความฝันส่วนนี้เหมือนฉายหนัง ก็จะรู้สึกเสมือนว่าหนังช่วงดังกล่าวนี้ฉายซ้ำสองครั้ง เพราะเมื่อจิตวิญญาณก้าวล่วงไปในอนาคต มันเผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆในอนาคตครั้งหนึ่ง แล้วจิตวิญญาณก็ย้อนกลับมาสู่ปัจจุบันและเผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆอีกครังในปัจจุบัน หากเผชิญกับความฝันในลักษณะนี้ จะรู้ได้ว่าสิ่งที่ไปรู้เห็นมา จะเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบันอย่างแน่นอน


    เมื่อใดที่เรามีความฝันที่เสมือนเผชิญเหตุการณ์ซ้ำ เราก่อเกิดประสบการณ์นั้นๆในชาติภพอื่น มิติอื่น ทำให้ปรากฏการณ์นั้นๆมีพลังสั่นสะเทือน เพราะอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราไปจดจ่อกับมันข้ามชาติภพ ข้ามมิติ การสัั่นสะเทือนจะสะท้อนกลับมาที่ชาติภพนี้ มิตินี้ เสมือนคลื่นที่เกิดจากการโยนก้อนหินลงบ่อน้ำ จุดที่หินตกลงกลางบ่อน้ำคือปัจจุบัน จุดที่คลื่นกระทบขอบบ่อคืออนาคต และจุดที่คลื่นตีกลับมาคืออดีต แต่ในที่สุดคลื่นนั้นก็ตีกลับไปสู่จุดแรกที่หินตกลงในบ่อน้ำคือปัจจุบัน
     
  12. The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    เมื่อสองวันก่อน เราฝันว่า เรานั่งคุยกับพ่ออยู่ข้างบน สักพัก เห็นอีตา จอร์จบุช ออกมาประกาศสงครามกับอิหร่าน แต่เที่ยวนี้ อาหรับไม่ยอม มันกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ ในฝันบอกไว้ด้วยว่า มีเวลาอีก75วัน ถ้าจริงก็ก่อนออกพรรษา 1วัน อเมริกาจะประกาศสงครามกับอิหร่าน

    เรามานั่งนึกๆดู มันมีความเป็นไปได้มาก เพราะอเมริกา ตอนนี้ เศรษฐกิจตกต่ำมาก ปัญหาสินเชื่อซับไพร์ม ถ้ามีคนในนี้ติดตามดู ตอนนี้ภาคการเงิน ในประเทศใหญ่ๆต้องอัดเงิน เข้าตลาดการเงิน จำนวนมหาศาล เพื่อพยุงระบบและความเชื่อมั่น และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของอเมริกาที่ผ่านมา ใช้วิธีทำสงครามมาโดยตลอด การทำสงครามจะทำให้ ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทันที การที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น จะทำให้ธุรกิจการเงินของอเมริการสะพัด ธุรกิจการเงินส่วนใหญ่อาศัยการเก็งกำไรล่วงหน้า เช่นตลาดไนเม็ก ก็เป็นตลาดค้าน้ำมันล่วงหน้า ตลาดหุ้นของอเมริกา ก็ทำช็อตเซลล์ได้ เพราะฉะนั้นเราลองมาดูกันดีกว่า ว่าอีก75วัน อเมริกาจะประกาศสงครามกับอิหร่านจริงไหม

    ถ้าจริงผมจะได้เตรียมเสบียง ถ้าไม่จริงก็คิดว่า อ่านเรื่องที่ผมฝันแล้วกัน
     
  13. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ทั้งการประเมินสถานการณ์จากความเป็นจริงมีแนวโน้มสูงมากครับ ที่จะเกิดสงคราม เพราะการก่อตัวด้านความขัดแย้งในระดับประเทศมีสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย

    ดูแล้วเหตุการณ์ต่างๆ รุมเข้ามาในเวลาที่นับว่าไล่ๆกันไปหมดเลยจริงๆ

    ลองดูครับ ความฝันนี้อาจเป็นสัญญานเตือนหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
     
  14. kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    874
    ค่าพลัง:
    +3,159
    เมื่อเช้า (05.30 น.)วันเสาร์สะดุ้งตื่นขึ้นมา..นั่งรวบรวมสติ สูดลมหายใจเข้าออก 10 ครั้ง พอสงบดีแล้วก็มาลำดับเหตุการณ์ดู
    ในฝัน ฝันว่าวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เป็นวันที่มีเมฆดำทะมึนคลุมผสมกับควันๆที่ลอยตัวพุ่งขึ้น มีไฟยังคงไหม้อยู่เป็นย่อม น้ำเจิ่งนองท่วมขังผสมกับโคลน เหตุการณ์ภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้สงบลงบ้างแล้ว ทั้งน้ำท่วมจนเห็นเป็นโคลนทับถมสิ่งก่อสร้างสุดลูกหูลูกตา คนที่เหลือรอดพยายามรวมกลุ่มกันและหาทางเพื่อความอยู่รอด ฝันว่าอยู่ในกลุ่มคน กลุ่มนึง(พร้อมกับลูกสาว) รวมเราแล้วก็ 5 คน ผู้ชายคนนึงตัวสูงใหญ่กำลังจัดแบ่งหน้าที่ให้ทั้ง 5 คนรับผิดชอบ คนนึงมีหน้าที่สำรวจความเสียหายทีเกิดจากน้ำท่วม คนที่ 2 รับผิดชอบสำรวจความเสียหายและปะรเมินสถานการณ์ที่เกิดจากไฟไหม้ คนที่ 3 รับผิดชอบสำรวจและประเมินสถานการณ์ความเสียหายที่เกิดจากลมพายุ ส่วนเราได้รับผิดชอบด้านธรณีวิทยา ส่วนคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเขาบอกว่าเขาจะรับผิดชอบสิ่งที่ใครๆรู้ (แต่เราไม่รู้ Y_Y) และจะพาไปรวมกับคนอื่นที่เหลือรอดแต่ตอนนี้ทำหน้าที่ ที่ได้ให้เต็มที่ก่อน
    และให้เร่งทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้ลุล่วงไป อย่าเสียเวลา

    ขอให้เป็นแค่ความฝันของคนอดนอน พักผ่อนไม่พอ _/l\_
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ฝันไป ****

    พุทธสถาน ถูกไถเป็นลานโล่ง

    หมายถึง ...
    ปัจจุบัน ...คนไม่สนใจศาสนา ไม่สนใจธรรม
    ไม่ตั้งใจปฏิบัติตามคำสั่งสอนอย่างจริงจัง...เพราะ ขาดสัจจะ !!!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    น้ำเจิ่งนองท่วมขังผสมกับโคลน ...น้ำท่วมจนเห็นเป็นโคลนทับถมสิ่งก่อสร้างสุดลูกหูลูกตา

    หมายถึง การบอกเตือนถึง.... ภัยจากแม่น้ำโขงครั้งใหญ่
    ที่ หนุมานผู้นำสาร...ได้พยายามบอกเตือนมา มากว่า ๑ ปีแล้ว
    ที่ แรกๆ ไม่มีใครเชื่อ และ คอยตำหนิติเตียน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    Toutou dit :
    เมื่อกี้ฝันร้าย :S
    Toutou dit :
    :'( ฝันว่ามีเมฆดำก้อนใหญ่
    Falkman - (I)(&) Solardog dit :
    เหร๋อ
    Toutou dit :
    จู่ๆ ก้อม้วนตัวข้ามท้องฟ้ามาเลย
    Falkman - (I)(&) Solardog dit :
    โห
    Falkman - (I)(&) Solardog dit :
    เอาไปลงเลย
    Toutou dit :
    แล้วก้อมีน้ำพุ่งออกมาข้ามท้องฟ้าเลย
    Falkman - (I)(&) Solardog dit :
    แล้วไงต่อ
    Toutou dit :
    ตกลงมาบนตัว Toutou โครม
    Falkman - (I)(&) Solardog dit :
    :|
    Toutou dit :
    นึกว่าม่องไปแล้ว ลองหายใจดู ปรากฏว่ายังหายใจได้อยู่
    Toutou dit :
    ผิดคาดเลย มหันตภัยไม่ใช่แบบที่เคยเห็น
    Toutou dit :
    มันลอยข้ามท้องฟ้ามาเลย
    Falkman - (I)(&) Solardog dit :
    :|
    Toutou dit :
    น้ำลอยขึ้นไปบนฟ้า วนตัวรอบโลกแล้วตกลงมา
    Toutou dit :
    ไม่เคยฝันเห็นภัยพิบัติแบบนี้เลย
    Falkman - (I)(&) Solardog dit :
    :-O:|
    Toutou dit :
    นึกว่าม่องไปแล้ว แต่ยังหายใจได้ง่า
    Toutou dit :
    ท้องฟ้าน่ากัวมากเยล
    Toutou dit :
    :S:S:S
     
  18. Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    Toutou says:
    อย่าทำเป็นเล่นไป ตอนนอนอยู่นี้เปิดบทสวดพระมหาจักรพรรดิ์ฟังไปด้วยนะ
     
  19. Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เล่าความฝันของตัวเองบ้าง อาจไม่เกี่ยวกับภัยพิบัติ

    เมื่อคืนนี้ฝันว่า ไปพายเรือในแม่น้ำ หรือ ลำธารที่หนึ่งกับเพื่อน แล้วพายไปเรื่อยๆ ไปเจอ เหรียญ 5 บาท สมัยก่อน ที่เป็นเหลี่ยมๆ 8 เหลี่ยม ที่ข้างหลังเป็นครุฑ แล้วมีเหรียญต่างประเทศด้วย คิดว่า เหรียญของอเมริกา

    ไอ้เราเลยหยิบมาเต็มไปหมด แต่พอนึกได้ อ้าว มันไม่ใช่ของเราอย่าเอาไปดีกว่า เลยทิ้งไว้ตรงนั้น

    แล้วก็พายเรือไปเรื่อยๆ ปรากฎไปเจออุโมงค์ หรือ ช่องอะไร แต่ไปๆ มาๆ ดันเป็นปากจระเข้ที่อ้าไว้ แล้วจระเข้มันจะมากินเราสองคน แต่จระเข้บอกว่า ให้รอดไปได้คนหนึ่ง ไอ้เราก็บอกให้เพื่อนหนีไป รีบวิ่งออกไปจากแม่น้ำ เดี๋ยวจะให้จระเข้กินเอง

    พอเพื่อนไป จระเข้มันเข้ามา มันเอามีดแหลม คม มากๆ เอามาแทงที่คอแล้วปาดคอ เจ็บมากอย่าบอกใครเลย เลือดไหลเต็มไปหมด แต่ยังไม่ตาย มันจะมาแทงอีกหน จำได้ว่าเลือดไหลเต็มไปหมด แต่ตื่นมาเสียก่อน อิอิ จระเข้มีมีด แป่วๆ

    จบแระ แป่วมาก
     
  20. Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    โห คุณอ๋อฝันน่ากัว ฝันถึงจระเข้กะมีดด้วย

    แต่ในฝันนี้ตัวเองเป็นฮีโร่เลยนะ

     

แชร์หน้านี้