วันก่อนดิฉันถามเรื่องกรรมที่ทำให้เกิดเป็นหญิงหรือชาย แต่วันนี้ดิฉันรู้สึกว่าตนเองเป็นคนมีกรรมเรื่องความรัก ที่บอกแบบนี้เพราะจะโดนหลอกเสมอ ๆ ชะตาเจ้ากรรมก็เล่นตลกตลอด พอรู้ว่าโดนหลอกก็เลิกกับคนนี้ มันจะมีคนต่อไปมาจ่อคิวทันทีทันใด บอกตามตรงว่าเหนื่อยค่ะ อยากหลุดพ้น คบใครก็คบไม่ได้นานค่ะ จะมีทางไหนไหมคะที่ทำให้เราไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ เพราะไม่อยากจะพบเจอความรักอีกแล้ว หรือมันเป็นวิบากกรรมที่เราจำเป็นต้องเจอ? ถ้าดวงเรามีคู่ แต่เราไม่อยากจะมีแล้ว ไม่ทราบว่าจะฝืนดวงตรงนี้ได้หรือไม่แล้วไม่ทราบเป็นเพราะอะไร เพิ่งมาเป็นลักษณะนี้เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้อ่ะค่ะ เมื่อก่อนไม่เป็น ดิฉันเคยดูดวง ทุกที่จะพูดคล้าย ๆ กัน คือ ดวงความรักเป็นอริกับดวงตัวเอง เห้อ...ชีวิตก็ยากอยู่แล้ว ทำไมมันต้องมาเจอเรื่องทำนองนี้อีกก็ไม่รู้...
ความรักจัดเป็นกรรมรูปแบบใดคะ
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย อิติปิโส_ภควา, 21 ธันวาคม 2010.
-
-
อยากรู้จังหน้าตาเป็นไง
-
เปนเหมือนกันเลย
ขนาดฉันสวย งานการก็มีทำ แม่บ้านแม่เรือน
ยังโดนผู้ชายทิ้ง
ไม่เข้าใจผู้ชาย -
คัดมาจาก เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ของคุณดังตฤณ นะครับ
ถาม - กรรมอะไรทำให้ชายหญิงผลัดกันรักอีกฝ่าย แต่ไม่เคยพร้อมกันครับ? เป็นกรรมเฉพาะตัวของผมหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาพอมีผู้หญิงมาชอบ ผมจะนึกอยากเล่นตัว หรือแกล้งหว่านเสน่ห์ล่อไว้ ทั้งที่ใจจริงๆไม่นึกสนเลย แต่พอหลายเดือนหรือเป็นปีผ่านไป ผมกลับเกิดนึกพิศวาสเธอขึ้นมา ซึ่งเวลานั้นเธอกลับปั้นปึ่งเย็นชากับผม หรือคุยธรรมดาแบบเพื่อนไปเสียแล้ว ประเภทนี้เท่าที่ฝังใจชนิดนึกออกทันทีก็ ๔ ราย บางรายผมเป็นฝ่ายชอบเธอก่อนแต่เธอไม่เล่นด้วย แล้วย้อนกลับมาชอบผมตอนผมไม่เอาด้วยแล้ว มีอยู่รายหนึ่งผมเสียดายแบบก่ายหน้าผากนอนไม่หลับทีเดียว นึกประหลาดใจมาก ราวกับไม่มีหัวใจเป็นของตัวเอง เฝ้าถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไมวันนั้นผมไม่รักเธอ ทั้งที่รูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอก็ดีทุกอย่าง เธอมีใจกับผมชัดๆทั้งการแสดงออกและคำพูด แต่ใจผมดันเย็นชา หรือกระทั่งคิดสมน้ำหน้าเธออย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่คือกรรมเก่าแบบไหนหรือครับ?
ตรงที่บอกว่า ‘ไม่มีหัวใจเป็นของตัวเอง’ ก็นับว่าถูกต้องแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจที่ดีทีเดียวครับ เพราะหัวใจของทุกคนตกอยู่ในอุ้งมือของวิบากกรรมที่เคยทำไว้ก่อน รวมทั้งกรรมที่กำลังทำในปัจจุบันด้วย หาใช่ว่าใครจะควบคุมบัญชาให้หัวใจเป็นดังปรารถนาได้ไม่ บางทีของดีอยู่ตรงหน้า แต่วิบากบีบให้เมิน คว้าได้แล้วไม่คว้า ลงเอยเลยชวดซะงั้น
ประเภทคุณนี้ เรียกว่าผูกกรรมกับใครต่อใครมาในแบบ ‘เล่นเอาเถิดเจ้าล่อ’ ครับ คือฝ่ายหนึ่งล่อให้จับ แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ไล่จับ ผลัดกันไปผลัดกันมา ไม่แกล้งก็เหมือนแกล้ง ทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจ หรือทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจแก่กันและกันอยู่อย่างนั้น หากคุณหน้าตาดีมีเสน่ห์ ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง ก็มีสิทธิ์เจอคู่เวรประเภทเล่นเอาเถิดเจ้าล่อเป็นธรรมดา เพราะเห็นเป็นเรื่องสนุกกับการใช้อำนาจความหล่อความสวยสยบเพศตรงข้าม
ถ้าถึงขนาดไม่เคยเจอคนที่ลงตัวเลย ทั้งชีวิตมีแต่เรื่องพรรค์นี้ อันนั้นก็พิจารณาได้ว่าคุณเล่นเกมนี้ซ้ำไปซ้ำมาเสียจนกลายเป็นเส้นทางประจำ ถอนตัวจากเกมไม่ได้ง่ายๆ
ผมเคยรู้จักคนที่เรื่อยๆเฉื่อยๆ ไม่คิดมีแฟนจริงจัง แต่ชอบบริหารเสน่ห์เพื่อความกระหยิ่มใจ เอาไว้บอกตัวเองว่าแน่ นึกอยากให้ผู้หญิงมาชอบเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่เอาเอง ประเภทนี้ดูแล้วไม่รู้สนุกยังไง ในเมื่อเป็นเส้นทางที่ปราศจากใจจริงอันอบอุ่นอย่างสิ้นเชิง เดินหน้าเพื่อไปพบกับความเหน็บหนาวโดยแท้ เพราะวิบากที่โหดร้ายที่สุดสำหรับกรรมที่ทำเป็นอาจิณประเภทนี้ คือไม่อาจบังคับแม้ใจตัวเองให้ ‘จริง’ กับใคร ต่อให้นึกพิศวาสก็ตาม และแม้อยากรักใครก็ยากจะประจวบเหมาะพร้อมกัน ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า
สำหรับคำถามหลักของคุณ เอาเฉพาะจุดที่กลับเป็นฝ่ายตกหลุมรัก เสียดมเสียดายใหญ่หลวง ก็ต้องดูที่ตอนต้น ว่าสิ่งที่คุณทำกับเขาเป็นการสร้างเวรให้ต้องตกอยู่ในวงจรผูกเวรร่วมกันหรือเปล่า ให้สำรวจตัวเองดีๆ ว่าในระยะแรกคุณมีความจงใจแกล้งยั่วเธอให้หลงไหม? และเมื่อพบว่าอีกฝ่ายหลงรักคุณข้างเดียว คุณสะใจเหมือนผู้ชนะที่อยู่เหนือผู้แพ้ไหม? ถ้าใช่ก็นั่นแหละ ฟ้องว่าคุณกับเธออาจวนเวียนอยู่ในวงจรผูกเวรกันมา และต่อเวรกันอีก
หากคุณยินดีกับการทำให้อีกฝ่ายผิดหวังเสียใจ และรู้สึกกระหยิ่มลำพองคล้ายแก้แค้นได้สำเร็จ ทั้งที่ชาตินี้เขาพยายามทำดีกับคุณและเป็นฝ่ายยอมอ่อนเข้าหาคุณ ไม่เคยทำร้ายคุณเลยแม้ด้วยความคิด มันน่าจะบอกเป็นนัยได้อยู่แล้วว่าเคยมีเรื่องกันมา เพราะถ้าไม่มีเวรชนิดนี้อยู่ก่อน มโนธรรมก็น่าจะสั่งให้คุณสงสารและเห็นใจเขา มากกว่าที่จะไปนึกสมน้ำหน้าเขา
ณ จุดที่คุณเย็นชาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แสดงให้เห็นว่าเวลานั้นถึงรอบที่คุณมีอิทธิพลอยู่เหนือจิตใจของเขา คุณชนะ และส่วนลึกของคุณก็พึงพอใจ ไม่นึกสงสารเขาสักนิดเดียว กระทั่งรอบของเวรเหวี่ยงมาอีกฝั่งหนึ่งในเวลาต่อมา จู่ๆคุณอาจคิดถึงเขาและสำนึกผิดอย่างรุนแรง เสียดายและอาลัยอย่างใหญ่หลวง นั่นแหละชี้ชัดว่าอยู่ในช่วงที่คุณต้องโดนเล่นงานจากวงจรภัยเวรเข้าแล้ว
ขอให้สังเกตเข้ามาในใจ เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง เมื่อแรงหมุนของวิบากเหวี่ยงให้ขึ้นมาอยู่ข้างบน เป็นฝ่ายอยู่เหนือคู่เวร คุณจะเห็นเป็นเรื่องสนุก ตีปีกลำพองว่าข้ามีเสน่ห์ ข้าแน่ ข้าชนะ แต่เมื่อใดถูกเหวี่ยงไปอยู่ข้างล่าง เป็นฝ่ายติดตามอย่างเศร้าโศก ก็จะรู้สึกว่าคนชนะโหดร้าย และมักนึกด้วยความเจ็บใจ อาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ว่าสักวันฉันอยากให้เธอมองฉันด้วยความเสียดายตาละห้อยคืนบ้าง
และแล้ววงจรของการผูกเวรก็ดำเนินต่อไป อย่างเธอในกรณีของคุณ ขอเพียงเธอสะใจและพูดทิ่มตำคุณแม้แต่นิดเดียว ก็จะเป็นการตีตั๋วเตรียมรับเวรรอบต่อไปทันที รอก็แค่เมื่อใดแรงหมุนของวิบากจะเหวี่ยงให้คุณขึ้นไปมีอิทธิพลอยู่เหนือจิตใจเธออีก อาจเป็นชาตินี้ หรืออาจเป็นชาติหน้า!
ที่กล่าวข้างต้นเป็นกรณีปกติของวงจรไล่จับและหลบหลีก แต่ยังมีกรรมสัมพันธ์แบบอื่นอยู่อีก ที่ทำให้ผลัดกันรัก ผลัดกันเมินได้ นั่นคือการได้เคยสาปแช่งกัน หรือลั่นประกาศแบบผลัดกันทิ่มแทงให้เจ็บลึก ทำนองว่าเกิดชาติไหนขอจงอย่าได้เจอกันอีก ฉันจะไม่มีวันหน้ามืดเอาแกมาทำผัวทำเมียอีกเป็นอันขาด!
คำสาปแช่งหรือการตั้งปณิธานทำนองนี้ ต่อให้หนักแน่นด้วยความโกรธแค้นแน่นอกเพียงใด ก็เป็นเพียงปัจจัยลบในสายใยความสัมพันธ์ครั้งหนึ่ง คุณไม่อาจตัดให้ตายขายให้ขาดอย่างสิ้นเชิงเพียงด้วยการลั่นวาจา โดยเฉพาะถ้าอยู่กินร่วมกันอย่างเป็นสุขมาก่อน
คงนึกไม่ถึง ว่าการอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมีความหมายมากกว่าที่คุณคิด ทุกการเคลื่อนไหวไม่ใช่แค่ลมแล้งที่ผ่านมาแล้วผ่านไปเฉยๆ การกินข้าวด้วยกัน การช่วยกันดูแลบ้านเรือน ตลอดจนการนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เหล่านี้ล้วนถักทอเป็นสายใยร้อยรัดกัน ผูกจิตผูกใจเข้าด้วยกัน ต่อให้อยู่กันแบบซังกะตาย อยากหนีพ้นๆหน้าในสามวันเจ็ดวันก็เถอะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความรักจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเหตุปัจจัย ๒ ประการ ประการแรกคือเคยอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีต ประการที่สองคือปัจจุบันเกื้อกูลกัน หากขาดเหตุปัจจัยข้อใดข้อหนึ่ง ความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้
ปัญหาคือหญิงชายหลายคู่เคยอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีต และปัจจุบันก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วย จึงทำให้เกิดความรัก ความรู้สึกวาบหวาม ความดึงดูดกายดึงดูดใจในกันและกัน แต่ระหว่างอยู่ร่วมกันในอดีตอาจเคยสาปแช่ง เคยตั้งปณิธานว่าจะไม่มีวันยอมเป็นผัวเป็นเมียกันอีก วจีทุจริตที่เคยมี ตลอดจนความตั้งใจที่หนักแน่น จะส่งกำลังบีบให้ผลัดกันรัก ผลัดกันเมิน หรือกระทั่งทั้งรักทั้งเกลียดพร้อมกันเบ็ดเสร็จในตัว
มนุษย์กิเลสหนาอุจจาระเหม็นนั้น นำมาอยู่ด้วยกันจะให้มีแต่ดีกับดีนั้นยากครับ เพราะคนเรามีความแตกต่าง ชอบดู ชอบฟัง ชอบกิน ชอบอยู่ ชอบนอนไม่เหมือนกัน ความรักบนรสนิยมที่แตกต่างมักลงเอยเป็นความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรืออิดหนาระอาใจ อยากบังคับให้อีกฝ่ายเป็นอย่างตน ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ ขอเพียงแต่ว่าอย่าถึงขั้นก่อโศกนาฏกรรม หรือสาปแช่ง หรือตั้งปณิธานเลิกคบไปทุกชาติ เพราะถ้าถึงขั้นนั้น ในที่สุดก็มักต้องร่วมเสวยรสสุกๆดิบๆ โหด มัน ฮาร่วมกันอย่างไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้ยุติเสียทีครับ
-
การที่เราผิดหวังในความรักนั้นมีสาเหตุมาจากชาติก่อนเจ้าชู้หลอกผู้อื่นให้อกหักกรรมคู่ไม่ดีเกิดจาก 1.เคยเป็นชู้กับผุ้อื่นไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน 2.ทำร้ายจิตใจคุ่ตนเองไว้ 3.ทำร้ายร่างกายดดยตนเองอยากทำเพราะหึงหวงให้เขาเจ็บปวด 4.ผิดศีลกาเม 5. ยุยงผู้อื่นให้เลิกกัน
<O:p</O:p
ผมขอแนะนำให้ลองละเว้นจากการประพฤติผิดในกามมีอานิสงส์ 11 ประการ<O:p</O:p
1.มีคนรักนิยมนับถือมาก<O:p</O:p
2.ไม่มีคนคอยปองร้าย<O:p</O:p
3.มีทรัพย์สมบูรณ์<O:p</O:p
4.ไม่มีความอดอยากยากจน<O:p</O:p
5.ไม่ต้องเกิดเป็นสตรี (ถ้าไม่ปรารถนา)<O:p</O:p
6.ไม่เกิดเป็นกระเทย<O:p</O:p
7.เกิดเป็นบุรุษในตระกูลสูง<O:p</O:p
8.ได้รับเกียรติอยู่เสมอ<O:p</O:p
9.มีร่างกายสมบูรณ์<O:p</O:p
10.ไม่มากไปด้วยความวิตกกังวล<O:p</O:p
11.ไม่ต้องพลัดพรากจากผู้ที่ตนรัก<O:p</O:p
<O:p</O:pการแก้กรรม<O:p</O:p
1.ตั้งสัจจะว่าจะไม่แย่งผัว-เมียคนอื่นมาเป้นของตน<O:p</O:p
2.หมั่นถวายเทียนคู่ในวันเกิดตัวเองปีละครั้งขอเสริมดวงชีวิตคู่ให้พบแสงสว่างในชีวิตคู่ที่ดีโดยไปกับแฟนและอธิษฐานขอพร<O:p</O:p
3.ถวายสังฆทานในวันเกิดเพื่อขอพรให้สมหวังด้านชีวิตคู่แลอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและคู่ชีวิตที่เคยล่วงเกินไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน<O:p</O:p
4.บริจาคทรัพย์ให้กับคู่แต่งงานในงานแต่งงานเพื่อส่งเสริมให้เขาสมหวังในความรักและตนเองก็จะได้บุญต่อไป<O:p</O:p
5.ไกล่เกลี่ยคู่สามี-ภรรยาที่ทะเลาะกันแยกทางกันให้มารู้สึกดีต่อกันจะได้บุญทางด้านชีวิตคู่<O:p</O:p
<O:p</O:p -
ขอบคุณค่ะ...ใด้ความรู้มากเลย
-
อนุโมนาคะ
..........................................................................
ขอเชิญร่วมลงนะมหาสิทธิโชคสิทธิมงคลขจัดภัยกับ ครูบาคำเป็ง
Click ลงนะมหาสิทธิโชคสิทธิมงคลขจัดภัยกับ หลวงปู่ครูบาคำเป็ง รับปีใหม่ 2554<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> -
ขอบคุณค่ะ คุณ bluebaby2 ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ
-
ความรักมีหลายรูปแบบ แต่ความรักที่คงทนถาวรตลอดคือต้องมีความเมตตา และถ้าจะถามว่าทำไมต้องมีความเมตตาละ ความเมตตาเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ความขัดแย้งของอีกฝ่ายอ่อนลงได้ สามารถควบคุมอารมณ์ให้สามารถหันหน้าเข้าหากันเพื่อปรึกษากัน นั้นก็คือการเปิดใจคุยกัน แก้ในสิ่งที่ตนเองผิดถ้ายังแก้ไม่ได้ฝ่ายตรงข้ามก็จะเข้าใจและพยายามช่วยแก้ไขให้ ทำให้ไม่ต้องมาทะเลาะกันแบบไร้เหตุผลโดยที่ไม่รู้ว่าต้นเหตุนั้นมันสมควรที่จะเลิกกันหรือไม่ ดังนั้นมันไม่อยากถ้าฝ่ายหนึ่งแข็งมา อีกฝ่ายต้องอ่อนใส่ ก็เหมือนไฟไหม้ ที่ต้องเอาน้ำเข้ามาดับไฟจึงจะดับ แต่ถ้าเอาไฟเข้าไปดับไฟก็จะทำให้ไฟนั้นปะทุมากขึ้นลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น ลองพิจารณาดูนะครับ:VO
-
ขอบคุณ สำหรับความรู้ อีกแล้ว
-
ขอบคุณกับกระทู้นะครับ โดนใจมากๆกับคำตอบของคุณตังกฤณ
-
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ผมอยากให้คุณ อิติปิโส_ภควา โหลดหนังสือ " ชีวิตเป็นอย่างนี้ " ใต้ comment ของผมไปอ่านให้จบครับ อ่านให้จบทั้งเล่มเลยครับ เดี๋ยวจะคิดอะไรได้อีกเยอะเลย อ้อ ผมอยากให้คุณ อิติปิโส_ภควา หันมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ เเ่ผ่เมตตาในทุกๆวันด้วยครับ ( หากยังไม่ได้ปฎิบัติก็เริ่มหันมาปฎิบัติได้เลยครับ ) เเผ่เมตตาไปให้ทั่วทั้งจักรวาลครับ หมั่นทําเป็นประจํา เดี๋ยวชีวิตจะดีขึ้นเองครับเเต่ไม่ต้องไปยึดติดครับ ขอให้อดทนเเละปฎิบัติในทุกๆวัน ซักวันจะเข้าใจเองครับ เจริญในธรรมครับ ฝากวิธีนั่งสมาธิให้คุณ อิติปิโส_ภควา อ่านด้วยครับ จะได้ปฎิบัติได้อย่างถูกทาง
วิธีนั่งสมาธิขั้นเบื้องต้นของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา
http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=420
อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ
http://palungjit.org/threads/อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ.217531/ -
ขอบคุณนะคะ คุณวิญญาณนิพพาน ดิฉันเคยสวดมนต์ นั่งสมาธิมาเหมือนกัน ตอนนั้นมีเรื่องทุกข์ใจมาก สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก (ก.ย. 51) ได้ลองตั้งใจสวดมนต์และนั่งสมาธิจริง ๆ เดือน ต.ค. 51 รู้สึกว่าจะทำอยู่ได้ 2-3 เดือน แต่เพราะสุขภาพไม่ดี เลยต้องเลิกไปซะอย่างนั้น (มารผจญหรือเปล่าไม่ทราบได้) แต่ดิฉันยังคงเฝ้านึกถึงบทสวดมนต์ พระธรรมคำสอนติดอยู่ในใจเสมอ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง แต่เชื่อในหลักธรรมคำสอน ทุกวันนี้ดิฉันได้ยินคุณแม่สวดมนต์ทุกเช้า ดิฉันท่องมนต์ได้ แต่ทำไมถึงไม่ยอมลุกมาปฏิบัติแบบคุณแม่ก็ไม่ทราบ 555+ สงสัยจะมีนิวรณ์เยอะค่ะ หลัง ๆ ชีวิตดิฉันเจอคนค่อนข้างเยอะ แนว ๆ มาจีบ แต่ดิฉันเบื่อเสียแล้ว หลังจากที่เคยผิดหวังกับความรักมา 2 ครั้ง คือ คิดว่าตนเองไม่สามารถคบและแต่งงานกับใครได้ อยากจะอยู่คนเดียวไม่อยากผูกพันกับใคร เอาเป็นว่าดิฉันมีกัลยาณมิตรที่หยิบยื่นความหวังดีและธรรมะมาให้ จะตั้งใจพยายามทำให้ได้มาก ๆ นะคะ ขอขอบคุณอีกครั้ง ได้ผลอย่างไรจะมาเล่าให้คุณวิญญาณนิพพานฟังนะคะ