" ธรรมโอวาท "
เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในวงของ<WBR>ผู้ปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อท่านได้ให้โอวาทเตือนผู้<WBR>ปฏิบัติว่า
... "การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกัน
มากเข้าย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่<WBR>งกันเป็นธรรมดา
ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา<WBR>อยู่
ทิฐิความเห็นย่อมต่างกัน
ขอให้เอาแต่ส่วนดีมาสนับสนุนกัน<WBR>
อย่าเอาเลวมาอวดกัน"
การปรามาสพระก็ดี การพูดจาจาบจ้วงใน
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
หรือท่านที่มีศีล มีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเรา
และขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายห<WBR>น้า ดังนั้น
หากเห็นใครทำความดีก็ควรอนุโมทน<WBR>ายินดีด้วย
แม้ต่างวัด ต่างสำนัก หรือ แบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม
ไม่มีใครผิดหรอก เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไป
เพื่อความพ้นทุกข์เช่นกัน
เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุดเท่านั้น
ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า
"แล้วเราล่ะ ถึงที่สุดแล้วหรือยัง?"
จากหนังสือไตรรัตน์ 1
ของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก<!-- google_ad_section_end -->
คำสอนหลวงปู่ดู่
ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 10 มีนาคม 2012.
-
การปรามาสผู้อื่นด้วยไม่รู้ จะเป็นกรรมที่ส่งผล ให้การปฎิบัตินั้นเนินช้าลงไป
สาธุครับ -
กราบนมัสการธรรมหลวงปู่ครับ....
-
satu satu satu.........
-
ผมได้ไปที่ประเทศลาว เมื่อปีที่ผ่านมา ผู้คนที่นั่นเกรงกลัวบาปกรรมมากกว่าที่ประเทศไทย
ที่ประเทศลาว มีวัดมากมาย อยู่ไม่ห่างกันนัก แต่ผู้คนก็ร่วมใจกันทำบุญ และ ไม่เห็นผู้คน
ทะเลาะกันแม้แต่น้อย ไม่เห็นผู้คนโวยวายใส่กันเลย และ ยังพูดจาด้วยความเรียบง่าย
อาจจะเพราะผมไปแค่สามวัน จึงไม่เห็น
สาธุครับ -
หลวงปู่ดู่ท่านเมตตาสอนไว้ว่า "หากเห็นใครทำความดี ก็ควรอนุโมทนายินดีด้วย แม้ต่างวัดต่างสำนักหรือแบบปฏิบั<WBR>ติต่างกันก็ตามไม่มีใครผิดหรอก<WBR> เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไปเพื่<WBR>อความพ้นทุกข์เช่นกัน เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุด ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า..<WBR>. แล้วเราล่ะถึงที่สุดแล้วหรือยัง<WBR>"
-
เป็นการสอนให้เพ่งโทษตนเอง มากกว่าจะไปเพ่งโทษผู้อื่น
สาธุครับ -
ถ้า แก กินข้าว สามมื้อ มันก็มี กำลัง วังชา เดินไป ถึง ได้
ถ้า แก กินข้าว มื้อเดียว มันก็ พอไปถึงได้ แต่ ช้า หน่อย
แต่ ถ้า แก ไม่กินข้าว เลย มัน ก็ คงไปไม่ถึง ใช่ไหม ล่ะ
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -
-
" ธรรมโอวาท "
เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในวงของผู้ปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อท่านได้ให้โอวาทเตือนผู้ปฏิบัติว่า
... "การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกัน
มากเข้าย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา
ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่
ทิฐิความเห็นย่อมต่างกัน
ขอให้เอาแต่ส่วนดีมาสนับสนุนกัน
อย่าเอาเลวมาอวดกัน"
การปรามาสพระก็ดี การพูดจาจาบจ้วงใน
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
หรือท่านที่มีศีล มีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเรา
และขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายหน้า ดังนั้น
หากเห็นใครทำความดีก็ควรอนุโมทนายินดีด้วย
แม้ต่างวัด ต่างสำนัก หรือ แบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม
ไม่มีใครผิดหรอก เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไป
เพื่อความพ้นทุกข์เช่นกัน
เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุดเท่านั้น
ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า
"แล้วเราล่ะ ถึงที่สุดแล้วหรือยัง?"
จากหนังสือไตรรัตน์ 1
ของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก
__________________
ขอให้เจริญในธรรมครับ
กราบหลวงปู่ดู่เจ้าคะ
และโมทนาบุญใหญ่ๆ กับจขกด้วยนะคะ -
ให้พยายามภาวนาไปเรื่อย ๆ ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ทำได้ตลอดเวลาถ้าเราจะทำดีกว่า
นั่งร้องเพลง จะซักผ้า หุงข้าว ต้มแกง นั่งรถ ทำได้ทั้งนั้น เขาเรียกว่าพยายามเกลี่ยจิตใจให้<WBR>เข้าที่
ถ้าจะรอเวลาปฏิบัติ (นั่งสมาธิ) ทีเดียวมันยาก เพราะจิตมันแตกมาตลอด
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -
ปฏิบัติแล้ว โกรธ โลภ หลง
ของแกลดน้อยลงหรือเปล่าละ
ถ้าลดลง ข้าก็ว่าแกใช้ได้
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -
เมื่อ ปฏิบัติ จน จิต เริ่มสงบ แล้ว จะเกิด ความสว่าง ขึ้นที่ จิต พร้อมกัน นั้น จะมี สิ่งที่เป็นตัวชี้ บอกว่า จิตของเรา เป็นอย่างไร บ้าง อันได้แก่ ปิติ ต่าง ๆ เช่น อาการขนลุก ตัวเบา น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง รู้สึกเหมือน กายขยายใหญ่ เป็นต้น ซึ่ง สิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวชี้ ถึง จิต ว่า เริ่มจะสงบ แล้ว ให้ ผู้ปฏิบัติ วางใจเฉย ๆ อย่าไป ยินดี หรือ ยินร้าย บางท่าน ที่มีนิสัย วาสนาบารมี ทางรู้ ทางเห็น ภายใน ก็อาจจะเกิด องค์พระ ปรากฎขึ้น จาก แสงสว่าง เหล่านั้น
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -
โอวาทธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
"อย่าปฏิบัติแบบไฟไหม้ฟาง (หมายถึงไหม้วูบเดียวแล...้วก็ดับ กล่าวคือ ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็หยุด อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ต้องทำ (ปฏิบัติธรรม) ให้สม่ำเสมอให้ได้ทั้งในยามขยัน<WBR>และขี้เกียจ)" -
เมื่อ ปฏิบัติ จน จิต เริ่มสงบ แล้ว จะเกิด ความสว่าง ขึ้นที่ จิต พร้อมกัน นั้น จะมี สิ่งที่เป็นตัวชี้ บอกว่า จิตของเรา เป็นอย่างไร บ้าง อันได้แก่ ปิติ ต่าง ๆ เช่น อาการขนลุก ตัวเบา น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง รู้สึกเหมือนกายขยายใหญ่ เป็นต้น ซึ่ง สิ่งเหล่านี้ จะเป็น ตัวชี้ ถึง จิต ว่า เริ่มจะสงบ แล้ว ให้ ผู้ปฏิบัติ วางใจ เฉย ๆ อย่าไป ยินดี หรือ ยินร้าย บางท่าน ที่มี นิสัย วาสนาบารมี ทางรู้ ทางเห็น ภายใน ก็ อาจจะเกิด องค์พระ ปรากฎขึ้น จาก แสงสว่าง เหล่านั้น
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ