เค อ่านอันนี้ยัง
วิธีหาจิต โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
เป็นอีกสำนวนนะ หลวงปู่เทสก์ เรียก จิตหนึ่ง ฐีติจิต ว่า ใจ อันนี้อย่าสับสน กะของ น้าจร
จิตบังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้...จะอบรมจิตได้อย่างไร???
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 27 มกราคม 2009.
หน้า 22 ของ 36
-
ขูดๆๆ
-
...ขอแจมด้วนิดนึ่ง ....อิอิ
"จิตบังคับบัญชาได้หรือไม่... ถ้าไม่ได้...จะอบรมณ์จิตได้อย่างไร ???.."
คุยกันเรื่องนี้...เหมือนคุยเรื่องไก่กับไข่...อันไหนเกิดก่อนกัน...
อิอิ..อย่ามองว่าเป็นปัญหาโลกแตกนะ ...ปัญหานี้ตอบได้ว่า...
ไก่ตัวไหน กับ ไข่ใบไหน..ต้องชี้ลงไป ก็จะตอบได้ว่า ไข่กับไก่ อะไรเกิดก่อนกัน....
จิต..บังคับได้หรือไม่
จิต..อบรมได้หรือไม่
จิต..เป็นอนัตตาหรืออัตตา
จิต..เป็นอนิจจังหรือไม่
คำถามเหล่านี้... ต้องคุยลงไปว่า ... จิตขณะไหน จิตดวงไหน-เกิด และตัวไหน-ดับ
...ก็จะเกิดความเข้าใจ...และที่สำคัญ ผู้ที่คุยด้วย ควรจะวางมานะ ถือดีว่า ฉันถูก...ไม่เช่นนั้น..ก็ถกไปในทางเอาชนะ กันเสียมากกว่า...
และผมก็ไม่ชี้นะคับ...อิอิ...แวะมาป่วน มาแจม ประสาคนรู้จักกัน เนอะ...อิอิ
-
อ่านแล้ว เข้าใจเรื่อง จิต และ ใจ ในมุมมองแบบหลวงปู่เทสก์ ดีมาก(จิตมันให้ค่าอีกแระ)
สงสัย(รู้ว่าสงสัย) จิตเรามันจะโลภมากนะนี่ ยิ่งอ่านยิ่งฟู ยิ่งฟูยิ่งชอบ
แต่ก็ ปล่อยไปตามธรรมชาติของเขา เราแค่รู้ตัวว่า เขาชอบ รู้ว่าชอบ
เขายินดีรู้ว่ายินดี เขาฟูรู้ว่าเขาฟู เขาปิติรู้ว่าเขาปิติ
คัดมาบางส่วนให้อ่าน จากกระทู้หลวงปู่เทสก์
วันนี้จะอธิบายถึงเรื่องวิธีหาจิต จิต เป็นของสำคัญที่สุด เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องมีจิตทุกคน แต่หากเราไม่ เห็นจิต เราเกิดมาก็เพราะจิต เป็นอยู่ก็เพราะจิต เราจะตายไปก็เพราะจิต จิตแท้นั้นคืออะไร จิตนี้ไม่มีตัวมีตน มองก็ไม่เห็น ความรู้สึกความนึกความคิดนั่นแหละคือ ตัวจิต เพราะฉะนั้น ลืมตาจึงมองไม่เห็น ถ้าหลับตาแล้วเห็นหรอก
<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
ถ้าหากเราไม่เห็นตัวจิต จิตมันจะพาเราไปเที่ยวฟอนทุกสิ่งทุกอย่าง กิเลสทั้งหลายทั้งปวงหมดเกิดจากจิตทั้งนั้น ที่ท่านพูดถึงเรื่อง เจตสิก ก็คืออาการของจิตที่เรียกว่ากิเลสทั้งหลายร้อยแปดพันประการนั้นก็เกิดจากจิตอันเดียว -
-
[ "นั่น" ตัวหนากว่าของคุณวิษณุ ] -
มานะ เป็นพี่ มานีป่าว หรือเป็นเพื่อนปิติ หรือเป็นพี่ชูใจ
-
แป๊ปนึง ถึงจะเข้าใจว่าเขาพูดไปทางไหน
;aa8 -
-
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">
[ แนะนำเรื่องเด่น ]
</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12, ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก", หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ, k.kwan, tro
สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทานข้าวกันยัง...
..อีกคนสงสัยต้องมองด้วยตาทิพย์..
</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users --> -
-
...เพิ่งกินข้าวเสร็จมาอ่ะคับ ...ไปแระนะ...บาย ขอให้เจริญในธรรมคับ สาธุ -
ถือว่าเราอยู่บนเขา
ถือว่าเราอยู่เสมอเขา
ถือว่าเราอยู่ล่างเขา -
เรามีแต่ตาเนื้อ กะตาบอด โบ๋เบ๋ พอหลับตาแล้วเห็นแต่มืดตื๊ดตื๋อ -
รู้ตัว รึป่าว -
เดี๋ยวผีมาหรอก เป็นพักๆ แว๊ปๆ
-
ถ้าจะให้ขยายก็
แจ่มแล้ว ดูฟู ดูแฟบ ได้ อันนี้ก็มีความปริเฉทในการดูนกกะริ้งไปอีกแบบ
ส่วนเห็น ปิติ นี่ดีมาก มันแสดงออกได้ถึงความตั้งมั่นของจิต ที่เรียกว่า
จิตมันมี สมาธิ เพราะ ปิติ คือ องค์ประกอบของสมาธิ ที่เรียกว่า ฌาณ
หาก ปิติ เกิด แต่ส่งไม่ถึงใจ เพราะมันเกิดเราก็รู้ สักแต่ว่าเห็น ก็จะทำให้
วางของหยาบๆ ได้เป็นกระบุง เรียกอีกแบบว่า ระงับนิวรณ์ แต่ถ้า ปิติ เกิด
แล้วเผลอจม ก็จะผลิกจิตไปอีกแบบที่ เค ไม่ชอบ(อย่าลืมดู ต้องรู้ลูกเดียว)
อันนี้ไปสังเกตเอาเอง -
-
-
ในแง่การอบรม หากเท่าทันจนชำนาญ จะเห็นว่า อะไรจะเกิด อะไรจะดับ มันห้ามไม่ได้เลย ถ้าชำนาญกว่านั้นจะเห็นว่า อาการไหล (ปรุงแต่ง) เป็นเช่นไร
อะไรเป็นเหตุให้เกิดการปรุง และการปรุงนั้นมันเริ่มจากตรงไหน
เมื่อรู้ว่ามันเริ่มจากตรงไหน ทางลัดก็พิจารณาดูว่ามันเกิดตรงไหน แล้วปรุงอย่างไร ถ้าไหลก็ไปตั้งหลักใหม่โดยไม่ต้องสนว่าทำไมไหล ไปตั้งหลักดูว่าอะไรจะเกิด อะไรจะปรุง
ทางออกมันอยู่ตรงที่เท่าทันก่อนที่มันจะปรุงนั้นแหล่ะ
ปล. บ่น ๆ พล่าม ๆ มั่ว ๆ ^-^
หน้า 22 ของ 36