อพิโธ่ อพิโธ่พิถัง!
ผมรู้สึกเห็นใจกับผู้ปฎิบัติใหม่ๆจัง
เพราะกระทู้นี้ จะได้รับรางวัลดีเด่นแล้ว
หลังจากได้กระทู้เรื่องเด่นกันไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่เด่นแล้ว
ทำดี ทำเด่นไม่ดี เพราะตามตำราเขาว่ามาว่า จะมีภัย
ในที่สุดก็เป็นดังนั้น เพราะอีกไม่นานัก มีคนเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า
คำว่า จิตเกาะพระนั้นเป็นการปรามาส ส่วนโทษก็คือ จะต้องตกนรกขุมสุดท้าย
อพิโธ่ อพิธัง ท่านทำไมถึงได้กล่าวเช่นนั้น ไม่เข้าใจจริงๆ
ที่ผมทำอยู่ในขณะนี้นี่นะ ก็มิได้เรี่ยไรเอาตังค์กับผู้ศรัทธาสักสลึงเดียว
มีใจอย่างเดียว ก็คือ พากันยกจิต หรือพากันปฎิบัติธรรม
พากันเอาแต่แก่นธรรม พากันเดินตรงมุ่งหน้าสู่มรรค ผล นิพพาน
แม้นกระทั่งตัวเองก็ไม่เคยแวะเที่ยวข้างทางเลย
คือมีความตั้งใจจริงที่จะตรงทิ้งดิ่งทั้งกายก็ฝากโลกนี้ ทั้งจิตก็จะมุ่งแต่พระนิพพานแต่ฝ่ายเดียว
คือมัวแต่ก้มหน้าก้มตาพาพวกเราให้พ้นทุกข์กันเท่านั้น
หรือเพื่อความหลุดพ้น อย่างอื่นไม่มีอะไรแอบแฝง
ทุกท่านในนี้เขาฉลาดพอมีปัญญา เขาก็สามารถแยกแยะว่า
อะไรควร อะไรไม่ควรหมดแล้ว เราไปบังคับผู้ที่เห็นต่างกันไม่ได้
เพราะที่นี่อยู่เหนือโลกธรรม ๘
ที่นี่เขาไม่เอารูป+นามสมมุติ และไม่เอาเปลือกด้วย
ภาษาสมมุติก็ใช่...มุ่งดูแต่จิตลูกศิษย์ โดยเฉพาะจิตตนเอง
เพราะหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่า อย่าไปดูจิตคนอื่น
อย่าไปเพ่งโทษคนอื่น อย่าไปดูความดี+ความเลวคนอื่น
เพราะมันจะเสียเวลาปฎิบัติมรรคผลของตน
และก็นอกจากจำธรรมะท่านแล้ว ผมจึงได้น้อมจิตมาปฎิบัติซะเลย
อ่าน/ฟังธรรมะของหลวงพ่อเฉยๆไม่ได้ จะต้องน้อมจิตมาปฎิบัติตามด้วย
อันหลังนี้หลวงพ่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะท่านปรารถนาแบบนี้
สโลแกนบ้านแห่งนี้ ก็คือ
"จิตแก่น จิตแท้ และจิตทรงภูมิปัญญา"
(เอาใจครูเพ็ญ ครูใหญ่)
พูดมากจัดจนลืมตอบ คิดดู โม้ตามครูเพ็ญ ติดนิสัยท่านมา...อิอิ
ผมจะมาบอกว่าคุณพอใจว่า (แหม๊ผมชอบชื่อคุณจังเลย น่ารักดี)
นี่ยังไม่ทันเห็นหน้าตากันเลย เรารักกันซะแล๊ววว
จะขอนแนะนำว่า อย่าไปอ่านมากเลย ขอให้ปฎิบัติมากๆ
หรือถ้าอยากอ่านก็ตามใจ แต่ต้องคอยหมั่นระลึกถึงพระพุทธเจ้าไปด้วย
เห็นใจผู้ปฎิบัติใหม่เพราะกระทู้มันไม่ได้เดินเฉยๆ มันวิ่งไวมาก
เป็นเพราะผมคนเดียว ที่พร่ำมากไปหน่อย ขอโทษๆ
แต่ผมอยากจะแนะนำว่า...
ให้ไปขอบทความสรุปย่อ เรื่องสั้น เรื่องการปฎิบัติจิตเกาะพระกับ
ครูวิทย์+อาจารย์หมออุษาวดีท่านทำสรุปมาได้ดีมาก
มาให้กับท่านผู้มาใหม่ หรือผู้ปฎิบัติใหม่แล้ว
เดี๋ยวท่านจะออกมาแจกแถวไหนไม่ทราบนะ
ได้โปรดติดตามตอนต่อไป...
จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.
หน้า 202 ของ 857
-
ว่าแต่ว่า พี่เอ๊งไหนอีกหล่ะเนี๊ย ทำไมผมไม่รู้จัก
ผมสงสารคนที่ตั้งตาลุ้นมากที่สุดก็คือ "จิตบำเพ็ญ"
สำหรับจิตบำเพ็ญ แต่ถ้าใครคิดอย่างนี้นะ ระวัง!ให้ดี
แต่ถ้าใครรู้สึกเช่นนี้ จิตของท่านก็จะยกช้า
ทำเฉยๆ เข้าไว้ ไม่รุ๊..ไม่ชิ๊..
จิตยกตอนไหนช่างมัน รู้อยู่อย่างเดียวว่า...
ตอนนี้อย่างน้อยที่สุดเราเองก็หลุดพ้น คำว่า ทุกข์มาเยอะแล้ว
มีสติตามดูจิต ตามดูกิเลสทันแล้ว ถึงไม่จิตจะยังยกก็ถือว่าคุมแสนคุ้มแล้ว
ไม่ใช่ว่า ว้า! นึกว่าหวยมาออกที่เรา
นี่เราไม่ใช่มานั่งเล่น บิงโกกันนะ -
ท่านทั้งหลายควรสดับ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=6YGroDNCJSY&feature=player_embedded"]Movie ลพ สนอง กตปุญโย จิตสุดท้าย.wmv - YouTube[/ame]
ขอน้อมส่งดวงจิตของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
ขึ้นสู่พระนิพพานตลอดกาลนานเทอญ
-
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=LT2DdoQrIZs]Kioku no Umi(MV) - YouTube[/ame]
เพลงนี้ใครฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร
(เข้าใจธรรมะวัยรุ่น+คอญี่ปุ่น)
ขอสรุปเพียงสั้นๆว่า
ถ้าพบกัน เพื่อจากลา
สุดท้ายคงเหลือแต่น้ำตา และความทรงจำ -
ในที่สุดก็เป็นดังนั้น เพราะอีกไม่นานัก มีคนเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า
คำว่า จิตเกาะพระนั้นเป็นการปรามาส ส่วนโทษก็คือ จะต้องตกนรกขุมสุดท้าย
อพิโธ่ อพิธัง ท่านทำไมถึงได้กล่าวเช่นนั้น ไม่เข้าใจจริง
พระมีแต่ให้อภัยแก่สัตว์ทั้งหลาย เมื่อเราไม่มีเจตนาจะปรามาส ก็ขอขมาพระรัตนตรัยได้ คนที่กล่าวเช่นนั้นคงเป็นเพียงการหาเหตุขัดขวาง
-
แฮ่ สงสัยวันนี้เล่าเรื่องการค้นพบดวงธรรมขั้นสูงสุดของพี่เอ๊งไม่ทัน
เดี๋ยวต้องไปสอนจิตเกาะพระวัดดอยเปาอีกแล้ว
แปะไว้ก่อนเน้อ ขอให้ทุกท่านทำจิตเกาะพระได้แนบแน่น
ขอให้ทุกท่านรักและศรัทธาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดุจว่าท่านคือพ่อในดวงจิตของเรา
ท่านพ่ออยู่ใจเราเสมอไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น
ขอให้ทุกท่านนึกถึงท่านพ่อทุกลมหายใจเข้าออก
จิตดวงน้อย ๆ ของท่านก็จะผูกพันอยู่กับท่านพ่อซึ่งมีแต่เมตตาไม่มีประมาณ
เชิญทุกท่านสัมผัสความเมตตาของท่านพ่อได้ในดวงจิตตน...เหมือนพี่เอ๊ง สาธุ -
พอใจต้องขอโทษด้วย..อยากทราบแนวปฏิบัติที่ถูกต้องน่ะค่ะ
ยอมรับว่าปฏิบัติน้อยมาก มีแต่อ่าน มีแต่จำ.. แต่ทำไม่ได้..จะปฏิบัติให้มากขึ้น..เริ่มต้นปฏิบัติใหม่ ขอกำลังใจด้วยนะคะ..ยอมรับว่าปฏิบัติยากกว่าอ่านตัวหนังสือค่ะ
ที่อ่านของครูใหญ่ภู ก็ได้ความรู้มากมาย แต่กระทู้มี 4 พันกว่า ๆ จะทะยอย ๆ อ่านไปเรื่อย ๆ เท่าที่เวลามีค่ะ
ดีใจ..ที่ครูใหญ่ชอบชื่อพอใจ รูปภาพหวือหวาไปไหมคะจะได้เปลี่ยนออก.. -
ขอโมทนา สาธุ กับจิตบุญดวงที่๔๕ที่สามารถปฏิบัติจนยกจิตได้ในครั้งนี้ด้วยครับ
ผมขอแผ่เมตตาและยกผลบุญบารมีที่ได้กระทำมาทุกภพทุกชาติให้กัจิตบุญดวงที่๔๕ทั้งหมดทั้งสิ้น
และยกให้รวมถึงครูเพ็ญ ครูหมอดวงพร และครูจิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระทุกๆท่าน
ขอให้ได้รับความสุขสวัสดี เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ทุกท่านทุกคนด้วย เทอญฯ สาธุ
ด้วยจิตคารวะ
นิวเวป จบ.๑๔ -
ขอโมทนา สาธุ กับครูเพ็ญในภาระกิจอันยิ่งใหญ่เพื่อท่านพ่อ เพื่อพระนิพพาน
ขออัญเชิญบารมีของท่านพ่อ ช่วยให้งานทุกอย่างสำเร็จดังประสงค์ทุกประการด้วยเถิด สาธุ
คืนนี้ผมจะส่งจิตไปช่วยงานครูเพ็ญด้วยนะครับ ดูท่าว่าจะเยอะอยู่ครับ ลุยโลด
ด้วยจิตคารวะ
นิวเวป จบ.๑๔ -
ที่เข้าใจเจตนารมณ์ แต่ไม่เป็นไร เคารพทุกความคิด
กระทู้นี้ เป็นกระทู้สาธารณะ ติ/ชมได้ตามสบาย
สิ่งไหนดีก็เสมอตัว สิ่งไหนไม่ดี ผมก็จะพยายามปรับปรุง แก้ไขให้ถูกธรรม
แต่มิได้หมายถึงให้ถูกใจ100% อันนั้นเป็นไปไม่ได้
และทุกสิ่ง ทุกอย่างจะต้องจบที่ตัวของเราเอง เท่านั้น
ต่อให้ทำดีขนาดไหน ก็ต้องหนีไม่พ้นโลกธรรม๘
"เราหยุดแล้ว…ท่านหยุดหรือยัง?"
-
เรียกผมอะไรก็ได้ตามสบาย
แต่อยากให้เรียกครูเพ็ญว่า ครูใหญ่มากกว่า
เพราะท่านอวบระยะสุดท้าย..ฮ่าๆ
เพราะท่านเป็นครูละเอียดมาก โดยเฉพาะเรื่องธรรมะ
ซึ่งท่านหาตัวจับได้ยากในเวลานี้
แต่ถ้าใครไม่ได้เรียนกับครูเพ็ญนะ ขอบอกคำเดียวว่า น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
ปฎิบัติมากหรือน้อย ไม่สำคัญ
สำคัญตรงที่ว่า จะต้องมีความเพียร+ปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง
กระทู้มีสีพันกว่าแล้ว โอ้โห..จะอ่านไหวเร๊อะ
อ่านด้วย ให้คิดถึงพระไปด้วยนะ
แต่ถ้าใครนึกถึงพระจนน้ำตาล่วง อันนี้ถือว่ามาถูกทาง
เพราะจริงๆแล้วที่ให้พวกเราระลึกถึงพระกันก็เพื่อให้เกิดปิติกันก่อน
เพราะถ้าเกิดปิติแล้ว ต่อไปจิตจะเป็นสมาธิ และก็ทรงฌานง่าย
ไปตามลำดับ ค่อยๆ เรียนรู้ไป แต่อย่าช้านะ เพราะเรารู้แค่วันเกิด
รูปไม่เป็นไรหรอก ตามใจ เพราะที่นี่เน้นแต่แก่น เน้นดูจิต
และเน้นสร้างสติมากกว่า นอกนั้นเปลือก ส่วนใครจะเอาก็ตามสบาย
จิตคุณพี่สุภาทรนั้น ท่านไปได้สวย ไปได้ไกลแล้ว
จิตกำลังเดินทางตรงเข้าสู่อริยมรรคแล้ว
ท่านมีเป้าหมายพระนิพพานชัดเจน
เพราะที่นี่เน้นกำลังใจของผู้ปฎิบัติเป็นหลัก
จึงจำเป็นจะต้องมีพี่เลี้ยงไว้คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ปกติไม่ค่อยจะมีใครสอนแบบถึงแก่น ถึงจิต ถึงธรรม
เพราะก่อนจะถึงธรรม ก็ต้องให้ถึงจิตตนเองก่อน
แต่ก่อนจะหาจิตตนเองเจอ ก็ต้องสร้างสติกันให้มาก+ต่อเนื่อง
อันหลังสำคัญที่สุด
เหมือนศีลเลย เพราะทั้งสติ ทั้งศีลนั้น จึงเปรียบได้กับเสาเข็ม
หรือรากฐาน ส่วนการภาวนา หรือการดูจิตจึงจะได้ผล
ที่บอกให้มีสติกันเยอะๆก็เพื่อจะได้มองเห็นจิตตนเอง
ว่ากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน เมื่อสติมีมากเราก็จะได้ตามดูจิตได้ทัน
และตามกิเลสทันด้วย นี่ไง๊ เราตามกิเลสตนเองได้กันตรงนี้
เหตุผลว่าทำไมจึงให้พวกเราดูจิตของตนเอง ก็เพราะว่า
ให้สังเกตุดูลักษณะอาการ หรืออารมณ์ของจิตตน นั่นเอง
ดูทำไม?
นี่แหล่ะ ที่ผู้ปฎิบัติที่กำลังส่งการบ้านกันในเวลานี้
แต่ถ้าใครบอกว่า ไม่มีการบ้านส่งครู
ครูจะรู้ได้ทันทีว่า นั่นแสดงว่า ผู้ปฎิบัติสติยังน้อยเกินไป
เพราะถ้าสติมีมากพอ เราก็จะเห็นว่าจิตอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไร
อย่างนี้เราถึงจะเรียกว่ามีสติมากพอ ถ้าสติมากเราก็สามารถตามทันจิตตนเองได้
นี่ไง กระทู้นี้ถึงได้เน้นการสร้างสติก่อนเลย สำหรับผู้มาใหม่
นอกจากเน้นสติแล้ว จะต้องรักษาศีล5 ให้ครบด้วย ดูที่เจตนาเป็นหลัก
ขอให้คุณพอใจสร้างสติ หรือความรู้สึกตัวให้มากๆก่อน โดยการระลึกถึงพระบ่อยๆ
เดี๋ยวคุณก็จะเห็นจิต หรือเจอจิตตนเอง
เพราะสติยิ่งมากเท่าไหร่ จิตของเราก็จะนิ่งมากเท่านั้น
เมื่อจิตของเรานิ่ง ปิติสุขก็เกิดตามา ยิ่งจิตเป็นสมาธิมาก
เราก็จะพบเจอจิตตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ผมบอกล่าวแค่นี้ก่อน เดี๋ยวคุณพอใจปฎิบัติตามที่ผมแนะนำไปแล้ว
ถ้าคุณพอใจพอจะเห็นจิตตนเองบ้างแล้ว คุณพอใจก็จะติดใจ
จะบอกว่า รู้อย่างนี้นะ ไม่ยอมดูหนุ่มๆที่ไหน จะดูจิตของตนเองดีกว่า
นอกจากได้สร้างบุญใหญ่ จิตใจก็พบแต่ความสงบ ความสุข ความเยือกเย็นใจ
เหมือนคุณพี่สุภาทร นี่แสดงว่าคุณสุภาทรนี่รักคุณมากจริงๆ
ท่านถึงได้แนะนำสิ่งที่ดีที่สุด และมีค่ายิ่งมากกว่าเงินทอง หรือว่าทองคำ เพชรเสียอีก...
-
-
ใช่เลยค่ะ กลับมารู้สึกมีกำลังใจเพิ่มขึ้น ฮึกเฮิมกว่าเดิม ฮ่า ๆๆๆ ขอบพระคุณครูวิทย์ และครูน้องหนู รวมถึงพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่านที่ไปร่วมแชร์ประสบการณ์ทำจิตเกาะพระ น่ารักและอบอุ่นดีค่ะ ได้ทั้งความรู้ แถมยังได้พระธาตุ (จำชื่อไม่ได้แล้วง่ะ) กลับมาบูชาด้วย
ปล ขอบพระคุณครูน้องหนูสำหรับขนมจีนอร่อย ๆ นะค่ะ ถ้าไม่ได้ขนมจีนสงสัยเป็นลมกลางงานแน่เลย 555 -
-
-
ขออนุโมทนาบุญกับครูเพ็ญ ครูจิตบุญทุกท่านด้วยคะ
ขอเป็นกำลังใจให้จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระทุกท่านคะ มีความเพียร ความศรัทธา ในการปฎิบัตินะคะ ขอให้ยกจิตโดยเร็วพลันทุกท่านเทอญ..... -
<TABLE class="uiGrid fbPhotoPageInfo" cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class="vTop fbPhotoUfiCol">
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท “คว่ำวัฏจักร วัฏจิต ที่เชิงเขาบายศรี"</TD><TD class="vTop fbPhotoDataCol">
ต้นปี ๒๔๙๒ ...ขณะที่เราเข้าป่าดงไปภาว<WBR>นานั้น เกิดป่วยเป็นไข้มาลาเรียอยู่
<WBR>ในป่าโดยลำพัง เข้าไปในดงมาลาเรีย ในเชิงเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ บ้านยางระหง อันเป็นป่าทึบ โรคไข้มาลาเรียนี้ได้คร่าชี<WBR>วิตชาวบ้านแถบนี้มามาก ขึ้นชื่อว่าผู้ใดสามารถถากถ<WBR>างป่าแถบนี้เป็นเจ้าของอยู่<WBR>รอดได้ นับว่าเป็นคนเก่งกาจมากๆ และยังมีสัตว์ป่า เช่น ช้าง เสือ หมี งู หมูป่า กวาง เก้ง อยู่มาก ชาวบ้านโดยทั่วไปเป็นพรานล่<WBR>าสัตว์ หาของป่ามาเลี้ยงชีพ
ในขณะป่วยนั้นรู้สึกว่า จิตมันเป็นธรรมชาติที่อัศจร<WBR>รย์ตลอดเวลา แต่ว่ามันพูดยาก มันต้องประกอบกับร่างกายต้อ<WBR>งสมบูรณ์ ลมหายใจทุกชนิดต้องให้บริบู<WBR>รณ์ เมื่อเราทำได้อย่างนั้นต้อง<WBR>ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจพิจารณา พิจารณาอยู่อย่างนั้นจนเต็ม<WBR>ที่จนจิตลงได้ แล้วก็ต้องตามดูลมหายใจไปด้<WBR>วย ผ่อนลงไป...ผ่อนลงไป... ทีแรกมันอยู่ตรงนี้ พออยู่ตรงนี้หมด... หมด... หมด... หมดขึ้นมาเรื่อย หมดขึ้นมาเรื่อย อยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้ ยังมีอีกนิดๆ เราก็พิจารณาอยู่ ยังไม่หมดนี่ พิจารณาค้นอยู่อย่างนั้นตลอ<WBR>ด
แต่การพูดให้ฟังมากกว่านี้ไ<WBR>ม่ดีจะเป็นการอวด แต่มันเป็นความจริงที่เราปร<WBR>ะสบ แล้วทีหลังออกมาจากป่า ไข้ก็กำเริบมาเรื่อยๆ อดข้าวภาวนาสู้อยู่ ๒-๓ วัน บอกให้ท่านเฟื่องฟัง แหม!...ไม่เหมือนคราวอยู่ วัดยางระหง อยู่บ้านดินแดง (ที่คุกเกษตรนักโทษ) มันยังมีลมหายใจ ลมหายใจมันแรง กายยังเต้นแรง เพราะสังขารของจิตดับแรง กายมันตึ๊บๆ ๆ ๆ ได้รับรู้ มันไม่สนิท มันต้องประกอบกัน ไม่มีหลับหรอกจิตที่เป็นสมา<WBR>ธิ ใครที่บอกว่าจิตที่เป็นสมาธิ<WBR>หลับไปเหมือนหัวตอ อย่าไปเชื่อเขา มันไม่จริง เราเอาหัวยืนยัน ถึงแม้ตัดหัวเราออก เราก็ไม่เชื่อ เพราะได้พิสูจน์ด้วยการปฏิบั<WBR>ติมาแล้ว
พอพิจารณาตรงนี้มันดับหมดแล้<WBR>ว เราก็หยุดความคิด คือเรียกว่า “หยุดความค้น” ลองวางปั๊บ แหม!...มันขาดเชียว การขาดครั้งนี้
ไม่เหมือนการขาดลงอย่างที่ผ่<WBR>านๆ มา
พอจิตวางปั๊บ... จิตมีอิสรภาพอย่างสูงสุด ปล่อยวางสังขารโลก คว่ำวัฏจักร วัฏจิต แหวกอวิชชาและโมหะอันเป็นปร<WBR>ะดุจตาข่าย ด้วยการฮุกหมัดเด็ดคือวิปัส<WBR>สนาญาณ เข้าปลายคาง อวิชชาถึงตายไม่มีวันฟื้น พระพุทธเจ้าพระองค์อยู่ที่
ใ<WBR>ดทราบได้อย่างประจักษ์ใจ คำว่า “เป็นหนึ่ง” นั้น ไม่มีความหมายใดจะอธิบายต่อ<WBR>ได้อีก ภพชาติที่หมุนวนมาตั้งกัปตั้<WBR>งกัลป์นั้น เป็นความโง่ที่ไม่อาจให้อภั<WBR>ยได้ ชาติสังขารอยู่ที่ใด ใจไม่เกี่ยวเกาะ สิ่งที่จิตเคยเกี่ยวเกาะ ถูกลบด้วยธรรมชาติที่เป็นหนึ่<WBR>งนั้น จะว่าบริสุทธิ์ก็พอจะคาดเดา<WBR>ได้ แต่ธรรมชาติอันนี้หยั่งลึกเ<WBR>กินอธิบาย เป็นอจินไตยสำหรับปุถุชน ไม่ควรถามคิดให้ปวดหัว
ความงกเงิ่นเนิ่นช้า ถูกเราทำลาย และถากถางเข้าไปใกล้โดยตลอด<WBR> ถูกทะลุทะลวงด้วย ปัญญาญาณโหมโรมแรงด้วยศรัทธ<WBR>า วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นกำลังหนุน ด้วยการบ่มอินทรีย์มาเป็นอย่<WBR>างดี
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีช่องทางให้อวิชชาเดิน ถูกปิดด้วยมหาสติ มหาปัญญา วิปัสสนาญาณตีตะล่อมเข้าภาย<WBR>ใน หักล้างอวิชชา อันเป็นตัวการ จิตปล่อยจิต เป็นธรรมอันเดียว เป็นธาตุที่บริสุทธิ์เป็นมหั<WBR>ศจรรย์ ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ทางสม<WBR>าธิปัญญาใดที่เคยผ่านมา
</TD></TR></TBODY></TABLE> -
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท “คว่ำวัฏจักร วัฏจิต ที่เชิงเขาบายศรี"(ต่อ)
เพลงที่แม่หญิงเหนือเคยร้อง<WBR>ว่า “ทุกข์อยู่ในขันธ์ห้า รองลงมาขันธ์สี่ ทุกข์อยู่ในโลกนี้ ลงอยู่ข้อยผู้เดียวนั้น”
กลายมาเป็นสิ่งที่มีความหมา<WBR>ยเสียแล้ว
คำว่า “ทุกข์อยู่ในขันธ์ห้ากลายเป็<WBR>นสุขอยู่ในขันธ์ห้า” ถึงแม้ขันธ์นี้จะเป็นของ
หนั<WBR>ก แต่ก็หนักตามหลักธรรมชาติ ไม่เหมือนกิเลสหนักที่ระคนป<WBR>นด้วยขันธ์
คำว่า “ทุกข์อยู่ในโลกนี้ ลงข้อยผู้เดียวนั้น กลับกลายมาเป็นสุข อยู่ในโลกนี้ ลงข้อยอยู่ผู้เดียว” ถึงกับอุทานภายในใจว่า
อโห วต อจฺฉริยํ ...
โอ!...อัศจรรย์หนอๆ เห็นแล้วที่นี่ ธรรมที่เราเสาะแสวงหา
เป็นอุทานธรรมที่เกิดขึ้นใน<WBR>ขณะนั้นอย่างถึงใจ
ลุกขึ้นกราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ที่ถึงใจอยู่แล้วด้วยความถึ<WBR>งใจอีก
พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ตลอดจนข้อปฏิบัติอรรถธรรม เป็นความถึงใจอย่างที่สุด บุญคุณข้าวน้ำ
ที่บิดามารดา ตลอดจนสาธุชนทั้งหลายชุบเลี้<WBR>ยงมา เป็นความหมายแห่งมหาคุณโดยแ<WBR>ท้จริง
ธรรมปิติผุดขึ้นอิ่มเอิบสุด<WBR>จะประมาณได้
ระลึกถึงบุญคุณคำสอนของท่าน<WBR>พระอาจารย์มั่น ที่เป็นผู้เลี้ยงดูเรามาเป็<WBR>นเวลานานด้วยอรรถ ด้วยธรรม
ถ้าไม่มีท่านพระอาจารย์มั่น<WBR>เพียงองค์เดียว การปฏิบัติของเราคงไม่มีในวั<WBR>นนี้
ท่านเป็นผู้รู้จริงทุกสิ่งอ<WBR>ย่าง
บุญคุณของท่านนี้เทิดทูนตลอ<WBR>ดอนันตกาล
คำว่า “พุทธสาวก” ประจักษ์จิตอย่างแท้จริง
คำว่า “ขาดสูญ” เหมือนดั่งถูกตัดคอขาด ไม่มีวันนำมาติดต่อชีวิตได้<WBR>แล้ว
ทราบชัดด้วยการหยั่งทราบว่า<WBR>ขาดอย่างแท้จริง ไม่มีสองกับอันใด
เรือแห่งชีวิตที่เคยล่องลอย<WBR>อยู่กลางแม่น้ำ ไม่มีภพ ให้ลอยอีกต่อไป
รากเหง้าของมารถูกตัดทำลายแ<WBR>ล้ว
เรือแห่งชีวิตที่เราเคยขี่ม<WBR>านาน ด้วยอำนาจแห่งกิเลส กรรม วิบาก อันเป็น
ประดุจลูกคลื่นนั้น เมื่อถึงชายฝั่งแล้ว เราก็ทิ้งเรือไม่แบกเรือขึ้<WBR>นฝั่งไปด้วย
เรือคืออะไร ก็คือศีล คือธรรมทั้งหลาย ที่ปฏิบัติมา เป็นประดุจลำเรือ อาศัยปัญญาเป็นเครื่องนำทาง<WBR>
อาศัยพระพุทธเจ้าเป็นเครื่อ<WBR>งส่องทิศ อาศัย
ครูบาอาจารย์เพื่อเดิน<WBR>สู่จุดหมาย มีพระธรรมวินัยเป็นแผนที่ มีพระสงฆ์เป็นลูกเรือ
เมื่อถึงฝั่งอย่างที่เราต้อ<WBR>งการแล้ว ย่อมทิ้งเรือต่างๆ ไว้เบื้องหลัง
เป็นเอกจิต เอกธรรมชั่วนิรันดร
จึงมานึกย้อนหลังเมื่อคราวที่<WBR>เราสอนตน ด้วยการเอาหญิงลิเกมานึกเป็<WBR>นครูสอน เมื่อครั้งบวชเข้ามาใหม่ว่า
“หญิงลิเกเหล่านี้ เขาร้องรำทำเพลงทั้งคืนทั้ง<WBR>วันไม่เห็นเหน็ดเหนื่อยนั้น<WBR> บทธรรมที่เปรียบนั้น มาประจักษ์ใจในคืนวันนี้
ธรรมดาหญิงลิเกผู้เพิ่งจะเริ่<WBR>มเรียนฟ้อนรำขับร้อง เมื่อขึ้นสู่เวทีย่อมประหวั่<WBR>นพรั่นพรึง
เมื่อได้ยินเสียงดนตรีย่อมต<WBR>กใจ มีกิริยางกเงิ่นขับร้องฟ้อน<WBR>รำด้วยความยากลำบาก
แม้จะพยายามตั้งใจ ก็ยังมีลีลาอันผิดพลาดพลั้ง<WBR>พลาดอยู่เสมอๆ
แต่สำหรับหญิงนักลิเกผู้เชี่<WBR>ยวชาญ ในศิลปะการร่ายรำขับร้องดีแ<WBR>ล้ว
เมื่อก้าวขึ้นสู่เวที และได้ยินเสียงดนตรี
ย่อมจะมีจิตใจฮึกเหิม ร่าเริงเบิกบาน ประกอบลีลาการร่ายรำได้
อย่า<WBR>งคล่องแคล่ว เข้ากับจังหวะดนตรี โดยไม่ต้องตั้งใจ ไม่งกเงิ่น
ประหนึ่งว่าแข้งขาตีนมือออก<WBR>ไปเองตามปกติวิสัยของมัน นี่อย่างใด
พระผู้ประพฤติตามพระศาสดาด้<WBR>วยความเทิดทูนเพื่อก้าวลงสู่<WBR>พระนิพพานก็อย่างนั้น”
แต่ก่อนเมื่อเรายังหนาแน่นไ<WBR>ปด้วยกิเลส ย่อมปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
<WBR>ด้วยความยากลำบาก ต้องมีสติสัมปชัญญะคอยควบคุ<WBR>ม ต้องมีปัญญาคอยชี้ขาด
แม้กระนั้นก็ยังผิดพลาด ย่อมงกเงิ่นในธรรมะสมาคม
แต่สำหรับผู้ฝึกจิตใจจนถึงที่<WBR>สุดแล้ว ผ่านแล้ว บรรลุถึงจุดหมายแล้ว
การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยก<WBR>ลายเป็นปกตินิสัย เป็นเครื่องอยู่อันสบายๆ
ปฏิบัติอย่างสบายโดยไม่ต้อง<WBR>ตั้งใจ
เพราะการปฏิบัติเรื่อง ศีลาจารวัตร ไม่ใช่เรื่องหนัก
แต่เป็นธรรมเครื่องอยู่อันแ<WBR>สนสบาย
ความอดทน ความเพียรตลอดจนคุณธรรมข้ออื่<WBR>นจึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ<WBR>
นี้คือผลแห่งการพากเพียรปฏิ<WBR>บัติ ด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก
ขอกราบ หลวงปู่เจี๊ยะ ด้วยเศียรเกล้า -
กราบอนุโมทนาสาธุกับคุณหมออุษาวดีค่ะ ทําให้นึกถึงอาจารย์ด.ร.สนอง วรอุไรเลยcatt1
-
เห็นด้วยกับคุณน้อง กรรมบท 10ค่ะ ขอบคุณในความเมตตาของครูน้องหนู ที่ให้ทั้งเวลา สถานที่และอาหารอร่อยมากๆๆ คำแนะนำดีๆ
ต้องขอบคุณครูวิทย์ที่เมตตาให้คำแนะนำศิษย์อย่างสม่ำเสมอมาตลอดระยะเวลาหลายเดือน การนัดพบกันครั้งนี้ ครูวิทย์มีของขวัญให้ด้วย ขอบพระคุณมากค่ะ พี่ไก่ จะตั้งใจเดินตรงเส้นทางนี้เพื่อกลับบ้านเก่าอย่างแน่นอนค่ะ ไม่ออกนอกเส้นทางเด็ดขาด
หน้า 202 ของ 857