จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขออภิมหาโมทนาสาธุ สักล้านๆครั้ง ในที่สุดก็ถึงจนได้ ยกจนได้ ตอนนี้ได้กลายเป็นจิตบุญกับเขาจนได้ ขอชมเชยว่าท่านปฎิบัติเก่งมากๆ ไม่นานนักเผลอแป๊บเดียวก็ยกซะแล้ว ขอให้คุณมีความสุขใจมากๆนะครับ สัมผัสวิมุตติสุขเป็นอย่างไรบ้างเหนือคำบรรยายมั๊ย ช่วยบอกคุณพอใจด้วยให้ตามคุณพี่สุภาทรมาไวๆ
    ตอนนี้จิตคุณสุภาทรรอดแล้ว กายช่างมันเพราะเป็นสมบัติของโลก และช่วยกำหนดจิตไปกราบนมัสการ กราบแทบฝาพระบาทของท่านพ่อ(สมเด็จองค์ปฐม)ข้างบนพระนิพพานในพระสมาธิด้วยนะครับ และผมขอฝากขอบพระคุณท่านพ่อด้วยที่ท่านมีพระเมตตากับลูกหลานทุกคนของท่านพ่อด้วย


    สิ่งที่ดีที่สุด...คือการได้พบเธอ (ที่นี่)(พวกเรา)จิตบุญมาร่วมกันขนดวงจิตลูกหลานของท่านพ่อ และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ กลับพระนิพพานกันนะครับ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=poM5sYfN00s]สิ่งที่ดีที่สุด...คือการได้พบเธอ.wmv - YouTube[/ame]​
    คลิปเพลงอาจจะไม่เกี่ยวกับนิพพาน แต่ก็อยากมอบเพลงนี้ให้กับคุณพี่สุภาทร ที่ท่านกำลังเสวยวิมุตติสุขอยู่ ณ ขณะนี้ (ไม่ทราบว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง...อย่าร้องไห้มาก เดี๋ยวตาจะบวม ฮ่าๆ)

    ขอขอบพระคุณครูเพ็ญ ครูวิทย์มากๆที่มีส่วนช่วยยกจิตให้กับพวกเราครั้งนี้และทุกๆครั้ง
    โมทนาสาธุๆ อิ่ม เอิบ ปิติ(น้ำตาไหล) แทนผู้ที่จิตยกทุกครั้งเลย
    จากภูธรรมาทาน อยากทำให้ทุกท่านมีความสุข

    ทุกข์เมื่อไหร่ ก็แวะมา
     
  2. ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอมอบบทเพลงนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังสำหรับผู้ปฎิบัติทุกท่าน
    กลับบ้านเก่า(พระนิพพาน)พร้อมกันนะครับ ท่านพ่อรอพวกเราอยู่​

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jDc229SrFiw]BOYdPOD - ช่วงที่ดีที่สุด - YouTube[/ame]​
    Happy weekend!

    ทุกข์เมื่อไหร่ ก็แวะมา
     
  3. ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วันนี้จิตอยากฟังเพลง
    ขออนุญาตครูเพ็ญและทุกๆท่านด้วย ไม่ทราบว่าจะเป็นเพราะคุณพี่สุภาทรหรือเปล่านะ จิตผมโล่งมากเลย จิตยกใหม่ๆ ผมถึงเข้าใจดี และจึงเป็นที่มาอยากจะมาเผยแผ่การปฎิบัติจิตเกาะพระให้กับพวกเราบ้างได้รับทราบ และอยากพบความสุขที่ได้หลังการปฎิบัติ​

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cYmUxIM0GxE&feature=related]มีกันตลอดไป - YouTube[/ame]​

    ท่านต่อไปคีือ UncleGee & gibbgubb พร้อมหรือยัง???
    ความรู้ทางโลกท่านมากเหลือเกิน พี่ภูอยากให้ท่านเป็นจิตบุญไวๆ


    ทุกข์เมื่อไหร่ ก็แวะมา​
     
  4. puk777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +492
    กราบสวัสดีพี่ภู คุณครูเพ็ญ และคุณครูทุกๆท่าน หนูมาส่งการบ้านคะขอย้อนกลับไปก่อนที่หนูจะส่งการบ้าน 3 ข้อของเมื่อวานนี้ หนูเป็นอะไรก้อไม่รู้คิดแต่เรื่องการบ้าน 3 ข้อตลอดเวลา ทำงานทั้งวันก้อคิด นั้งสมาธิก้อคิดๆถึงขนาดกำหนอออกมาเป็นข้อๆที่จะเขียน (1.คุณของครูบาอาจารย์ 2.ผลของการปฎบัติ 3. คุณพระรัตนตรัยพึ่งได้จริง) หนูเอะใจทำไมคิดเยอะจังหนูก้อเลยถามท่านพ่อว่าจะให้หนูเขียนเรื่องเหล่านี้ส่งเป็นการบ้านหรือคะ หนูขอไม่ทำนะคะกระทู้นี้เป็นกระทู้ธรรมะจะให้หนูส่งเรื่องส่วนตัวบนกระทู้หนูขอไม่ทำนะคะ(กลัวสื่อความหมายผิด) ระหว่างนอนก้อคิดแต่เรื่องการบ้านเหมือนหลับไม่สนิท และตอนดึกต้องตื่นมาเพราะมีอาการเหมือนเป็นไข้ หนาวมากหนาวเข้าไปในกระดูกและเจ็บด้วย ปวดด้วย ลูกก้อยังดื้อบอกว่าหนูไม่เขียนนะ แต่สรุปต้องลุกตั้งแต่ 7 โมงเช้า แล้วบอกท่านพ่อว่าหนูยอมแล้วหนูจะลงไปเขียนท่านพ่อช่วยให้หนูหายป่วยด้วยนะคะ การบ้าน 3 ข้อหนูใช้เวลาเขียนถึง 4 ชั่วโมง หลังจากเขีนนเสร็จหนูกังวลเครียดมากจนปวดห้วแต่การปวดเจ็บตามตัวดีขึ้น ผ่านมา1 ชั่วโมงอาการต่างๆไม่ดีขึ้นหนูจะพักสมองโดยกำหนดภาพพระภาพก้อไม่ชัดเพราะจิตไม่นิ่ง หนูเลยบอกท่านพ่อว่าช่วยเอาความเครียดกับอาการปวดหัวออกไปจากหนูด้วย หนูก้อเดินไปๆมาๆพยายามทำใจให้สบายๆ และในหัวหนูก้อมีเสียงนึงบอกว่า " จะเป็นจิตอรหัตน์ต้องวางเป็น " หนูตอบทันทีว่าความเครียด การเจ็บป่วย ภายในหัวของหนูมันโล่งสบายทันที (โล่งจริงๆ) หนูหัวเราะออกมาทันทีพร้อมกับพูดว่าทุกอย่างเป็นธรรมะหมดเลยหรอ - ทุกย่างก้าว (บททดสอบ) และอาการต่างๆแทบหาย และหนูก้อบอกท่านพ่อว่าหนูขอมาส่งเป็นการบ้านพรุ่งนี้นะคะ (วันนี้ลุกจากที่นอน 6.30 นเช้า ) ในระหว่างวันที่ขายของภาพพระหนูก้อกำหนดบ้างไม่กำหนดบ้างแต่จิตหนูนิ่งขึ้นเบาสบาย อมยิ้มทั้งวัน และความหวังความโลภที่อยากจะขายของได้ลดลง ขอคุณครูช่วยชี้แนะหนูด้วยคะ กราบขอบพระคูณมากคะ สิ่งใดที่หนูได้ล่วงเกินท่านพ่อ ครูอาจารย์ทุกๆท่านทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจขอได้โปรดยกโทษให้หนูด้วย
     
  5. จารุณี22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1,403



    โมทนาสาธุการกับจิตบุญทั้ง 3 ท่าน
    จิตบุญดวงที่ 59 , 60, 61
    ขอให้ทุกท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นเทอญ

    และขอโมทนาบุญกับครูจิตบุญทุกท่านขอให้สุขกายสบายจิต
    มากด้วยปัญญา บารมียิ่งๆขึ้นเทอญ
    สาธุ.....
     
  6. ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีน้องปุ๊ก เอ่อคนนี้เข้าท่าๆ นอกจากจิตเธอผ่านปิติ ผ่านฌานแล้ว ตอนนี้กำลังเข้าสู่วิปัสสนา แต่จิตไม่นิ่งเท่าไหร่ อันผลมาจากสตินะ..สติ คำว่าสตินี่นะ ใครๆก็รู้จักดี แต่เมื่อถึงเวลาปฎิบัตินี่ทำไมยากแสนยากจริงๆเน๊อะ ใครไม่ปฎิบัติจะไม่มีทางได้รู้จริงๆ ช่วงนี้น้องปุ๊กวันๆนึงทำอะไรก็ทำไปนะ กายก็ทำอะไรไปตามปรกตินะ แต่จิตตัวเดียวเท่านั้น พี่ภูขอนะ ขอให้จิตเธอเกาะพระอย่างเดียว และพยายามสติเกาะจิตมากๆและจิตเกาะพระมากๆ เพราะช่วงนี้จิตเธอไวแล้ว แต่สตินะ..สติ ยังไม่ทันเท่าไหร่ ครูช่วยเกาะติดจิตท่านนี้หน่อย ผมไม่ทราบว่าครูท่านไหนดูแลจิตดวงนี้อยู่นะ ครูวิทย์ช่วยมายกจิตดวงนี้ด้วยนะ ผมส่งไปให้เธอไปทีนึงแล้ว เดี๋ยวจิตบุญจะช่วยเธออีกแรงนะ แต่เธอก็ต้องขออาราธนาบารมีกับท่านพ่อ ให้ท่านช่วยมาฉุดมาดึงจิตเธอขึ้นข้างบนพระนิพพานโดยเร็วพลันด้วยเถิด พูดแค่เนี๊ยเดี๋ยวได้เรื่อง เธอมีปัญหาอะไรขอให้เธอสื่อกับท่านพ่อโดยการทำจิตให้นิ่งมากที่สุดหรือจิตทรงฌานก็ยิ่งดีใหญ่ เวทนาทางกายนั้นเป็นเรื่องของกายไม่ใช่เรื่องจิต ตอนนี้จิตเธอกำลังเข้าวิปัสสนาแล้ว จิตช่วงนี้กำลังไปเรียนรู้ธรรมแล้ว จก่อนจิตจะกลายเป็นธรรม หรือธรรมในธรรม คือจิตไม่ว่าเห็นอะไร จิตเขาจะวิปัสสนาเป็นธรรมะทั้งหมดนะ เธอแค่สร้างสติโดยการระลึกถึงพระลูกเดียว อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ เพราะจิตเขาจะเข้าโหมดวิปัสสนาออโต้ของเขาเอง เริ่มดีๆแล้ว พี่ภูขอเอาช่วย ถ้าจิตรู้เห็นอะไรมาก็ตามตัดลงไตรลักษณ์ให้หมด ทุกอย่างไม่เที่ยง มันทุกข์ทั้งหมด ไม่มีอะไรเป็นของเธอ นอกจากจิตและต่อไป จิตก็จะเข้าความว่างทีหลังหรือจิตบุญนั่นเอง เอ๊าพี่ภูและครูทุกท่านก็ยกโทษให้อภัยเธอทั้งหมด แถมบุญกุศลของพี่ภูทั้งหมดยกให้กับเธอทั้งหมด ขอให้เธอและเจ้ากรรมนายเวรของเธอได้โปรดมารับโมทนาบุญไปด้วยเทอญ ขอให้จิตเธอยกไวๆนะ (อมยิ้ม=จิตเธอยิ้มออกมาจากข้างใน นั่นแสดงว่าจิตเธอเป็นทิพย์แล้ว)อย่าลืมนะ จิตไปรับรู้เรื่องราวต่างอะไรก็ได้ ขอให้ตัดลงไตรลักษณ์ให้หมด ต่อไปจิตจะเข้าความว่าง จิตกำลังเข้าวิมุตติ) ใช่เธอเข้าใจถูกต้องแล้ว จิตบุญนั้นเห็นอะไรก็เป็นธรรมทั้งหมด...เพราะจิตบุญนั้นเป็นจิตธรรมในธรรม หรือเป็นผู้ที่มีศีล มีธรรมครบ เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจว่าจิตพุทธะคืออะไร พี่ภูขอโมทนาสาธุๆ
    เดี๋ยวรอครูท่านอื่นมาแนะนำต่อไป...


    (1.คุณของครูบาอาจารย์ 2.ผลของการปฎบัติ 3. คุณพระรัตนตรัยพึ่งได้จริง)
    " จะเป็นจิตอรหัตน์ต้องวางเป็น "
    "ทุกอย่างเป็นธรรมะหมด"

    เห่อๆ อันนี้ผมไม่ได้พูดเองนะ แต่ท่านพ่อไปสอนวิปัสสนาทางจิตเองเลย รายนี้พิเศษหน่อยนะ..


    ทุกข์เมื่อไหร่ ก็แวะมา​
     
  7. natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
  8. ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ ครูดัช ยินดีต้อนรับกลับสู่ดงกิเลสนะค่ะ 555 ครูดัชนี้ท่านอารมณ์ดี๊ ดีตล๊อด ตลอด เลยนะค่ะ อ่านธรรมมะท่านทีไรฮาขี้แตกขี้แตนทุกทีซินา 555 สาธุ๊ ขออนุโมทนาบุญกับธรรมมาทานชุดใหญ่นะค่ะ
     
  9. dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    มาแล้วค่ะ โมทนาสาธุกับครูวิทย์ด้วยนะจ๊ะ
     
  10. natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    โมทนา สาธุค่ะ พี่ภูตอบไปแล้วตรงประเด็นทุกอย่าง พี่เพ็ญมาเสริมให้ค่ะ

    1.คุณของครูบาอาจารย์ 2.ผลของการปฎบัติ 3. คุณพระรัตนตรัยพึ่งได้จริง)

    สามข้อนี้ท่านพ่อมาสื่อสอนเรื่องให้คุณปุ๊กปรับจิตใหม่ พี่เพ็ญจะสรุปให้ทราบนะคะ

    ข้อ 1 คุณของครูบาอาจารย์ หมายความว่าอย่าไปยึดติดที่เปลือกของครูบาอาจารย์ คำว่าครูบาอาจารย์จริง ๆ แล้วท่านหมายถึงจิตที่เป็นครู ไม่ใช่กาย กายนี้เป็นครูใครไม่ได้ เป็นได้แค่เปลือกประครองธาตุขันธ์ให้ขึ้นรูปเท่านั้นเอง แต่ครูบาอาจารย์ที่สอนธรรมะคุณปุ๊กจริง ๆ นั้นคือจิตที่เป็นบุญ หรือจิตบุญ หรือจิตครู รวมความโดยย่อคือจิตพุทธะ จิตรู้ ตื่น เบิกบาน

    ท่านพ่อจะสอนให้คุณปุ๊กมีศรัทธาต่อครูบาอาจารย์อันเกิดมาจากจิตใต้สำนึกของคุณปุ๊กเอง โดยไม่เอาครูบาอาจรย์ที่สอนธรรมะของเราไปเปรียบเทียบกับใครหรือสายใด ครูบาอาจารย์แต่ละสายท่านมีความถนัดในแนวทางการสอนไม่เหมือนกัน ก็แล้วแต่ว่าใครจะบำเพ็ญบารมีมาอย่างไร

    ตอนนี้พี่เพ็ญสัมผัสได้ว่าจิตคุณปุ๊กเป็นบุญกุศล แต่นะ...แต่มันยังมีอยู่ในใจลึก ๆ เรื่องความศรัทธาในตัวครูบาอาจารย์ว่าสอนอย่างนี้ใช่เหรอ ไปนิพพานได้เหรอ แล้วคนสอนระดับไหนน๊า เป็นพวกลัทธินอกศาสนาอะไรหรือเปล่า

    กล่าวคือมันมีความลังเลสงสัยอยู่ในจิต ซึ่งก็เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังศึกษาอยู่ เพราะโจทย์แต่ละข้อธรรมที่แสดงให้เห็นและได้รู้นั้น มีอยู่ในธรรมชาติของจิตที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนและต่อเนื่องไปถึงจิตในขณะเรียนรู้

    ความศรัทธาในแนวทางของพระพุทธศาสนาไม่ใช่ความเชื่อแบบงมงาย ความศรัทธาที่พระพุทธองค์ทรงสอนคือให้ผู้ปฏิบัติมีความศรัทธาในคุณความดีของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตั้งแต่พระพุทธเจ้าปฐมวงศ์ลงมา และยอมรับฐานะของครูบาอาจารย์ที่สอนสั่งอบรมจิตของเรา โดยไม่ยึดหรือประเมินองค์รู้จากเปลือกภายนอกที่ตาเนื้อเห็น แต่ขอให้เอาจิตไปสัมผัสเรียนรู้ธรรมะจากจิตครูบาอาจารย์ หากสัมผัสแล้วจิตเรารู้สึกว่าท่านสามารถนำทางเราได้ก็ให้เราวางสงสัยไปเสีย วางรูปกายหรือเครื่องแต่งกายหรือเครื่องแบบไปเสีย เอาจิตเท่านั้นที่มาเรียนรู้ธรรมะกัน

    พี่เพ็ญอธิบายไม่เก่งและลึกซึ้งเหมือนท่านพ่อ คำสอนของท่านพ่อแม้เพียงวลีเดียวก็กินใจเหลือหลาย

    สรุปว่าข้อหนึ่งท่านพ่อสอนว่าอย่าติดเปลือก

    ข้อ 2 ผลของการปฎิบัติ หมายความว่า เมื่อปฏิบัติแล้วเห็นผลถึงความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของตนเองในทางที่ดีขึ้นจิตเป็นกุศลมากขึ้น ให้ยอมรับว่าแนวทางที่เราปฏิบัติมานั้นถูกต้องแล้ว ให้เชื่อมั่นในผลการปฏิบัติและจงเดินตามครูนำทางไปให้ถึงผลที่สุดคือพระนิพพาน ให้มีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราได้มานั้นเกิดจากผลของการปฏิบัติจริง ๆ มิใช่คิดไปเอง (ใครจะหลอกตัวเองให้สุขได้หนอ นอกจากผู้นั้นจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริง)

    ข้อ 3. คุณพระรัตนตรัยพึ่งได้จริง ผู้ที่อยู่ใต้ร่มบรมโพธิสมภารยังจะสงสัยอะไรในคุณพระรัตนตรัยอีกหรือ? เราไม่กล่าวถึงผู้ที่ไม่ปฏิบัติธรรมกันนะ ถ้าผู้ไม่ปฏิบัติธรรมจะสงสัยว่าพระพุทธเจ้ามีจริงไหม พระธรรม(จากโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า)มีจริงไหม พระอริยสงฆ์มีจริงไหม(หรือว่าคิดไปเองว่าตัวเองเป็น) เราไม่สงสัยหรอกว่าทำไมผู้ไม่ปฏิบัติจึงคิดเช่นนั้น เพราะจิตที่หยาบกระด้างย่อมเข้าไม่ถึงความละเอียดอ่อน มีชาวพุทธตามทะเบียนบ้านเคยพูดว่าเรื่องมันเหมือนนิทาน พระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เหตุการณ์มันผ่านมาตั้งสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว มันอาจจะเป็นเพียงนิทานหลอกเด็กให้ทำความดีก็เป็นได้

    เรื่องนี้พี่เพ็ญเคยได้ยินได้ฟังมาจากกลุ่มคนที่ไม่มีศีลอยู่ในใจหรือคนที่เข้าไม่ถึงแก่นของพระพุทธศาสนา แต่ใจเราก็ไม่ได้คล้อยตาม ตอนที่ได้ยินได้ฟังรู้สึกรังเกียจคนที่จิตหยาบกลุ่มนี้(ตอนนั้นยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม ได้ยินได้ฟังมาจากไหนก็จำไม่ได้แล้ว) ฟังแล้วไม่สบายใจ เหมือนใครมาว่าพ่อแม่เรา แต่ก็ไม่ได้โกรธ ปล่อยวางไป แต่ในใจก็ยังมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเสมอ นี่ยกตัวอย่างของพี่เพ็ญมาให้ดู

    มีจิตบุญบางท่านก่อนจิตจะยกท่านเกิดวิปัสสนาญาณเรื่องนี้ อกุศลจิตที่ท่านกำลังวิปัสสนาญามันวิ่งมาที่จิตพี่เพ็ญเต็ม ๆ ไม่อยากรู้ก็ได้รู้ว่าจิตคนเรานี้หนอมันช่างเลวเสียจริง ๆ ที่ไปสงสัยในความดีของผู้อื่น โดยที่ตัวเองก็ยังทำไม่ได้และยังไม่ได้ลงมือทำ เราก็ ฮึ่ม ใครฟ๊ะมาคิดเรื่องนี้ เองไม่ศรัทธาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ แล้วเองมาปฏิบัติธรรมตามรอยท่านทำไมฟ๊ะ มีใครกล้ายกมือหม๊าย

    มันไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติแต่อย่างใด ท่านผู้อ่านอย่าได้วิตกกังวลไปให้จิตเศร้าหมอง แต่ที่หยิบยกมาให้ดูก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติสำหรับผู้ที่กำลังปฏิบัติธรรมและกำลังเดินมรรคอยู่ ศรัทธานะศรัทธา เลื่อมใสและเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัยด้วยความบริสุทธิ์ใจ แล้วผู้ปฏิบัติจะเห็นคุณสามประการอันได้แก่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งของจิตที่ปรารถนาจะออกจากทุกข์ได้จริง

    สิ่งใดที่หนูได้ล่วงเกินท่านพ่อ ครูอาจารย์ทุกๆท่านทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจขอได้โปรดยกโทษให้หนูด้วย

    พี่เพ็ญให้อภัยและให้อโหสิกรรมทุกกระทงค่ะ ขอให้กรรมทั้งหมดจงยุติกันแต่เพียงเท่านี้ และหากจะมีกรรมใดเกิดขึ้นในอนาคตพี่เพ็ญไม่ถือเป็นโทษแต่อย่างใด ให้อภัยไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ ขอให้คุณปุ๊กจงมีความสุขกายสบายใจ เจริญก้าวหน้าในธรรมยิ่งขึ้นไปจนถึงซึ่งนิพพานโดยเร็วพลันในชาติปัจจุบันนี้เทอญ

    พรุ่งนี้พี่เพ็ญจะรออ่านการบ้านของคุณปุ๊กนะคะ

    พี่เพ็ญ จบ.3

    " จะเป็นจิตอรหัตน์ต้องวางเป็น "
     
  11. อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ขอแบ่งปันประสบการณ์ หลังจิตยกมา เกือบเดือน กับบททดสอบ

    มีเรื่องต่างๆมาทดสอบอยู่เรื่อยๆ หนักบ้าง เบาบ้าง

    เรื่องที่เบา ก็เกิดการตัดไปทันที เป็นอัตโนมัติ ก็เข้าสู่อุเบกขา

    บางเรื่องก็ ขำๆในใจ แกจะมายั่วให้โกรธเหรอ ไม่ได้แอ้มหรอก

    บททดสอบบางเรื่อง มาอย่างคาดไม่ถึง

    ไม่กระทบเราตรงๆ แต่ไปกระทบคนอื่นที่เกี่ยวพันกับเรา ก็มาโดนเราเหมือนกัน

    บางเรื่องหนักๆ เราไม่รู้สึกอะไร แต่คนในปกครองเกิดโศกา ปริเทวะ ขึ้นมา

    ตอนเห็นก็สลดใจ ทำให้ต้องคิดเรื่องนี้อยู่ 1 คืน ทั้งๆที่ตอนนี้ก็ไม่ได้เอาเรื่องงานมาคิดต่อหลังเลิกงานแล้ว

    เราก็เอ้ เราอ่อนข้อให้คนอื่นมากเกินไป จนกระทบคนของเราหรือเปล่า

    คิดไปคิดมา มันเป็นกิเลสของคน 2 กลุ่ม ฝ่ายหนึ่งอยากได้พื้นที่เพิ่ม คนของเรา รู้สึกพื้นที่กลางนี้ อยู่ใกล้พื้นที่เรา เลยรู้สึกเป็นของตัวเอง เราเลยต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย

    คิดไปคิดมาก็ลงไตรลักษณ์ เรื่องนี้มันคงไม่อยู่นาน อาการโศกา ปริเทวะ เดี๋ยวก็เป็นอนัตตา จัดการไปอย่างที่ควรจะเป็นทางโลก โดยไม่ขัดกับธรรมก็น่าจะพอแล้ว

    บททดสอบต่างๆ คงมีมาตลอด จนละขันธ์นี้ไป

    เห็นว่า สติเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาโดนกระทบ
    การฝึกทุกอย่างที่เคยทำตอนเป็นจิตบำเพ็ญก็ยังคงต้องทำต่ออย่างต่อเนื่องเพื่อคงสถานะจิตบุญให้เต็มภูมิ;aa57
     
  12. dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับคุณเกษค่ะ อย่างนี้เรียกว่า อารมณ์ดีเพราะมีความสุข
    ได้มั้ยคะ แต่ไม่ติดสุขนะคะ ฮิ๊ววววววว
     
  13. dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับพี่ภู ครูเพ็ญและคุณปุ๊ก นะคะ
     
  14. natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๖๒ ณ วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕

    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
    กับจิตบุญดวงที่ ๖๒
    ของกลุ่มจิตบุญเทอญ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    คุณสาธิต จิตบุญ 62 ศิษย์พระอาจารย์ชัชวาล และคุณหมออุษาวดี
    จบกิจจิตเกาะพระเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2555
    ยกจิตได้ภายใน 2 วัน

    ท่านนี้เป็นฆราวาสอยู่ทางภาคใต้ พระอาจารย์ชัชวาลและคุณหมออุษาวดีไปโปรดถึงที่
    ผลการปฏิบัติจากคำบอกเล่าของคุณสาธิตผ่านพระอาจารย์ชัชวาลคือ
    ในคืนที่ผ่านมาท่านเห็นพระอาจารย์ชัชวาลไปเดินจงกรมในจิตของท่านทั้งคืน
    วิปัสสนาญาณที่ท่านได้รู้เห็นคือรู้สึกเหมือนกายมันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
    จนในที่สุดจิตเห็นความทุกข์ถึงขั้นทนไม่ได้
    ความทุกข์นั้นได้โหมกระหน่ำอย่างไม่หยุดยั้ง
    จนปัญญาญาณเกิดพิจารณาเห็นทุกข์ในกายอย่างชัดเจน
    เมื่อจิตเห็นว่าร่างกายนี้เป็นสิ่งไม่ควรยึด
    จิตจึงปล่อยวางจากกายทันที
    นี่คืออาการที่จิตเกิดวิปัสสนาญาณและปัญญาญาณขั้นสุดท้าย
    ซึ่งแต่ละคนจะเกิดวิปัสสนาไม่เหมือนกัน
    แล้วแต่ว่าจิตใครจะติดกรรมในเรื่องใด
    รายละเอียดนอกนั้นคงต้องขอเชิญคุณหมออุษาวดีมาช่วยบอกเล่าเพิ่มเติมค่ะ

    ฮ่า ๆ สายพระอาจารย์ชัชวาลนี้มาไวไปไวจนพี่เพ็ญตามแทบไม่ทัน

    โมทนา สาธุการไม่มีประมาณค่ะ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  16. urairatvi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,401
    ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่๖๒ ด้วยคะ
    ขออนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ชัชวาลและคุณหมออุษาวดี และครูจิตบุญทุกท่าน
    ขอเป็นกำลังใจให้กับจิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ ผู้อ่านกระทู้ ให้ผลบุญที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญมาทุก
    ภพชาติจงเป็นพลวปัจจัยให้แก่ท่านทั้งหลายสำเร็จมรรคผลนิพพานโดยเร็วพลันชาตินี้ด้วยเถิด
    สาธุ สาธุ สาธุร้อยล้านครั้งสำหรับจิตดวงนี้ 2 วันเท่านั้น อนุโมทนาบุญสาธุ.....
    ปลื้ม
     
  17. natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    สวัสดีค่ะพี่เพ็ญ

    ได้คุยกับคุณ สาธิตแล้ว ถามเรื่องวิปัสนาญานตัวสุดท้าย เรื่องอะไร มีอาการ อารมณ์ อย่างไร

    ท่านดูงงๆ อยู่ แต่ก็เล่ามาตามนี้ค่ะ

    ท่านบอกว่า เมื่อคืนขอบารมีพระองค์ท่าน เดินจงกรม นั่งสมาธิ จนถึงประมาณ ตี 2


    ขณะจิตหนึ่ง รู้สึกสว่าง จิตสดชื่นอยู่พักหนึ่ง เวทนาก็เข้ามา ท่านก็ดูอย่างเดียว

    ดูเวทนามีความรู้สึกว่าจิ<WBR>ตแทบจะแยกออกจากเวทนา จิตดูเวทนาอยู่เฉยๆ ไม่เข้าไปอยู่ในเวทนา

    นั่งสมาธิทำท่าจะหลับ แต่จิตตื่น

    ท่านนอน ประมาณ ตี 3 -6 โมง ตื่นขึ้นมาก็เหมือนนอนมาเต็มที่

    อารมณ์ ปัจจุบัน ทรงตัว เหมือนคนที่อยู่ในฌาน อารมณ์อื่นแทรกไม่ได้ นอกจากท่านจะลดอารมณ์ลงมา เพื่อดูอะไร

    ท่านลาพุทธภุมิเมื่อวานตอนเช้า บ่านวันนี้ไปขอขมาพ่อแม่ รู้สึกว่าให้ พ่อแม่ เอาฝ่าเท้าวางบนมือท่าน พ่อแม่ ท่านก็ให้พรมา

    ท่านบอกจะทำความเพียร สร้างเนื้อต้วเรา และคนอื่นด้วย

    ท่านบอกคุยกับพระอ. ในจิตแล้วเมื่อคืน

    ได้มา ประมาณนี้ค่ะ

    หนูได้บอกให้ท่านไปรายงานตัวกั<WBR>บท่านพ่อ เป็นองค์ที่ 62 ของกลุ่มจิตบุญ

    ขอเจริญอิทธิบาท 4 เป็นครูสอนธรรมะ และอธิษฐานให้ท่านพ่<WBR>อมาครอบกายครอบจิต

    ท่านบอกขอสร้างพระอย่างเดี<WBR>ยวแบบเดิม ก็เลยคุยกับท่านว่า การสร้างพระให้คนมากราบไหว้ก็ดี เป็นการสร้างบุญภายนอก แต่การสอนจิตเกาะพระให้คนไปนิ<WBR>พพาน เป็นการสร้างพระภายใน เกิดมาชาติเดียว ก็ทุกข์มากอยู่แล้ว ถ้าต้องเกิดอืกไม่รู้กี่ชาติ ไม่รู้จะทุกข์ไปอีกเท่าไร การช่วยคนปิดวัฎฏสงสาร เป็นการสร้างพระภายใน

    รายงานโดย คุณหมออุษาวดี จบ.31
     
  18. natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    สวัสดีค่ะคุณหมออุษาวดี

    พี่เพ็ญจาบอกว่า จดหมายของคุณคมวรรณมาไม่ถึงพี่เพ็ญค่ะ
    สงสัยท่านพ่อจะให้คุณหมอจัดการเองซะล่ะมั้ง
    สู้ต่อไปค่ะคุณหมอ

    ถึงคุณคมวรรณ คุณต้องฝึกแยกเรื่องทางโลกกับทางธรรมให้ออกนะคะ
    การปฏิบัติทางธรรมมิใช่เพื่อผลในทางโลก
    การปฏิบัติทางธรรมเพื่อผลคือนิพพานเท่านั้น
    แต่ผลพลอยได้ทางโลกเป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ
    คุณคมวรรณ์อย่าเอาธรรมสองอย่างนี้ไปปะปนกันนะคะ

    ถ้าสิ่งที่พี่เพ็ญกล่าวมานี้ทำให้คุณไม่พอใจก็กราบขอขมาขออภัยไว้ ณ ที่นี้
    แต่เป้าหมายสำคัญของกลุ่มจิตบุญคือช่วยยกดวงจิตของคนกลับนิพพาน
    มิใช่เพื่อสนองกิเลสในทางโลก
    ขอให้คุณคมวรรณทบทวนด้วยค่ะ
    ถ้าจะเอามรรค ผล นิพพานจริงในชาตินี้
    ขอให้แยกการงานทางโลกออกจากทางธรรม
    การงานทางโลกเป็นเรื่องของขันธ์ห้า
    การงานทางธรรมเป็นเรื่องของจิต
    แค่นำจิตไปเกาะพระ มีสติระลึกนึกถึงพระ
    ทำแค่นี้เอง ทำได้ไหม?
    ถามตัวเองและตอบตัวเองนะคะ

    อีกอย่างหนึ่งที่พี่เพ็ญจะแนะนำในสาระสำคัญก็คือ
    ถ้าอ่านธรรมะแล้วจิตเจริญช้าก็ขอให้วางธรรมะกระดาษไปก่อน
    เอาจิตมาบำเพ็ญให้เข้าถึงความสงบก่อน
    เมื่อปัญญาทางธรรมเกิดแล้วเดี๋ยวแก่นธรรมะจะตามมาเอง
    เอ้า ถ้ารู้ใจตัวเองแล้วก็ลุยเอาจิตเกาะพระต่อไป
    อะไรที่เกะกะและทำให้ช้าขอให้วางนะ
    แต่ถ้าวางไม่ได้ก็ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
    อย่าจับปลาหลายมือเดี๋ยวมันจะไม่ได้สักตัว
    เข้าใจ๋

    พี่เพ็ญ จบ.3

    ปล.พี่เพ็ญตามดูจิตและการบ้านของศิษย์ทุกคนนะคะ ไม่ว่าท่านจะเรียนอยู่กับครูท่านใด เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพี่เพ็ญจึงรู้ความเป็นไปในการเรียนการสอนของทุกท่าน ใครดื้อนะ เดี๋ยวพี่เพ็ญให้ส่งการบ้านบนกระทู้!
     
  19. อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    รายละเอียดนอกนั้นคงต้องขอเชิญคุณหมออุษาวดีมาช่วยบอกเล่าเพิ่มเติมค่ะ

    คุณ สาธิต (จิตบุญ 62) ลาออกจากงานมาสร้างพระอย่างเดียว มาหลายปีแล้ว
    ท่านสามารถสร้างพระองค์ใหญ่ๆได้สวยงาม โดยไม่ได้เรียนปั้นมา
    ได้มีโอกาสร่วมสร้างพระกับท่าน มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี
    จนเมี่อวันอังคารที่ผ่านมา คุยกับท่าน ท่านพูดแแย้มๆ ตีความได้ว่าท่านปรารถนาพุทธภูมิ


    ศุกร์ที่ผ่านมาพระอาจารย์ ชัชวาล ได้ผ่านมาทางนี้ ท่านเป็นอาจารย์ของพี่เอ็ง (จิตบุญที่ยกไปสัปดาห์ก่อน) ที่เป็นเพื่อนกัน
    เลยว่าจะไปกราบท่านซักหน่อย พอโทรไปบังเอิญพูดถึงสถานที่สร้างพระ
    พระอาจารย์ ชัชวาล อยากไปกราบ ก็เลยพาท่านไป ก็เลยเจอคุณสาธิต
    คุยไปคุยมา พระอาจารย์ก็ถามอยากไปนิพพานไหม ท่านก็บอกอยาก
    พระอาจารย์ ก็เลยบอกให้เอาบารมีของเรา 2 คนรวมกัน ส่งให้คุณสาธิต
    ก็บอกบุญ ที่ทำด้วยดีแล้วยกให้ท่านหมดเลย

    พระอาจารย์ ก็บอกให้เราไปขอท่านพ่อให้ช่วยโปรดคุณสาธิต
    ก่อนขอก็ถามท่านว่า ไปแน่ไหม เห็นท่านลังเล เสียดายพุทธภูมิ
    ท่านก็บอกเอาแน่ ก็ขอให้
    รู้สึกวันนั้น 2 คนรวมกำลังกัน พลังงานเข้มข้นมาก (สงสัยกำลังพระอาจารย์ ส่วนใหญ่ อิอิ)
    แล้วก็บอกให้ท่านไปลาพุทธภูมิ และขอขมากรรม กับพ่อแม่ท่าน

    ทราบว่าท่านลาพุทธภูมิเมื่อวาน ตอนทำพิธีบวงสรวง ขอสร้างบล็อกพระ
    (ตอนนี้ท่านกำลังเร่งสร้างพระพุทธเจ้า 12 พระองค์ พร้อมฉัตร ให้เสร็จวันออกพรรษา)

    พระอ. ก็สอนท่านทำจิตเกาะพระ
    ช่วงที่พวกเราคุยกัน พระจันทร์ทรงกลด 2 วงซ้อน

    ท่านบอกเมื่อคืนทำความเพียร เกีอบทั้งคืน พระจันทร์สวยมาก
    ถามว่าสวยกว่าวันศุกร์อีกเหรอ ท่านบอกสวยกว่า



    วันนี้ตอนบ่าย พระอ. โทรมาบอก พี่เพ็ญบอก จิตท่านยกแล้ว
    ให้โทรไปถามคุณสาธิต ก็โทรไปสอบถามอาการและอารมณ์ท่าน ตามที่พี่เพ็ญบอก บอกเป็นตัวแทนครูใหญ่ (พี่เพ็ญ) และพระอาจารย์
    ท่านบอกเพิ่งกลับจากขอขมากรรมกับพ่อแม่มา ท่านเอามือพ่อแม่วางบนฝ่ามือท่าน
    พ่อแม่ก็ให้พรมา ขอให้สำเร็จทุกอย่าง
    ดูเวลา ที่มีการแจ้งข่าว จากพี่เพ็ญ น่าจะตรงกับช่วงขอขมากรรมกับพ่อแม่ท่าน
    จิตท่านคงพร้อมยกตั้งแต่เมื่อคืน พอมาขอขมาเสร็จก็ยกเลย


    ท่านบอกหลังจากนี้ จะทำความเพียร สร้างเนื้อสร้างตัว (บุญ บารมี) สำหรับตัวเองและคนอื่นด้วย
    รู้สึกท่านถ่อมตัวมาก ท่านลาพุทธภูมิมา ใช้เวลา 2 วัน ยกจิตสำเร็จ ท่านยังใช้คำ "สร้างเนื้อสร้างตัว"


    ก็ขออนุโมทนา สาธุการ กับคุณสาธิต พระอาจารย์ชัชวาล และพี่เพ็ญ ในบุญกุศลในครั้งนี้ด้วยค่ะ ;41
     
  20. natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    LoukWaah Pitchayanin 2 กันยายน 20:08

    จะมีสักกี่คนที่มองท้องฟ้าได้นานตลอดวัน?
    จะมีใครได้อะไรจากการมองท้องฟ้าบ้าง... เราไม่รู้หรอก
    ณ ตอนนั้นเรารู้แค่ว่า สายตาเราจับจ้องที่ท้องฟ้า
    ดูผืนฟ้าที่สวยงาม, ดูก้อนเมฆที่กระจายอยู่ทั่ว, ดูนกที่บินบนท้องฟ้า ฯลฯ
    สิ่งที่เราเห็นนี้มันเป็นสิ่งธรรมดา, เป็นเหตุการณ์ที่ใครๆ ก็เจอได้.. ก็แค่มองท้องฟ้า
    ภาพของมันก็คงไม่ต่างกันมาก

    แต่สิ่งที่เราได้จากการมองท้องฟ้าตลอดระยะเวลาสามสี่ชั่วโมงที่อยู่บนรถนั้น
    ทำให้เรานึกถึงการปฏิบัติธรรม หรือการฝึกจิตเพื่อค้นพบสัจธรรมที่แท้จริงของโลกนั้น
    บางที...เราก็เหมือนนกตัวที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าก็ได้
    การที่เราจะเดินทางกลับบ้านที่แท้จริงของเรา
    หรือการที่เราจะบินไปหาเป้าหมายที่เราต้องการนั้น
    มันไม่ได้บินไปง่ายๆ
    บนเส้นทางที่เราบินอยู่มันอาจจะมีพายุฝน เมฆ ลม
    หรือแม้กระทั้งสายรุ้งสีสันสวยงามอยู่ก็ได้


    ทั้งพายุ เมฆ ฝน ลม อาจเป็นอุปสรรคทำให้เรากลับบ้านยาก
    แต่ก็นั่นล่ะ... ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญ หรือของที่มีค่าที่สุด
    หรือแม้แต่ "สายรุ้ง" ก็ตามทีที่มันดูเหมือนว่าสวยงาม
    บินผ่านคราใดก็เหมือนจะเชิญชวนให้เราแวะพักอยู่ร่ำไป
    หลงใหลในความสวยงามของมันจนลืมทางกลับบ้านตัวเอง
    ความสวยงามของสายรุ้ง มันก็เป็นความสุขชั่วครู่ กิเลสชั่วครู่เท่านั้น
    ต่อให้มันสวยงามมากแค่ไหน ถ้าเราตั้งมั่นว่าจะกลับบ้านเพื่อพบความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนกว่านั้น
    เราก็ควรปล่อยวางความสุขชั่วคราวนั้นเสีย แล้วตั้งหน้าตั้งตาบินไปตามทางที่เราวางแผนไว้


    เส้นทางที่เราบินมันอาจจะไม่ได้ราบรื่นไปซะทุกอย่าง
    ถ้าเราบินด้วยความอยากกลับบ้านมากเกินไป ทะเยอทะยาน หรือบินสูงจนเกินไป
    สิ่งที่ได้คือความหนักใจ เพราะแบกทุกข์เอาไว้ เข็นตัวเอง เร่งตัวเองให้กลับบ้านไวๆ โดยที่ไม่ดูจิต ดูใจตัวเอง
    พะวงกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง หรือสิ่งที่อยู่ในอนาคตข้างหน้ามากไป

    หรือถ้าเราบินด้วยความเฉื่อย แรงส่ง-แรงบินน้อย บินต่ำมาก
    เราอาจจะบินไปชนต้นไม้ อาคาร เสาไฟ ฯลฯ ได้ แถมเจ็บตัวด้วย
    และสิ่งที่ได้ก็ไม่ใช่อะไร นั่นคือทุกข์อีกเช่นกัน คือความทุกข์กาย ทุกข์ใจ

    เพราะฉะนั้นเราจึงควรบินไปแบบพอดีๆ แบบกลางๆ
    ด้วยอารมณ์ที่เบาสบาย ไม่เครียด และมุ่งมั่นในเป้าหมายที่เราตั้งไว้...

    ในระหว่างที่เราบิน เราต้องมีสติ และจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่หน้าเราใกล้ๆ นี้
    แล้วเราก็อย่าไปคิดมาก เพราะถ้าคิดมาก มันก็ฟุ้งมาก ลังเลมาก
    และอาจจะทำให้เครื่องตก.. แต่เครื่องตกก็ยังไม่แย่เท่า "กำลังใจตก" ล่ะนะ

    ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุด จึงเป็นการอยู่กับสติ, อยู่กับปัจจุบัน ตั้งมั่นในเป้าหมายที่เราจะไป
    เปรียบเสมือนคนที่ต้องอยู่กับสติ, ศีล และมีสมาธิ... จนนำไปสู่ปัญญาในที่สุด
    อันจะทำให้เราได้กลับบ้านเราที่แท้จริงได้ หรือบ้านพระนิพพานนั่นเอง


    สิ่งที่รู้, เห็น, คิด, มอง, พิจารณา ฯลฯ นี้
    มันไม่ได้ดูเลิศหรู หรือวิเศษอะไรมาก
    เราต้องมองความธรรมดา ด้วยความธรรมดาของมันเอง
    นั่นคือธรรมชาติ นั่นคือธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้
    เรียนรู้ธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติด้วยทางสายกลาง และมรรคอันมีองค์แปด

    สิ่งที่เราทำ ที่เราปฏิบัติได้นั่นคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าเราเข้าใจธรรมะ
    หรือธรรมชาติของโลกที่มีการเกิด-ดับทั้งหลายได้มากแค่ไหน
    โดยไม่ต้องไปมัวท่องแต่ตำราแข่งขันความรู้ชั่วคราวนั้นหรอก
    เรียนรู้จิตตนเอง รู้ทันกิเลสตนเองให้มันมากจะดีที่สุด
    ไม่ต้องไปสนคนอื่นเขา สนแต่ตัวเรา จิตเราก็พอ...


    และการที่เรารู้ หรือเข้าใจแก่นของธรรมะที่แท้จริงนั้น
    มันไม่ได้แสดงออกด้วยการแต่งกายที่ดูสงบ เรียบร้อย หรือนุ่งผ้าขาว ผ้าเหลือง
    บุคคลที่จะเข้าถึงธรรมะที่แท้จริงได้ มีอยู่สิ่งเดียวที่เข้าถึง.. นั่นคือ "จิต" ของบุคคลนั้นเอง
    ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองใครแต่ภายนอก หรือตัดสินด้วยกิเลส ด้วยมิฐฉาทิฐฐิของตน
    หรือด้วยอัตตา มานะที่ถือตัวตนของตนเองนั้น
    ไปดูแต่เปลือก หรือรูปลักษณ์ภายนอกก็ตัดสินเขาเสียแล้ว ว่าเป็นคนดีหรือไม่ อย่างไร

    และเราไม่สามารถรู้จิตใจใครได้ว่าเป็นอย่างไร
    เพราะต่างรู้ดีแล้วว่า จิตมนุษย์มันเดายาก
    ต่อให้แสดงออกมายังไง มันก็อธิบายความในใจ ใจจิตในสภาวะหนึ่งของอารมณ์ หรือความรู้สึกนึกคิดของจิตมนุษย์ได้ไม่หมดหรอก
    มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดี... เพราะฉะนั้นอย่าไปส่องสอดจิตใครให้เสียเวลา
    เราควรใส่ใจจิตตนเองให้เข้าถึงแก่นแท้ แก่นธรรมที่เป็นความจริงของทุกอย่างจะดีกว่า

    และที่สำคัญ การที่ใครจะปฏิบัติธรรมนั้นมันไม่ได้อยู่ที่การแต่งกาย
    เราทุกคนใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต้องเจอสิ่งต่างๆ ที่กระทบเข้ามาในจิตมากมาย
    และผู้ที่ปฏิบัติธรรมที่ดีนั้น ก็คือผู้ที่สามารถมีสติตั้งรับกับสิ่งที่อยู่ต่อหน้าได้
    มีสติเท่าทันอารมณ์ กิเลสของตนได้
    ไม่ใช่สักแต่ว่านุ่งชุดขาว หนีหาความสงบ หนีกิเลส หนีความจริง...
    อย่าลืมว่าไม่มีใครหนีความจริงไปได้
    เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรวิ่งหนีอะไร
    ควรมีสติ อยู่กับสิ่งที่มี ที่เกิดขึ้นกับจิตเรา กับตัวเราตอนนี้ก็ดีที่สุดแล้ว...


    เจริญธรรม...
     

แชร์หน้านี้