;k06ขอกะทิแยะๆเข้มข้นหวานมันนะจ๊ะ อิอิ
จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.
หน้า 569 ของ 857
-
เป็นลูกเป็นหลาน
ตามหาท่านมานานท่องเวปเกือบ๓เดือน(พระในฝัน) กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ดู่เจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะcatt1 -
หนอนทําบุญ
ขณะที่Technologyเจริญก้าวหน้า ทางการแพทย์ตกแต่งและศัลยกรรมทางผิวหนังก็ย้อนกลับไปใช้แผนโบราณ มีหมอคนหนึ่งมาทําแผลหลังผ่าตัด (I C U )อีกแหละ เขาสั่ง"หนอน๕๐ตัว"จากห้องยา (แผลใหญ่ก็จะมากขึ้น) พอเปิดแผลก็เอาหนอนใส่ลงไป(หนอนสะอาดนะ) แล้วปิดเทปใสๆ หนอนก็ทําหน้าที่กินแผลๆ ทั้งคืน มองเห็นยุกๆยิกๆ พอรุ่งเช้าหมอก็สั่งชุดใหม่ ส่วนชุดเก่าพอเปิดแผลปุบก็เท alcohol ใส่แล้วทิ้งไป คนใข้บางคนก็อยู่ไม่นิ่ง ถ้าเปิดช่องนิดเดียวพอมีอากาศเขาจะกลายเป็นแมลงวันทันทีเลย
ตอนแรกนึกชอบใจว่าจะไปอยู่ Plastic Surgery ICU พอมาเจอแบบนี้เข้าเปลี่ยนใจเลย ผีไม่กลัวแต่กลัวหนอน อิอิ -
ต้องฆ่าตัวผู้รู้ อนุโมทนาสาธุค่ะ -
เยอรมันตามUKไปนอนแล้ว เดี๋ยวตามด้วยUSA ต่อไปก็จะมีแต่ Thailand
*น้องฝ้ายอยู่ทีไหนเอ่ย?
*ขอต้อนรับการกลับมาของ"หนูมาดี" ค่ะ(f)
*ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
supatorn, aomnitta+, fein
*ช.ม.นี้จองกระทู้ พูดคนเดียวไปเรื่อยๆ ดี ไม่มีคนค้าน
* "ภัยพิบัติ"ก็อยู่ที่ใจของเรามานานแสนนานแล้ว มาเยี่ยม มาครองเรือน จน"ใจ"ยอมให้ปกครองบ้านเลยกลายเป็นของธรรมดาไป ที่เราไมได้มองในบ้าน"จิต"เราเอง มัวแต่มองออกไปข้างนอก
*คิดถึงคุณครูเพ็ญกับท่าน อ ภูนะ สงสัยไปรายงานตัวกับ บบ พร้อมๆกันแหละ
*น้องลินดากําลังขี่ JJ หรือ HAB ?คะ
*คุณครูเกษหายไปไหน? -
สวัสดีค่ะ พี่ต้อย
เรียกอย่างนี้ได้ไม๊คะ ฝ้ายไม่เคยทักพี่ ๆ เลย แหะๆ
ยังอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยโพสต์ เกาะอ่านไปเรื่อยค่ะ
เข้าใจก็อ่านจนจบ ไม่เข้าใจก็อ่านผ่านๆ 555
เรื่องอะไรต้องตีความมาก และยาก ก็ผ่านไป
เรื่องความเห็น ก็อ่านผ่านเหมือนกัน ไม่อยากไปอ่านจิตผู้อื่น
แค่กิเลสรอบตัว กระทบตูมๆ ก็ต้องดูตัวเองตลอด
ที่ผ่านมา ได้จิตเกาะพระเป็นที่พิ่ง ได้กระทู้นี้เป็นกำลังใจ
ทำให้ทุกข์สุขน้อยลงไปทันตาเห็น อิอิ
^^
พี่ต้อยสบายใจสบายกายดีนะคะ
/ฝ้าย -
สวัสดีค่ะ พี่ภู
อาศัย พิ่งพิง กระทู้นี้มานาน แต่ไม่เคยทักเจ้าของกระทู้เลย
อุปสรรค และปัญหาเป็นของธรรมดา อยู่คู่โลก 555
เป็นกำลังใจค่ะ
/ฝ้าย -
สวัสดีค่ะ ครูเกษ คุณวัฒ
"ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
fein, Dhammanee, supatorn, watjojoj"
งงมากเลย สมาชิก 5 คน แต่โชว์ชื่อแค่ 4 คน ^^' -
แว่บ ๆ ๆ สุขสันต์วันอาทิตย์ค่ะ -
-
wonder womam พอใจ
นี่ไงๆๆhe llo _ น้องพอใจออกมารับสารภาพแล้วไหมล่ะนี่แหละ Wonder Woman ตัวจริงแหละ แถมเสียง"เซาะทราย"เสียด้วย
*ขอบพระคุณน้องฝ้ายค่ะ พี่สบายดีทั้งกายใจค่ะ(deejai)black_pig -
ครือว่า น้องจุ๋มกับน้องแตนกําลังเป็นหวัดค่ะpig_cryy แล้วน้องลินดาก็พูดถึงลอดช่อง เพราะพี่เอาไปเทียบกับเต้าส่วน จะได้ปลงเรื่อง"อาหาเรปฎิกูลสัญญา" นะ และก็พิจารณาร่างกายเราว่ามันก็ต้องเจ็บป่วยแบบนี้แหละ นี่แหละ สนทนาธรรมค่ะ;k06 -
-
ถ้าเป็นบรเพ็ชรพอจะรับไหว ^^ -
“...พระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องของการอ้อนวอน ร้องขอ หรือให้กันได้
ทุกคนจะต้องทำด้วยตนของตนเองจึงจะได้รับผล...”
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
สาธุ มรรคผล นิพพานต้องทำเอง
กราบท่านพ่อลื ด้วยเศียรเกล้า -
หลวงพ่อพระราชพรหมยานตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม : ศีล เรารักษากันเวลาไหน?
ถ้าเราไม่มีโอกาสสมาทานศีลมันจะเป็นศีลได้หรือไม่?
หลวงพ่อ : ศีลนี้เราจะสมาทานหรือไม่สมาทานก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ความสำคัญอยู่ที่การงดเว้นเท่านั้นมันจึงจะเป็นศีล...นี่หากว่าเราจะสมาทานศีลสักวันละพันครั้ง แต่ว่าจิตใจของเราไม่ได้ผูกพันในศีลก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ศีลไม่ได้มีกับใจเรา
ฉะนั้น การที่เราจะระงับตัณหาได้ ในอันดับแรกต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธ์คือมีอารมณ์ทรงศีลเป็นปกติธรรมดา ไม่ใช่แต่เฉพาะมานั่งขัดสมาธิหลับตา หรือว่านั่งสมาธิจึงมีศีลบริสุทธิ์ ถ้าเราต้องการศีลบริสุทธิ์เพียงเท่านี้ ก็มีหวังลงนรกแน่นอน วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง เราทำจิตบริสุทธิ์กี่นาที
...ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงสอนให้ทรงสมาธิ ในด้านศีลานุสติกรรมฐาน คือ ให้จิตใจของเราทรงศีลเป็นอารมณ์ เป็นปรกติ ไอ้การนั่งหลับตา วันละ ๙ ชั่วโมง ๑๐ ชั่วโมงไม่มีความหมาย ความสำคัญก็มีอยู่ว่า ทุกลมหายใจเข้าออก จิตของเราทรงอยู่ในศีล
ผู้ถาม : ศีลของเราจะเป็นสมาธิจิตในด้านของสีลานุสติกรรมฐานให้เข้าถึงฌาน ทำอย่างไร? และทำอย่างไรเราจึงจะรู้ว่าศีลของเราเข้าถึงฌาน?
หลวงพ่อ : อันนี้ เราก็สังเกตได้ว่า วันทั้งวัน จิตของเราใคร่ครวญอยู่ในศีลเป็นปกติ มีการระมัดระวังในศีล ปัญจเวร ๕ ประการ คือ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือทำร้ายสัตว์ การลักขโมยของ การยื้อแย่งความรัก การโกหกมดเท็จ การดื่มสุราเป็นต้น เรียกว่าปัจเวร ๕ ประการ อย่างนี้เราทรงได้แบบสบาย
ใครนินทาว่าร้าย ส่งเสียงรบกวนเพียงใดก็ตาม จิตใจเราไม่รำคาญในเสียงของบุคคลนั้น ไม่สะทกสะท้าน ต่อคำนินทาว่าร้าย หรือ ไม่ยินดีต่อคำสรรเสริญใดๆ มีจิตใจอารมณ์สบายเป็นศีล อย่างนี้ชื่อว่าสมาธิจิตของท่านเข้าสู่เป็นสภาพฌาน
...เมื่อสมาธิจิตของเราทรงศีลเป็นฌาน มีจิตใจผูกพันในศีลเป็นปกติ จะไปทางไหนก็ตาม อยู่ในสถานที่ใดก็ตาม อยู่ในสังคมใดก็ตาม เราไม่ยอมละเมิดในศีลอย่างเด็ดขาด ไม่ยุยงส่งเสริมให้ใครละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว จิตใจของเรามีความชุ่มชื่นในศีลอย่างนี้เป็นฌาน ถ้าอารมณ์จิตเป็นฌาน เราตายไปจากความเป็นมนุษย์เราเกิดเป็นพรหม...
ที่มา fb BuddhaSattha -
การวางอารมณ์ใจในการปฏิบัติธรรมของเราในแต่ละวัน
ปฏิบัติแบบไม่ต้องยึดรูปแบบ ปฏิบัติแบบอยู่บ้าน
อยู่ที่โรงเรียน ที่ทำงานโดยไม่ให้มีใครรู้ว่าเราปฏิบัติธรรมครับ
เริ่มต้นตั้งแต่ที่เราตื่น จิตตื่นขึ้นจากการนอนหลับ บางท่านจะมีอาการที่จิตถอนลอยขึ้นช้า ๆ
หูเริ่มค่อย ๆ ได้ยินเสียงรอบตัวค่อย ๆ ดังขึ้น แบบนี้เป็นอาการที่หลับอยู่ในฌานอย่างสมบูรณ์ครับ
ส่วนโดยทั่วไปก็จะค่อย ๆ ตื่นขึ้นค่อย ๆ รู้สึกตัว เมื่อรู้สึกตัวแล้ว ก็ให้เราตั้งสติก่อน หากไม่ตั้งสติ
จิตมันก็จะเลยไปเลย จากนั้น ผู้ที่ได้มโนมยิทธิแล้วก็ยกอาทิสมานกายขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า
บนพระนิพพานเป็นการระลึกนึกถึงพุทธานุสติ และ อารมณ์พระนิพพาน แล้ว พิจารณาธรรม
ในหัวข้อที่เราเอง รู้สึกสบายไม่หนักเกินไปตามภูมิธรรมไล่เรียงลำดับให้ไปจนถึงละเอียด
♥ ตั้งใจว่าเรานี้วันนี้เราจะสร้างความดี และ รักษาใจเราให้มีแต่ความคิดที่ดีให้ได้ตลอดทั้งวัน
♥ พิจารณาในส่วนของ ศีล 5 ว่าเราจะรักษาเอาไว้ให้ได้ตลอดวันรักษา กรรมบถ 10 ให้ได้
รักษาอารมณ์ใจใน เมตตาพรหมวิหาร 4 เอาไว้ให้จิตเราเย็นอยู่ตลอดเวลา
♥ พิจารณาว่าเราอาจ " ตาย " เมื่อไรก็ได้ เราจะไม่ประมาทในชีวิต
ไม่ประมาทในความดีไม่ประมาทในการปฏิบัติธรรม เริ่มเป็น วิปัสนาญาณ
♥ พิจารณาธรรมเพื่อละใน สังโยชน์ 10 ประการ
♥ พิจารณาใน บารมี 30 ทัศน์ ตั้งใจในกำลังใจที่จะทรงบารมีได้อย่างเต็มอัตรา
เมื่อพิจารณาในฌานแล้วสำหรับท่านที่ได้มโนมยิทธิ ส่วนใหญ่พระท่านก็จะ เมตตา
บอกสอนเวลานี้ สำหรับผมเองพระท่านชอบมาบอกงานในช่วงเวลาตื่นแบบนี้เนื่องจาก
เราได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว มีความสดชื่นทรงลมหายใจสบายเป็นสมาธิได้ง่าย
♥♥♥ เมื่อตื่นนอนแล้ว ♥♥♥
♥ อาบน้ำ - แปรงฟัน - ล้างหน้า ถ่ายหนัก - ถ่ายเบา เราก็พิจารณาธรรมไปด้วย
ในข้อ กายคตาฯ ในส่วนของ ความสกปรก ไม่สะอาดความเสื่อมในร่างกายของเรา
ด้วยจิตที่ เบาๆ สบายๆ ให้จิตคลายจากความ ยึดมั่น ถือมั่น ในร่างกายลง
♥ ทานอาหาร ก่อนทานข้าวทุกมื้อ เราก็ นำอาหารไปถวายพระ
ด้วยความเป็นทิพย์ เสียก่อนจากนั้นก็มาพิจารณา อาหาเรปฏิกูลสัญญา และ ความเป็น ธาตุ 4
อธิฐาน ให้อาหารที่ทานเป็นอาหารทิพย์หล่อเลี้ยงธาตุขันธ์ เพื่อการบำเพ็ญธรรมทำความดี
♥ ออกเดินทางไปธุระ ระหว่างเดินทางเราก็ จับลมหายใจสบาย ทรงสมาธิจิตไป ตอนขับรถเรา
ก็ทำได้ทรงลมหายใจที่หายไปจนเป็น ฌาน 4 ใช้งาน จิตยิ่งตั้งมั่นมีสมาธิเต็มอัตราหรือ เรานั่งรถ
ก็พิจารณาไป ในคนสัตว์ ว่าทุกข์อย่างไร เขาเห็นทุกข์ไหมเราเห็นเราก็หาทางออกจากทุกข์ ด้วยธรรม
ตลอดจน แผ่เมตตาไปในทิศทั้งปวงไปไหนมาไหน เจอผู้ใดก็ให้จิตเขาเย็นตามจิตเราไปไหน
ก็ปรารถนาให้ที่นั้นมีความเจริญรุ่งเรืองมีศานติสุข สงบร่มเย็นมีแต่รอยยิ้มและมิตรไมตรีต่อกัน
โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค -
บารมี
คือ การตั้งกำลังใจไว้ชอบแล้วเป็นสัมมาทิฐิ
เวลาเราจะทำการอันใดก็ตามให้เราทำจิตให้เกิดสมาธิจนจิตสงบระงับจากกิเลสให้ได้ก่อน
จากนั้นให้เราถามจิตตัวเอง ว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำอยู่นี้ เรากำลังจะทำอะไร และ ที่สำคัญ
ที่สุดก็คือ เราทำเพื่อใคร ? ทำอะไรนั้นเราก็ต้องมาพิจารณาก่อนว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำนี้
อยู่ในทำนองครองธรรมหรือไม่ ? เบียดเบียนหมู่สัตว์หรือยังประโยชน์ต่อหมู่สัตว์ ?
เกิดผลดีผลเสียประการใด ? ปราชญ์ และ วิญญูชนติเตียนได้ หรือไม่ ?
เมื่อพิจารณาเห็นว่าชอบแล้วเป็นกุศลเป็นสัมมาทิฐิยังประโยชน์ก็ให้มาพิจารณาต่อไปอีกว่า
เราทำสิ่งนั้นเพื่อตนเอง หรือ เพื่อส่วนรวม ? ก็ขอให้มาตรองในข้อของอัตตาตัวตนว่าสิ่งที่เราทำไป
แม้ว่าเป็นคุณเป็นประโยชน์แต่เราทำไปเพื่อ ปรารถนาให้ผู้คนเขามายกย่องสรรเสริญหรือไม่ ?
เพื่อสนองกิเลสหยาบในจิตของเราหรือไม่ ? หรือ เราทำไปเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
บางท่านคิดว่าในเมื่อเป็นงานที่เราทำ เรื่องหน้าตาการยกย่องก็ย่อมสมควรเป็นของเรา
ไม่ได้ผิดอะไรแต่หากนำธรรมมะที่ในหลวงท่านทรงสอนและปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่าง
ให้พวกเราได้ประจักษ์แล้วพระองค์ทรงสอนว่า จงปิดทองหลังพระ
จนกระทั่งทองที่เราปิดนั้นมาอยู่หน้าพระ
♥♥♥
นั่นคือ เมื่อเราทำความดีอย่างแท้จริง ด้วยความเสียสละ จนกระทั่งจิตใจ ตัวตนอุปนิสัยของเราดี
อย่างแท้จริงดีจนเป็นปกติพระพุทธรูปที่เราปิดทองคำเปลวจากที่เป็นพระปูนก็จะกลายเป็นพระ
พุทธรูปทองคำทั้งองค์ไป จะปิดทองหรือไม่ปิด จะถูกเผาถูกขูดขีดทองแท้ก็ย่อมเป็นทองแท้ วันยัง
ค่ำทำความดีจะถูกด่าถูกเข้าใจผิด ถูกนินทาว่าร้าย อย่างไร หากหัวใจของเราเป็นพระพุทธรูป
ทองคำเราย่อมไม่หวั่นไหวเพราะเรารู้เรามั่นใจเสียว่าเราทำอะไรอยู่ และ ทำเพื่อใครเมื่อนั้น
หัวใจเราก็จะมีความดีเป็นปกติทำเพื่อส่วนรวมเห็นประโยชน์สุขของส่วนรวมมาก่อนเสมอ
ในส่วนของความเป็นทิพย์ นั้นการที่เราตั้งกำลังใจของเราเอาไว้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็น
ที่ตั้งก็ดีเพื่อพระพุทธศาสนาก็ดีเพื่อสร้างกำลังใจให้ผู้อื่นได้เข้าถึงซึ่งความดีก็ดีเทพพรหมเทวดา
ท่านมีความเป็นทิพย์ท่านรับรู้รับทราบเป็นอย่างดีเมื่อเราวางกำลังใจถูกท่านก็พากันมาเมตตา มา
สงเคราะห์กันมากมายเพราะเราทำก็เพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตนเอง ลองดูอุปมาง่ายๆ หากเรา
บอกกับสาธารณะชนว่า ฉัน อยากได้ เงิน มากๆเพราะ ฉันต้องการความสุขของฉันความร่ำรวย
ส่วนตัวของฉัน ช่วยกันมาช่วยฉันเถอะกับอีกท่านหนึ่งบอกต่อสาธารณะชนว่า ตอนนี้ศีล
ธรรมเสื่อมลงพวกเราต้องหาทางฟื้นฟูสิ่งยึดเหนี่ยวความดีศีลธรรมในจิตใจคนกันดีกว่าพวกเรา
ช่วยกันหาเงินมา สร้างพระพุทธรูปกันดีกว่า "บุคคลสองคนนี้
ใครจะได้รับความช่วยเหลือจากสาธารณะชนมากกว่ากัน
คราวนี้เรามาพิจารณาดูในแง่มุมนี้กันบ้าง ผู้ปฏิบัติสมาธิสองท่านท่านหนึ่งตั้งกำลังใจว่า
อยากได้ อภิญญา เพื่อที่เราจะได้เก่งที่สุด มีคนมายกย่องมากๆกับอีกท่านหนึ่งที่ตั้งกำลังใจเอาไว้ว่า
ปรารถนาที่จะได้อภิญญาก็เพื่อจะได้นำคุณวิเศษแห่งอภิญญาสมาบัติที่ได้นี้ไปใช้ช่วยเหลือผู้คนใน
ยามเกิดภัยพิบัติเราคิดว่า หลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์ตลอดจนเทพพรหมเทวดาท่านจะเลือก
มาโปรดมาใดมากกว่ากัน หรือ แม้แต่ความก้าวหน้าในธรรมความก้าวหน้าในการปฏิบัติก็ตาม
หากเราตั้ง กำลังใจที่จะนำธรรมการปฏิบัติไปสอนไปสงเคราะห์ให้บุคคลอื่นได้เข้าถึงธรรมเข้าถึง
ความดีเป็นสำคัญ บาอาจรย์มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุดท่านก็เมตตาสงเคราะห์เราได้อย่างเต็มที่
จนก้าวหน้าในธรรมกันอย่างรวดเร็วเป็นธรรมดาดังนั้นการตั้งกำลังใจหรือการตั้งบารมีที่ถูกต้องก็คือ
ตั้งกำลังใจเอาไว้ใน สัมมาทิฐิ เป็นสำคัญ
ตั้งกำลังใจเอาไว้ เพื่อส่วนรวม ก่อนเรื่องของตนเอง
ตั้งกำลังใจเอาไว้ให้ ตั้งมั่นไม่แกว่งไกวไปด้วย โลกธรรม 8
ตั้งกำลังใจให้ถูกเป็นทางลัดแห่งการปฏิบัติธรรม
พอถูกปุ๊บเทวดาพรหมท่านเห็น ท่านทราบ เวลาทำความดีเราทำแบบไม่ต้องอวดคน
เพราะ คนบางคนไม่มองที่ความดี ของคนอื่นคนบางคนมองไม่เห็นความดีของคนอื่น
คนบางคน เพ่งโทษ คนอื่นคนบางคน ริษยา ในความดีของคนอื่นก็มี
ดังนั้นจงทำความดีให้เทวดาให้พระท่านทราบก็พอจำนวนท่านมากกว่าคนเยอะ ทำดีจริงไม่ดีจริง
ท่านรู้หมดวันดีคืนดีท่านก็มาเล่าให้ฟัง ให้รู้ดังนั้นทำความดีเอาไว้อย่าให้ได้อายเทวดาพรหมท่าน
------------------------------------
ทำจิตให้เป็นพระพุทธรูปทองคำให้ได้ขอให้ความดี
เพื่อส่วนรวม จงปรากฏแก่ทุก ๆ ดวงจิตผู้ใฝ่ธรรมด้วยเทอญ
โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค -
ขอกราบสวัสดีทุกๆท่านครับ
ยังรักและคิดถึงชาวจิตเกาะพระ และทุกๆท่าน เหมือนเช่นเคยนะครับ
วันนี้นำธรรมะมาฝากเช่นเคยครับ
ขอขอบพระคุณ ขอขอบใจ สำหรับกำลังใจที่ทุกๆท่านให้กันมาโดยตลอด
ผมสบายดี ไม่ต้องห่วง ขอให้ทุกท่านรักษาดวงจิตของตนให้ดีๆ นะครับ
อาจจะตกฌานบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้จิตตกกันนะครับ อันนี้เสียหายมากๆเลย
ปัญหาหรืออุปสรรค์ย่อมมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า ขอให้มองเป็นเรื่องธรรมดา
และขอให้แก้ด้วยสติปัญญานะครับ
ด้วยรักและเคารพ
พี่ภู -
การก้าวเดินของวัฏจักรวัฏจิตนี้
ไม่ีมีที่สิ้นสุดจุดหมายปลายทาง...
นอกจากบุญกุศลเท่านั้น...จะเป็นเบรกห้ามล้อ
จะตัดเครื่องวัฏวนทั้งหลาย
ที่ยืดยาวนานให้หดสั้นเข้ามา สั้นเข้ามา
ด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลนี้...
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน.
หน้า 569 ของ 857