ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

วิกฤติเขื่อนลำตะคอง เล็งดึงน้ำจาก 'ลำแชะ' ช่วยผลิตประปา​

​

เขื่อนลำตะคองวิกฤติเหลือน้ำน้อย สามารถใช้งานได้อีกไม่เกิน 3 เดือน เทศบาลโคราช เร่งประสานชลประทานฯ ขออนุญาตดึงน้ำจากเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี มาช่วยในการผลิตน้ำให้คนในเขตเทศบาลฯ

เมื่อช่วงสายของวันที่ 17 มิ.ย. 58 นายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ว่าล่าสุดขณะนี้เขื่อนลำตะคอง ซึ่งเป็นเขื่อนหลักที่ผลิตน้ำในการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำใช้การได้อยู่ที่ประมาณ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็น 20% ของความจุเขื่อนทั้งหมด 314 ล้านลูกบาศก์เมตร และจากสถานการณ์ปริมาณน้ำที่เหลือน้อยดังกล่าว หากพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำในเขื่อนจะสามารถใช้งานได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ชลประทานจึงต้องวางแผนควบคุมการใช้น้ำอย่างเคร่งครัด โดยปัจจุบัน เขื่อนลำตะคองยังคงปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเพื่อรักษาระบบนิเวศ วันละประมาณ 350,000 ลูกบาศก์เมตร

ทางด้าน นายบุญเหลือ เจริญวัฒน์ รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้เทศบาลนครนครราชสีมา ได้ใช้น้ำดิบจากแม่น้ำมูลมาใช้ผลิตน้ำประปาให้ประชาชนในเขตเทศบาลฯ เป็นหลักทั้ง 88 ชุมชน และพื้นที่ติดต่อ เนื่องจากเขื่อนลำตะคองเหลือปริมาณน้ำน้อย พร้อมกันนี้ทางเทศบาลฯ ได้ทำหนังสือขออนุญาตทางชลประทานดำเนินการดึงน้ำดิบจากเขื่อนลำแชะ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา เพื่อมาช่วยใช้ในการผลิตน้ำประปาอีกวันละ 35,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของประชาชนในเขตเทศบาลฯ ที่มีความต้องการใช้น้ำวันละประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 มิ.ย. 2558

ชาวนาอ่างทองทุกข์หนัก ชลประทานลดการจ่ายน้ำทำนา​

​

ชาวนาอ่างทองทุกข์หนัก หลังชลประทานลดการจ่ายน้ำทำนา ที่ลงทุนทำไปแล้ว หวั่น น้ำไม่เพียงพอหล่อเลี้ยงต้นข้าว ส่วนที่ยังไม่ลงมือเพาะปลูก หวั่น ทำนาผวาน้ำหลาก หนี้สินรุงรัง

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 58 นางทัศนีย์ ทรงชอบ อายุ 57 ปี ชาวนาในทุ่งนาเทวราช อยู่บ้านเลขที่ 23/134 หมู่ 3 ตำบลเทวราช อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า หลังรัฐบาลได้ประกาศหยุดจ่ายน้ำในช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมา แล้วปล่อยน้ำให้ทำนาในช่วงเดือนพฤษภาคม ก็ได้ลงมือทำนาไปบางส่วน เนื่องจากน้ำในคลองชลประทานมีน้อย ลงทุนไปแล้ว ไร่ละประมาณ 4,000-5,000 บาท มีค่าเมล็ดข้าว ถ้าตีค่าปลูกข้าว ค่ายา เมื่อทราบว่าน้ำต้นทุนเหลือน้อย และให้ชะลอการทำนาออกไปในช่วงเดือนกรกฎาคม ถ้าลงมือในช่วงนั้น คงเก็บเกี่ยวไม่ทัน นาข้าวจะถูกน้ำท่วมตาย ถ้าเป็นอย่างนี้ 1 ปี ชาวนาไม่ได้ทำอะไรเลย ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีรายได้ค่าใช้จ่ายในครอบครัว และที่สำคัญจะต้องใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วจะไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้

นายสมชาติ ยิ้มละไม้ อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 5 ตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ตนทำนาจำนวน 80 ไร่ อยู่ในทุ่งนา ตำบลสายทอง ติดกับทุ่งนาตำบลหัวไผ่ และทุ่งนาตำบลโรงช้าง พื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่ เกษตรกรยังไม่ได้ลงมือทำนาเลย เนื่องจากไม่มีน้ำเพียงพอต่อการทำนา ตั้งแต่ เดือนมกราคม จนถึง เดือนมิถุนายน ชาวนาหลายรายเดือดร้อนมาก มีค่าใช้จ่ายต้องส่งลูกเรียน ต้องไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาใช้จ่าย ชาวนาบางส่วนที่จะไปทำการกู้ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้ไม่ได้ เนื่องจากวงเงินกู้เต็ม ไหนจะต้องส่งดอกเบี้ย และเงินต้นก็ยังไม่มีส่ง ทำให้กู้เงินในระบบไม่ได้ จึงหันไปพึ่งเงินนอกระบบ นำมาซึ่งความเดือดร้อนของชาวนา

ในตอนนี้ทางชลประทานประกาศ ลดการจ่ายน้ำ และชะลอการปลูกข้าว เนื่องจากน้ำต้นทุนมีน้อย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ถ้าเดือนมิถุนายนไม่ได้ทำนา ก็จะทำให้เกษตรกรในทุ่งสายทอง หัวไผ่ โรงช้าง จะไม่ได้ทำนาเลยตลอดปีนี้ ต้องเสียโอกาสในการสร้างรายได้ไป 1 ปี เนื่องจาก ถ้าทำการปลูกข้าวในเดือนกรกฎาคมนั้น จะมีความเสี่ยงในการเก็บเกี่ยวแล้วผลผลิตเสียหาย และคนที่เป็นหนี้ (ธ.ก.ส.) จะทำอย่างไร จึงอยากวิงวอนรัฐบาลให้ช่วยแก้ปัญหา ช่วยเหลือชาวนาที่เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน

นายชูศักดิ์ ชูวงษ์ อายุ 46 ปี ชาวนา บ้านเลขที่ 43/1 หมู่ 5 ตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก เปิดเผยว่า ตนทำนาจำนวน 30 ไร่ ในทุ่งสายทอง ปัจจุบันยังไม่ได้ลงมือทำนาเลย เนื่องจากประสบภัยแล้งขาดแคลนน้ำ และถ้าจะให้ทำนาในช่วงเดือนกรกฎาคม ก็คงไม่ทันเพราะน้ำท่วมนาแน่นอน ต้องเสียโอกาสในการทำนาไปตลอดปี ไหนจะเป็นหนี้ (ธ.ก.ส.) แล้วยังไม่มีเงินใช้ เนื่องจากไม่ได้ทำนา ค่าดอกเบี้ยก็ยังไม่มีจ่าย ในช่วงนี้ต้องช่วยเหลือตนเอง ปลูกผักหาเลี้ยงชีพสร้างรายได้โดยใช้น้ำจากบ่อบาดาล ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

ส่วน นายอัฐวุฒิ ทัศนุรักษ์ อายุ 40 ปี ชาวนาตำบลเทวราช อำเภอไชโย เปิดเผยว่า ทำนาจำนวน 30 ไร่ ลงทุนกว่า 40,000-50,000 บาท ได้ลงมือเพราะปลูกไปแล้ว ข้าวประมาณ 1 เดือน และเมื่อทราบว่าชลประทานลดการปล่อยน้ำทำนา ทำให้ตนเป็นกังวลอย่างมากเนื่องจากกลัวว่าจะไม่มีเงินใช้หนี้ (ธ.ก.ส.) หากน้ำน้อยขาดการหล่อเลี้ยงต้นข้าวมีหวังต้นข้าวยืนต้นตาย ขาดทุนอย่างแน่นนอน ที่ตนเองต้องรีบทำนา เนื่องจากทุ่งนาเทวราชนั้นเป็นแก้มลิง ทุ่งนารับน้ำหากทำนาล่าช้า มีหวังข้าวจมน้ำตายผลผลิตเสียหาย

ด้าน นายสมพิศ พูลสวัสดิ์ เกษตรกรจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า พื้นที่ทำนาในจังหวัดอ่างทอง มีประมาณ 370,000 ไร่ ตอนนี้ปลูกข้าวไปแล้ว 120,000 ไร่ พื้นที่ที่เกษตรกรปลูกข้าวไปแล้วในขณะนี้ที่คาดว่า จะได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง มีประมาณ 7,000 ไร่ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานถึงความเสียหาย แต่ถ้ามีน้ำทยอยจ่ายมา จะเป็นการช่วยลดความเสียหาย ส่วนพื้นที่ที่น่าเป็นห่วง คือ พื้นที่ลุ่ม เกษตรกรยังไม่ได้ทำนาในช่วงที่ผ่านมา ในช่วงนี้ชาวนาในที่ลุ่มยังไม่ได้ทำการปลูกข้าว ต่อไปนี้ไม่มีโอกาสที่จะปลูกข้าวทำนาแล้ว เนื่องจากประมาณเดือนกันยายน และเดือนตุลาคม น้ำจะหลากมาก็จะไม่ได้ทำนาในรอบนี้ ต้องรอในรอบหน้า โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในการทำนาล่าช้า แล้วเสี่ยงต่อน้ำหลากท่วมผลผลิตนั้น มีทุ่งนาในอำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอไชโย ตอนนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวนา และเกษตรกรทราบแล้วว่า น้ำต้นทุนในเขื่อนเหลือน้อยมาก ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล จึงทำให้แผนการจ่ายน้ำของกรมชลประทานต้องเปลี่ยนไป

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 มิ.ย. 2558

รู้ว่าแล้ง เกษตรกรนครสวรรค์ขอเสี่ยงทำนา แม้ข้าวอาจแห้งตาย​

​

ชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ดิ้นรนทำนา แม้เสี่ยงปัญหาข้าวตายแล้ง เผยทราบชลประทานประกาศลดการปล่อยน้ำ แต่จำเป็นต้องปลูกข้าวเพราะถ้าจะเก็บเกี่ยวไม่ทันฤดูน้ำหลาก หลังถ้าฝนตกบ้างก็อาจทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้...

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 มิ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์จำนวนมาก ยังคงสูบน้ำจากก้นคลองสาธารณะที่เหลืออยู่ เข้าสู่พื้นที่นาเพื่อเริ่มต้นฤดูการเพาะปลูกและทำนาอีกรอบ ถึงแม้ว่ากรมชลประทานประกาศให้เกษตรกรพื้นที่ลุ่มแม่น้ำ งดทำนาปรังในรอบที่สอง เนื่องจากมีการชะลอการระบายน้ำในเขื่อนทางภาคเหนือ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในการส่งน้ำให้กับเกษตรกรใช้สำหรับทำการเกษตร ชาวนาส่วนใหญ่อ้างเหตุผลว่าในเบื้องต้นได้มีการลงทุนทำนาไปแล้วบางส่วน ในขณะที่หากทำนาช้ากว่านี้จะไม่ทันเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูน้ำหลาก

นายสม รักซ้อน ชาวนาในพื้นที่ ม.8 ต.บางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า ตนเองทราบดีว่าทางกรมชลประทานประกาศให้งดทำนาปรัง แต่ก็ยังคงยืนยันที่จะทำนาต่อไป เนื่องจากหากไม่ทำนาก็ไม่รู้จะทำอะไร โดยการทำนาครั้งนี้ถึงแม้จะไม่มีน้ำจากคลองสาธารณะที่อาจจะแห้งขอดในโอกาสข้างหน้า แต่คิดว่าถ้าหากมีฝนตกลงมาบ้างก็จะสามารถทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตและสร้าง รายได้ให้กับครอบครัวได้.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 มิ.ย. 2558

เกษตรกรพะเยา เปลี่ยนกลยุทธ์ทำนาหยอดเมล็ดสู้ภัยแล้ง​

​

เกษตรกรผู้ปลูกข้าว บ้านสันป่าเป้า จ.พะเยา หนีภัยแล้ง เปลี่ยนรูปแบบการทำนาจากการดำมา เป็นหยอดเมล็ด เพราะใช้น้ำน้อยกว่า แถมลดต้นทุนการผลิต เพราะลดค่าแรง และเมล็ดพันธุ์ข้าว...

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 58 นายเพิก ไทยเหนือ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว บ้านสันป่าเป้า ม.10 ต.ดอกคำใต้ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ต้องประสบกับปัญหาภัยแล้ง รวมถึงพื้นที่นา แปลงที่ตนเองทำอยู่กว่า 24 ไร่ เป็นพื้นที่ปลายน้ำ ซึ่งกว่าน้ำจากแหล่งเก็บน้ำกว๊านพะเยา จะถูกปล่อยลงมาถึงที่นาของตนเองนั้น ก็แทบจะไม่เหลือน้ำเข้านา เนื่องจากถูกเจ้าของนาที่อยู่ทางต้น และกลางน้ำ สูบไปใช้เกือบหมด รวมถึงน้ำที่สูญเสียแห้งหายไปกับดินด้วย จึงมีแนวคิดเปลี่ยนวิธีการปลูกนาข้าวนาปี จากวิธีการดำนา (ใช้คนปลูก) มาเป็นการหยอดเมล็ดแทน โดยวิธีการหยอดข้าวดังกล่าว นอกจากจะใช้น้ำน้อยกว่าการดำนา และวิธีการหว่านแล้ว ยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตอีกด้วย

"เฉพาะปีที่ผ่านมา นา 24 ไร่ ที่ใช้วิธีการปลูกต้องใช้ต้นทุนการผลิตราว 1 แสนบาท หรือตกราวไร่ละ 4,000 บาทเศษ แต่วิธีการหยอด จะประหยัดเมล็ดพันธุ์ และค่าจ้างแรงงานลดลงเหลือราว 70,000 บาทเท่านั้น หรือเฉลี่ยไร่ละ ราว 3,000 บาท ซึ่งวิธีการหยอดข้าวดังกล่าว ตนเองทำเป็นครั้งแรก และในละแวกนี้ ตนเองถือเป็นเจ้าแรก ที่นำร่องทำแบบนี้ เพราะที่เหลือ ร้อยละ 80 ใช้วิธีการหว่านข้าว แต่จะประสบปัญหากับการกำจัดวัชพืช ไม่เหมือนการวิธีการหยอดข้าว ที่สามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้ง่ายกว่า โดยตนเองเชื่อว่าวิธีการหยอดเมล็ดนี้ จะสามารถลดต้นทุนการผลิต และสู้กับภัยแล้งได้แน่นอน" เกษตรกรผู้ปลูกข้าว บ้านสันป่าเป้า กล่าว

ด้าน นายปาโมกข์ ปิงเมือง หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำ และปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานพะเยา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพะเยาว่า ปริมาณน้ำในแหล่งเก็บน้ำในจังหวัดพะเยา ขณะนี้ มีทั้งสิ้นประมาณ 71 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 53 ลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยเมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันมีปริมาณน้ำราว 78 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 58 ถึงแม้ทางจังหวัดไม่มีการประกาศภัยแล้ง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้มีการเตรียมแผนรับมือทั้งระบบ มีการวางแผนการใช้น้ำ การประชุมแกนนำกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการกว่า 1.39 ล้านไร่ เพื่อจัดสรรน้ำให้เพียงพอ และเหมาะสมกับทุกพื้นที่ ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ปริมาณน้ำกว่า 71 ล้านลูกบาศก์เมตร กับการบริหารจัดการน้ำที่วางไว้ ก็จะไม่มีปัญหา หรือผลกระทบจากภัยแล้งเกิดขึ้น แต่หากฝนเกิดทิ้งช่วง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดปัญหาอย่างแน่นอน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 มิ.ย. 2558

วิกฤติประปาคนกรุง น้ำเค็มทำรสกร่อย วอนประหยัดใช้​

​

วิกฤติประปาคนกรุง น้ำเค็มทำรสกร่อย วอนประหยัดใช้

นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการการประปานครหลวง กปน. เผยว่า ปัญหาภัยแล้งปีนี้วิกฤติมากกว่าทุกปี นอกจากปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก ทั้งเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์จะมีน้อยมากแล้ว ยังประสบกับฝนยังไม่ตกต้องตามฤดูกาล และน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปี จนกรมชลประทานต้องออกประกาศเตือนเกษตรกรให้ชะลอการทำนาปี ทั้งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งไม่เพียงแต่จะกระทบภาคการเกษตรเท่านั้น น้ำ เพื่อการผลิตน้ำประปาสำหรับประชาชนทั่วไปและภาคอุตสาหกรรมก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแหล่งน้ำดิบหลักเพื่อผลิตน้ำประปาของ กปน. สำหรับประชาชนมากกว่า 10ล้านคน

นายธนศักดิ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กปน. ได้ตั้ง “ศูนย์อำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์น้ำและคุณภาพน้ำ” เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยมีมาตรการรองรับสถานการณ์คือ ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา เริ่มลดกำลังการผลิตและจ่ายน้ำประปาลงเฉพาะโรงงานผลิตน้ำบางเขน ซึ่งรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ลดลงจาก 3.9 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เหลือ 3.6 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ส่งผลให้น้ำประปาไหลอ่อนลงกว่าเดิมในบางช่วงเวลา ส่วนโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ซึ่งรับน้ำดิบจากเขื่อนแม่กลอง จ.กาญจนบุรี ยังคงผลิตน้ำประปาตามปกติ ประมาณ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ขณะนี้กรมชลประทานได้ลดการระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงทำให้น้ำไม่พอผลักดันน้ำเค็ม แต่เพื่อช่วยยืดระยะ เวลาให้มีน้ำใช้จนกว่าฝนจะมา จึงอาจส่งผลให้น้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปา บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล อ.เมืองปทุมธานี มีค่าความเค็มสูงกว่ามาตรฐาน คือ 0.25 กรัม/ลิตร (ค่าความเค็มในน้ำดิบที่สามารถรับรู้รสกร่อยได้ คือ 0.5 กรัม/ลิตรขึ้นไป) อย่างไรก็ตาม เมื่อผลิตเป็นน้ำประปาจะดูจากค่าความนำไฟฟ้า ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำด้วยตนเอง ผ่าน twqonline.mwa.co.th แสดงข้อมูลคุณภาพ น้ำแบบเรียลไทม์ ทั้งค่าคลอรีนอิสระคงเหลือ ค่า ความขุ่น ค่าความนำไฟฟ้า ค่าความเค็มและค่าความ เป็นกรด-ด่าง หากค่าความนำไฟฟ้าในน้ำประปาสูงถึง 700 หน่วย กปน.จะประกาศแจ้งเตือนประชาชน ให้เริ่มสำรองน้ำประปาไว้สำหรับดื่ม โดยสำรองไว้อย่างน้อยครัวเรือนละ 60 ลิตร ก็จะเพียงพอต่อการบริโภค (ทั้งนี้ ประชาชนจะรับรู้รสน้ำประปากร่อย เมื่อค่าความนำไฟฟ้าสูงถึง 1,200 หน่วยขึ้นไป)

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 17 มิ.ย. 2558

พะเยา ไข้เลือดออกเริ่มระบาด พบผู้ป่วยแล้วกว่า 60 ราย​

​

พะเยา โรคไข้เลือดออก ระบาดหนัก พบผู้ป่วยแล้วกว่า 60 ราย ขณะที่ อ.ดอกคำใต้ พบผู้ป่วยมากที่สุด นอน รพ.แล้ว จำนวน 30 ราย สสจ.เร่งเปิดศูนย์ฯ ป้องกัน-ติดตามการแพร่ระบาดแบบครบวงจร ...

วันที่ 17 มิ.ย. 58 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา เปิดศูนย์ ป้องกันไข้เลือดออกเพื่อติดตามระวังการแพร่ระบาด หลังไข้เลือดออก เริ่มระบาดทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่จังหวัดพะเยา พบแล้วกว่า 60 ราย อ.ดอกคำใต้ มากสุด แอดมิด รพ. 30 ราย โดยโรงพยาบาลหลายแห่งเริ่มออกมาชี้แจงกับชาวบ้านให้ทราบถึงแนวทางป้องกันไข้เลือดออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกัน โรงพยาบาล ได้ร่วมกันออกประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องไข้เลือดออก ให้กับผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลดอกคำใต้ เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการป้องกันไข้เลือดออก หลังภาวะไข้เลือดออก เริ่มระบาดเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่นายแพทย์ ขจร วินัยพาณิชย์ นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดพะเยา ระบุว่า ตอนนี้ทางสาธารณสุขพะเยา ได้เปิดศูนย์ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา และติดตามการแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออก อย่างครบวงจร โดยขณะนี้สถานการณ์ไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดพะเยา พบว่า พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของไข้เลือดออกมากที่สุด คือ อำเภอดอกคำใต้ พบผู้ป่วยแล้วจำนวน กว่า 30 ราย จากผู้ป่วยทั้งหมด 60 รายที่พบ

นอกจากนั้น นายแพทย์สาธารณสุข ยังระบุอีกว่า การแพร่ระบาดของไข้เลือดออกในปีนี้ พบว่า มีอัตราผู้ป่วย เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า จำนวนผู้ป่วยปีนี้มากกว่าปีก่อน และมากกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปี ย้อนหลัง ซึ่งมาตรการการดำเนินการของสาธารณสุขจังหวัดพะเยา จะได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลการจัดการในพื้นที่ระบาดของโรค ให้สามารถควบคุมโรคให้สงบอย่างรวดเร็ว และควบคุมการระบาด ไม่ให้เกิดโรคในพื้นที่ใหม่ และได้เปิด war room เพื่อกำกับ ติดตามและรับฟังผลการควบคุมโรค ในพื้นที่ตำบลที่เกิดโรคและควบคุมไม่ได้ และพื้นที่เกิดโรคใหม่

สำหรับการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดพะเยา พบว่า มีอัตราผู้ป่วย ที่พบแล้วในพื้นที่จังหวัดพะเยา จำนวน 60 ราย โดยในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ จำนวน 25 ราย อำเภอเชียงคำ 15 ราย อำเภอจุน 10 ราย อำเภอปง 5 ราย อำเภอแม่ใจ 3 ราย อำเภอเมือง 2 ราย และอำเภอที่ไม่พบไข้เลือดออกจำนวน 3 อำเภอ คือ อำเภอเชียยงม่วน อำเภอภูกามยาว อำเภอภูซาง

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 มิ.ย. 2558

ฝนตกทั่วฟ้าเมืองไทย ใต้ฝั่งอันดามันตกหนัก คลื่นสูงกว่า 3 เมตร​

​

ฝนตกทั่วฟ้าเมืองไทยตั้งแต่เช้า ทั้งฝั่งตะวันตก และตะวันออก พร้อมฟ้าร้องฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกในฝั่งตะวันตก เตือนภาคใต้ฝนตกหนัก ช่วง 17-21 มิ.ย. ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2-3 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง...

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ The Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศเช้านี้ ว่า กระแสลมทั้ง 2 ทิศทาง ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่องพัดเข้าสู่ประเทศไทย ทั้งในฝั่งตะวันตกของประเทศ ภาคกลางตอนล่าง ฝั่งตะวันออก รวมถึงภาคอีสาน โดยตั้งแต่ช่วง 19.00 น. ของวันนี้ กระแสลมจะเริ่มเข้ามาปะทะกันจะทำให้ไอน้ำมีการยกตัว ก่อตัวกลายเป็นเมฆฝนฟ้าคะนอง พร้อม ฟ้าร้องฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง รวมถึงมีโอกาสเกิดลูกเห็บ ในฝั่งตะวันตกของประเทศ

ทั้งนี้ จากอิทธิพลของกระแสลมดังกล่าว ทำให้มีการก่อตัวของกลุ่มฝนกลุ่มใหญ่ที่ตกหนักถึงหนักมาก บริเวณอ่าวเมาะตะมะ และมีทิศทางค่อยเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศเมียนมา ทางทิศใต้ และคาดว่ากลุ่มฝนจะค่อยๆ เข้าสู่ฝั่งตะวันตกของไทย ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ และจะตกลากยาวไปถึงช่วงเช้าวันพฤหัสบดี โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตกบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และกระบี่ โดยประชาชนในบริเวณดังกล่าวต้องระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ โดยเฉพาะช่วงวันที่ 17-21 มิ.ย. 2558 บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

สำหรับการคาดการณ์ปริมาณฝนวันนี้ที่จะตกในตอนบนถึงตอนกลางของประเทศ พบว่า เริ่มมีการตกมาตั้งแต่ในช่วงเช้า และขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นในช่วงสาย ซึ่งเป็นกลุ่มฝนที่จะตกปานกลางถึงหนักมากครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง รวมถึงมีการตกเล็กน้อยถึงปานกลางในบริเวณภาคเหนือ ที่จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ภาคอีสานที่ เลย หนองคาย อุดรธานี สกลนคร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ช่วงเที่ยงกลุ่มฝนยังคงตกในบริเวณภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง แต่จะตกเพิ่มบริเวณฝั่งตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ยาวลงไปยังตอนใต้ ช่วงบ่ายบริเวณภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่างยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และจะมีตกหนักขึ้นทางฝั่งตะวันตกของประเทศ

ส่วนช่วงเย็นฝนจะไปเทเป็นแนวยาวบริเวณฝั่งตะวันตก ไล่ตั้งแต่แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และบริเวณภาคกลางตอนบน บริเวณจังหวัด กำแพงเพชร อุทัยธานี นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ เลยเข้าไปยังภาคอีสานที่ ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี และยังคงตกเล็กน้อยบริเวณภาคกลางตอนล่าง และช่วงค่ำกลุ่มฝนจะกระจายตัวน้อยลงไปอยู่ในบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานบางจุดเท่านั้น

ขณะที่สถานการณ์ฝนภาคใต้วันนี้ กลุ่มฝนจะเริ่มก่อตัวบางๆ ในช่วงสายที่บริเวณภาคใต้ตอนล่าง และในช่วงเที่ยงจะเริ่มมีกลุ่มฝนตกเพิ่มขึ้นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนช่วงบ่ายจะไปตกที่สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่ ก่อนที่ช่วงเย็นจะกลับไปตกที่ประจวบคีรีขันธ์ และตกเพิ่มในจังหวัดระนอง และช่วงค่ำยังคงต้องเล็กน้อยบริเวณตอนบนของภาค

สภาพอากาศในแต่ละภูมิภาค

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

ภาคอีสาน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณจังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป วันนี้มีโอกาสเกิดฝนร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 มิ.ย. 2558

ที่มา Property Perfect - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เซี่ยงไฮ้น้ำท่วมจากฝนตกหนัก กระทบจราจรทางบกและทางอากาศ​

​

เซี่ยงไฮ้ 17 มิ.ย.- ฝนที่ตกหนักมาตั้งแต่วันจันทร์ทำให้น้ำท่วมถนนหนทางในนครเซี่ยงไฮ้ของจีน กระทบต่อการจราจรทั้งทางบกและทางอากาศ

สำนักงานอุตุนิยมวิทยานครเซี่ยงไฮ้แจ้งว่า หลายพื้นที่มีฝนตก 200 มิลลิเมตร ตั้งแต่คืนวันอังคาร บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงกว่า 30 เซนติเมตร ยวดยานจอดเสียกลางถนน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งส่งทีมฉุกเฉินไปช่วยเหลือตามสี่แยกใหญ่ ๆ ทั่วเมือง ด้านการท่าอากาศยานนครเซี่ยงไฮ้แจ้งว่า ฝนที่ตกหนักทำให้เที่ยวบินร้อยละ 30 ยกเลิกหรือล่าช้า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนภัยพายุฝนและว่าจะมีฝนตกในฤดูมรสุมต่อไปอีกหลายวัน.-สำนักข่าวไทย

ปีนี้สิงคโปร์มีคนเป็นโรคมือเท้าปากเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50​

​

สิงคโปร์ 17 มิ.ย.- ทางการสิงคโปร์แจ้งว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนมิถุนายน มีผู้เป็นโรคมือเท้าปากเกิน 14,000 คนแล้ว เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่แพทย์ชี้ว่าไม่ต้องกังวลเนื่องจากส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์ที่ไม่ร้ายแรง

สถานีโทรทัศน์แชนแนลนิวส์เอเชียของสิงคโปร์อ้างโฆษกกระทรวงสาธารณสุขว่า โรคมือเท้าปากเป็นโรคพบบ่อยในเด็กที่เป็นโรคประจำถิ่นในสิงคโปร์ จำนวนผู้ป่วยจึงเพิ่มขึ้นได้เป็นครั้งคราว สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในปีนี้คือ ค็อกแซกกีเอ ซึ่งไม่ทำให้ป่วยร้ายแรง และในช่วง 3 ปีมานี้ ไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคมือเท้าปากที่มีอาการหนักหรือเสียชีวิต

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 13 มิถุนายนได้รับรายงานผู้ป่วยแล้ว 14,237 คน เพิ่มขึ้นจาก 9,684 คน เมื่อเดือนมกราคมถึงวันที่ 7 มิถุนายนปีก่อน ร้อยละ 72 ของผู้ป่วยปีนี้อายุต่ำกว่า 7 ขวบ โฆษกกล่าวว่า สิ่งสำคัญในการควบคุมโรคระบาด เช่น โรคปากเท้าปาก คือ ตรวจพบแต่เนิ่น ๆ แยกกักโรคผู้ป่วย รักษาสุขอนามัยส่วนตัวและสภาพแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้รายงานผู้เสียชีวิตจากไวรัสเมอร์สรายที่ 20​

​

โซล 17 มิ.ย. – กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้รายงานวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือเมอร์สเพิ่มขึ้นอีก 1 รายทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในเกาหลีใต้รวมทั้งหมดเป็น 20 รายแล้ว

กระทรวงสาธาณสุขเกาหลีใต้กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นสตรีวัย 54 ปี ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสนี้เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา เธอเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ นอกจากนั้นยังมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 8 ราย และการติดเชื้อเกือบทั้งหมดจนถึงขณะนี้จำกัดอยู่แต่ภายในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ผู้ที่พบว่าติดเชื้อรายใหม่หลายคนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกกักโรคเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ

บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ดองอา อิลโบโจมตีการทำงานของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ประเมินความรุนแรงของโรคอย่างไม่เป็นจริง สิ่งที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวในทางที่ดีและการคาดหมายต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและก็เกิดความสงสัยว่ารัฐมนตรีสาธารณสุขสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้ได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย

เตือนมนุษย์ทำให้น้ำใต้ดินทั่วโลกแห้งเหือดอย่างรวดเร็ว​

​

วอชิงตัน 17 มิ.ย.- ผลการศึกษาใหม่ 2 ชิ้นเตือนว่า กิจกรรมของมนุษย์ทำให้แหล่งน้ำใต้ดินของโลกแห้งเหือดอย่างรวดเร็วราว 1 ใน 3 และไม่แน่ชัดว่ายังเหลือน้ำใต้ดินอยู่ปริมาณเท่าใด

ผลการศึกษาที่จะเผยแพร่ในวารสารการวิจัยทรัพยากรน้ำและมีการเผยแพร่ออนไลน์แล้วเตือนว่า มนุษย์สูบน้ำใต้ดินไปใช้อย่างมากมายโดยไม่รู้ตัวว่าจะหมดลงเมื่อใด เพราะวิธีการทางกายภาพและทางเคมีที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถตรวจวัดได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีความร่วมมือระดับโลกในการตรวจวัดว่าแหล่งน้ำใต้ดินของโลกยังเหลืออยู่ปริมาณเท่าใด คณะนักวิทยาศาสตร์ได้นำข้อมูลจากเครือข่ายดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) มาตรวจวัดปริมาณน้ำใต้ดินที่เหือดแห้งไป และได้ผลการศึกษา 2 ฉบับ

ผลการศึกษาฉบับแรกมุ่งไปที่แหล่งน้ำใต้ดินใหญ่ที่สุดในโลก 37 แห่งเปรียบเทียบข้อมูลตั้งแต่ปี 2546-2556 พบว่ามี 8 แห่งที่อยู่ในภาวะตึงตัวเกินไปคือถูกสูบจนธรรมชาติแทบไม่สามารถเติมน้ำส่วนที่ขาดหายไปได้ แห่งที่รุนแรงที่สุดคือ แหล่งน้ำใต้ดินบนคาบสมุทรอาหรับที่หล่อเลี้ยงคนมากกว่า 60 ล้านคน รองลงไปคือ แหล่งน้ำใต้ดินสินธุทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียและปากีสถาน ตามด้วยแหล่งน้ำใต้ดินในแอฟริกาเหนือ นอกจากนี้ยังมี 5 แห่งที่อยู่ในภาวะตึงตัวสูงหรือรุนแรง หนึ่งในนั้นคือเซ็นทรัลแวลลีย์ในรัฐแคลิฟอร์เนียที่กำลังเผชิญภาวะแห้งแล้งอยู่ในขณะนี้

ส่วนผลการศึกษาฉบับที่สองได้ข้อสรุปว่า ไม่สามารถทราบได้อย่างแน่ชัดว่า แหล่งน้ำใต้ดินที่ใช้ได้ทั่วโลกมีปริมาณน้ำเหลืออยู่เท่าใด โดยอาจใช้ได้เพียงไม่กี่ทศวรรษหรือนานเป็นหลายล้านปี ดังนั้นท่ามกลางภาวะที่ทรัพยากรน้ำกำลังขาดแคลนเช่นในปัจจุบัน โลกจะต้องตระหนักถึงความไม่แน่นอนนี้ โดยเฉพาะเรื่องน้ำใต้ดินถูกสูบไปใช้จนแห้งเหือดอย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย

เสือที่หลุดจากน้ำท่วมสวนสัตว์จอร์เจียทำร้ายคนตาย​

​

ทบิลิซี 17 มิ.ย.- โฆษกกระทรวงมหาดไทยจอร์เจียแจ้งว่า เสือตัวหนึ่งที่หลุดจากสวนสัตว์ในกรุงทบิลิซี ซึ่งถูกน้ำท่วมเมื่อวันอาทิตย์ได้ทำร้ายชายคนหนึ่งเสียชีวิตบริเวณจัตุรัสใจกลางเมืองในวันนี้ และถูกหน่วยพิเศษกำจัดทิ้ง

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้สถานีโทรทัศน์ฟังว่า เห็นชายคนหนึ่งกำลังถูกเสือขาวตัวใหญ่ขย้ำที่คอ สื่อในจอร์เจียรายงานว่า เสือตัวนี้หลบอยู่ในโกดังจึงเล็ดลอดจากการตามล่าของเจ้าหน้าที่ ฝนที่ตกหนักทำให้น้ำในแม่น้ำเอ่อล้นฝั่งท่วมกรุงทบิลิซี รวมถึงสวนสัตว์ มีทั้งสัตว์ที่จมน้ำตายและสัตว์ที่หลุดรอดออกมาอย่างสิงโต เสือ หมี ฮิปโป ทางการประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ต่อมานายกรัฐมนตรีแจ้งเมื่อวันจันทร์ว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับเป็นหรือจับตายสัตว์ทั้งหมดได้แล้ว รายงานระบุว่า สัตว์ประมาณ 300 ตัว คิดเป็นกว่าครึ่งของสวนสัตว์ จมน้ำโคลนตายหรือถูกเจ้าหน้าที่ยิงทิ้ง ส่วนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมมีทั้งหมด 17 คน.-สำนักข่าวไทย

อากาศสะอาดจะช่วยชีวิตคนทั่วโลกได้ปีละ 2 ล้านคน​

​

วอชิงตัน 17 มิ.ย.- ผลการศึกษาของนักวิชาการในสหรัฐพบว่า การทำให้อากาศทั่วโลกสะอาดขึ้นจะช่วยชีวิตคนได้ปีละ 2 ล้านคนครอบคลุมทั้งประเทศที่มีมลภาวะสูงและมลภาวะต่ำ

ผลการศึกษาพบว่า หากประเทศที่มีมลภาวะทางอากาศสูงอย่างจีน อินเดีย รัสเซีย ทำให้อากาศสะอาดได้ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกคือ มีฝุ่นละอองไม่ถึง 10 ไมโครกรัมต่ออากาศ 1 ลิตร จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ถึงปีละ 1.4 ล้านคน เช่นเดียวกับประเทศที่มีมลภาวะทางอากาศต่ำ หากทำให้อากาศสะอาดได้ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก ก็จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้ปีละกว่า 500,000 คน

องค์การอนามัยโลกระบุว่า มลภาวะทางอากาศทำให้คนเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ปีละ 3.2 ล้านคน ผลการศึกษาเน้นไปที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมอง และโรคปอด ฝุ่นเหล่านี้เกิดจากการเผาถ่านหินในโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน ไอเสียรถยนต์ การเผาไหม้จากภาคอุตสาหกรรม ไฟป่า การหุงหาอาหารและการทำความร้อนในบ้านเรือน คณะนักวิชาการเผยว่า กำลังศึกษาว่าแต่ละพื้นที่ของโลกจะต้องทำให้อากาศสะอาดมากขึ้นเท่าใดจึงจะสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากฝุ่นละอองลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดยุทธศาสตร์การดูแลสุขภาพประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

หนี้ครัวเรือนสูง...เศรษฐกิจป่วยเรื้อรัง?​

เผยแพร่เมื่อ 10 เม.ย. 2015
ขยายข่าว (10/4/2558) หนี้ครัวเรือนสูง...เศรษฐกิจป่วยเรื้อรัง?​

 

"สหรัฐ" เปิดศึก 2 ด้าน​

เผยแพร่เมื่อ 4 มิ.ย. 2015​

 

"สหรัฐ" ปิดล้อม "จีน" ในทะเลจีนใต้​

เผยแพร่เมื่อ 7 มิ.ย. 2015​

 

นโยบายเชิงรุก "จีน"​

เผยแพร่เมื่อ 8 มิ.ย. 2015​

 

จีน-สหรัฐ จะก่อสงครามรอบใหม่?​

เผยแพร่เมื่อ 27 พ.ค. 2015​

 

นิมิตเห็นภาพภูเขาไฟระเบิดแดงฉาน​

06:49 18 มิ.ย. 58 สวัสดี

06:53 นิมิต ติดเช้า เล่ามา ลาวา ไหลนอง แผ่นดิน เตรียมจิต เตรียมตัว ทั่วถิ่น มีกิน มีใช้ ไม่อด

06:56 นิมิตเช้านี้ ได้ขึ้นรถตู้ของพี่ชาย มองไปที่กระจกหน้าต่างเห็นภาพภูเขาไฟระเบิดแดงฉาน

06:54 17 มิ.ย. 58 สวัสดี

06:57 นิมิตเช้า เรื่องเก่าๆไม่เลิกกันสักที เห็นหญิงคนหนึ่งเล็งอาวุธปืนร้ายแรงอันเบ่อเริ่มเทิ่มแต่ถอดหัวเหล็กออก แสดงว่าแค่ข่มขู่สร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดให้อีกฝ่ายว่าเป็นคนทำ

เทพบดี ๙๗

ที่มา แจ้งข่าวเตือนภัยที่อีเมล์จากคุณ k_97

 

อันตรายจากอาหารสำเร็จรูป​

เผยแพร่เมื่อ 9 ก.พ. 2014​

 

ครัวคุณต๋อย น้ำเต้าหู้ ร้านตี๋อ้วน ป ปลา​

เผยแพร่เมื่อ 6 พ.ค. 2014​

 

ครัวคุณต๋อย ปาท่องโก๋ ร้านปาท่องโก๋เสวย​

เผยแพร่เมื่อ 3 มี.ค. 2014​

 

โก๋ป๊ะคะ ปาท่องโก๋ยุคใหม่ 7 รสชาติ​

เผยแพร่เมื่อ 22 ม.ค. 2015​

 

ครัวคุณต๋อย กล้วยทอด ร้านกล้วยทอด เจ๊ณีย์​

เผยแพร่เมื่อ 2 มิ.ย. 2015​

 

ครัวคุณต๋อย ขนมกุยช่าย ร้านกุยช่าย เจ๊หงอ​

เผยแพร่เมื่อ 25 ส.ค. 2014​

 

ครัวคุณต๋อย กินเจให้สุขภาพดี ผัดหมี่ซั่วเจ​

เผยแพร่เมื่อ 5 ต.ค. 2013​

 

ครัวคุณต๋อย สอนทำต้มจับฉ่าย ร้านครัวป้าพัน​

เผยแพร่เมื่อ 22 พ.ค. 2014​

 

ครัวคุณต๋อย ข้าวยำสมุนไพร ร้านครัวป้าพัน​

เผยแพร่เมื่อ 8 พ.ค. 2014​

 

มหัศจรรย์ข้าวกล้องไทย​

อัปโหลดเมื่อ 24 มี.ค. 2009​

 

อาหารออร์แกนิก(อาหารปลอดสารพิษ)​

อัปโหลดเมื่อ 15 มิ.ย. 2009​

 

เคล็ดไม่ลับ วิธีหุงข้าวกล้องให้นุ่ม ได้ทั้งอร่อยและประโยชน์​

​

ถ้าจะพูดถึงข้าวคนส่วนมากชอบรับประทานขาวสวยนุ่มๆกัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั่นเช่นกัน ถ้าจะพูดถึงข้าวชนิดหนึ่ง ที่เป็นข้าวที่มีประโยขน์ ข้าวกล้อง นั้นถึอว่ามีประโยชน์มากเลยทีเดียว ข้าวกล้องเป็นข้าว ที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด เนื่องจากเป็นข้าว ที่ผ่านการกระเทาะเปลือกออกเพียงครั้งเดียว ทำให้จมูกข้าวและรำข้าวซึ่งเป็น ส่วนที่อุดมไปด้วยวิตามินยังติดอยู่

ข้าวกล้องนั้นจะมีสีน้ำตาลส่วนความเข้มอ่อน นั้นจะแตกต่างกันไปตามพันธุ์ข้าว พื้นที่ที่ใช้ในการปลูก และกระบวนการผลิตสาเหตุที่ข้าวกล้อง ยังได้รับควาามนิยมไม่มากเท่าที่ควร นั้นเนื่องมาจาก เวลาที่ข้าวกล้องสุกแล้ว จะมีความแข็งมากกว่าข้าวขาว วิธีหุงข้าวกล้องให้ นุ่มน่ารับประทาน นั้นไม่ยากเลย

เพียงต้องนำ ข้าวกล้องใส่หม้อ แช่น้ำไว้ประมาณ 30-60 นาที ค่อยนำไปหุง โดยอัตราส่วนในการหุง ใช้ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน หรืออาจใช้วิธีใส่ข้าวขาวขัดผสมลงไปในอัตราส่วน 1 ต่อ 4 ทั้ง 2 วิธีนี้ จะทำให้เราหุงข้าวกล้อง ได้นุ่มน่ากินมากขึ้น

ที่มา เคล็ดไม่ลับ หุงข้าวกล้องให้นุ่ม ได้ทั้งอร่อยและประโยชน์