เกาหลีใต้ถกเครียด เหตุ EV ลุกไหม้ ทำวอดวายทั้งลานจอดรถ 140 คัน! พยายามเร่งกู้ศรัทธา หลังคนแหยง EV!
ขณะนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ประชุมด่วน จะมีมาตรการรองรับความปลอดภัยยังไง --- ปัจจุบันประชาชนอกสั่นขวัญแขวนกันหมดแล้ว
ย้อนกลับไปไม่กี่วันก่อน เกิดเหตุสยอง ... รถ EV ยี่ห้อยุโรปในลานจอดรถชั้นใต้ดิน ณ อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองอินชอน จู่ๆ พลันเกิดไฟลุก แล้วมันลามเผาไปถึง 140 คัน เหลือแต่ซาก
ใช้เวลา 8 ชั่วโมงกว่าจะดับสนิท
(ดีที่ว่าอพยพคนทัน ไม่มีใครเป็นอะไร)
คงไม่มานั่งชำแหละความแตกต่างของ EV กับรถน้ำมันดั้งเดิมแล้วล่ะครับท่าน อันไหนไฟติดง่าย ไฟติดนาน ...
รัฐบาลเกาหลีใต้เสาะหาทางออก รึว่ายี่ห้อรถควรจะต้องระบุมาด้วยว่าใช้แบตเตอรี่ EV ยี่ห้อไหน
หรือว่าต้องมีกฎหมายอะไรใหม่ไหม
(พรุ่งนี้ รัฐบาลจะไปหารือกับบรรดาบริษัทรถต่อ ทั้งของเกาหลีใต้เอง และยี่ห้อต่างชาติ)
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าการรู้ว่าแบตเตอรี่ยี่ห้อไหนจะช่วยป้องกันเหตุร้ายได้เท่าไร
ระดับนี้ แบตเตอรี่คงไม่มั่วอยู่แล้ว
ประเด็น EV กับความปลอดภัย ยังเป็นที่จับตาต่อไป ...
https://www.reuters.com/business/au...eting-ev-fires-stir-consumer-fear-2024-08-12/
https://www.facebook.com/share/p/3G4f2LPLENvoHgFU/?mibextid=oFDknk
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 11157 ของ 11171
-
-
Aug 13, 2024 ต้องอย่างนี้! รัฐบาลอินโดนีเซียขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนกระฉูดสูงถึง 200% ตอบโต้จีนแข่งขันค้าขายแข่งขันไม่เป็นธรรม อุตสาหกรรมสิ่งทอในอินโดนีเซียเสียหาย ปิดโรงงาน ปลดคนกว่า 13,000 คน
รัฐบาลประเทศอินโดนีเซียได้ประกาศมาตรการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าระหว่าง 100% - 200% บังคับใช้กับสินค้าสิ่งทอ ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ อินโดนีเซีย กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นการปกป้องอุตสาหกรรมสิ่งทอภายในประเทศอินโดนีเซียจากการแข่งขันและการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตสินค้าสิ่งทอที่ล้นความต้องการของตลาด และผลิตมาเกินกำลังผลิตแท้จริงจากประเทศจีน สถานการณ์สินค้าสิ่งทอราคาถูกจากประเทศจีนทำให้เกิดการนำเข้าล้นทะลัก กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศอย่างมากมาย ทำให้โรงงานสิ่งทอในอินโดนีเซียต้องปิดตัว และปลดแรงงานออกเป็นจำนวนมากกว่า 13,000 คน
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวทำให้เกิดปฏิกิริยาหลากหลาย และก่อให้เกิดคำถามที่เกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการทูตระหว่างประเทศ
สมาคมสิ่งทอแห่งอินโดนีเซีย (API) เปิดเผยว่า รัฐบาลอินโดนีเซียดำเนินมาตรการเก็บภาษีสูงขึ้นกับสิ่งทอจากจีน ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการแทรกแซงของรัฐบาล แต่คำถามเกิดขึ้นว่า อัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่สูงถึง 200% นั้น เป็นอัตราที่สูงมากและเหมาะสมหรือไม่
ด้านรัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุน กล่าวว่า มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้ เป็นการป้องกันในวงกว้างมากขึ้นซึ่งไม่เพียงคุ้มครองอุตสาหกรรมต่างๆ ภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังป้องกันอุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับแรงงานจำนวนมาก
#อินโดนีเซีย #สิ่งทอ #ภาษี #ภาษีนำเข้า #ปิดโรงงาน #ปลดพนักงาน #เศรษฐกิจ #BTimes
https://www.facebook.com/share/p/PSy2QaK5zokmYTHj/?mibextid=oFDknk -
Aug 13, 2024 แบงก์ทองคำ! สปป.ลาวตั้งธนาคารทองคำครั้งแรกในประเทศ หวัง 3 แก้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้เงินเฟ้อสุดโต่งในชาติอาเซียน แก้เงินกีบอ่อนค่าตกต่ำเรื้อรัง
นายสันติภาพ พรมวิหาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของลาว และนายจันทอน สิทธิไซ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง จำกัด ทั้ง 2 ร่วมลงนามข้อตกลงก่อตั้งสถาบันการเงินมีชื่อว่า ธนาคารทองคำลาว หรือ Lao Bullion Bank ซึ่งธนาคารทองคำลาวจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการเพิ่มความมีเสถียรภาพทางการเงินในประเทศ แก้ไขปัญหาค่าเงินกีบที่ร่วงอ่อนค่าลงอย่างหนักและต่อเนื่องมานาน นอกจากนี้ เป็นสร้างมาตรฐานการซื้อขายและการลงทุนทองคำในประเทศสปป.ลาว เพื่อดึงดูดผู้ที่สนใจหรือนักลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญเป็นการอำนวยความสะดวกในการระดมทุน และปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงินภายในประเทศสปป.ลาว เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสันติภาพ พมวิหาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สปป.ลาว กล่าวว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า และมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจและในการสร้างความเชื่อมั่นในภาคการเงินและสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจเชิงสังคม ถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ราคาสินค้า อัตราเงินเฟ้อ และปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ของเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
สปป.ลาว เป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตทองคำแท่งในโลก สามารถขุดและผลิตทองคำอยู่ในเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มอาเซียน และเป็นอันดับ 6 ในเอเชีย ปัจจุบันนี้ สปป.ลาวมีสายแร่ทองคำที่ยังไม่ได้ถูกขุดค้นราว 500-1,000 ตัน หากได้รับการรับรองคุณภาพจากนานาชาติ สปป.ลาว จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคลังสำรองทองคำของสปป.ลาวได้ถึง 50,000 ถึง 76,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.8-2.7 ล้านล้านบาท
รัฐมนตรีคลัง สปป.ลาว กล่าวต่อไปว่าเศรษฐกิจของสปป.ลาว เป็นเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้ามากและต่อเนื่อง นับตั้งแต่วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เป็นต้นมา สปป.ลาว เผชิญกับความยากลำบาก และความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ และการเงินโลก โดยเฉพาะความไม่แน่นอนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ การตั้งธนาคารทองคำลาวเป็นครั้งแรกในประเทศครั้งนี้ จะช่วยสร้างมาตรฐานให้ตลาดการซื้อขายและลงทุนทองคำของลาวมีมาตรฐานเทียบเท่าตลาดระดับภูมิภาคและระดับโลก
ทั้งนี้ นายจันทอน สิดทิไซ ประธานและผู้ก่อตั้งพีทีแอล โฮลดิ้ง กล่าวว่า ธนาคารทองคำลาว จะเปิดดำเนินการระยะแรกในเดือนกันยายน 2024 และจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 100% ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2024 ธนาคารทองคำลาวจะช่วยสร้างคลังทองคำให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งจะดึงดูดผู้ถือทองคำและนิติบุคคลทั้งในลาวและต่างประเทศให้ฝากทองคำและใช้บริการอื่น ๆ ของธนาคารต่อไป
#ธนาคารทองคำลาว #สปปลาว #ลาว #ทองคำ #ทองแท่ง #เงินกีบ #เงินเฟ้อ #อาเซียน #เศรษฐกิจ #BTimes
https://www.facebook.com/share/p/R9NbohGCRRqMCK8D/?mibextid=oFDknk -
Aug 13, 2024 มีปาดลูกค้า! สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทยปูดทุนจีนผุดเอฟไอทีศูนย์เหรียญ ฮุบครบวงจรเที่ยวกรุ๊ปเล็ก ซื้อรถตู้-รับส่งสนามบิน-ที่พัก-ยันจ่ายเงินบนแอปจีน ชี้ไทยสูญเสียรายได้ภาษี ผู้ประกอบคงอยู่ไม่ถึงปีหรือสองปีนี้
นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย กล่าวว่า ทุนจีนเข้ามาจดทะเบียนเปิดบริษัทเอง ซื้อรถใหม่เองทั้งหมด ซึ่งคงเป็นรูปแบบนอมินีที่มีคนไทยร่วมลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด แต่ไม่มีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างแท้จริง และเป็นการซื้อรถตู้ รถตู้วีไอพี ไม่ใช่รถบัสขนาดใหญ่ เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนคือเที่ยวเองแบบ FIT และเที่ยวกรุ๊ปเล็ก ไม่เข้าพักตามโรงแรมทั่วไป แต่ไปพักวิลล่าส่วนตัว คอนโด อพาร์ตเมนท์ให้เช่า หรือที่แอบเปิดรายวัน
แม้กระทั่งแหล่งท่องเที่ยวบางส่วนเป็นของทุนจีนเอง ซึ่งจะทำเป็น package ตั้งแต่รับจากสนามบิน รับประทานอาหาร ขนส่ง ที่พัก ทำให้เม็ดเงินกระจายสู่คนไทยน้อยมาก อีกทั้งโอนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันสัญชาติจีนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ไทยเสียสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในจุดนี้ด้วย
จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบแอปพลิเคชันดังกล่าว พร้อมกับทบทวนระยะเวลาพำนักการให้วีซ่าฟรีแก่จีน เพราะมองว่าระยะเวลาที่นานถึง 6 เดือน กลับเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มอื่นที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวตัวจริงมากกว่า เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวนั้นเฉลี่ยจะเที่ยวนาน 2 สัปดาห์ หรือมากสุดก็ 3 สัปดาห์เท่านั้น หากยังไม่แก้ไข ไทยจะสูญเสียรายได้มหาศาล และไม่เป็นไปตามเป้ารายได้ท่องเที่ยวที่วางไว้แน่นอน แม้ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจะถึงเป้าหมายก็ตาม ยังมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการรายย่อยจะล้มหายตายจากในหนึ่งถึงสองปีนี้อีกมาก
นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ประกอบการรถทัวร์ขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว หลังโควิดกลับมาวิ่งงานได้ประมาณ 15,000 คัน จากช่วงก่อนโควิดที่มีอยู่ในระบบกว่า 40,000 กว่าคัน อย่างไรก็ตามใน 15,000 คันกลับมาวิ่งได้นั้นก็ไม่ได้มีงานถี่เช่นเดิม เนื่องจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป และการถูกแย่งอาชีพ ในขณะที่ผู้ประกอบการขาดเงินทุนในการปรับตัว
#ทัวร์ศูนย์เหรียญ #เอฟไอทีศูนย์เหรียญ #จีน #ขนส่ง #ท่องเที่ยว #รถตู้วีไอพี #รถตู้ #เศรษฐกิจ #BTimes
https://www.facebook.com/share/p/SNGBPW71Z6ETmZYR/?mibextid=oFDknk -
อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ชัยค์ ฮาสินา แห่งบังกลาเทศ ซึ่งถูกบีบให้ลาออกและหลบหนีออกนอกประเทศ ท่ามกลางการประท้วงใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวหาสหรัฐฯ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับไล่เธอพ้นจากอำนาจ
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อีโคโนมิกไทม์ส ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(11ส.ค.) ฮาสินา บ่งชี้ว่าเธออาจยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป หากว่าเธอยินยอมอ้าแขนรับให้กองทัพสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพในบังกลาเทศ
"ฉันลาออกแล้ว เพื่อที่ว่า ฉันจะไม่ได้เห็นขบวนแห่ศพผู้เสียชีวิต พวกเขาต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจด้วยศพของพวกนักศึกษา แต่ฉันไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ฉันลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ฮาสินากล่าว "ฉันอาจยังคงอยู่ในอำนาจ หากว่าฉันยอมสละอธิปไตยของเกาะเซนต์มาร์ติน และเปิดทางให้อเมริกามีอิทธิพลเหนืออ่าวเบงกอล ฉันขอวิงวอนผู้คนในแผ่นดินของฉัน กรุณาอย่าถูกบิดเบือนด้วยพวกหัวรุนแรง"
ฮาสินา อ้างถึงเกาะพืดหินปะการังของบังกลาเทศ ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าวเบงกอล ที่กล่าวอ้างว่าวอชิงตันพยายามยึดครองมัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บังกลาเทศหลายคนกล่าวอ้างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ว่าอเมริกาขอเช่าเกาะแห่งนี้ในหลายๆโอกาส แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่ ฮาสินา บอกว่า "พวกชายผิวขาว" คำที่เธอใช้เรียกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยมาขอเข้าพบเธอก่อนศึกเลือกตั้งก่อนหน้านี้ และขอให้เธอสนับสนุนโครงการก่อสร้างฐานทัพอากาศบนเกาะเซนต์มาร์ติน
นักการเมืองหญิงวัย 76 ปี ซึ่งครองอำนาจมานานกว่า 15 ปี หลบหนีไปยังอินเดีย ประเทศเพื่อนบ้าน หลังลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 5 สิงหาคม อย่างไรก็ตามเธอประกาศว่าจะเดินทางกลับกรุงธากาเร็วๆนี้ "ด้วยพระคุณแห่งผู้ทรงฤทธานุภาพ พระอัลเลาะห์"
การพ้นจากตำแหน่งของฮาสินา มีขึ้นหลังจากเกิดการประท้วงทั่วประเทศที่นำโดยนักศีกษาต่อเนื่องยาวนานหลายสัปดาห์ เกี่ยวกับระบบโควตางานของรัฐบาล ซึ่งถูกวิพาษ์วิจารณ์ว่าเอื้ออำนวยต่อคนที่เกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาล การชุมชุมเริ่มต้นอย่างสันติ แต่จากนั้นได้ลุกลามกลายเป็นสถานการณ์ความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คน และถูกจัมกุมประมาณ 11,000 คน
ไม่นานหลังจาก ฮาสินา ลาออก ทางพลเอกวาเกอร์-อุซ-ซามัน ประธานคณะเสนาธิการร่วมของบังกลาเทศ แถลงว่าเขาจะตั้งรัฐบาลรักษาการ โดยที่ มูฮัมหมัด ยูนูส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้ริเริ่มและพัฒนาแนวคิดการให้กู้เงินแก่คนจนโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)
https://www.facebook.com/share/p/NQDF3SdoYQm9XRXD/?mibextid=oFDknk -
สหรัฐฯเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่อิหร่านหรือกลุ่มตัวแทนของเตหะราน จะลงมือโจมตีครั้งใหญ่ในตะวันออกกลาง อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ จากการเปิดเผยของ จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์(12ส.ค.)
เคอร์บี ระบุว่าสหรัฐฯได้ยกระดับจัดวางกองกำลังในภูมิภาค และมีความกังวลร่วมกับอิสราเอล เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อิหร่านหรือกลุ่มตัวแทนของเตหะรานจะลงมือโจมตี ตามหลังอิหร่านและพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาส กล่าวหาอิสราเอล เป็นผู้ก่อเหตุลอบสังหารผู้นำฮามาสในเตหะราน เมื่อเดือนที่แล้ว
"เรามีความกังวลแบบเดียวกันและคาดหมายเช่นเดียวกับคู่หูอิสราเอลของเรา ในแง่ของกรอบเวลาความเป็นไปได้ ว่ามันอาจเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้" เคอร์บีบอกกับพวกกผู้สื่อข่าว "เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่อาจเป็นการโจมตีชุดใหญ่"
อิสราเอล เตรียมรับมือกับการโจมตีครั้งใหญ่มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ครั้งที่เกิดเหตุขีปนาวุธลูกหนึ่งถูกยิงเข้าใส่ที่ราบสูงโกลัน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล สังหารเด็กและวัยรุ่น 12 ราย กระตุ้นให้อิสราเอลตอบโต้ด้วยการสังหารผู้บัญชาการระดับสูงรายหนึ่งของฮิซบอลเลาะห์ในเบรุต
หนึ่งวันหลังจากปฏิบัติการดังกล่าว อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำการเมืองของฮามาส ถูกลอบสังหารในเตหะราน โหมกระพือความเดือดดาลแก่อิหร่าน ที่ประกาศแก้แค้นอิสราเอล ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
"แน่นอนว่า เราไม่อยากเห็นอิสราเอลจำเป็นต้องป้องกันตนเองจากการถูกจู่โจมอีกรอบ เหมือนกับเมื่อเดือนเมษายน แต่ถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง เราจะยังคงช่วยเหลือพวกเขาในการป้องกันตนเอง" เคอร์บีกล่าว
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนตากอน) เปิดเผยในวันอาทิตย์(11ส.ค.) ว่า ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม ออกคำสั่งให้เรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถีลำหนึ่งเข้าไปในตะวันออกกลาง และให้กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น เร่งรัดเข้าประจำการในภูมิภาคดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีลินคอล์น เวลานี้ยังคงอยู่แถวๆทะเลจีนใต้ ดังนั้นอาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 1 สัปดาห์ กว่าจะเดินทางไปถึงตะวันออกกลาง
(ที่มา:รอยเตอร์)
https://www.facebook.com/share/p/EinPonteJdtxg15n/?mibextid=oFDknk -
เปิดข้อควรระวังหากคิดว่าจะเบี้ยวหนี้แบงก์ เรื่องถึงศาลเสี่ยง เงินเดือน-โบนัส เกลี้ยง!
.
หากพูดถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่เข้ามากดดันเศรษฐกิจไทยจนกระทั่งทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมนั้นต่ำกว่าศักยภาพคงประกอบด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสังคมสูงวัย จำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยลง ปัญหาความเหลื่อมล่ำ ปัจจัยจากการที่ภาคการผลิตไทยผลิตสินค้าที่โลกลืม
.
ทว่าก็มีหนึ่งปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจไทยไม่แพ้กันและทำให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลดน้อยลงนั่นก็คือ ‘หนี้ครัวเรือน’ ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 90.8% ต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
.
ถ้าจะให้กล่าวถึงความรุนแรงของปัญหาดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือ ข้อมูลซึ่งรวบรวมโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ในปี 2565 คนไทย 37% หรือประมาณ 1 ใน 3 มีหนี้เป็นของตัวเอง ซึ่งแต่เดิมในปี 2560 อยู่ที่เพียง 30% และที่สำคัญหนี้สินส่วนใหญ่ของคนไทยเป็นหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ เช่น หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งในปัจจุบันการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือการดำเนินธุรกิจอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากธนาคารจำเป็นต้องพิจารณาสินเชื่อตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ซึ่งจะต้องมีแนวโน้มชำระคืนหนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ นอกเหนือจากการคำนึงถึงเงินรายได้คงเหลือหลังหักภาระผ่อนชำระหนี้ทั้งหมด (Residual Income) ที่ต้องเพียงพอต่อการดำรงชีพ
.
ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดคือ แหล่งข่าววงการการเงิน กล่าวว่า จากข้อมูลบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ล่าสุด พบว่า นับตั้งแต่ 1 ม.ค. ยอดการเข้าถึงและการอนุมัติสินเชื่อใหม่โดยรวมของคนไทยน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในส่วนของสินเชื่อบ้านที่ชะลอลงมาอยู่ที่ 8,927 บัญชี ในเดือนเม.ย. ลดลง จากที่เคยมียอดการอนุมัติต่อเดือนเกิน 1 หมื่นสัญญา
.
ต่อมาคือสินเชื่อรถยนต์ ที่มียอดบัญชีสินเชื่อปล่อยใหม่ ลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 50,351 สัญญา ณ เดือนเม.ย. 2567 ขณะที่ยอดอนุมัติบัตรเครดิตใหม่ของเดือน เม.ย. ลดลงมาอยู่ที่ 93,212 สัญญา เทียบกับสิ้นปี 2566 ที่ยอดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1 แสนสัญญา
.
ดังนั้น นักวิชาการส่วนหนึ่งเสนอแนะว่า ในฐานะประชาชนคนทั่วไปที่อยากเข้าถึงสินเชื่อได้ในสภาวะแบบเศรษฐกิจเช่นนี้อาจจำเป็นต้อง “รักษาวินัยทางการเงิน” สร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดีต่อผู้ปล่อยสินเชื่อซึ่งเป็นข้อมูลในระบบของเครดิตบูโร และหากรู้ตัวว่าในอนาคตอันใกล้ความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ให้กับธนาคารพาณิชย์อาจน้อยลง และมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้เนื่องจากไม่สามารถผ่อนหนี้ต่อไม่ไหวด้วยอัตราเดิม ก็ให้รีบเข้าไปสื่อสารปัญหากับเจ้าหนี้เพื่อหาทางแก้ไขและปรับโครงสร้างหนี้ต่อไป
.
ทั้งนี้ หากท้ายที่สุดผู้ขอสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถจ่ายคืนหนี้ได้ตามอัตราเดิมและไม่เข้ามาเจรจากับผู้ปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผ่านมามีกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ในทางที่ไม่ถูกต้องมากนักเกี่ยวกับการจ่ายคืนหนี้ เช่น เป็นหนี้แล้วไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และปล่อยให้ธนาคารฟ้องแล้วจะได้ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราปกติ หรือกระทั่งความเชื่อที่ว่า แม้มีประวัติในเครดิตบูโรก็ยังขอสินเชื่อได้
.
หากเชื่อคำแนะนำในสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้อาจจะทำให้เราตกที่นั่งลำบากมากกว่าการเข้าไปเจรจากับธนาคารโดยตรง เพราะตามกฎหมายแล้ว สถาบันการเงินสามารถใช้สิทธิเรียกให้ลูกค้าชำระหนี้ตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของธนาคารและทุกธนาคารจะใช้ประวัติในเครดิตบูโรประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ การมีประวัติหนี้เสียอยู่ในระบบจะมีผลอย่างมากต่อการขอสินเชื่อในอนาคต
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการไม่จ่ายคืนหนี้แล้ว หากคดีไปถึงชั้นเจ้าหนี้จะทำการสืบทรัพย์ตลอดระยะเวลา 10 ปี นั้นหมายความว่าตามกฎหมายแล้วผู้ปล่อยกู้สามารถอายัดเงินเดือน โบนัส เบี้ยขยัน บำเหน็จ เงินทดแทน และสินทรัพย์อีกจำนวนมากของผู้ขอสินเชื่อ ดังนี้
.
กรณีรัฐวิสาหกิจหรือลูกจ้างเอกชน สามารถอายัดเงินเดือนส่วนเกิน 20,000 บาท ได้ เช่น เงินเดือน 25,000 บาท อายัดได้เดือนละ 5,000 บาท
.
กรณีมีเงินโบนัส อายัดได้ไม่เกิน 50% เช่น ได้โบนัส 30,000 บาท อายัดได้ 15,000 บาท
.
กรณีมีค่าล่วงเวลา หรือเบี้ยขยัน อายัดได้ไม่เกิน 30% เช่น ได้ค่าล่วงเวลา 1,000 บาท อายัดได้ 300 บาท
.
กรณีได้เงินทดแทนจากการออกจากงาน หรือเงินบำเหน็จ อายัดได้ไม่เกิน 3 แสนบาท
.
กรณีมีค่าเช่ารายได้ สามารถอายัดเงินค่าเช่าไปยังผู้เช่าได้ เช่น มีบ้านให้เช่าเดือนละ 5,000 บาท สามารถอายัดเงินค่าเช่าจำนวนนี้ได้
.
กรณีมีบัญชีเงินฝากธนาคาร อายัดเงินในบัญชีได้ไม่เกินยอดหนี้ที่มี
.
กรณีมีทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน บ้าน รถยนต์ คอนโด รถจักรยานยนต์ พันธบัตร หุ้นกู้ หุ้นสามัญ ปืน เรือ เครื่องจักร ฯลฯ สามารถยึด/อายัดเพื่อนำไปขายทอดตลาดได้
.
กรณีข้าราชการ ไม่สามารถอายัดเงินเดือนได้ แต่ถ้ามียอดหนี้เกิน 1 ล้านบาท และถ้าถูกฟ้องล้มละลาย ตามระเบียบข้าราชการฯ จะถูกให้ออกจากราชการ เนื่องจากเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
.
ท้ายที่สุด สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องทำธุรกิจในสถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้ หากรู้ตัวว่าอาจจะไม่สามารถจ่ายคืนหนี้สินได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน สิ่งที่ดีและปลอดภัยมากที่สุดคือ การเข้าไปสื่อสารปัญหากับสถาบันการเงินเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม รวมทั้งหากต้องการสินเชื่อเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปท่ามกลางสถานการณ์ที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง การสร้างประวัติการจ่ายคืนหนี้ที่ดีและอยู่ในระบบต่อไปย่อมดีกว่าการออกไปนอกระบบแน่นอน เพราะการขอสินเชื่อนอกระบบมีความเสี่ยงและต้นทุนดอกเบี้ยที่รุนแรงมากกว่า
.
อ้างอิง
1. ข้อมูลหนี้ครัวเรือนไทย ศูนย์วิจัยป๋วย https://projects.pier.or.th/household-debt/
2. เครดิตบูโร ยอดปล่อยสินเชื่อ https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1135315
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ
https://www.facebook.com/share/p/XPxjebdKXFwDXNRQ/?mibextid=oFDknk -
‘คมนาคม‘ โต้ข่าว ทุนจีนซื้อกิจการรถทัวร์ไทย ยันโอนใบอนุญาตเดินรถไม่ได้
.
กรมการขนส่งทางบก แจงกรณีทุนจีนรุกธุรกิจรถทัวร์ไทย ยันใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่สามารถโอนจากนิติบุคคลรายหนึ่งไปให้นิติบุคคลอีกรายหนึ่งได้ เร่งตรวจสอบและคุมกฎหมายบังคับใช้อย่างเคร่งครัด
.
รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการรายงานข่าวว่าขณะนี้มีบริษัทจากประเทศจีน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและเดินรถ เริ่มเข้ามาเจรจาจะขอซื้อกิจการรถทัวร์ในประเทศไทยนั้น กรมฯ ขอชี้แจงว่า ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร
.
กรณีที่เป็นนิติบุคคลว่าจะต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทยและมีสำนักงานใหญ่อยู่ในราชอาณาจักรไทยรวมถึงกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ต้องมีสัญชาติไทยและทุนของบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ต้องเป็นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ตรวจสอบและพิจารณาอนุญาตโดยถือปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
.
อย่างไรก็ดี ในประเด็นข่าวที่ว่าขณะนี้มีบริษัทจากประเทศจีนซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและเดินรถเริ่มเข้ามาเจรจาจะขอซื้อกิจการจากผู้ประกอบการไทยหลายรายที่มีปัญหาธุรกิจไม่สามารถไปต่อได้เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุนนั้น กรมฯ ยืนยันว่าใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง และใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารไม่สามารถโอน ใบอนุญาตประกอบการขนส่งจากนิติบุคคลรายหนึ่งไปให้นิติบุคคลอีกรายหนึ่งได้ ดังนั้นในทางปฏิบัติจึงไม่สามารถดำเนินการได้
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
https://www.facebook.com/share/p/fSeb2zGDbC4gXFTL/?mibextid=oFDknk -
มนุษย์เงินเดือนกอดงานไว้แน่นๆ มีรายงานพบ "แรงงานไทย" ในไตรมาส 2/2567 ยังว่างงานสูงต่อเนื่อง บางส่วนเกิดจากบริษัทปิดกิจการ-พนักงานโดนปลด
.
เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับภาวะการทำงานของประชากรไทย ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งในภาพรวมพบว่าแรงงานไทยมีอัตราการจ้างงานลดลง และอัตราการว่างเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566
.
ที่น่ากังวลคือ อัตราการว่างงานส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทปิดกิจการ (15%) รวมถึงโดนเลย์ออฟ (11.7%) รวมๆ แล้วก็ประมาณ 25% ของจำนวนแรงงานที่ว่างงานทั้งหมด
.
ทั้งนี้ สถิติแรงงานไทยโดยรวมจากรายงานชุดดังกล่าว มีข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
.
- ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน จำนวน 40.18 ล้านคน
- เป็นผู้มีงานทำ 39.50 ล้านคน
- เป็นผู้ว่างงานประมาณ 0.43 ล้านคน (430,000 คน)
- เป็นผู้รอฤดูกาล 0.25 ล้านคน
- เป็นผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงาน 18.99 ล้านคน (ส่วนใหญ่เป็นเด็ก คนชรา ผู้ป่วยหรือพิการ แม่บ้าน ผู้ที่ยังเรียนหนังสือ)
.
โดยเฉพาะในส่วนของจำนวนผู้ว่างงานในไตรมาสที่ 2 พ.ศ. 2567 นั้น พบว่ามีทั้งสิ้น 4.29 แสนคน เพิ่มขึ้นจากเดิม 0.19 แสนคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาส 1 พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน 1.1%
.
ในกลุ่มผู้ที่เคยทำงานมาก่อนแต่ปัจจุบันเป็นผู้ว่างงานนั้น พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในสายงานภาคการบริการและการค้า จำนวนมากถึง 122,000 คน คิดเป็น 65.9% ขณะที่ผู้ว่างงานสายการผลิตมีจำนวน 51,000 คน คิดเป็น 27.6%
.
โดยเหตุผลที่ทำให้แรงงานกลุ่มนี้ออกจากงานหรือกลายเป็นผู้ว่างงาน ได้แก่
.
- ลาออกเอง 57.20%
- เลิก/หยุด/ปิดกิจการ 15.07%
- หมดสัญญาจ้าง 14.33%
- ถูกให้ออก/ไล่ออก/ปลดออก 11.70%
- อื่นๆ (หมดฤดูกาล, ปัญหาสุขภาพ) 1.14%
.
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1139924?anm=
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
https://www.facebook.com/share/p/MfYwPbzDHQVYAhum/?mibextid=oFDknk -
บางข้อสังเกตที่น่าบันทึกไว้ ในการตั้ง “ธนาคารทองคำลาว”
.
| สู่อาเซียน | เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 กระทรวงการเงิน ในฐานะตัวแทนรัฐบาลลาว ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง จำกัด ก่อตั้ง ธนาคารทองคำลาว จำกัด (The Lao Bullion Bank) ขึ้น เพื่อใช้เป็นคลังเงินทุนสำรองแก่ระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
.
ตามข่าวที่เผยแพร่โดยเว็บไซต์ของกระทรวงการเงิน ระบุว่า ธนาคารทองคำลาว “แห่งแรก” ของ สปป.ลาว จะเริ่มเปิดให้บริการระยะแรกภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ และคาดว่าจะพร้อมให้บริการโดยสมบูรณ์ครบถ้วนทุกผลิตภัณฑ์ในเดือนพฤศจิกายน 2567
.
การดำเนินงานของธนาคารทองคำลาว จะช่วยยกระดับการบริหารจัดการทองคำภายใน สปป.ลาว ให้ได้ตามมาตรฐานของ London Bullion Market Association (LBMA) ซึ่งเป็นที่ยอมรับและสามารถแข่งขันกับนานาชาติทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล ผ่านกลไกการบริหารจัดการทองคำ เช่น บัญชีฝากทองคำ สินเชื่อที่ให้กู้ในรูปแบบเงินและทองคำ การยืนยันรับรองคุณภาพทองคำในมาตรฐานของ LBMA
.
บรรดากลไกบริหารจัดการต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยยกระดับบทบาทของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทองคำในลาว สร้างโฉมหน้าใหม่ และช่วยเพิ่มศักยภาพให้ลาวได้ขึ้นเป็นประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมทองคำ ที่สามารถแข่งขันกับทุกประเทศทั่วโลก สร้างชื่อเสียงให้ลาวได้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในเวทีเศรษฐกิจโลก อีกทั้งจะเป็นการส่งเสริมและดึงดูดการลงทุน ทั้งจากภายในและต่างประเทศเข้ามาในลาว ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของลาว ให้ขยายตัวสูงขึ้นได้อย่างมั่นคง
.
การเซ็นสัญญาร่วมทุนก่อตั้งธนาคารทองคำลาวขึ้นในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชน ที่ยืนยันให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ที่ตรงกันในการขยายแนวคิด วิสัยทัศน์ของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และรัฐบาล สปป.ลาว ว่าด้วยการสำรองความมั่นคงและสร้างเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความเข้มแข็งด้านการเงินและสกุลเงินกีบ การระดมทุนและสร้างสภาพคล่องที่จะเข้ามาหมุนเวียนในการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจของประเทศ
.
เนื้อหาข่าวในเว็บไซต์ของกระทรวงการเงินยังให้ข้อมูลอีกว่า ปัจจุบันลาวเป็นหนึ่งในประเทศลำดับต้น ๆ ของโลก เป็นประเทศลำดับที่ 3 ของอาเซียน และลำดับที่ 6 ของทวีปเอเซีย ในด้านการขุดค้นและผลิตทองคำ จากการสำรวจเบื้องต้นคาดว่าภายในประเทศลาวยังมีแร่ทองคำซึ่งยังไม่ได้ถูกขุดค้นขึ้นมาอยู่อีก 500-1,000 ตัน
.
หากข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันและรับรองจากองค์กรระดับสากล โดยเฉพาะหน่วยงานที่ศึกษาและสำรวจเหมืองแร่ที่เกี่ยวข้องแล้ว จะสามารถตีมูลค่าเพิ่มเข้าไปในคลังสำรองภายในประเทศได้ถึง 50-76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องด้านการเงิน และเป็นแหล่งทุนรอนสำหรับนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร และอุตสาหกรรมที่สำคัญและจำเป็น ช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคงให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
.
ThaiPublica ชวนอ่านข้อสังเกต 4 ประเด็น อันเป็นข้อมูลน่าสนใจที่ผู้เขียนได้รวบรวม และบันทึกให้เห็นภาพรวมของการก่อตั้งธนาคารทองคำลาว “แห่งแรก” น่าสนใจว่าแม้ในลาวอุดมไปด้วยแหล่งแร่ทองคำ แต่ผลตอบแทนที่รัฐบาลลาวจะได้รับ คือ ค่าทรัพยากรแร่ ค่าสัมปทาน และภาษี เพราะแหล่งแร่ทองคำและทองแดงที่สำคัญ 2 แห่ง ต่างมีจีนเป็นผู้ผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งแร่ทองคำที่ขุดขึ้นมาได้จะนำออกไปแปรรูปยังต่างประเทศ เท่ากับว่าทองคำที่จะนำไปฝากไว้กับธนาคารทองคำลาว โดยเฉพาะทองคำแท่งต้องถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินดอลลาร์หรือเงินตราต่างประเทศสกุลอื่น ในการซื้อทองคำเหล่านั้น
.
คลิก https://thaipublica.org/2024/08/pundop139/
.
รายงานโดย: ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
.
#ธนาคารทองคำลาว #แหล่งแร่ทองคำในลาว #จีน #สู่อาเซียน #ไทยพับลิก้า #Thaipublica
https://www.facebook.com/share/p/mCwd92a1vD342MFw/?mibextid=oFDknk -
| Research Reports | ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เผยบ้านสร้างเองระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ได้รับความสนใจจากผู้ที่มีแผนสร้างบ้าน ซึ่งเป็นอุปสงค์ที่มาจากผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป ท่ามกลางภาวะที่ความต้องการซื้อจากผู้มีรายได้ระดับปานกลางลงมายังซบเซา ราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น และข้อจำกัดด้านพื้นที่บ้านในโครงการบ้านจัดสรร ประกอบกับความต้องการต่อเติมหรือปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยในอนาคต ส่งผลให้ผู้ที่มีที่ดินเป็นของตัวเองหันมาสนใจสร้างบ้านเองแทน
.
แม้ว่าผู้ที่มีแผนสร้างบ้านเองส่วนใหญ่ ยังคงตั้งงบประมาณการก่อสร้างไว้ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่สัดส่วนของผู้ที่ตั้งงบประมาณก่อสร้างไว้เกิน 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน ยังคงต้องการสินเชื่อสำหรับการสร้างบ้าน และมีแนวโน้มการผ่อนชำระคืนสินเชื่อเกิน 30 ปี
.
การปรับปรุง/ซ่อมแซมบ้านส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากสภาพบ้านที่ทรุดโทรมตามอายุการใช้งาน สะท้อนการใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านตามความจำเป็น ในช่วงที่ยังเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้ และค่าใช้จ่ายที่อยู่ในระดับสูง โดยผู้ที่มีแผนปรับปรุงบ้านส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณไว้ที่ 1.1 - 3 แสนบาท ด้วยการใช้เงินออมเป็นหลัก สำหรับการปรับปรุงซ่อมแซมทั่วไป เช่น การปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน เปลี่ยนหลังคา กระเบื้องปูพื้น สุขภัณฑ์ การทาสี
.
อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีแผนปรับปรุงบ้าน ซึ่งเป็นความต้องการปรับปรุงที่มากกว่าความจำเป็นพื้นฐาน เช่น เพิ่มพื้นที่ใช้สอย เปลี่ยนรูปแบบบ้านให้ถูกใจ รวมถึงเพื่อตอบสนองการใช้งานเฉพาะ เช่น พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง เด็ก ผู้สูงอายุ ปรับปรุงเป็นพื้นที่ทำงาน หรือพื้นที่อเนกประสงค์อื่น ๆ มากกว่า 40% มีงบประมาณที่ตั้งไว้มากกว่า 3 แสนบาท สะท้อนว่ายังมีกลุ่มที่มีความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นตลาดปรับปรุงซ่อมแซมบ้านได้
.
อย่างไรก็ดี ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ทั้งค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือน และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ที่ตั้งงบประมาณสำหรับปรับปรุงซ่อมแซมบ้านไว้สูงกว่า 1 แสนบาท มีแนวโน้มลดงบประมาณลงจากเดิม
.
อ่านรายละเอียดบทวิเคราะห์เพิ่มเติม https://thaipublica.org/2024/08/scb-eic-residential-real-estate-survey-2567/
.
#แผนสร้างบ้าน #ปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน #SCB #EIC #ไทยพับลิก้า #Thaipublica
https://www.facebook.com/share/p/GVn1bDFUTVc8Qyzn/?mibextid=oFDknk -
นายกฯ สั่ง 9 หน่วยงาน ลุยตรวจสินค้านำเข้าราคาถูก - ไม่ได้มาตรฐาน - ละเมิดลิขสิทธิ์ ย้ำห้ามละเว้น
.
| เกาะกระแส | “นายชัย วัชรงค์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี มุ่งยกระดับการดำเนินงาน เพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการและผู้บริโภคของไทย สกัดกั้นสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ละเมิดลิขสิทธิ์ และสินค้าผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด
.
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขานรับนโยบาย โดยได้หารือกำหนดมาตรการกำกับมาตรฐานสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้า และบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้กับผู้บริโภคในประเทศ นอกเหนือจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าที่ซื้อผ่านทางออนไลน์ ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เริ่มตั้งแต่บาทแรก
.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://thaipublica.org/2024/08/pri...ods-cheap-substandard-copyright-infringement/
.
#สินค้าจีนราคาถูก #สินค้าไม่ได้มาตรฐาน #สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ #ภาษีสินค้าออนไลน์ #ไทยพับลิก้า #Thaipublica
https://www.facebook.com/share/p/6dFy44fL6MyaiKjs/?mibextid=oFDknk -
สหรัฐจะเผชิญต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่? และทองคำจะมีทิศทางอย่างไร
สัปดาห์ก่อนนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ หลังจากที่การจ้างงานสหรัฐทั้ง ADP และ NFP ออกมาไม่ดี รวมถึงอัตราว่างงานก็พุ่งขึ้นเป็น 4.3% ซึ่งมีทฤษฎีหนึ่งที่มีความแม่นยำและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง คือ กฎของ Sahm Rule
ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยกฎ Sahm จะส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อนำ“อัตราการว่างงาน” (Unemployment Rate) ระดับประเทศเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือนย้อนหลัง ลบด้วยอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน
โดยมีค่าชี้วัดคือ 0.5% ถ้าค่าออกมา 0.5% หรือมากกว่า 0.5% จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยปกติแล้วหากตัวเลขดังกล่าวแตะ 0.5% มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ภายหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน
ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ถ้าเราพิจารณาจากกราฟ ซึ่งสีเทาคือการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย พบว่า เส้นจาก Sahm Rule ได้มีการแตะค่า 0.5% หรือมากกว่านั้นไปทั้งหมด 12 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1950 จะพบว่าได้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมาหลังจากนั้นทั้งหมดไปกว่า 10 ครั้ง นั่นหมายความว่า กฎ Sahm Rule นั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีความแม่นยำในการนำมาคาดการณ์ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
แล้วโอกาสที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้มากน้อยขนาดไหน?
ซึ่งตรงนี้นักวิเคราะห์ และกูรูหลายท่านมีความเห็นที่ค่อนข้างแตกต่าง จากมุมมองความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านมีมุมมองที่ไม่เห็นด้วยว่าตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดจะหมายถึงเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงมุมมองอีกหลายคน ได้แก่ CEO ของ MAERSK ที่ยังไม่เห็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าทางเรือยังคงเพิ่มสูงขึ้น และ Demand ต่อสินค้าทางเรือยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง Demand ตู้คอนเทนเนอร์เป็นตัวบ่งชี้ Demand สินค้าในระดับมหภาค และสินค้าคงคลังสหรัฐ ณ ปัจจุบันมากกว่าสินค้าคงคลังในช่วงต้นปีนี้ด้วยซ้ำ
ด้านแบล็กร็อก ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลกคาดการณ์ว่า มองว่าตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐนั้นเกิดจากการชะลอตัวของการจ้างงาน ไม่ใช่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณแรงงานอันเนื่องมาจากแรงงานต่างชาติที่อพยพเข้าสู่สหรัฐ ไม่ใช่เกิดจากการเลิกจ้างของบริษัท แต่ก็มีความเห็นที่แตกต่างออกไป จาก JPMorgan เชื่อว่ามีโอกาส 35-40% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป (soft landing) ซึ่งมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ตาม ด้านกลุ่มฮั่วเซ่งเฮงมองว่า โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจยังไม่เกิดขึ้น อาจเป็นเพียง Soft Landing เท่านั้น เนื่องจากการจ้างงานสหรัฐที่มีการชะลอตัวลงเป็นเพียงชั่วคราวจากผลกระทบการเลิกจ้างงานชั่วคราว ด้วยผลกระทบจากพายุเฮอริเคน และอัตราว่างงานที่พุ่งสูงมาจากการยกเลิกการจ้างงานชั่วคราว และปัญหาแรงงานที่เพิ่มขึ้น จากปัญหาผู้อพยพเข้าสหรัฐจำนวนมาก ขณะที่ดัชนีภาคบริการยังคงดี และกำลังแรงยังคงเติบโต
ทั้งนี้นักลงทุนก็เริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยลงไปบ้าง ถึงแม้ว่าจะมีแรงเทขายทองคำในช่วงที่นักลงทุนมีความกังวลดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงได้รับผลบวก หากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้น โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของราคาทองคำในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมานั้นเป็น 12.7% แต่การคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวก็อาจส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังคงสามารถหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นสู่ All-Time High ใหม่ได้
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากบริเวณ Neckline ของรูปแบบ Double Top และสามารถยืนเหนือเส้น SMA ทุกเส้น ซึ่งทองคำยังคงมีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง โดยราคาทองคำมีแนวรับ 2,400 ดอลลาร์ และมีแนวรับที่สำคัญที่ไม่ควรหลุด คือ 2,367 ดอลลาร์ แนะนำเข้าซื้อทองคำบริเวณแนวรับดังกล่าว โดยราคาทองคำมีแนวต้าน 2,450 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,480 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 40,200 บาท และ 40,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 40,800 บาท และ 41,000 บาท
เรียบเรียงจาก ฮั่วเซ่งเฮง
https://www.facebook.com/share/p/FzpZ5isq8bXhFgRH/?mibextid=oFDknk -
คนที่มีระเบียบวินัยในชีวิตเท่านั้นถึงจะได้รับอิสรภาพ
ถ้าคุณไม่มีระเบียบวินัย คุณจะเป็นทาสของของอารมณ์และแพสชัน
Eliud Kipchoge กล่าวไว้
#BizTMR #BusinessTomorrow #QUOTE #QUOTEOFTHEDAY
https://www.facebook.com/share/p/RsYXXwJaF2rR5CnX/?mibextid=oFDknk -
(Aug 13) จากย่างกุ้งสู่กรุงเทพฯ! ร้านอาหาร-ร้านค้าหนีตายจากเมียนมา ขยายสาขาในไทย รับอานิสงส์ลูกค้าชาติเดียวกัน: ธุรกิจเมียนมาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังเปิดร้านค้าและร้านอาหารในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการของชาวเมียนมาที่อพยพและลี้ภัยจากความขัดแย้งภายในประเทศ และการเกณฑ์ทหารที่บังคับใช้เมื่อต้นปีนี้
แหล่งข่าวหลายแห่งที่คุ้นเคยกับชุมชนธุรกิจเมียนมาระบุว่า มีการจัดตั้งธุรกิจหลายสิบแห่งโดยเพื่อนร่วมชาติของพวกเขาในประเทศไทย ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
“สถานการณ์ในเมียนมาทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเงินเฟ้อและกฎระเบียบทางการเงินที่ไม่มั่นคง” เจ้าของธุรกิจผู้ย้ายร้านค้าโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์จากเมียนมาไปยังกรุงเทพฯ กล่าวกับ Nikkei Asia โดยไม่เปิดเผยนาม “ประเทศไทยมีความมั่นคงมากกว่า และมีตลาดสำหรับสินค้าและบริการของเราที่กำลังเติบโต”
ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีพรมแดนติดกับเมียนมา ประเทศไทยจึงเป็นตลาดทางเลือกสำหรับนักธุรกิจเมียนมาที่ต้องการย้ายฐานการผลิตและขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ Cherry Oo ร้านค้าปลีกนาฬิกาอายุเกือบ 4 ทศวรรษในเมียนมา เปิดร้านแรกในกรุงเทพฯ เมื่อไม่นานมานี้ นอกเหนือจาก 38 สาขาในตลาดบ้านเกิด
Khaing Khaing Kyaw เชนร้านอาหารยอดนิยมจากเมียนมา ซึ่งให้บริการอาหารเมียนมาแบบดั้งเดิม ก็ขยายสาขาเข้ามาในประเทศไทยเช่นกัน “เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าชาวเมียนมา เราจึงตัดสินใจขยายสาขาไปยังอีกแห่งในกรุงเทพฯ” Kyaw Shwe ผู้จัดการของ Khaing Khaing Kyaw กล่าวถึงสาขาที่สองที่เปิดในเดือนมีนาคม โดยเชนร้านอาหารนี้มีสาขามากกว่า 10 แห่งในเมียนมาในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และเข้าสู่ตลาดไทยครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน
“ยอดขายของทั้งสองร้านอยู่ในระดับที่ดี” Kyaw Shwe กล่าว พร้อมเสริมว่าตอนนี้เชนร้านอาหารมีแผนที่จะเปิดร้านอาหารในพัทยา และอีกแห่งในเชียงใหม่
“การขยายธุรกิจไปยังประเทศไทยส่วนใหญ่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางการเงินของพวกเขา” Su นักวิจัยชาวเมียนมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ กล่าวกับ Nikkei Asia “ไม่ใช่ทั้งหมดเกี่ยวกับผลกำไรในทันที แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคง และย้ายทรัพย์สินไปยังที่ปลอดภัย
“ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจต่างๆ ยังเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าชาวเมียนมาในประเทศไทย” เธอเสริม
ไม่มีสถิติอย่างเป็นทางการที่แสดงขนาดประชากรที่แท้จริงของเมียนมาในประเทศไทย แต่รายงานของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ระบุว่ามี ‘ผู้อพยพตามปกติ’ จากเมียนมาประมาณ 1.9 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศไทย ณ เดือนเมษายน 2023 รายงานยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า “การประมาณการล่าสุดหลังจากการรัฐประหารในเมียนมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ชี้ให้เห็นว่า ในจำนวนผู้อพยพ 5 ล้านคน (ทั้งที่มีเอกสารและไม่มีเอกสาร) ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศไทย”
การเกณฑ์ทหารภาคบังคับที่เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เป็นตัวกระตุ้นล่าสุดสำหรับการอพยพครั้งใหญ่ของคนหนุ่มสาวออกจากประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม ส่งผลให้ชุมชนและฐานผู้บริโภคชาวเมียนมาในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้น ตั้งแต่ร้านอาหารเมียนมาแบบดั้งเดิมไปจนถึงร้านขายโทรศัพท์มือถือและร้านค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจต่างๆ กำลังไล่ตามลูกค้าของพวกเขา และใช้ประโยชน์จากความต้องการสินค้าที่คุ้นเคย และสินค้าจำเป็นในหมู่ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาในประเทศไทย
การย้ายธุรกิจไปยังประเทศไทยยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เลวร้ายลงในเมียนมา โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเจ้าของธุรกิจ ผู้บริหาร และนายธนาคาร เพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ค่าเงินเมียนมาที่อ่อนค่าลงเป็นปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น
“การผลิตภายในประเทศในเมียนมากำลังลดลง เนื่องจากต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น และความล่าช้าในเครือข่ายการจัดจำหน่าย” Sein Htay นักเศรษฐศาสตร์และอดีตสมาชิกคณะกรรมการเศรษฐกิจของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) กล่าวกับ Nikkei Asia
Sein Htay มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของเมียนมาจะเลวร้ายลงอย่างมาก และกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสงครามกลางเมืองทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว “ปัญหาเหล่านี้ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งกำลังลดความต้องการของตลาด เป็นผลให้ตลาดการบริโภคในประเทศหดตัว บ่งชี้ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างชัดเจน” นักเศรษฐศาสตร์กล่าว
รายงานล่าสุดของธนาคารโลกที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน ประมาณการว่าอัตราความยากจนพุ่งสูงขึ้นเป็น 32.1% ของประชากรในปี 2023 เกือบ 2 เท่าจาก 17.4% ในปี 2020 หนึ่งปีก่อนที่กองทัพจะโค่นล้มรัฐบาล NLD ที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ ได้แก่ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เสื่อมโทรม กำลังซื้อที่ลดลงในประเทศ ฐานผู้บริโภคชาวเมียนมาที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย และความปรารถนาที่จะย้ายทรัพย์สินไปยังที่ปลอดภัย ล้วนส่งผลให้เกิดแนวโน้มที่ธุรกิจเมียนมาจะขยายสาขาเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าการขยายธุรกิจเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยเศรษฐกิจของประเทศเจ้าบ้าน ศิรดา เขมานิฏฐาไท อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งข้อสังเกตว่า การเติบโตของร้านอาหารและร้านค้าที่ดำเนินการโดยชาวเมียนมาอาจเป็นประโยชน์ต่อห่วงโซ่อุปทานของไทย และเพิ่มรายได้ภาษีให้กับรัฐบาล
“ในความคิดเห็นของคนไทยทั่วไป เชื่อว่าธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อสังคมไทย เนื่องจากพวกเขาต้องดำเนินการภายใต้กฎระเบียบ และการจดทะเบียนของระบบในไทย” ศิรดากล่าว
โดย ถนัดกิจ จันกิเสน
Source: Standard Wealth
https://thestandard.co/myanmar-businesses-flood-thailand-to-follow-fleeing-customer-base/
เพิ่มเติม
- Myanmar businesses flood Thailand to follow fleeing customer base : https://asia.nikkei.com/Spotlight/M...lood-Thailand-to-follow-fleeing-customer-base
https://www.facebook.com/share/p/gNd6khjuzqSgmbwb/?mibextid=oFDknk -
(Aug 12) นักลงทุนต่างชาติถอนเงินทุนจากจีนสูงเป็นประวัติการณ์ กังวลภาวะเศรษฐกิจ : นักลงทุนต่างชาติถอนเงินทุนออกจากจีนเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 2/2567 เนื่องจากพวกเขามีความวิตกอย่างมากเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของจีน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อมูลจากสำนักงานบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแห่งรัฐ (SAFE) ของจีนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (9 ส.ค.) ระบุว่า หนี้สินการลงทุนโดยตรงของจีนในดุลการชำระเงิน ลดลงเกือบ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ที่ตัวเลขดังกล่าวติดลบ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ หนี้สินการลงทุนลดลงราว 5 พันล้านดอลลาร์
หากการลดลงดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็จะถือเป็นการไหลออกของเงินทุนสุทธิประจำปีครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นอย่างน้อย ซึ่งเริ่มมีข้อมูลที่สามารถเปรียบเทียบได้
การลงทุนจากต่างประเทศในจีนลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.44 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2564
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้บริษัทบางแห่งลดการลงทุน
นอกจากนี้ การเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วในจีนยังทำให้บริษัทผลิตรถยนต์ต่างชาติหลายแห่งไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้บริษัทบางแห่งต้องถอนการลงทุนหรือลดการลงทุนในจีน
โดย กัลยาณี ชีวะพานิช
Source: สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
https://www.ryt9.com/s/iq29/3538858
เพิ่มเติม
- Foreign Investors Are Pulling Record Amount of Money From China : https://www.bloomberg.com/news/arti...are-pulling-record-amount-of-money-from-china
https://www.facebook.com/share/p/geGQ2NazXPshcoqA/?mibextid=oFDknk -
เปิดวิธี Temu
ตีตลาดอเมริกาหลังแอ่น
ต่อให้เก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้น
.
เข้ามาเปิดแพลทฟอร์มในประเทศไทยแบบเงียบๆ แต่เริ่มยิงโฆษณาออนไลน์ให้เห็นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียกันหนาตาแล้วกับ Temu อีคอมเมิร์ซยักษ์ของจีน ที่ถึงจะมาเงียบแต่ก็สะเทือน เพราะขึ้นชื่อว่าเคยตีตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐอเมริกามาแล้ว
.
Temu อีคอมเมิร์ซจีนเจ้าของเดียวกับ Pinduoduo ที่เป็นอีคอมเมิร์ซเบอร์ 3 ของโลก มีตลาดลูกค้าหลักคือสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป โดย Temu ได้สร้างมาตรฐานความน่ากลัวของอีคอมเมิร์ซไว้อย่างมาก เพราะในปี 2565 ที่แพลตฟอร์มเข้าไปเปิดในสหรัฐอเมริกาก็สามารถตีตลาดสหรัฐฯ ที่มีเจ้าถิ่นอย่าง Amazon ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
.
ในสหรัฐอเมริกา Temu ได้พยายามรับสมัครพ่อค้าแม่ค้าบน Amazon ที่จะเก็บสินค้าไว้ในคลังสินค้าที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปให้เข้าสู่แพลตฟอร์ม และเชิญชวนให้พ่อค้าแม่ค้ามาลดราคาสินค้ากันให้มากที่สุด โดยที่ตัวเองก็จะลดราคาค่าคอมให้พ่อค้าแม่ค้าด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้บริษัทไม่ต้องเผชิญเรื่องภาษีนำเข้าจากจีนที่มีค่อนข้างสูง แพลตฟอร์มสามารถขายของได้ถูกลงไป
.
นอกจากนี้ เมื่อพ่อค้าแม่ค้าย้ายมา คลังสินค้าก็ยิ่งอยู่ใกล้ตัวเข้าไปอีก Temu ก็เตรียมแผนการจัดส่งที่จะถึงมือภายใน 1 วันเข้าไปด้วย รวมถึงถ้าหากสินค้ามีปัญหาแพลทฟอร์มก็ยินดีเปลี่ยนสินค้าฟรี ส่งฟรี ยิ่งถูกใจผู้บริโภคเข้าไปกันใหญ่
.
มากไปกว่านั้น ถ้าสินค้าในคลังไม่หมด Temu ก็ยินดีที่จะชิปสินค้าเหล่านั้นกลับไปยังประเทศจีนเพื่อกระจายต่อให้ลูกค้าในจีนด้วยราคาถูก และนี่ยังไม่รวมสินค้าที่ Temu พยายามนำเข้ามาเก็บไว้ในคลังที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เชิญชวนให้พ่อค้าแม่ค้าในจีนเข้ามาขายกันให้มากขึ้น สต๊อกสินค้าในคลังของแพลตฟอร์ม
.
[ ดึงพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายมากไป เริ่มมีซัพพลายตีกันเอง ]
.
ในช่วงพีคๆ พ่อค้าบน Temu เผยว่ามีออเดอร์สูงถึง 30,000 ถึง 50,000 ออเดอร์ต่อวันเลยทีเดียว ทำให้ใครๆ ก็อยากลองขายสินค้าบน Temu
.
แต่ปัจจุบัน Temu เริ่มเจอดราม่าจากพ่อค้าแม่ค้าจำนวนออเดอร์กำลังลดลงเรื่อยๆ เหลือราวๆ 3,000 ออเดอร์ต่อวันเท่านั้น เพราะ Temu พยายามเชิญชวนให้ทุกคนมาขายสินค้าบนแพลตฟอร์มมากเกินไป ทำให้พวกพ่อค้าแม่ค้าเริ่มกังวล เพราะเหมือนดึงดูดซัพพลายเออร์ให้เข้ามาแข่งขันกันเอง
.
[ ไทย ตลาดใหม่ที่ Temu เข้ามาตีเงียบๆ ]
.
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยตลาดต่อไปของ Temu ก็น่ากลัวไม่น้อย เพราะ Temu นั้นมาแบบเงียบๆ ถ้าไม่เห็นผ่านๆ ตาจากข่าวคงไม่ทราบเลยก็ว่าได้ แต่แน่นอนว่าการเข้ามาของ Temu นั้นไม่ธรรมดา เพราะอย่างที่เล่าไปว่า ถูก ส่งฟรี เคลมฟรี ค่าคอมถูก เรียกได้ว่าทุกฝ่ายได้รับประโยชน์กันแบบเต็มๆ
.
ซึ่งถ้าหากจะให้เห็นภาพชัดๆ ว่า Temu เข้ามาไทยแล้วจะเป็นอย่างไร?
.
คำตอบเรื่องนี้ก็คงคล้ายๆ กับก่อนหน้าที่ Temu เปิดตัวในมาเลเซียและฟิลิปปินส์ โดยแค่เริ่มก็ดึงดูดนักช้อปด้วยโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุดถึง 90% และค่าธรรมเนียมจัดส่งที่คิดราคาน้อยมาก รวมทั้งฟรีสำหรับนักช้อปหน้าใหม่นั่นเอง
.
เรื่องนี้ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเป็นห่วงต่อกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้ค้ารายย่อยของไทยอีกครั้งว่า สินค้าราคาถูกจากจีนยังคงทะลักเข้ามาขายในไทยอย่างต่อเนื่อง และเมื่อขาใหญ่ในจีนอีกเจ้าอย่าง Temu มาเปิดขายสินค้าออนไลน์ในไทย ยิ่งน่าห่วงว่า เราจะรับมือกับเรื่องนี้ได้ไหวแค่ไหน
.
ขณะที่ในทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซแล้ว Temu จะเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้แข่งกับเจ้าตลาดในไทยทั้ง Shopee, Lazada และ Tiktok Shop ทำให้ศึกอีคอมเมิร์ซในไทยจะระอุหนักขึ้นมากอีกครั้ง แต่ด้านหนึ่งก็จะกระทบต่อผู้ประกอบการและธุรกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
.
แต่ถึงอย่างนั้นท่าไม้ตายเดียวที่ไทยมีเพื่อจัดการสินค้าจากจีนที่ล้นตลาด คงหนีไม่พ้นเรื่องการเก็บภาษีนำเข้า (Vat) 7% ในสินค้าที่มีราคาเกิน 1,500 บาทเท่านั้น ทางกลับกันภาษีจากสินค้านำเข้ายังอยู่ในช่วงสุ่มตรวจบางกล่องก็รอดบางกล่องก็ไม่รอด ยิ่งถ้าหากมีการเข้ามาของคลังสินค้าจากจีน การแข่งขันอีคอมเมิร์ซไทยยิ่งน่าห่วง
.
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY
https://www.facebook.com/share/9iTeSh7qNaLvtfGR/?mibextid=oFDknk -
Aug 14, 2024 ความจริงเผย! ผงะไทยนำเข้าเซรามิกจากจีน 3,000 ตัน แต่แจ้งตัวเลขต่ำกว่านำเข้าจริง คาดทะลัก 2-3 เท่า ผงะชามเซรามิกลำปางยิ่งขายยิ่งถูก ยิ่งผลิตคุณภาพยิ่งต่ำ ต้นทุนสู้จีนไม่ได้ แถมขายตัดราคากันเอง
นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง โพสต์ข้อความเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาเซรามิกของจังหวัดลำปาง มีดังนี้
วันสองวันนี้มีประเด็นเรื่อง เซรามิกลำปาง ย่ำแย่ผลมาจากการทุ่มตลาดของจีนทำชามไก่เหมือนลำปางขายใบละ 5 บาท ผมคิดว่ารายละเอียดมีความคลาดเคลื่อนค่อนข้างมากทีเดียว ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับเซรามิกลำปางโดยเฉพาะชามไก่ลำปาง และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ดังนี้
1. ลายไก่ลำปางเดิมไม่ใช่ของลำปาง แต่มีที่มาจากประเทศจีนซึ่งชาวจีนที่มาตั้งรกรากในลำปางได้นำลายไก่จากจีนมาผลิตที่ลำปางด้วย เพราะลำปางมีแหล่งดินขาวที่สามารถผลิตเป็นเซรามิกได้ใกล้เคียงกับจีน
2. ไม่ว่าชามไก่ของจีนในสมัยก่อนหรือชามไก่ของลำปางในสมัยก่อนจะเขียนลายด้วยมือ แต่ในปัจจุบันการผลิตชามไก่ของจีนจะใช้รูปลอกเซรามิกแทนการเขียนลาย จึงมีความเหมือนของลวดลายไก่ทุกใบ แต่ชามไก่ของลำปางในปัจจุบันยังนิยมเขียนลายด้วยมือเหมือนเดิม ที่ทุกใบมีความแตกต่างกัน
3. ชามไก่จีนใบละ 5 บาท ผมคิดว่า เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน แล้วมองว่าเหมือนกัน แต่ในข้อเท็จจริง ชามใบละ 5 บาทเป็นสินค้าที่มีตำหนิมาก เน้นขายถูกและไม่มีลวดลายอะไร หากมีตำหนิน้อยจะขายแพงขึ้นและการโฆษณาว่าเซรามิกใบละ 5 บาทเพื่อผลในการดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากกว่าจะขายใบละ 5 บาทอย่างจริงจัง
4. ผมอยู่กับเซรามิกลำปางมาเกือบ 30 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด และเห็นปัญหาของเซรามิกลำปางมาตลอด ความเป็นจริงของเซรามิกลำปางคือยิ่งขายยิ่งถูก ยิ่งผลิตคุณภาพยิ่งต่ำ ด้วยสองเหตุผลหลักคือ 4.1 วัตถุดิบต้นน้ำและต้นทุนผลิตเราสู้จีนไม่ได้ 4.2 ผู้ผลิตในลำปางแข่งขันกันเองทั้งแข่งขันด้านราคาและแข่งขันในการลดต้นทุนการผลิตทั้งที่ต้นทุนการผลิตของไทยสูงมากอยู่แล้ว
5. อาจจะมีบางส่วนที่สินค้าจีนไม่ได้คุณภาพในเรื่องของสารพิษที่มีจากรูปลอกบนเคลือบอุณหภูมิต่ำ แต่ไม่ได้มีสารพิษทุกชิ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์
6. ตั้งแต่มกราคม – พฤษภาคม 2567 มีการนำเข้าเซรามิกจากจีนมากกว่า 3,000 ตันในราคาเฉลี่ย 8.96 บาทต่อกิโลกรัม (ดูตารางประกอบ) ปล.ราคาที่แจ้ง 8.96 บาทต่อกิโลกรัมเป็นราคาสำแดงขณะนำเข้าซึ่งข้อเท็จจริงราคาต้องสูงกว่านี้
7. สิ่งที่มาตามถนนหรือจะสู้สิ่งที่ข้ามเขาลงห้วยมาจากป่า นั่นหมายความว่าข้อเท็จจริงมีการนำเข้าจากจีนมากกว่าที่แสดง แต่ไม่มีการลงบันทึกตามพิธีการศุลกากร ประเมินนำเข้ามามากกว่านี้ 2-3 เท่าของที่สำแดงตามตาราง นั่นแปลว่าเซรามิกจากจีนเข้ามาท่วมตลาดและเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศอย่างหนัก
ทั้ง 7 ข้อเป็นข้อเท็จจริงในเบื้องต้นที่ทำให้เซรามิกที่ผลิตในประเทศสู้จีนไม่ได้ ไว้จะมาเพิ่มเติมรายละเอียดเจาะลึกให้อีกครั้งครับ
#ชามเซรามิก #ชามตราไก่ #ลำปาง #จีน #ไทย #เศรษฐกิจ #ปิดโรงงาน #BTimes
https://www.facebook.com/share/p/y2Pt2v3rWKTvKEfE/?mibextid=oFDknk -
Aug 14, 2024 ไปที่ละแบรนด์! สื่อต่างชาติสะพัดไนกี้ย้ายโรงงาน-การผลิตเสื้อผ้าฟุตบอลจากไทยไปอียิปต์ คาดย้ายสิ้นปี 2025 หรือต้นปี 2026 แม้คุณภาพของไทยมักถูกสินค้าปลอมจากจีนอ้างคุณภาพเดียวกับไทย อียิปต์ได้เปรียบทั้งฐานผลิตใหม่-ส่งสินค้าเข้ายุโรปเร็วกว่าจากอาเซียน ชี้ต้นทุนสูงทำหลายแบรนด์ย้ายจากไทยไปเวียดนาม
สำนักข่าวกีฬาฟุตบอลในสื่อออนไลน์มีชื่อว่า ฟุ้ตตี้เฮดไลน์ส ได้รายงานโดยอ้างอิงบัญชีผู้ใช้สื่อเอ็กซ์(X) ชื่อว่า @memorabilia1989 ซึ่งเป็นบัญชีที่สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับของสะสมที่ระลึกของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า โพสต์ข้อความว่า ไนกี้กำลังพิจารณาย้ายฐานโรงงาน และการผลิตส่วนใหญ่ทั้งหมดในประเทศไทยออกไปประเทศอียิปต์ การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการย้ายโรงงานและการผลิตในครั้งนี้จะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2025 หรือเป็นอย่างช้าที่สุดภายในต้นปี 2026
สำนักข่าวดังกล่าวรายงานต่อไปว่า ไนกี้พิจารณาให้ประเทศอียิปต์เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าประเภทเสื้อ กางเกง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลของไนกี้ สำหรับประเทศไทยนั้น เปรียบเสมือนฐานการผลิตที่มีคุณภาพสำหรับชุดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาฟุตบอลสำหรับทุกแบรนด์ดัง ที่น่าสนใจ คือ ผู้ปลอมแปลงสินค้าชาวจีนมักจะติดป้ายแถบผ้ากับชุดเสื้อผ้ากีฬาของสินค้าปลอม หรือทำเลียนแบบว่ามีคุณภาพแบบประเทศไทย
ความเคลื่อนไหวของไนกี้ดังกล่าวนั้น โดยการย้ายโรงงานและการผลิตออกจากประเทศไทยไปประเทศอียิปต์ ยังพบว่า อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อแฟนๆฟุตบอลทั่วภูมิภาคยุโรปในแง่ความต้องการอยากได้ชุดกีฬานักฟุตบอลใหม่ๆ เนื่องจากประเทศอียิปต์ตั้งอยู่ใกล้กับทวีปยุโรปมาก ทำให้การจัดส่งชุดนักกีฬาฟุตบอลย่อมใช้เวลาการขนส่งลดน้อยลงอย่างมาก
เป็นเวลามาไม่น้อยกว่า 10 ปี การผลิตสินค้า และการส่งออกสินค้าประเภทผ้าถักทอของประเทศอียิปต์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยในแต่ละปีละ 12% ในช่วงระหว่างปี 2011 ถึง 2020 นอกจากนี้ ประเทศอียิปต์มีบทบาทในการเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาฟุตบอลให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น ชุดนักกีฬาฟุตบอลภายใต้แบรนด์พูม่า(Puma)
แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาระดับโลกต่างๆ ล้วนตัดสินใจย้ายโรงงานและการผลิตชุดเสื้อผ้ากีฬาฟุตบอลจากประเทศไทยไปยังประเทศเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เนื่องจากต้นทุนในประเทศไทยที่สูงกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับในประเทศดังกล่าว
ทั้งนี้ การรายงานโดยอ้างอิงบัญชีผู้ใช้สื่อเอ็กซ์(X) ชื่อว่า @memorabilia1989 ซึ่งเป็นบัญชีที่สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับของสะสมที่ระลึกของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่านั้น บัญชีดังกล่าวใช้งานมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2015 และยังคงโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวสารของสะสมชุดนักกีฬาฟุตบอลอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
#ไนกี้ #ชุดกีฬา #ฟุตบอล #อียิปต์ #ไทย #เวียดนาม #ค่าแรง #ส่งออก #เอเชีย #อาเซียน #BTimes
https://www.facebook.com/share/p/7KnKPj9VhgKR8UVY/?mibextid=oFDknk -
Aug 14, 2024 เศรษฐกิจฉุด ! กสิกรฯ ประเมินประชุม กนง. วันที่ 21 ส.ค. 2567 นี้ คาดยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ต่อเนื่อง แนวโน้มปีนี้จะลดแค่ 1 ครั้ง เหตุศรษฐกิจไทยฟื้นช้าจากปัญหาโครงสร้าง หนี้ยังท่วมนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กนง. ส่งสัญญาณในการประชุมรอบที่แล้วว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ปรับดีขึ้น รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาว อีกทั้งสามารถรองรับความเสี่ยงด้านบวกและด้านลบได้ในระดับหนึ่ง
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าเป็นผลจากปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ การสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน การเข้าสู่สังคมสูงอายุและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งนโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพขยายตัวต่ำลง
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงให้น้ำหนักว่า กนง. จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ไปตลอดทั้งปีนี้ แต่ก็มองความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งในไตรมาส 4/2567 มีสูงขึ้น เนื่องจาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่เคยคาดไว้ โดยล่าสุดตลาดมองว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยถึง 100 basis points ในปีนี้[1] หลังตัวเลขตลาดแรงงานและเงินเฟ้อออกมาอ่อนแรงลง ซึ่งคงส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันให้มีแนวโน้มอ่อนค่า และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า
รวมทั้ง เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ท่ามกลางความเสี่ยงที่มากขึ้นจากอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลง สะท้อนจากดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (PCI) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังปรับลดลงต่อเนื่อง ตลอดจนแรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มกลับเข้าสู่เป้าหมายของ ธปท. 1-3% ในไตรมาส 4/2567 โดยส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2567 อยู่ที่ราว 0.8%
https://www.facebook.com/share/p/wTBDxkTweMMkSawq/?mibextid=oFDknk
หน้า 11157 ของ 11171