ถามปัญหาการฝึกอาโลกสิณ:ลูกแก้วที่เกิดขึ้นเองและภาพในลูกแก้ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ตุปั๊ดตุเป๋, 1 มีนาคม 2018.

  1. ตุปั๊ดตุเป๋

    ตุปั๊ดตุเป๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +107

    หนูขออนุญาตเกริ่นเล่านิดนึงนะคะ ว่าเจตนาในการฝึกกสิณนั้น สืบเนื่องจาก หนูได้ฝันเห็นหลวงพ่อฤาษีฯ ท่านมาบอกให้ฝึกอาโลกสิณ ซึ่งหนูไม่เคยรู้จักอาโลกสิณมาก่อน หนูเลยตรวจสอบก่อน ว่าตัวเองฝันฟุ้งซ่านกินมากหรือเปล่า พอหาข้อมูลแล้วทราบว่า มีอาโลกสิณอยู่จริงๆ ประกอบกับได้สอบถามอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ท่านก็ช่วยตรวจสอบให้ ว่าหลวงพ่อท่านเมตตา มาบอกให้ฝึกจริง เลยตัดสินใจว่าจะฝึกกสิณนี้

    หนูหาข้อมูลการฝึกและตามหาอุปกรณ์ คือ ลูกแก้ว ตามที่เจอคำสอนหลวงพ่อฯ และเนื่องจากไม่สะดวกในการฝึกกับแสงสว่าง เลยคิดว่าฝึกกับลูกแก้วดีกว่า ซึ่งลูกแก้วที่สั่งไปทางร้านจะจัดส่งให้อีกสิบกว่าวัน

    โดยปกติหนูนั่งสมาธิ ทุกวัน วันละ ๓๐ นาที การทำสมาธิของหนู ก็ตั้งจิตไว้ที่ฐานจิตทุกครั้งไม่ส่งออกนอก ทุกครั้งเมื่อจิตนิ่งรวมลงก็จะสงบดี ไม่มีภาพอะไรแทรก

    มีวันสองวันมานี้ที่ ตัดสินใจว่าจะต้องฝึกกสิณควบด้วย เมื่อจิตนิ่งลงไปแล้ว มันปรากฏเป็นภาพลูกแก้วใสขึ้นมาเองนะคะ โดยที่หนูไม่ได้ไปคิดอะไรถึงลูกแก้วเลย ในเวลานั้น ตอนแรกหนูก็งง ว่าลูกแก้วมาจากไหน เพราะทำสมาธิมานานปี ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง พอสักพัก ก็เลยดูลูกแก้วอยู่เฉยๆคะ

    ลูกแก้วที่ตามดูไป เป็นลูกแก้วใสก็จริง แต่ว่าในลูกแก้วมีภาพปรากฏขึ้นมากมายเลยคะ หนูก็ตามดู รู้ว่ามี แต่ไม่ได้ตามไปปรุงแต่งภาพที่มันเกิด ภาพที่เห็นก็มีภูเขาป่าไม้บ้าง ผู้คนบ้าง บ้านเมืองบ้าง ซึ่งเราไม่เคยไป ไม่เคยรู้จักผู้คน หรือ สถานที่เหล่านั้นเลย ภาพที่ปรากฏก็เป็นภาพสีนะคะ แต่สีไม่ได้แจ่มใส เห็นเหมือนเวลาเราใส่แว่นกันแดดไปเที่ยว หรือขับรถนะคะ

    ภาพก็ผุดกันขึ้นมาเรื่อยๆต่อเนื่อง แต่ใจหนูที่ดูอยู่ก็สงบดีนะคะ ไม่ได้วอกแวกปรุงแต่งไปกับภาพที่เกิด ดูอยู่เฉยๆ จนครบเวลาและหนูถอนออกจากสมาธิ

    ปัญหาที่หนูอยากรบกวนสอบถาม คือ

    ๑. หนูสามารถฝึกกสิณโดยอาศัยลูกแก้วที่ปรากฏในสมาธิได้หรือไม่คะ? หรือควรฝึกเมื่อได้รับลูกแก้วของจริงมาแล้ว ซึ่งต้องรอประมาณสิบกว่าวัน

    ๒. ตามที่หนูศึกษาคือ เราต้องจำภาพกสิณให้ติดตาติดใจ จนเป็น “อุคคหนิมิต” รักษาอารมณ์และนิมิตไว้ จนเป็น “ปฏิภาคนิมิต” จิตเข้าสู่อารณ์ฌาน ฝึกเข้าออกฌานให้ชำนาญ และฝึกนิรมิตตามอำนาจกสิณให้คล่องแคล่ว เป็นอันจบกสิณกองนี้

    ถ้าสามารถฝึกกับลูกแก้วที่ปรากฏในสมาธิได้ ภาพที่ผุดมาเรื่อยๆ เมื่อไหร่มันจะหมดคะ หนูก็ดูอยู่เฉยๆ ก็ไม่เห็นภาพจะเลิกผุดในลูกแก้วเลย

    และหนูยังไม่ได้หัดจำภาพลูกแก้วเลยคะ ถ้าลูกแก้วที่ปรากฏในสมาธิสามารถใช้ได้ หนูจะต้องนำไปปะติดปะต่อในขั้นตอนไหนคะ

    เป็นกระทู้แรกของหนูในเว็บนี้ ถ้าเรียบผิดเรียงถูกยังไง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    และขอขอบคุณล่วงหน้า สำหรับผู้ที่เข้ามาให้คำชี้แนะแนวทางแก่หนู เป็นธรรมทาน เพื่อนำไปพัฒนาต่อคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2018
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    1.ได้ครับ ถ้าได้ นิมิต ตรงเลย ไม่ต้องใช้ ลูกแก้วสั่งทำแล้วครับ

    2.ต้องแบ่งออกเป็น 2 เรื่องก่อนครับ คือ อย่างแรก จขกท มี นิมิตดวงกสิณ เพียงแต่ว่า สิ่งที่เป็นภาพที่ผุดมาเรื่อยๆให้เราตามดูนั้น เป็นผลของกสิณ ที่เราจะออกรู้ไปในภาพต่างๆที่เราแสดงครับ เป็นเรื่องการใช้งานของกำลังจิตที่จิตเราเป็นสมาธิ อยู่ ดังนั้นๆ ถ้าต้องการจะฝึกกรรมฐานกสิณ นั้น ให้ ตัดภาพที่ผุดขึ้นมาทิ้งให้หมดครับ ภาพเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ให้เรากำหนดจิต ตัดทิ้งให้หมด แล้ว เพ่ง ดวงกสิณนั้น พร้อมคำภาวนา ไปเรื่อยๆ ครับ แล้ว ถ้ามีภาพอะไรก็แล้วแต่ขึ้นมาแทรก ให้ตัดทิ้งให้หมด ให้จดจ่อ เพ่งดวงกสิณ ไปเรื่อยๆ ครับ

    สรุปสั้นๆให้ว่า

    ให้เพ่ง ดวงกสิณ ที่ปรากฏ นั้น เพ่ง อย่างเดียวครับ ตลอดที่เราปฏิบัติกรรมฐาน ถ้ามีภาพอื่นๆเข้ามาแทรก ให้กำหนดจิต ตัดทิ้งให้หมด แล้ว เพ่ง ดวงกสิณ ครับ

    แล้ว การที่จะทำให้ชำนาญนั้น ก็คือ ทำให้สุดกรรมฐาน ก็คือ ฌาน 4 จนคล่อง ถึงจะเป็นอันจบกสิณกองนี้ ครับ

    ส่วนภาพจะหมดเมื่อไหร่นั้น ถ้าเราไม่กำหนดจิต ตัดภาพทิ้ง ภาพมันก็จะมีมาเรื่อยๆ นั้นละครับ เมื่อไหร่ที่เราชำนาญ เราจะกำหนดอะไรขึ้นมาก็ได้ จะตัดภาพอะไรทิ้งก็ได้ครับ

    ส่วนลูกแก้วที่ปรากฏในสมาธิ สมารถใช้ได้โดยตรง ครับ

    จะนำไปปะติดปะต่อขั้นไหน ก็ ตั้งแต่เริ่มเลย เพ่งที่ดวงกสิณนั้นไปเรื่อยๆ พร้อมคำภาวนาในกรรมฐาน ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2018
  3. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ทำได้ดีแล้วครับ ต่อไปพิจารณาลูกแก้วไว้เฉยๆ ปล่อยภาพทั้งหมดครับแล้วอทิฐานไว้ให้ได้รู้เห็นจริงดังต้องการ กลับไปพิจารณาลูกแก้วให้ใสชัดสว่างไว้ครับอาโลคือความสว่าง กำหนดความสว่างไว้ จะเข้าสู่อัปปานา ภาพที่ปรากดภายในลูกแก้วในขณิกจะหายไปแล้วครับเป็นรู้ชัดในความสว่างในอัปปานาแทน ภาพที่จะปรากดต่อไปเมื่อแนบแน่นจะไม่ใช่ภาพภายในลูกแก้วในขณิกะ หรือครึ่งกำลังครับ จะเป็นเต็มกำลังเหมืแนคุณอยู่ในเกตุการนั่นๆ ทะเลก้คือยืนอยู่ที่ทะเล ทุ่งนาก้คือยืนอยู่ที่นั่นใตรทำอะไรก้เหมือนคุณเดินไปดู เป็นไม่ได้นั่งอยู่แล้วครับจิตไปรู้เสมือนอยู่ที่นั่นจริงปติทัศรอบตัวมองไปทางไกนจะเป็นสถานที่จริงครับ
     
  4. ตุปั๊ดตุเป๋

    ตุปั๊ดตุเป๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +107
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอบพระคุณ คุณ Seber และ คุณ งูๆปลาๆ มากๆเลยคะที่ให้ความรู้

    หนูจะเอาไปทบทวนและฝึกต่อไป ถ้าติดขัดตรงไหนจะรบกวนมาสอบถามเพิ่มเติมอีกคะ
     
  5. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    กำลังชั่งใจว่าจะฝึก อาโลกสินด้วยดีหรือไม่ จะได้มีเพื่อนฝึกด้วย

    ช่วงนึงเคยฝึกได้ถึง ขยายหด ขยับไปมาได้ สั่งได้ครับ แต่ภาพ กสินยังมัวๆ ไม่แจ่มใส เหมือนกลุ่มหมอกขาว กลมๆ ขอบฟุ้งๆ ไม่เห็นขอบชัดเจน ฝึกช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา แต่เลิกไปเหตุเพราะ ไม่มีแดดเลยหลังจากวันที่ฝึกได้ เป็นอาทิตย์ มีแต่เมฆครึ้มๆ ทั้งวัน จะทำอุปกรณ์ ใช้เองก็กลัว แฟนบ่นรกบ้านอีก นั้งจับภาพกสินเองก็ไม่ขึ้น ส่องดูโคมไฟเอาก็ไม่ขึ้นอีก เลยคิดว่า สงสัยครูบาอาจารย์ ไม่ให้เราฝึกหรืออย่างไร พอจะได้หน่อยถึงมีเหตุแบบนี้ หรือกลัวเราได้แล้วจะเตลิด ไปดูหวย 5555
     
  6. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014



    ขอตอบว่า

    1 ดวงแก้วที่คุณใช้ เพ่ง อยู่ เป็น ดวงแก้ว
    แบบเดียวกับที่ วัดธรรมกาย ใช้อยู่
    ดวงแก้วอย่างนี้ จะเรียก กสินอากาศ
    หรือ กสินท้องฟ้า คือ การเพ่งความใสของท้องฟ้านั่นเอง
    ซึ่งจะเป็นคนละอย่างกับ อรูปญานขั้นอากาสาฯ
    การใช้ลูกแก้ว จะเป็น รูปญานแบบเพ่งกสินใสๆ
    และจะใช้งาน คนละอย่างกับ การเพ่งกสินแสงสว่าง
    หากคุณ เพ่งลูกแก้ว ต่อไป จะต้องเรียกว่า การเพ่งกสินอากาส
    หรือ การเพ่งกสินท้องฟ้า

    แต่ การเพ่งกสินแสงสว่าง จะต้องใช้
    แสงที่ส่องออกมาจากที่ต่างๆ แล้วเราไปตามเพ่งมัน
    เช่น แสงพระอาทิตย์ ด้วยการเพ่งแสงที่ออกจาก ดวงอาทิตย์
    เพียงแค่แวบเดียว แล้วก็หลับตานึกถึง ภาพแสงสว่าง นั้น
    แต่ห้ามไปเพ่งพระอาทิตย์ตรงๆเด็ดขาด
    เพราะจะทำให้ ตาบอด ได้
    แสงจันทร์ ด้วยการเพ่งแสงที่ออกมาจาก ดวงจันทร์
    แสงไฟฟ้า ด้วยการเพ่งแสงที่ออกมาจาก หลอดไฟ
    แสงเทียน ด้วยการเพ่งแสงที่ออกมาจาก เทียนไข
    แสงไฟ ด้วยการเพ่งแสงที่ออกมาจาก กองไฟที่เราจุด

    2 คุณต้องรักษา ภาพนิมิตให้ติดตา ด้วยการละทิ้งลูกแก้วนั้นก่อน
    แล้วเอาใจไปจับไว้ที่ กสินแสง แทน
    ห้ามเผลอไปตามดู กสินลูกแก้ว โดยเด็ดขาด
    หากเผลอไป ก็ให้ดึงความสนใจกับมาที่ กสินแสงสว่าง เสมอๆ
    ประมาณ สองเดือน ก็น่าจะเริ่ม นึกภาพกสินแสง ได้
    ที่นี้พอนึกทีไร กสินแสง ก็เด้งออกมารับทันที ก็จะสอบผ่านขั้นแรก
    ส่วนขั้นต่อไป ให้ลองอฐิษฐาน ขอให้กสิน ใหญ่ขึ้น หรือ เล็กลง
    หากทำได้ ก็แสดงว่า คุณฝึกผ่านแล้ว
    เตรียมที่จะเอาไปใช้งานได้แล้ว
     
  7. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    อาโลกณิน พิจารณาไปที่ความสว่าง ลูกแก้วก้พิจารณาที่ความสว่างได้ ไม่ได้พิจารณาไปที่ความใสความว่าง แต่พิจารณาไปที่ความส่องสว่างของแสงที่รวมตัวได้
    การพิจารณาความว่าง เป็นสัญญา ก้ให้พิจารณาในความว่าง ความไม่มีรูปเป็นสัญญา

    พระพุทธเจ้าท่านให้พระสาวกหลายรูปเช่นกันที่พิจารณาในสมถะแล้วเกิดเจโตวิมุติ เช่นพระจูรปันถกพิจารณาผ้าขาว ความขาว ขาว ขาว อย่างนั้น ดังนั้นจึงมีท่านที่ทำสมถะแล้วบรรลุได้ไว และท่านที่ทำวิปัสนาแล้วบรรลุได้ไว

    ส่วนที่พิจารณาในขันธ์ ธาตุ อายตนะ ในการวิปัสนานั้น สมาธิที่เกิดเป็นสัมมาสมาธิคือมี วิตก วิจาร ปิติ สุข เป็นความสงบ สงบจากอะไรสงบจากกิเลศคือ นิวรณ์ เมื่อนิวรณ์สงบแล้วแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นหรือไม่ก้ไม่ใช่ เป็นการที่จิตสงบด้วยกิเลศแต่ตื่นรู้พร้อมพิจารณา สัมมาสมาธิเป็นอย่างไรก้เมื่อจิตเป็นกุศล มีวิตกวิจาร ปิติ สุขอยู่บรรลุปฐมณานแล้ว พิจารณาไปใน ขัน ธาตุ อายตนะ ด้วยสัญญา 10 พิจารณาไปในมรรคนั่นแหละเป็นสัมมาสมาธิ ท่าหากมีสมาธิในอย่างอื่นก้ไม่ใช่สัมมาสมาธิ แต่เป็นสมาธิธรรมดา ที่นั่งละเว้นวางว่างสงบอยู่นั่นก้ไม่ใช่เพราะไม่ได้พิจารณาอริยสัจ

    ต้องไม่สับสนปนเประหว่างสมาธิในสมถะและสมาธิในวิปัสนา พระสูตรอะไรที่ยืนยันอาโลกณินก้พระสูตรที่แก้ง่วงแก่พระโมคคัลลายังไงล่ะมีอาโลกณินเป็นสัญญา แล้วทำไมต้องแก้ง่วงล่ะ เพราะนิวรณ์ธรรมไง ถีนะมิทธะ เมื่อนิวรณ์ สงบแล้วจิตก้พร้อมใช้งาน

    ปล.ผู้ทำสมถะย่อมรู้ว่าประสบการภายในนั้นเป็นอย่างไรพิจารณาดูก้จะรู้ได้เองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2018
  8. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ดวงแก้ว คือ ภาพนิมิตติดตา
    แต่มิใช่ นิมิต นะครับ เพราะนิมิตคือ สิ่งบอกเหตุ
    แต่ ภาพนิมิตติดตา คือ กสินที่เราสำเร็จมาแล้วในอดีต
    เช่น ชาติที่แล้ว คุณฝึกกสินลูกแก้วจนสำเร็จ
    ตอนตาย ถือศีลห้าอย่างดี ตายปุ๊บเกิดใหม่เป็นคนปั้บ ทันที
    นิมิตเลยตามมาส่งผล แล้วก็แจ้งให้ทราบว่า
    กสินลูกแก้วนี่แหละ จะเป็น กสินหลักของคุณ
    ส่วน กสินอื่นหากฝึกได้ ก็ให้ใช้เป็น กสินรอง ไป
    หาก จะดูความเป็น ทิพย์ ก็ให้ใช้ กสินอันหลัก ไปดู
    ส่วน กสินอย่างอื่น เอาไว้ทำงานอย่างอื่น
    แต่ก็อย่าลืมว่า ทิพยะที่เห็น ร้อยครั้งมักจะถูกแค่ครั้งเดียว
    หรือ หมื่นครั้งจะถูกสักครั้งหนึ่ง
    อย่าไปยึดติดคิดว่า เป็น อภินิหาร
    มันก็แค่ สรรพสิ่งที่ถูกสมมุติ ขึ้นมา
    ระวังถูกหลอก จนไม่ได้ เจริญสติ ทำวิปัสสนา เอา
    เพราะเอาแต่ดู ของทิพย์ แต่ไม่มีเสริม ด้านปัญญาญาน
    ระวัง จะเนิ่นช้า
     
  9. ตุปั๊ดตุเป๋

    ตุปั๊ดตุเป๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +107
    เก่งจังเลยคะ ลองฝึกต่อดูสิคะ บางทีอาจเป็นมารขวางก็ได้นะคะ ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ขวาง กลัวเราสำเร็จ

    ของหนูคิดอยากฝึก ไม่ได้อยากได้คำชม หรือฤทธิ์มาประดับตัวเอง แต่ก่อนที่หนูยังลุ่มๆดอนๆ นะใช่ อยากมีฤทธิ์ อยากเจ๋ง แต่พอเข้าใจนิพพานในระดับนึง ก็วาง เพราะไม่เห็นความจำเป็นเรื่องฤทธิ์

    แต่คิดว่าครูบาอาจารย์ท่านมาแนะ บางที การฝึกของเราอาจทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้คะ เพราะหนูอธิษฐานไว้เสมอทุกวัน ว่าเป้าหมายของชีวิตที่เหลือ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก เพื่อค้ำคูณพระพุทธศาสนา และสูงสุดคือพระนิพพานในชาตินี้

    อาจเป็นเรื่องภัยพิบัติใหญ่ที่ใกล้เข้ามา ถ้าเราไม่รอด อย่างน้อยสติเราที่เราฝึกจากสมาธิ คงพอหนุนเราไปภพดีได้เป็นอย่างแย่ อย่างเลิศก็ไปนิพพาน

    แต่ถ้าเรารอด สิ่งที่เราฝึกอาจไปช่วยผู้อื่นต่อได้ในอนาคตคะ เพราะหลังภัยพิบัติไปแล้ว ความเป็นอยู่ของคนที่รอด จะลำบากนิดนึง ผู้มีฤทธิ์ อภิญญา ทรงคุณพิเศษ จะช่วยกันฟื้นฟูบำรุงต่อไป

    อันนี้ ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆนะคะ หนูเล่าสู่กันฟัง ^_^
     
  10. ตุปั๊ดตุเป๋

    ตุปั๊ดตุเป๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอบคุณนะคะ คุณงูๆปลาๆ ได้ความรู้อีกเยอะเลยคะ หนูจะบันทึกไว้ทบทวนคะ
     
  11. ตุปั๊ดตุเป๋

    ตุปั๊ดตุเป๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอบคุณนะคะ คุณnilakarn ที่เตือนใจหนู
    หนูต้องทวนใจตัวเองทุกวัน แทบจะทุกชั่วโมง เวลาใจมันฟู
    ว่าไม่ให้หลง ไม่ให้เหลิง เพราะเป็นคนใจเลว ชอบหลงตัวเอง เดี๋ยวนี้พอเพลาๆลงนิดหน่อยคะ
    มาฝึกนี่ก็กลัวเป๋ๆไปเหมือนกันคะ ก็ยึดเอาหลักของพระพุทธเจ้ามาเหนี่ยวรั้งไว้ ต้องคอยทวนเสมอ ว่าออกนอกทางไปหรือยัง สิ่งที่ทำและจะทำ จะเกิดโทษหรือประโยชน์อะไร กับใคร หรือไม่คะ

    มีหลายคำ หลายประโยคที่ชี้แนะหนูมา แต่หนูปัญญาน้อยนิด ยังไม่เข้าใจคำยากๆ คงต้องไปศึกษาเพิ่มเติมอีกคะ

    ขอบคุณคะ ^_^
     
  12. ตุปั๊ดตุเป๋

    ตุปั๊ดตุเป๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +107
    - ระหว่างทาง -

    ที่หนูเงียบไป 2 วัน ก็ไปลองฝึกจริงจังมาคะ
    แต่ปรากฏว่า....ใจไม่นิ่งเลย ภาพติดๆดับ เคลื่อนไป เคลื่อนมา และอึดอัดมาก
    ระหว่างวัน ที่ไม่ได้นั่งสมาธิ ก็ตั้งภาพไม่ได้เลย ตั้งปุ๊ป หายปั๊ป

    จากเมื่อก่อนที่จะมาฝึก จะตั้งภาพพระ จับได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะทำอะไร
    แต่พอมาจับภาพกสิณ ไม่ได้เลย.....

    และงงจังเลย กับการหาจับภาพกสิณ
    จากที่ใช้ลูกแก้วเดิมที่ปรากฏในสมาธิ ตัดภาพที่ปรากฏออกได้แล้ว นึกเอาแสงมาใส่ในลูกแก้วแทน ลูกแก้วอยู่แต่แสงไม่นิ่ง ประกายพุ่งไปทางนู้น ทางนี้ วิบๆวับๆ และก็หายไปเลย แล้วพาภาพลูกแก้วทึบลงไปด้วย สุดท้ายหายจ้อย...
    รู้สึกอึดอัดและไม่ได้ดังใจมากๆ พาลเอาอารมณ์ใจมันหนักไปเลยคะ

    เลยมานั่งทวนใหม่ สงสัยเราจะแอดวานซ์ข้ามขั้นเกินไป ไปหาจับแสงจริงๆดีกว่า...
    ก็ไปมองโคมไฟเพราะหาง่าย...

    ปรากฏว่า อ้าว!งง โคมไฟมีสีหลายระดับมาก ขาวก็หลายเฉด เหลืองก็หลายเฉด เอาเฉดไหนถึงจะถูกเนี่ย สงสัยมาก งงมาก ปวดหัว T^T

    เปลี่ยน!!! โบราณเขาเอาแสงธรรมชาตินิ
    ไปดูพระอาทิตย์ อ้อ! สว่างดี กลมดี น่าจะเวิร์ค จ้องไป หน้ามืด มันจำไม่ได้ ต้องมองบ่อยๆ น่าจะไม่โอเคกะลูกตามากๆ

    ไปดูพระจันทร์ กลม สว่าง สวย เหมาะดี แต่ความจำปลาทอง แล้วพระจันทร์ก็ไม่ได้เต็มดวงทุกวันด้วย T^T ปัญญาน้อยจังนิ...

    ไปนั่งดูแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านช่อง เอ๊า!! เวลาเปลี่ยน แสงก็เปลี่ยน จำภาพเพี้ยนอีกละ...

    ไปหาดูภาพแสงของท่านอื่นที่ลงไว้ ก็จำไม่ได้

    จะทำอุปกรณ์เองก็กลัวจะเสียเงินเปล่า เพราะความสามารถในการประดิษฐ์ของหนู ต่ำเตี้ยเรี่ยใต้ดินเหลือเกิน

    สุดท้าย เมื่อเช้านี้
    หนูเลยเข้าสมาธิ และใช้มโนฯไปกราบสมเด็จองค์ปฐม แล้วไปนั่งทำใจอยู่ที่วิมานตัวเองสักพัก แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า นิพพานสูงสุด นิพพานนี่สว่าง

    ถ้าหนูอยากฝึกกสิณแสงเอาไปช่วยบรรเทาทุกข์คนอื่น แสงที่พระนิพพานน่าจะเจ๋งที่สุด มีอานุภาพที่สุด
    เลยไปกราบสมเด็จฯท่าน และขอประทานลูกแก้วและแสงมาจากท่าน ท่านก็เมตตาให้มาทั้งลูกแก้วพร้อมแสง หนูน้อมรับและกลับลงมา...

    เอาลูกแก้วที่ได้มา มาตั้งไว้ที่ฐานจิต ดูสักพัก แล้วก็ออกจากสมาธิ
    ปรากฏว่า... ตั้งภาพได้ ลูกแก้วนิ่ง แสงเต็ม สว่างและนิ่ง และนึกภาพจับได้ตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรในวันนี้ ...

    เป็นอันว่า ได้อุปกรณ์ คือ ลูกแก้วแสงสว่าง ที่หนูชอบใจมาแล้วในขั้นต้นนี้
    และจะนำไปเข้าสู่กระบวนการฝึก ตามขั้นตอน ที่พี่ๆแนะไว้ต่อไปคะ

    ติดขัดตรงไหนจะมารบกวนถามต่อไปนะคะ

    - มโนของหนู อาจถูกหรือไม่ถูก แต่ท้ายสุด หนูได้ลูกแก้วแสงสว่างมาใช้เป็นเครื่องมือเพ่งได้ต่อไป หนูก็ถือคิดเอาเองว่านี่น่าจะโอเคสำหรับหนู เพราะจับภาพอย่างอื่นไม่นิ่งเลย คิดว่าเป็นความถนัดในการหาภาพจับส่วนบุคคล อาจเหมาะหรือไม่เหมาะกับท่านอื่นคะ

    ประสบการณ์ในการหาภาพกสิณของหนู เล่าสู่กันฟัง ใครหลงเข้ามาอ่าน ก็ใช้วิจารณญาน หรือ อ่านเป็นนิทานแก้เครียดก็ได้เน่อ ^_^

    เข้าสู่กระบวนการผึกต่อๆไป ปรากฏผล หรือเหลวเป๋ว อย่างไร จะมาเล่าและถามไถ่ ผู้เมตตาในธรรมกับหนูอีกทีนะคะ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ กับผู้เจริญในธรรมทุกท่านคะ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    พูดแบบทั่วๆไปนะ...
    ถ้าต้องการเข้าถึงในระดับที่ใช้งานจริงๆ
    ไม่ใช่แค่เห็นแต่ในนิมิต เห็นแบบหลับตา
    หรือเก่งแต่ในนิมิต แล้วพูดไปเรื่อยเปื่อย
    ป่านว่าใช้งานได้จริง หรือพอให้แสดงให้ดู หรือให้ลอง
    ใช้งานจริงๆและเรียกเป็นพลังงานให้ดู กลับทำไม่ได้นะครับ....
    และก็อาจหลงตัวเองไปวันๆว่าตัวเองไม่ใช่ธรรมดา
    ได้อย่างคาดไม่ถึง

    สิ่งที่ควรตั้งเป้าไว้ในช่วงแรก
    คือ ๑.เพื่อเรียกของเก่าขึ้นมา
    (กองนี้ถูกกับเราที่สุดแล้ว
    เพราะจิตจะเด่นที่สุด รองลงมาคือ สีขาว
    ตามด้วยกสิณกลางทั้งหมด และ กสิณสีอ่อนสุด)


    ๒.เพื่อใช้ประโยชน์ในทางธรรมและผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ......

    และควรจำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า
    ในระหว่างทางของการฝึกกสิณนั้น ไม่ว่าจะพบ จะเห็นอะไร สถานที่ใด
    บุคคลใด ไม่ว่า ไม่ใช่มนุษย์ หรือมนุษย์ หรือจะ ได้ยิน ได้สัมผัส รับรู้
    หรือเกิดสัมผัสรับรู้ต่างๆ ที่มันจะพิศดารแค่ไหน ก็ตามไม่ว่าจะระดับโลก
    ระดับจักรวาล ห้ามๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และก็ห้ามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สนใจทุกๆกรณี
    เพราะตรงนี้ เป็นเทคนิค ที่หลวงพ่อท่านได้กล่าวเอาไว้แล้ว
    และได้ย้ำเสมอมาโดยตลอด และไม่จำเป็นอย่าเอ่ยชื่อท่าน
    ถ้าเรายังไม่เป็นไปตาม แนวท่านที่ท่านได้วางเอาไว้ (ไม่ได้ว่านะ แต่เตือน)
    ดังนั้น ให้เลิกสนใจซะกิริยาทางนามธรรมทุกอย่าง
    ที่ได้พบเจอในขณะที่หลับตา หรือ ลืมตาแล้วเห็นได้ก็ตาม
    อย่าเอามาพูด เอาเล่าเป็นตุเป็นตะ จำไว้
    จนกว่า จะสอบผ่านเรื่องเมตตาและเรื่องความเฉลียวฉลาดในการใช้งาน
    จากภาคส่วนภพภูมิให้ได้เสียก่อน แล้วสามารถเรียกเป็นพลังงาน
    ขึ้นมาใช้งานได้จริงก่อน จำเอาไว้ให้มั่น......


    ไม่งั้นเราจะเก่งแต่ในนิมิต และมันจะทำให้เราหลงตัวเอง
    หลงสภาวะได้อย่างคาดไม่ถึง และจะคิดว่าตนเหนือใครๆ
    ทั้งๆที่ กำลังจิตใช้งานได้จริงเรายังไม่เพียงพอ...ต้องระวังให้ดีๆ...

    ทริคอีกอย่าง จำให้มั่นเอาไว้ว่า ในระดับอุคคนิมิต
    (คือเห็นเป็นภาพ
    เรียกถูก เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม ผู้หญิง ชาย บ้าน ฯลฯ มันเป็นโทษ
    ได้ทุกๆกรณี ดังนั้น เห็นได้ แต่ห้ามไปสนใจ โทษก็คือ
    มันจะทำให้เราเข้าถึงระดับใช้งานได้จริงช้า)......

    ถ้าเห็นภาพพวกนี้แล้วให้ทิ้งเสีย
    (การตามไปดู ถือว่า พลาดอย่างแรง ให้เลิกเสียตอนนี้)
    และเห็นแล้วให้ทิ้งเลย อย่าสน แต่อย่าออกจากอารมย์คือหลับตาไว้ปกติ
    รักษาลมหายใจไว้ให้เป็นปกติ และให้เข้าออกบ่อยๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    คือเห็นแล้วทิ้ง และเข้าไปอีก เห็นอีก ก็ทิ้งอีกและทิ้งอีก และเห็นอีก ทิ้งอีก...

    เพื่อเป็นอุบาย ในการสะสมกำลังสมาธิ ให้พ้นข้ามระดับอุคหนิมิตตรงนี้ไป
    เพื่อให้มันมีกำลังเพียงพอที่จิตจะยกระดับไป ระดับปฎิภาคนิมิตได้
    ไม่งั้น มันจะติดแหง๊ก อยู่ในระดับที่เห็นแต่ภาพ มัวแต่ไปตามดู
    มั่วแต่รักษาอารมย์ไว้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ห่างไกลระดับใช้งานได้จริงๆยิ่งขึ้นไปอีก
    เผลอๆจะยึดติด สัมผัส นามธรรมต่างๆ จนกู๋ไม่กลับอย่างคาดไม่ถึง.........








    ส่วนนี้ขอคัดลอกข้อความมา

    ๑. หนูสามารถฝึกกสิณโดยอาศัยลูกแก้วที่ปรากฏในสมาธิได้หรือไม่คะ? หรือควรฝึกเมื่อได้รับลูกแก้วของจริงมาแล้ว ซึ่งต้องรอประมาณสิบกว่าวัน
    ตอบ ไม่จำเป็นต้องใช้ลูกแก้วก็ได้ ถ้าหากว่า เราอยู่สถานที่ใดก็ตาม
    เวลาใดก็ตาม เหตุการณ์ใดก็ตาม
    แล้วสามารถระลึกเป็นภาพลูกแก้ว ให้ไปปรากฏอยู่บนอากาศ
    ในมุมสูงข้างหน้าได้ในเวลาไม่เกิน ๓ วินาทีอย่างมาก(ปกติไม่เกิน ๒ วิ)


    ๒. ตามที่หนูศึกษาคือ เราต้องจำภาพกสิณให้ติดตาติดใจ จนเป็น “อุคคหนิมิต” รักษาอารมณ์และนิมิตไว้ จนเป็น “ปฏิภาคนิมิต” จิตเข้าสู่อารณ์ฌาน ฝึกเข้าออกฌานให้ชำนาญ และฝึกนิรมิตตามอำนาจกสิณให้คล่องแคล่ว เป็นอันจบกสิณกองนี้
    ตอบ ที่พูดเป็นระดับที่กล่าวแบบหยาบๆ เป็นกลางๆทั่วไป ไม่ได้ง่ายอย่าง
    ที่เราเคยได้ศึกษามาหรอก เด่วเล่าทริคให้ฟังที่หลัง
    ทั่วไปนั้น...การจำภาพติดตาติดใจ
    เป็นช่วงแรกๆ เพื่อเป็นอุบายหรือแนวทางให้จิตสร้างภาพด้วยตัวเองให้ได้ก่อน
    แต่ภาพจะต้องไม่ใช่สร้างจากความคิด ถ้าเกิดจากความคิด ต่อไปจะปวดศรีษะ
    อย่างแรง และจะแป๊ก ไม่พัฒนาต่อ บางคนเลิกฝึกไปเลย.......


    ภาพกสิณที่จะเป็นประโยชน์ต่อไป คือภาพที่ตัวจิตมันสร้างขึ้นมาด้วยตัวมันเอง
    แล้วมันก็ส่งผ่านออกทางเหนือระหว่างคิ้ว มันไม่ส่งทางตาเพราะว่า ลูกตาเป็น
    ช่องทางของผัสสะที่ใช้สำหรับตัววิญญานสร้างไว้แล้วตั้งแต่จะมีกาย
    ดังนั้น มันจึงเลือกไปยังช่องทางเหนือระหว่างคิ้วตรงนี้ เพื่อสร้างภาพ
    ที่เป็นนามธรรมขึ้นมานั้นเอง...และปกติทั่วไป ภาพที่จิตสร้างได้เอง
    แรกๆมันจะไม่ชัด(เรื่องปกติ ถ้าชัดตั้งแต่แรกเนี่ยแปลกๆแระ)
    แล้วมันจะค่อยๆชัดได้เองของมัน ตามลำดับ.......

    การจะสร้างภาพได้ คือ ถ้าหลับตา คือโน้มตาปกติลงมามองที่ลิ้นปี่
    เราจะรู้สึกได้เองว่าเราจะเหมือนมีตาเดียวมองผ่านเหนือระหว่างคิ้ว
    แรกๆมันก็จะมืดๆเป็นปกติ และพอเห็นอุคหนิมิตได้ แต่ไปจะมีอคหนิมิต
    หลอกซึ่งจะสวยกว่าปกติ มาหลอกให้เราไปตามอีก ให้ระวังไว้ด้วย
    และถ้าไม่สามารถเห็นอคหนิมิต นิ่งๆได้ แสดงว่า กำลังสมาธิเรายังน้อย
    ให้มาระลึกรู้ลมหายหายเข้าและออกกระทบที่ปลายจมูก ๓ ถึง ๔ ครั้ง
    แต่ให้ดันลมเข้าออกให้ลึกถึงท้อง ภาพอุคหนิมิตที่หายไปจะขึ้นมาได้เอง
    ตรงต่ำแหน่งเดิมแป๊ะ(อย่าเผลอไปตามที่สวยกว่านะ)


    ถ้าสามารถฝึกกับลูกแก้วที่ปรากฏในสมาธิได้ ภาพที่ผุดมาเรื่อยๆ เมื่อไหร่มันจะหมดคะ หนูก็ดูอยู่เฉยๆ ก็ไม่เห็นภาพจะเลิกผุดในลูกแก้วเลย
    ตอบ เลิกดูซะ แล้วทำตามที่แนะนำข้างบน ไอ้ไปดูมันนั่นหละ คือพลาดอย่างแรงครับ
    แบบคาดไม่ถึง...


    และหนูยังไม่ได้หัดจำภาพลูกแก้วเลยคะ ถ้าลูกแก้วที่ปรากฏในสมาธิสามารถใช้ได้ หนูจะต้องนำไปปะติดปะต่อในขั้นตอนไหนคะ
    ตอบ ในระดับนี้ ปะติดปะต่อ อะไรและใช้งานอะไรยังไม่ได้หรอก เลยคิดซะ
    ให้ดูที่แนะนำก่อนหน้าเรื่องการเข้าๆออกๆ จนถึงปฏิภาคนิมิต
    ไบ้ให้ว่า มันมีความสว่างในตัว พอจำนวนมากๆรวมกัน มันเลยดูสว่างทั้งหมด



    เป็นกระทู้แรกของหนูในเว็บนี้ ถ้าเรียบผิดเรียงถูกยังไง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    และขอขอบคุณล่วงหน้า สำหรับผู้ที่เข้ามาให้คำชี้แนะแนวทางแก่หนู เป็นธรรมทาน เพื่อนำไปพัฒนาต่อคะ

    ตอบ จร้า พอมีต้นทุนเดิมอยู่แล้ว ลองอ่านที่แนะนำไปก่อนนะ



    ปล. พอถึงระดับปฎิภาคนิมิตได้ จะไปได้ อีก ๓ แนวทาง บอกไว้ก่อนล่วงหน้าเลย..
    พอถึงระดับนี้ได้ และลองผิดลองถูกแล้ว ค่อยย้อนมาอ่านก็ได้...
    เชิญเลือกได้ตามใจชอบ....

    ๑.คือแบบที่เราถาม แต่จะต้องทิ้งภาพระดับปฏิภาคนิมิตให้ได้ก่อน

    (ระดับปฏิภาคนะ ไม่ใช่ระดับอุปจารสมาธิ ซึ่งจะต้องผ่านการเข้าๆออกๆ
    ระดับอุคหนิมิตให้ได้ก่อนนะ และไม่ใช่แบบที่ลืมตาเห็นตอนเข้าห้องน้ำได้นะ
    นั่นระดับอคหนิมิต ไว้ซ้อมใช้งานเฉยๆ ไม่มีอะไรเรื่องปกติ สิวๆ)

    และก็ระลึกภาพขึ้นมาให้ได้อีก(ถ้าไม่ทิ้งแล้วระลึก
    จะมีกำลังไม่พอ เราจะถูกดูดเข้าไปในภาพ แล้วจะทำอะไรไม่ได้เลย)
    แล้วค่อยนึกเรื่องที่เราจะอฐิษฐานจิตให้เกิดผล แต่จำเอาไว้ว่า ต้องวาง
    อารมย์เรื่องที่จะอฐิษฐานจิตไว้ก่อนระหว่างวันเป็นด้วยนะ

    (เช่นตัวอย่างจริงๆ ถ้าเราจะ อฐิษฐานขอดูย้อน ชาติที่ ๕ ย้อนมา ๑) คือคิดไว้แล้วลืมๆไปซะ
    พอเข้าถึงตอนระลึกภาพขึ้นมาได้อีก มันจะผุดขึ้นมาเองในเรื่องแรก

    (ถ้าไม่ทำจะนึกอะไรไม่ออกเลย และถ้านึกได้ก็จะหลุดจากอารมย์กลายเป็นมโนทันที)
    สมมุติว่า วางอารมย์ได้ก่อน และเข้าถึงระลึกภาพได้อีก และอฐิษฐานได้นะ
    อารมย์มันจะตกมาเอง ให้เราเฉยๆไว้ ในขณะที่อารมย์กำลังไต่กลับขึ้นมา
    ก็จะเห็นผลเป็นภาพชาติที่ ๕ ได้เอง
    (จะเป็นแค่ครั้งแรกนะแบบนี้)
    ส่วนครั้งที่ ๒ คือภาพชาติที่ ๔ ๓ ๒ ๑ มันจะขึ้นมาเองตามลำดับแล้วแต่การวางอารมย์ไว้
    ระหว่างวันของเรา

    หมายเหตุ วิธีนี้ ต้องฟิตพอตัวนะ กว่าจะถึงระดับหายใจครั้งเดียวแล้วทำได้เหมือนท่าน
    คงไม่ใช่ง่ายๆเน้อ บอกไว้ก่อน แต่ลองทำดูได้นะ
    สิ่งที่ได้ คือ ในเวลาปกติ ตาจะดีกว่าปกติหน่อย จะอยู่ในระดับใช้งานทางตาพิเศษได้
    และถ้าชอบ แนวนี้ ต้องมีความฉลาดในการอฐิษฐานจิตเป็นทุนเดิมนะ เข้าใจนะ

    ๒. ในระดับปฏิภาคนิมิต ให้รักษาระยะห่างภาพเอาไว้ให้ได้
    (จำไว้ ไกลไปทำอะไรไม่ได้
    ใกล้ไปจะโดนดูดไปไหนก็ไม่รู้ ยกเว้นว่า จะมีสติไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน แล้วไปฝึกปั่นภาพต่อ
    ไบ้หน่อย มุมที่เรายืนตรงระเบียงบ้านชั้นสองแล้วมองลงมาที่พื้นนั่นหละเหมาะสุด
    แต่กว่าจะทำได้ คงจะต้องโดนดูดหลายรอบหน่อยนะ เรื่องปกติ)

    เพื่อที่จะปั่นภาพให้ได้ และให้มันหมุนทางด้านซ้ายนะ ย้้ำว่าหมุนทางด้านซ้าย
    เพราะถ้าหมุนขวามันง่ายๆ เพราะร่างกายเรามันมีธาตุเหล็กในเม็ดเลือดดำข้างขวาอยู่แล้ว
    จะไม่ได้กำลังจิตอะไร ถ้าทำได้
    จะมีความสามารถเล่นกับพลังงานได้ ทั้งภายนอก ภายใน พลังงานรวมทั้ง
    กสิณอีก ๙ กองที่เหลือ แบบสิวๆ ในเวลาลืมตาปกติ ย้ำว่าลืมตาปกตินะ
    (แต่ต้องผ่านการทดสอบก่อนนะ )
    ทำได้ แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องการพัฒนาถ้าชอบ

    ๓.ไปอรูปฌานได้ แต่ต้องทิ้งภาพและระลึกภาพและทิ้งภาพให้ได้ก่อนนะ
    ไม่งั้น จะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะอยู่ในสภาวะอรูปฌานได้
    และจะไปได้ถึงระดับ ที่ ๓ ทำไม ๔ ไม่ได้ ก็เพราะว่า ๔ มันฝึกเอาไม่ได้ไง

    (ใครบอกฝึกได้ ไม่อ่านตำรา ก็คิด เอามโนเอาแน่นอน ท้าให้คนนั้นแสดงความสามารถได้เลย
    ในเรื่องเล่นกับพลังงาน ไม่ว่ากสิน หรือภายในหรือภายนอกต่างๆ ถ้า
    ใครบอกฝึกเอาได้นะ เล่าให้ฟังเฉยๆ)

    มันต้องทิ้งเอา ฟังไว้ก่อนแล้วกันเนาะ แต่ต้องวางอารมย์ไว้ก่อนระหว่างวันว่า
    จะพิจารณาอะไรนะ ไม่ว่าอากาศ ความว่าง วิญญาน ทำไมถึงว่า จะได้ถึง
    อรูปฌาน เพราะว่า ระดับ อรูปฯ ๑ ถึง ๓ มันกำลังเท่ากันนั้นเอง

    ปล.ประมาณนี้หละ....(^_^) ตอนนี้เน้นฝึกให้สำเร็จเพื่อใช้งานก่อน
    ต่อไปค่อยมาเน้นเพื่อทำให้จิตสะอาดบริสุทธิ์ขึ้น ด้วยการมาเน้นด้านปัญญาเป็นหลัก
    และทิ้งที่ทำได้ให้หมดทุกอย่าง ยิ่งทิ้งยิ่งพัฒนา ไม่ต้องกลัวมันจะหายเพราะมันไม่ใช่
    สิ่งของที่ทิ้งแล้วอาจหายได้ มันทิ้งคนละแบบกัน
    เพราะถ้าไม่ทำ ที่เคยทำได้มาทุกอย่างมันจะเสื่อมและไม่พัฒนาขึ้นนั้นเอง..
    เอาทีละสเตปไปก่อนเนาะ (^_^)
     
  14. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014



    แนะนำเพิ่มเติมนะครับว่า

    1 กสินแสงสว่าง จะไม่มีรูปร่างตายตัวนะครับ
    จึงไม่จำเป็นต้องทำให้มันกลมๆ

    2 การเพ่งกสินแสงสว่าง ควรเพ่งให้ห่างจาก สิ่งที่เพ่ง
    อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 เมตร ห้ามเพ่งใกล้ๆเด็ดขาด
    จะทำให้หลงใน สี ได้

    3 เพ่งจน ลูกแก้ว หายไป อันนี้ ถูกต้องแล้วครับ

    4 ไอ้ที่เป็น วิบๆวับๆ อันนี้ คือ นิมิตของกสินแสงสว่าง
    ใครฝึกจนคล่อง ให้แสงเหลือแค่ แสงดาวบนฟ้า
    แสดงว่า สำเร็จกสินแสงสว่าง ขั้นสูงสุดแล้ว

    5 เพ่งใหม่ๆ กสินแสงสว่าง จะอันใหญ่มาก
    ต่อไปก็ฝึกย่อลงมาเรื่อยๆ มันจะเล็กลงจนแทบไม่เห็นแสงเลย

    6 ถ้าฝึกเพ่งลูกแก้ว โดย เอาแสงไปใส่ไว้ในนั้น
    หากทำได้ ก็ทำไปเถอะครับ เพราะจริงๆแล้ว
    กสินแสงสว่างที่แท้จริง ไม่มีกำหนดตายตัวหรอก
    มีแต่ประยุกต์เอาทั้งนั้น เพราะบางทีหาแสงยาก
    สู้กำหนดเอาในใจตรงๆไปเลยไม่ได้ ทำได้ตลอด
    แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ของเรานะครับ ที่คุณรับมาจากสมเด็จองค์ปฐม
    ท่านทำให้เราเห็น เพื่อที่จะให้รู้ว่า อย่างนี้ก็คือ กสินแสงสว่าง เหมือนกัน
    เพียรพยายามฝืนใจตัวเองสักเล็กน้อย แค่สองเดือน
    หากทำไม่ได้ ยกเลิก ก็ยังทัน
     
  15. กึกก้อง

    กึกก้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    609
    ค่าพลัง:
    +3,478
    "เลยไปกราบสมเด็จฯท่าน และขอประทานลูกแก้วและแสงมาจากท่าน ท่านก็เมตตาให้มาทั้งลูกแก้วพร้อมแสง หนูน้อมรับและกลับลงมา...

    เอาลูกแก้วที่ได้มา มาตั้งไว้ที่ฐานจิต ดูสักพัก แล้วก็ออกจากสมาธิ
    ปรากฏว่า... ตั้งภาพได้ ลูกแก้วนิ่ง แสงเต็ม สว่างและนิ่ง และนึกภาพจับได้ตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรในวันนี้ ..."

    ทำตามที่ทำมาแล้ว ทรงอารมณ์นี้ให้ได้ทุกวัน ทุกเวลา จนเป็นอารมณ์ชิน นึกถึงเมื่อไหร่ก็เห็นทันที ถ้าระดับความสว่างเปลี่ยนก็ให้เปลี่ยนไป ตามดูไปเฉย ๆ ถ้าระดับจิตสูงขึ้น แสง + ความสว่างจะใสขึ้นตามไป จนกว่าจะสว่างใสเป็นแก้วประกายพฤกษ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2018
  16. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ฝึกอะไรก็ตาม จิตควรผ่องใส ไม่ต้องไปอยากได้อยากมี(มากเกินไป)อธิบายยากเหมือนกันเพราะถ้าไม่อยากมีจะฝึกทำไม 555

    แต่เวลาอยาก มักไม่ค่อยได้ เริ่มหมดแรงเมื่อไร ก็จะเริ่มมา
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    555555555555+


    1. แนะนำว่า ให้อ่าน คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน เล่มนี้ครับ
    http://www.thasungmedia.com/wat/puy/ebook/2555/Kammatharn/#/98/

    หรือไม่ก็ วิสุทธิมรรค แค่ 2 อย่างนี้ รับรองว่า ไม่เพี้ยนหรือฝึกผิดสอนผิดแน่นอนครับ
    https://www.thepathofpurity.com/home/ว-ส-ทธ-มรรค-pdf/


    2.วิธีที่หาภาพมาฝึกใช้งานตอนแรกไม่ถูกวิธี มันก็เลยเป็นไปอย่างที่ จขกท เล่ามาให้ฟังนั้นละครับ

    3.ถ้าจะฝึกกสิณแสง ก็ ฝึกให้สุดที่ ฌานสี่ ให้คล่องเลยครับ แล้วค่อยเปลี่ยนไปฝึก กสิณน้ำ ต่อไปครับ เพราะเท่าที่อ่านดูแล้ว ของเก่ามีมาก่อน ก็ทำให้สุดกำลังฌานสี่ แล้วของเก่าๆที่เคยได้จะกลับมาเองในชาติปัจจุบัน ครับ

    4.เมื่อได้ดวงกสิณตรงมาแล้ว ต่อไป ก็ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว หรือใช้ของหยาบมาแทนแล้วครับ หรือไปหาอะไรมาฝึกอีกต่อไปแล้วนะครับ ให้ไปปฏิบัติให้เต็มกำลังฌานสี่ ให้คล่องครับ คล่องก็ถือ สามารถอธิฐานจิต ใช้ฤทธิ์กำลังกสิณได้ตามที่ต้องการทันที

    5.สุดท้าย เพ่งกสิณ ดวงกสิณจะไม่มีทางหาย ถ้าทำถูกวิธี แม้กระทั้งสุดที่ฌานสี่ ดวงกสิณก็จะไม่หาย ใดๆทั้งสิ้น ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2018
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ปล ถือว่าได้เคยบอกเคยแนะ
    เคยเตือนแล้วเด้อ
    บอกแล้วอะไรที่ ลพ. ห้าม
    อย่าทำ อย่าสนใจ
    เด่วจะหลงตัวเองในอนาคตได้อย่างคาดไม่ถึง ทั้งๆที่ยังไม่สามารถใช้งานได้จริง
    และกำลังจิตยังไม่พอ
    ก็จะหลงคิดว่าตัวเองเก่ง
    กสิณนะ ทุกกิริยาทางนิมิตนะ
    มันทำให้เราหลงทางได้ง่ายๆนะครับ
     
  19. ตุปั๊ดตุเป๋

    ตุปั๊ดตุเป๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่เมตตาแนะแนวทางให้อย่างละเอียด และตักเตือนเรื่องการหลงคะ

    ขออนุโมทนาทุกบุญกุศล ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป สำเร็จกิจทุกประการที่มุ่งหวังตั้งใจนะคะ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ถ้า เตือนกันได้ รับฟังคำเตือนได้

    ขอ กราบอนุฐาติ แซะ

    จะ แซะ ว่า

    หากสำเร็จเจโตวิมุตติ เข้าไปเสวนากับ องค์ประถม อะไรนั่นแล้ว สำเร็จกสิณแล้ว

    ทำไม กลับมา มาเริ่มนับ 0 ฝึกกสิณเหมือนคนไม่เป็นอะไรเลย อีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...