ดิฉันหัดทำสมาธิ แบบมือใหม่ค่ะ ไม่ได้ทำบ่อย แต่เคยอ่านตำรามาบ้าง ของหลวงพ่อพุธ ท่านสอนเรื่ององค์ต่างๆของกรรมฐานที่มี วิตก วิจาร ปิติ สุข แล้วก็เอกกะคัตตา
ลองทำดู ใช้คำภาวนา จากประสบการณ์อันเล็กน้อยที่ผ่านมา คิดว่า วิตก วิจาร เราได้ แต่ปิตินี่ อ่านมาจากเว็บนี้ว่ามีอาการได้ห้าอย่าง เลยไม่แน่ใจค่ะ เช่นน้ำตาไหล ตัวลอย ... เราอาการเราไม่ตรงซักอย่าง
ก็เคยมีว่าพอพ้นจากวิตก วิจารไปแล้ว รู้สึกเหมือนโดนดูดลงไปในห้วงสมาธิ แล้วก็หยุดลงในห้วงจิตที่มืดไปหมด เจออย่างนี้ครั้งแรกพอเริ่มรู้ตัวว่ารอบข้างไม่มีอะไรเลยก็ตกใจ สมาธิถอน แต่ครั้งหลังๆนี่เริ่มชินค่ะ อ้อ แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแบตเตอรี่ที่กำลังได้รับการชาร์ตไฟ รู้สึกอิ่มเอิบ ทำสมาธิได้ลึกแค่นี้ ร่างกายก็พอคลายความปวดเมื่อยได้ อาการอย่างนี้เรียกว่าเป็นปิติ หรือสุขคะ หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่าง?
ส่วนนิมิตรอะไรก็ไม่เคยมีนะคะ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ
<!-- / message -->
ถามผู้รู้ ช่วยมือใหม่หัดนั่งสมาธิหน่อยค่ะ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Toutou, 10 เมษายน 2005.
-
เข้ามาอ่านครับ
-
อ้อ แล้วก็มีตอนที่จิตกำลังเข้าสู่สมาธิ บางทีเห็นในคลองจักษุเป็นวงแสงที่ขอบไม่เรียบ จากวงใหญ่ แล้วก็หดเล็กลง แล้วก็มีอีกวงใหญ่ หดเล็กลง อย่างนี้ไปเรื่อยๆน่ะค่ะ
บางครั้งรู้สึกว่าจิตกำลังค่อยๆยกระดับขึ้น ความรู้สึกเหมือนเครื่องบินกำลังไต่เพดานบินยังไงยังงั้นเลย
อยากทราบว่าคนอื่นประสบเหมือนกับดิฉันหรือปล่าว... -
ควรนั่งแบบวิปัสนาครับ คือการประคับประคองสติ ระลึกรู้ลมหายใจและสัมผัสทั่วกาย อยู่ตลอดเวลา
นิมิตร หรือสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเพียงารมณืของจิตที่กำลังจะรวมตัวเป็นสมาธิเท่านั้น อย่าเผลอไผล
ละทิ้งลมหายใจไปยึดติดกับมัน อะไรจะเกิดขึ้นก้ไม่ต้องไปสนใจ ยึดลมหายใจไว้อย่างเดียว
แล้วจะก้าวหน้าเองครับ -
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ ;>
-
ขอบคุณที่มาช่วยกันตอบนะครับ.... ผมขอยืมเทคนิคด้วยเหมือนกัน ก็มือใหม่นี่หว่า..(b-deejai)
-
เท่าที่ลองดูนะคะ วิธิอาณาปนสติ คือกำหนดลมหายใจ ไม่ได้ทำให้จิตดิฉันสงบลงได้เท่ากำหนดคำบริกรรมค่ะ เป็นเพราะอะไรคะ?
-
เป็นเพราะสมาธิคุณจดจ่ออยู่กับคำบริกรรมมากกว่าลมหายใจครับ
ไม่ได้กวนนะครับ ถ้าคุณทำอานาฯ มันทำสองอย่างพร้อมกันถูกมั้ยครับ คุณต้องคอยดูลมด้วย คอยกำหนดลมด้วย มันไม่รวมลงเป็นหนึ่งครับ พอคุณบริกรรมอย่างเดียว มันชัดเจนขึ้นใช่มั้ยครับ เพราะมันทำอย่างเดียวงัยครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องลมอีกต่อไป
อีกอย่าง เป็นเรื่องของจริตด้วยครับ
เป็นเพียงคำตอบในปัญหาที่คุณถามครับ -
กำหนดลมหมายถึงกำหนดคำภาวนานั่นแหล่ะครับ
ส่วนปิติกับสุขมาพร้อมกันนะครับ พอมีแสงมันก้อจะมีเงา พอปิติมา สุขที่ได้จากปิติก้อเกิดขึ้น อาการเมื่อยล้าก้อหายไป
หลวงพ่อพุธท่านสอนดีแล้วนะครับ ท่านสอนแนวมหาสติปัฏฐานครับ -
การพัฒนาสติในการภาวนา
ลองเข้าไปดูกระทู้นี้นะค่ะ มีประโยชน์มากๆ -
ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำค่ะ ;>
-
ขอโทษนะครับ .....ผมไม่ใช่ผู้รู้นะครับ...แต่ขอนำประสบการณ์ที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำไว้มาเล่าสู่กันฟัง
ท่านบอกว่าให้นั่งภาวนาอะไรก็ได้แล้วแต่ชอบ แล้วไม่ต้องสนใจว่าจะได้อะไร อยู่ภาวะไหน ให้รู้เพียงนั่งสมาธิภาวนาไปเรื่อยๆ พอสบายๆ แล้วอยู่กับมันสักพัก แล้วถอนกลับมาพิจารณากาย บ้าง อสุภะบ้าง ทุกข์ของการเกิดบ้างเพื่อตัดการยึดมั่นในกายของเรา กายของผู้อื่น และทรัพย์สมบัติทั้งหลายพอพิจารณาไปสักพักเข้าสมาธิต่อไปสักพัก แล้วถอนกลับมาพิจารณาว่าวันนี้ทั้งวันสังโยชน์10 เราเราได้เกิดกิเลสข้อไหนไปแล้วบ้าง แล้วพิจารณาว่าทำไมเราถึงเกิดกิเลสตรงนั้น เสร็จแล้วรู้เหตุการที่เกิดกิเลส ก็พิจารณาละมันให้เกิดความชำนาญในการละ พอทำไปจนเห็นกิเลสที่เกิดทั้งวันหมดแล้ว
ก็ให้มาดูว่า วันนี้ เราทำบารมี10 อะไรไปบ้าง เราทำทานไหม เรามีศีลไหม เราได้ใช้ปัญญาค้นหาหรือ ระงับกิเลสอะไรไหม หรือ เรามีวิริยะ ขันติ เมตตา หรืออุเบกขาอะไรบ้าง ให้ดูในบารมี10 แล้วก็สงบจิตแผ่เมตตา แล้วนอนสมาธิหลับไปเลย
ท่านเน้นว่าอย่าสนใจว่าสมาธิเราเคยได้อะไร หรือ เราอยู่ตรงไหนให้ภาวนาเรื่มต้น ไปเหมือนเราไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน ทำไปอย่าสนใจว่าสมาธิอยู่ตรงไหน เอาเพียงให้สบายใจ เบาๆ ก็พอมันจะไปลึก หรือมันจะฟุ้งซ่าน ก็รู้ไว้ อย่าไปยึดกับอิรมณ์ ที่เกิด เมื่อวาน เคยนั่งได้ดี เราอย่าไปคิดถึงอารมณ์เมื่อวาน ให้ดูว่าปัจจุบัน เราเริ่มทำสมาธิ เราดูตรงนี้
..........ก็ขอให้ลองพิจารณาดูนะครับ[b-wai] [b-wai]