ถามเรื่องวิญญาณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย digimon1234, 17 ตุลาคม 2019.

  1. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ถ้าวิญญาณเราดับหมด แล้วจะเป็นอย่างไรคับ ถามอะไรแปลกๆก้ขออภัยนะคับ
     
  2. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ก้ต้อง ฟังธรรม ของ ศาสดา ให้มากๆ

    ศาสดา ตรัสว่า จิต นั้นเปน ธาตุ
    อันเกิดจาก เหตุ

    ไม่ใช่ สิ่งเกิดลอยๆ เปน อมตะ มา
    แต่ปางไหน

    หาก เหตุ ยังมี จิตย่อมตั้ง ขึ้น ทันที
    ( อภิธรรม จะกล่าวว่า หลังจาก จุติ
    ก้จะ ปฏิสนธิ ทันที ไม่มีระหว่างคั้น )

    เรียกว่า วัฏฏ

    ที่นี้ เหตุ ที่จิตอาสัยเกิด เราจะ
    รู้จักกันว่า กรรม.บ้าง วิบากบ้าง

    เจตนาบ้าง ตัณหาบ้าง

    อุปทานบ้าง อุปาธิบ้าง

    เรียกว่า หากยังมี อวิชชา จิตย่อม
    ปฏิสนธิขึ้นใหม่แน่

    เว้นแต่....

    ฟังดีๆนะ

    เว้นแต่ จะ แจ้ง หรือ เหน ธรรม ซึ่ง
    ไม่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ ปรากฏใน ธรรม
    นั้นๆ จิตย่อมดับ ใน ธรรมธาตุ นั้น

    ลอง ตะแคงหู ฟังธรรมศาสดา เอานะ

    หากเปน สาวกธรรม.จิตไม่เกิดไม่ดับ
    จิตพกผ้าขาว ไว้คอยปิดพระโอษฐ์
    ศาสดา โบกเชียร สาวกธรรม


    ปล. ถ้า งง หลักๆ คือ ลด ละ เว้น
    อกุสลธรรม หมั่นอาสัย กุสลธรรม
    เปนอุบายแจ้งอริยสัจจ
     
  3. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ถ้าจิตไม่เกิดกรรมจะมีผลอะไรใหม่คับ
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จิตไม่สูญ
    ถ้า จขกท. เข้าใจว่า วิญญาณ คือ จิต


    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    "ดวงจิตนี้ไม่เคยสูญ แดนพระนิพพานมีจริง หลวงปู่มั่นเล่าว่า พระพุทธเจ้าหลายพระองค์
    เสด็จมาเยี่ยมท่าน"

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    "จิตวิญญาณมันไม่ใช่ของแตกของทำลาย แลไม่ใช่ของสูญหาย พระพุทธเจ้าสอนให้จิตมันเที่ยง เหมือนพระนิพพานเป็นของเที่ยง ไม่แปรผัน ยักย้าย สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็ฯทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
    "นิพพาน คือว่างจากกิเลส จิตวิญญาณของพระอรหันต์ไม่สูญ ที่วิญญาณสูญนั่นคือวิญญาณในขันธ์ ๕ เท่านั้น "

    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ
    "สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดยึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่ในกลางป่า หรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้งสามก็ปรากฏแก่เราอยู่ทุกเมื่อ"

    ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก
    "ตายแล้วจิตยังติดต่อกันได้

    หลวงปู่ลี ธมมฺโร วัดอโศการาม
    " โลกนิพพาน ไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย กายเป็นของสูญ จิตเป็นของไม่สูญ ไม่ตาย จิตที่ดับจากกาย ย่อมหายไป เหมือนกับไฟที่ดับจากเทียน"

    หลวงพ่อเกษม เขมโก
    "พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ในโลกนี้ ท่านอยู่นอกโลก

    หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ
    "ส่วนกายพระอรหัต ถ้าถึงพระอรหัตละก็ นิจจัง สุขัง อัตตาแท้ๆ กายธรรมมีขันธ์เหมือนกัน แต่เป็นธรรมขันธ์ ท่านไม่เรียกเบญจขันธ์ เป็นธรรมขันธ์เสีย มีธาตุเหมือนกัน เป็นวิราคธาตุ เป็นวิราคธรรมม

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    "องค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า ...โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ... พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับ

    อดีตพระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส)
    " พระธรรมกาย ได้เแก่พระกายอันบริสุทธิ์ ไม่สาธารณะแก่เทวา และมนุษย์ หมายถึงจิตที่พ้นจากกิเลสแล้ว เป็นพระกายที่เที่ยงแท้ไม่สูญสลาย อินทรีย์ของพระอรหันต์ประณีตสุขุม แม้ตาทิพย์ของเทวดาก็มองไม่เห็น

    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
    "พระ นิพพานมีอยู่ไม่เสื่อมสูญ พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล ถ้าเราเป็นพระอรหันต์ พระโสดาบันเมื่อไร เมื่อนั้นแหละจึงจะเห็นจะรู้ที่อยู่พระพุทธเจ้า ที่อยู่ของพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย"

    ลวงปู่บุดดา ถาวโร
    "นิพพานไม่สูญ เป็นแต่อาสวะกิเลสสูญ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก มันสูญ แต่ สังคตะธรรม อสังคะธรรม วิราคะธรรม มันไม่ได้หมดไปด้วย

    ลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    "นิพพานเป็นของว่าง ไม่มีตัวมีตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    "นิพพานไม่ได้สูญ ไม่ได้อยู่ตามที่โลกคาดคะเนหรือเดากัน ทำจริงจะได้เห็นของจริง รู้จริง และจะเห็นนิพพานเอง เห็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านบริสุทธิ์เอง และหายสงสัยโดยประการทั้งปวง

    พระเทพสิทธิมุนี
    (พระอาจารย์โชฎก ญาณสิทธิ)
    " พระอรหันต์มี ความว่างจากตัวตน-ของตน โดยสิ้นเชิง มีอิสระเหนือทุกอย่าง ที่เรียกว่า "ว่าง" นี้ คือไม่ใช่ว่างชนิดที่เขาพูดกันว่า เช่นว่า จิตนึกคิดอะไรไม่ได้ กายก็แข็งทื่อเป็นท่อนไม้ แต่ที่ถูกนั้น เป็นความว่างจากกิเลส ว่างที่เฉลียวฉลาดที่สุด"

    หลวงปู่อ่ำ พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต)
    "พระพุทธกัสสป เมื่อดับขันธ์ปรินิพพาน เข้าเมืองแสงใส ซึ่งก็คือเมืองแก้วแสงใส ชื่อไทยนี้ คนไทยคงเรียก นิพพาน มานานแล้ว ปราชญ์บัณฑิตโบราณาจารย์จึงกล่าวเสมอๆ เช่น ถึงเมืองแก้ว อันกล่าวแล้ว คือ อมตมหานครนฤพาน ดังใน มหาเวสสันดรเทศนา กุมารกัณฑ์

    พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์
    (หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา)
    " นิพพานเป็นแดนแห่งความมั่นเที่ยง นิพพานแล้วเป็นสุข นิพพานมีสาระเป็นแก่นสาร นิพพานมีความเป็นสุขอย่างยิ่ง พระนิพพานไม่ใช่อัตตา พระนิพพานเป็นปัจจัตตัง"


    อ่านเพิ่มเติมข้อมูล http://www.pantip.co.../Y10019595.html
     
  5. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อย่า ตั้งคำถาม ด้วยมุมมองนี้

    ให้ กล้าๆ หน่อย ที่จะปรารพแบบ
    บัณฑิต .....

    เช่น ถามว่า

    " ถ้าสิ้นตัณหา แล้ว ....."

    หรือ

    "ถ้า สิ้นอุปทาน แล้ว .... "

    นะ

    ถ้า ผลืก อุบายในการถาม ให้เปน ธรรม

    หากได้ การแจ้งชัด หนทางของ
    การสิ้นตัณหา หรือ อุปาทาน

    จขกท จะ ทราบเลยว่า ไม่ต้องสดับ
    คำตอบจากผู้อื่น ไม่ถามแม้นจาก
    สาวกหน้าไหนๆ

    จขกท สามารถ นิ่ง เงียบ ได้ ชิวๆ

    เปน ผู้ใหญ่ที่ บริบูรณ์

    ไม่ใช่เด็ก ที่ ต้องให้ใคร พูดสิ่งใด
    มาคอย ประคับประคอง ให้ฝึกหัด
    ปฏิบัติธรรม เหมือนเด็กปากไม่
    สิ้นกลิ่น นิพพานเปนเขต เปนแดน
    มีตัว มีต่อน

    ลองดูนะฮับ

    ผลิก อุบายในการถาม ก้มีค่ายิ่ง

    ธรรมของ ศาสดา จะต่างจาก สาวก

    ธรรมะของ ศาสดา แม้นก่อนจะ
    ตายแม้นไม่ได้ โสดาบัน ก้ยัง
    แจ้งนิพพาน ใน ขณะจิตสุดท้าย
    ได้ โดยชอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2019
  6. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    คําบัญญัติ ไปทางเดียวกัน

    แต่ความเข้าใจ เป็นของเฉพาะตน

    เมื่อมีความรู้ในเบื้องต้น ของทางเดียวกัน

    สร้างความรู้ในขันธ์ 5 มีโทษอย่างไร เห็นโทษ เห็นภัย เห็นความทุกข์ยาก ในขันธ์ทั้ง5 ว่า อนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ดับงัยฮับ??
    พยายามดับมันหรือรอดูมันดับเอง
    แล้วความหมายของวิญญาณที่กล่าวนั้น
    หมายถึงอะไร มีหน้าที่อะไร ใช่ผีย์รึป่าวฮับ
     
  8. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ทำไมมันลงคลองไปเรื่อยเลยคับ ไปถุกทางไมนิ
     
  9. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    น่าจะคล้ายผีนะคับ งืมๆๆ
     
  10. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ถ้าวิญญาณไม่มี เวทนาจะไม่เกิด เราจะทำงานทำการไม่ได้จริงรึเปล่าคับ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ต้นไม้ ทำงานได้ไหม
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    การที่ตัวจิตจะเริ่มค่อยๆคืนตัวเองได้
    หรือค่อยๆเริ่มที่จะคลายตัวเอง บ่อยๆ
    ไม่ก่อเป็นก้อนกลมๆ จนกระทั่ง
    กลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้ได้ด้วยตัว
    ของมันเองนั้น มันมีเหตุมาจากการดับ
    ตัววิญญานการรับรู้ ที่มันชอบส่งออก
    จนเราเรียกได้ว่าการเกิดนั้นหละครับ
    ไม่ว่าเหตุแห่งการเกิดหรือส่งออก
    จะเกิดจากภายในใจเราเอง
    หรือภายนอกส่งเข้ามาก็ตาม

    เพียงแต่การดับของตัววิญญานนี้
    มันมีทั้งแบบ ๑. ยังมีตัวไปกระทำให้มันดับ
    เช่น สมาธิ ตบะ ฌาน ญาน ปัญญา กำลังจิต กำลังบุญ หรือเทคนิควิธีทางกรรมฐานต่างๆ
    ซึ่งยังไม่ถือว่าดีที่สุด แต่ก็สามารถใช้งานได้อยู่ เพราะว่าเป็นแบบชั่วคราว
    และ ๒. แบบที่เป็นไปตามธรรมชาติ
    ของมันเอง ซึ่งก็มีเหตุเริ่มมาจากข้อที่ ๑ ก่อนนั่นหละครับ


    แล้วจะเป็นอย่างไรต่อมา ก็เป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิตดวงนั้นๆนั่นหละครับ
    เช่น ถ้าสะสมด้านปัญญาบารมี ก็จะเริ่มเข้าใจธรรมที่ละเอียด ลึกขึ้นไปตามลำดับ
    ถ้าสะสมด้านความสามารถอะไรมาก่อน
    ความสามารถทางด้านนั้นๆก็จะค่อยๆขึ้นมา


    เพียงแต่การค่อยๆขึ้นมาแบบนี้ มันมีวาระ
    ของมัน ไม่สามารถจะบอกได้ว่า กลับขึ้นมาแค่ไหน เหตุเพราะการสะสมที่ผ่านมา
    ของแต่ละดวงจิตต่างกัน

    ต่อไปการทำงานของกายจะกลายเป็น
    สติและปัญญาทำหน้าที่แทนความคิด
    ที่เกิดจากจิตในอดีต และอาการต่างๆทางกายจะเป็นเพียงกิริยา


    ปล. เวลานามธรรมดับ ควรระลึกว่า
    มันยังอาศัยอยู่ในรูปธรรมนี้อยู่
    มันยังไปด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกันอยู่
    อาศัยเรียนรู้เข้าใจกันและกัน
    จะได้ไม่งงๆตัวเองครับ
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถ้าเคย "ดับ" มาก่อนก็จะรู้ได้ว่า
    +++ มัน "ดับ" แต่เรายัง "รู้อยู่"
    +++ "สภาวะรู้นี้" ไม่ดับ แต่ "สังขารจิต" มันดับ
    +++ ถ้าเคย "ดับ" มาก่อนก็จะรู้ได้ว่า "มันไม่แปลก"
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ "กรรม" เป็น "สังขารจิต"
    +++ ดังนั้น "จิตที่ไร้สังขาร"
    +++ ย่อมเป็น "สภาวะรู้" อย่างเดียว
    +++ ดับจิตเป็น อยู่กับ "รู้" ในเวลาดับ
    +++ ทำได้เมื่อไร "ก็รู้ได้เอง" เมื่อนั้น
    ==================================================
    1.สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมเป็นคำสอนอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นความจริงแท้ เป็นหลักครองชีวิตอันประเสริฐ

    2.สันทิฏฐิโก พระธรรมนี้ผู้ปฏิบัติตามจะเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเชื่อคำผู้อื่น ผู้ที่มิได้ปฏิบัตินั้นแม้จะมีใครมาบอกและอธิบายให้ฟังก็ไม่อาจเห็นได้

    3.อกาลิโก ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาปฏิบัติตามได้พร้อมบริบูรณ์เมื่อใดก็เห็นผลเมื่อนั้น เป็นจริงตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย สิ่งที่เนื่องด้วยเวลาเป็นสิ่งที่มีเกิด มีเปลี่ยนแปลง มีดับไปตามเวลา แต่พระธรรมเป็นจริงอยู่เสมอเป็นนิจ

    4.เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้มาดู คือ พระธรรมเป็นคำสอนที่ควรจะเชิญให้ใครๆ มาดู มาพิสูจน์ มาตรวจสอบ เพราะเป็นของที่จริงตลอดเวลา

    5.โอปะนะยิโก ควรน้อมเข้ามา คือ เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้าไว้ในใจเพื่อยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต จะได้บรรลุถึงความหลุดพ้น

    6.ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ คือวิญญูชนรู้ได้เฉพาะตน คือพระธรรมนี้เป็นสิ่งที่วิญญูชนจะรู้ได้ และการรู้ได้นั้นเป็นของเฉพาะตน ต้องปฏิบัติตามจึงจะรู้ ทำแทนกันไม่ได้ แบ่งปันให้กันไม่ได้ ต้องประจักษ์ด้วยตนเอง
    ==================================================
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ทำได้เมื่อไร ก็รู้ได้เองเมื่อนั้นนะ...
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ถ้าวิญญาณที่ว่า หมายถึงวิญญาณไหนฮับ
    วิญญาณที่เป็น ผะผะผีย์ที่ทำหน้าที่ ออกไปหลอกชาวบ้านตอนมืดๆ
    หรือเป็นวิญญาณขันธ์ที่ทำหน้าที่ผู้รู้ คือรู้สิ่งที่ถูกรู้
    ที่ผ่านมาจากเวทนา สัญญา สังขาร
     
  17. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ไม่แน่ใจคับ แต่ถ้าสภาวะเกิดนี้โดนมันเล่นเลย
     
  18. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    เจ้าตัวนี้น่าจะแปลงร่างมาคับ หลอกว่าเป็นกิเลสมนุดโลก โลกมี 5 ระดับ เจ้านี้ระดับ7
     
  19. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    จิต เปน ธาตุ ....

    อาสัย มหาภูตรูป มีในที่ใด
    จิตก้จะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ
    ดับไปใน ที่นั้น

    จิต จึงมี พฤติกรรม ไหลรวม
    ลงในที่ต่ำ

    ไหลลงคลองไปเรื่อย เหมือน
    ช้างตกหล่ม จะปีนขึ้น หาก
    หยุดพัก หรือ เพียรเกิน ก้กลับ
    ไปแอ้งแม้ง เปนธรรมดา

    ก้เพราะ จิต มันจะต้องเกิด
    มันก้ต้อง ไหลกลับไปหา มหาภูตรูป
    รสอร่อยแห่งรูป เปน วัฏสังสาร
    ตาม ปรกติของ จิต

    ทีนี้

    ความที่ ภพ มนุษย์ จิตจะมีลักษณะ
    เด่นขึ้นมา หนึ่งอาการ คือ เปนจิต
    ใจสูง มักน้อมไปทาง พิจารณา
    สิ่งที่กำลังปรากฏทุกข หรือ ปัญหา
    แล้ว หาทางแก้ หาทางออก

    จึง เกิดความรับรู้ สภาพทุกขสัจจ
    ที่ จิตมีปรกติไหลลงต่ำ ..ถ้า จิตนั้นๆ
    ปรารภความเพียร หาอุบายนำออก
    ไม่ใช่แค่หาที่พึ่ง ที่โบ้ย เออ ออ ห่อ
    หมก ทำตามๆกันไป

    ก้จะค่อยๆ รู้ชัด จิตที่มีปรกติ ต้อง
    อาสัย มหาภูตรูป ในการเวียน
    บังเกิด รวมร่าง(กายคตา)

    ถ้า เอาอาการ กายคตา อาการ
    ของจิตที่ โกยเอา รูปอื่นๆ มา
    เปนตน ของตน เนืองๆ .....หาก
    ฉลาดในหนทาง ไม่ไหลไปใน
    ทางอกุสล ก้จะกลายเปน
    3มหาเทพ มนุษยเทโว มนุษย
    พรมโม มนุษทองพูนโคกโพ(ราษ
    ฏรเต็มขั้น)

    แต่ถ้า เผลอไปรวมทาง อกุสล
    ก้จะกลายเปน มนุษยเดรัจฉาโน
    มนุษยสเปโต ลบ50

    อะไรงี้


    ปล. อย่าลืมนะว่า การรวมร่าง
    เปนมหาเทพ จิตเบา กายเบา
    สะอาด ผ่องใส มันยังเปน
    ....การหย่อน..การกำหนด
    รู้ว่า จิตมีปรกติอาสัย มหาภูต
    รูปในการปรากฏ ราตรีหนึ่งเกิดขึ้น
    ตั้งอยู่ กลางวันดับไป (ทั้งวันยันค่ำ)

    ปล.2 อุบายนำออกจากทุกข์ คือ
    ทำการเหน สัจจ ตามความเปน
    จริงของจิต ด้วยการเหนอย่าง
    ที่ศาสดาชี้ไว้ดังกล่าวเนืองๆ ก้
    จะพึงหวังได้ ในการเหน อุปาทาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2019
  20. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    มาทบทวนกันนะครัช

    คำธรรมะ เข้าใจง่าย

    กายคตา .... คุง ดีจีม่อม(ม) จะเหน
    ได้ชัดคือ

    อาการไหลลงคลอง ...1
    อาการโดนย้อมให้ไหลลงต่ำ ...1
    อาการกระซิบ หอกแทงยุแหย่ใจ ...1
    ...ฯลฯ

    ทีนี้ กายคตาสติ ( เติมคำว่า สติ เพื่อ
    บัญญัติ เปนชื่อ วิธีการฝึก อาสัยระลึก
    การ ปรากฏของกาย การประชุมกัน
    ขึ้น การที่มันขยุ้มรวมกัน ไหลรวมกัน
    เปนกลุ่มกันกระซิบ "ลวงเลื่อนเคลื่อน
    ไหล(มน อ่าน มะนะ เปนอีกชื่อ ของ จิต)"
    ......

    ทีนี้ กายคตาสติ ที่ คุง ดีจีม่อม ใช้หาก
    อาสัยการดู ดีจีม่อน จริงๆ ความเด่น
    ชัดที่โลกเขาจะ อื้อหือ อ้าหา ชื่นชม
    นั้นจะไกลจาก สมณะรูป ( เปนรูป
    อีกแบบ ทีมี สาทะ รสอร่อยให้ไหล
    หลง เกิด มะนะ หรือ มานะ )

    ดังนั้น หาก จขกท ฉลาดในหนทาง
    ไกลข้าศึก ...ก้จะต้อง ถือบวช
    สาทะแห่งรูป จะ ปราณีต งดงาม
    ที่สุด กว่า ดูการตูนอยู่กับ้าน

    สาทะ( เศษส่วน ฐานา ฐานะ สถานะ)
    แห่งรูป ที่เปน สมณรูป นั้น ทำไมบาง
    คนได้มาโดยง่าย บางคนต่อให้เปน
    อรหันค์ก้ไม่สามารถ อยู่ใน สมณรูปได้

    ก้ เพราะ กรรมชั่ว ที่ ฆราวาส ก่อไว้
    เช่น ด่าว่า พระ เที่ยวจี้ชี้ รังเกลียด
    ให้รังเกลียด พระที่ ทุสีล

    เท่านี้ กรรมชั่วดังกล่าว จะส่งผลให้
    ฆราวาสแม้นอรหันต์ ก้ ไม่สามารถ
    ปลงใจไหลรวมลงใน สมณรูป ได้

    ( จขกท จะเหนว่า พระทุสีล ที่ครอง
    ผ้าได้ จะมีความประเสริฐกว่า ฆราวาส
    แม้นอรหอยหัน )

    นะ

    หากเข้าใจ การโน้มน้อมไปใน รูป
    ที่เปนกุสล ห่างไกลข้าศึก จขกท
    ก้พิจารณาเอา หากมี วาสนา นาไม่
    น่วม กรรมชั่วไม่บดบัง ก้จะได้มา
    ไม้ยาก ไม่ลำบาก ....หายใจปึ๊ดเดียว
    เครื่อง อรรถบริขาร จีวร ก้จะ มารวม
    ร่าง พ้นความเปน มหาเทพขิงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2019

แชร์หน้านี้

Loading...