คุณ นี653 ภายหลังจากไปงานเป่ายันตร์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุนมาแล้ว
คราวนี้กลับมาซ่าส์ได้เหมือนเดิม ???
ถ้าพูดว่า"ปลง" และ"ปล่อยวาง"คุณจะคิดถึงเรื่องอะไรกันบ้าง ?
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บุคคลทั่วฺไป, 10 กรกฎาคม 2016.
หน้า 4 ของ 5
-
-
รับที่บ้านคะ
พาแม่ไปไหว้พระคะ
ขืนไปที่วัด
อาจเละเป็นโจ๊กคะ....คนเยอะจัดคะ
5555+ -
กินน้ำอัดลมบ่อยคะ
เลยซ่าเกินไป
เดี๋ยวหยิบน้ำแข็งออกให้คะ
จะได้ไม่กระทบกระทั่งรุนแรงเกินไปคะ
ต้องขอประทานโทษคะ
ถ้าอ่านแล้วแสลงมากเกินไป -
คิดถึง รูป นาม เพราะอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่ง อนิจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งเป็นไปตามกฏอิทัปปัจยตา อธิบายได้โดยหลักปฏิจจสมุปปบาท
. >จึงยอม "ปล่อยวางความยึดถือมั่น" เพราะรูปนามเป็นเพียงสมมุติบัญญัติเท่านั้น เพียงอุบายของอวิชชาที่ล่อหลอกให้เวียนว่ายวัฏฐะ
>แต่เนื่องจากมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้นกับ รูปนาม ตลอดเวลา จึง "ปลง" การหวังผลจากรูปนาม หันมาสร้างเหตุแห่งทางดำเนินของรูปนามนั้น ๆ แทน ...สาธุ -
ปลงถ้าเป็นการปลงด้วยจิตที่บริสุทธิ์เป็นกุศลแล้ว
ก็ไม่ต้องปลงซ้ำแล้วซ้ำอีก
เพราะจิตอยู่กับอริยสัจจ์อยู่แล้ว
แต่ถ้าเป็นการปลงเฉพาะกิจ ก็ปลงเอาเฉพาะหน้าด้วยสัญญา
หรือด้วยสัจธรรมทางสมมุติสัจจะเช่น ไปปลงศพก็เข้าใจเอา
ว่าเกิดเท่าไรตายเท่านั้น จริงๆ อาการปลงมันควรเกิดทันที
ก่อนจะไปถึงงานแล้วแค่นึกจะไปงานก็ปลงแล้วว่าคนเรา
ทุกคนต้องตาย
ตายเร็วบ้างช้าบ้าง
ตายหมดอายุขัยบ้าง
ตายก่อนเวลาอันควรบ้าง
ต่างล้วนเป็นไปตามกรรมของแต่ละคน.....
จะทำให้ไม่ต้องโศกาอาดูรกับสมมุติสัจจะเหล่านี้ -
แต่พอไป "หรือ" "ด้วยสัจธรรมทางสมมุติสัจจะ" ตรงนี้ขาดไตรลักษณ์
ญาณสัมปยุติ ทำให้ อรรถรสที่จิตสัมผัส "สัญญา" ไปเห็น "สัญญาเที่ยง"
ทำให้การปรรภตอนท้าย ไปพูดว่า " เกิดเป็นปัจจุบัน มาก่อนแล้ว!! "
ซึ่งเป็น ลักษณะเห็น สัญญาในอดีตว่ามีในตน เป็นตน ของตน ตนมี ตนเป็น
อันจัดว่า เป็น มิจฉาทิฏฐิ
ถ้าจะให้เป็น สัมมาทิฏฐิ ให้กำหนดรู้ สัญญาไม่เที่ยง
สัญญาในอดีตไม่เที่ยง สัญญาในอนาคตก็ไม่เที่ยง
แทนที่ หนทางเย็น กลายเป็น กำหนด"สมมติสัจจะ" เอามาเผาห้อมล้อมจิต
นรกจะเป็นที่ไป แทนที่จะหลุดพ้น -
พอวรณ์นิไปนิวรณ์ก็มาแทน สงสัยเป็นตัวตายตัวแทนกัน
-
5555
-
เนี่ยะเห็นมั้ย พยายามจะชักจูงให้เกิดความสับสนว่าผู้ปฏิบัติธรรมจะไปตกนรก
เป็นแผนการทำลายเปี่ยมด้วยเล่ห์กะเท่ของมิจฉาทิฏฐิที่แอบแฝงเข้ามา
ความจริงการตั้งใจปฏิบัติธรรมนั้นเป็นความตั้งใจที่ดี เป็นกุศลเจตนา แม้จะมีความเข้าใจผิดไปบ้าง เพราะความไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
แต่อย่างน้อยๆ เจตนาอันเป็นบุญกุศล ประกอบกับศีลทานและศรัทธาที่บำเพ็ญไว้
ย่อมส่งผลให้ผู้ไปปฏิบัติไปสู่สุคติ แต่หมอนี่กลับกล่าวว่าผู้ปฏิบัติธรรม
จะไปสู่นรก นี่คือเจตนาที่เห็นได้ชัดเจนว่า พยายามแอบแฝงเข้ามาเพื่อทำลาย
เพื่อสร้างความกลัวต่อผู้ปฏิบัติธรรมว่าถ้าปฏิบัติผิดพลาดแล้วจะไปสู่นรก
นิวรณ์ มีการกระทำเช่นนี้ตลอดมา เพียงแต่อาจจะไม่มีใครตั้งข้อสังเกตเท่านั้น -
การเจริญ มรณะสติ ไม่ใช่ การทำสัญญาหมายว่า มันมี มันเป็น เพื่อ
ให้จิตหดหู่ ไม่มีการเห็นอารมณ์ กุศล อกุศล อุเบกขา
การเจริญมรณะสติ พระพุทธองค์ จะกำชับ หากเป็น พระ จะปรับอาบัติ
หากไม่เจริญ อานาปานสติ ขนาบ
ถ้าเจริญ มรณะสติ แล้วเอา อานาปานสติ ขนาบ จะเห็นเลยว่า
ให้กำหนดเห็น " สัญญาไม่เที่ยง " ไม่มีกิจอื่น รสอื่น -
ไปเจริญ สัญญาเผารนจิต ที่ตายไปด้วย ปัจจัย ก็ ลงนรก
ที่ยังไม่ตาย ก็จ้างวาน ฆ่ากันเอง ที่หาคนฆ่ากันเองไม่ได้
ก็ไปจ้าง กัลบกให้มาเชือดคอ
ตกนรก ไม่ใช่ธรรมดาๆ หาก ภาวนา อย่างไม่เข้าใจ -
เขามีแต่ประพฤติผิดศีลหรือตกอยู่ในอำนาจของกิเลสถึงจะไปนรก
การปรารภความเพียร ในเบื้องต้นจิตก็เป็นกุศลแล้ว
นี่ยังไม่รวมเอาศรัทธาและศีลเข้าไปอีก มีอย่างที่ไหนให้ไปตกนรก :mad: -
ผมว่า คุณนั่นแหละ ที่จะต้องไปตกนรก โทษฐานที่มากล่าวตู่คำสอนของพระพุทธเจ้า :mad:
-
ภิกษุในพรหมจรรย์นี้ หากเข้ามาไม่ศึกษาให้ดี
จะกล่าว อธรรม เป็น ธรรมผลที่เกิดคือ
คนนอกศาสนา กล่าวอธรรม อย่างเดียวกัน ตกนรกเท่าไหร่
คนในพรหมจรรย์นี้เอาล้านคูณ
ทั้งนี้ ไม่ใช่เพราะ ธรรมเป็นอันตราย
แต่มันเกิดจาก มิจฉาทิฏฐิ ที่แฝงเร้นเข้ามา บิดเบือน พยายาม
ขยั้นขยอให้ สหพรหมจรรย์ ยึดมั่นถือมั่น หรือ สร้าง หรือขยาย
คำสอนผิดๆ
หวังให้เป็น ทุรยศแก่แผ่นดิน .......... -
ก็คุณนั่นไง มีอย่างหรือ ภาวนาตกนรก นั่นแหละผู้ที่บิดเบือน
ให้คนเกิดความสับสนว่า ถ้ามาปฏิบัติธรรมแล้วจะพากันตกนรก
มันก็เหมือนกับคนที่พูดว่า ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วบ้านั่นแหละ เป็นการใส่ร้ายธรรม
ใส่ร้ายผู้ปฏิบัติธรรม เป็นการพูดที่แฝงด้วยเล่ห์อุบายกลลวง :mad: -
ลองลงมือ ปฏิบัติพิสูจน์เลยฮับ ลุงแมว
ถ้า อารมณ์ปลงตกด้วยมรณะสติ ที่ทำอยู่ " เป็นปัจจุบันมีมาก่อนแล้ว "
เกิดขึ้นเป็น ข้อเท็จจริง ปรากฏเป็น ผัสสะ อยู่ที่จิต จิตไปติด ความว่าง อยู่
ให้ หายใจเข้า หายใจออก มาระลึกรู้ อานาปานสติ
แล้ว อย่าเห็น อานาปานสติ เป็น สิ่งเที่ยง ซ้ำซ้อน เอาสุข เอาสบาย
ถ้าทำถูก สัญญาที่ระลึกได้ในอานาปานสติ จะต้องสัมปยุตอยู่กับ ตายแน่นอน
แต่ที่หายใจอยู่ได้ก็เพราะ วิบากกรรม มันยังให้ผล [ ถ้าภาวนาเก่งๆ จะรู้เลยว่า วันไหน ]
ถ้าอกุศลวิบากให้ผล ลมหายใจก็จะ ตุ ตุ
ถ้าอกุศลวิบากอภิสังขารให้ผล ก็จะ ลมหายใจหายไป
จิตเข้าสู่ฌาณ เกิดภพ เกิดชาติ [ ถ้าเอาบัญญัติหยาบๆ
จะเรียกว่า อัพยากฤติ แต่เราหมายยกขึ้นวิปัสสนา จึงเรียกว่า อกุศล
หาก จิตเสพฌาณเพื่ออยู่เพื่อเป็น ]
ถ้าภาวนาถูก ภูมิจิตจะอยู่ใน ภูมิจิตมนุษย์ปรกติ หายใจตามปรกติ
แต่มีการกำหนดรู้ ในไตรลักษณ์ ไม่มีเข้าไปส่วนสุด อัตกลิมัถยนุโยค
กามสุขขัลกลิมัถานุโยค
จิตสว่าง ตั้งมั่น แลโลก(รูปนาม / ขันธ์5) ไปตามที่มันเป็น เห็นทุกข์เกิด ทุกข์ดับ -
นิวรณ์ 5 ไปเรียนมาจากสำนักไหน คิกๆๆ รกบอร์ดเขาเปล่าๆ -
-
ทำไมผมหาปุ่มที่ล็อกกระทู้ไม่เจอ ???
-
หน้า 4 ของ 5