"การปฏิบัติพอข้ามปีติไปแล้วจะเป็นฌาน พอเป็นฌานใจก็จะนิ่ง แรก ๆ เราจะรู้สึกว่าการทำบุญเราอิ่มเอิบใจมากเลย เราอยากทำเต็มที่ทุกอย่าง แต่พอทำไปนาน ๆ แล้วรู้สึกเฉย ๆ เฉยนี่ไม่ใช่ว่ากำลังใจลดลง แต่เป็นเพราะกำลังใจเกินไปแล้ว เกินปีติไปเป็นฌานแล้ว
ให้เราสังเกตว่า เรายังทำบุญเป็นปกติหรือไม่ ? ถ้ายังทำเป็นปกติ แสดงว่าเป็นฌานในทานบารมี สูงกว่าตอนแรกเยอะเลย มีหลายคนมาปรารภว่า ทำไมตอนนี้ทำบุญแล้วไม่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน ก็เลยบอกว่า ให้สังเกตใจตนเองว่ายังอยากทำเป็นปกติไหม ? ถ้ายังอยากทำเป็นปกติ อย่างนั้นคุณทรงฌานในจาคานุสติแล้ว
บางทีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เราไม่ต้องรู้ก็ได้ วิธีที่ต้องรู้ ก็คือ ทำอย่างไรไม่ให้นิวรณ์ ๕ อย่าง ได้แก่ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจะ วิจิกิจฉา กินใจเราได้ แล้วก็พยายามสร้างกำลังใจของเรา ให้สติสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการภาวนา จนกระทั่งหลับและตื่นมีสติรู้เท่ากัน เพื่อป้องกันไม่ให้กิเลสกินเรา
หลับและตื่นรู้ตัวเท่ากัน นอนก็เหมือนไม่ได้นอน นอนก็รู้ตัวว่านอน หลับก็รู้ตัวว่าหลับ จะตื่นเมื่อไรก็สั่งตัวเองให้ตื่นได้ ถ้าทำอย่างนี้ได้ เราก็จะเริ่มสู้กิเลสได้แล้ว ถ้าหากไม่ถึงระดับนี้ ก็ยังโดนกิเลสตีอยู่เรื่อย"
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ค่อย ๆ ทำไป พระธรรมเป็นสมบัติที่พระพุทธเจ้ามอบให้ทุกคน เพียงแต่ใครจะรู้จักไขว่คว้ามาเท่านั้น คว้าไว้เร็วเท่าไรก็เป็นคุณแก่ตัวมากเท่านั้น ถ้ายังทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ อยู่ก็น่าเสียดายสำหรับเขา อาตมาเคยสรุปง่าย ๆ ว่า วางก่อนสบายก่อน
ที่มา วัดท่าขนุน
ทรงฌานในจาคานุสติ (การให้ทาน)
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Apinya Smabut, 9 ตุลาคม 2019.