ทำความเข้าใจความหมายของ จิต และ เจตสิก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ยอดคะน้า, 29 สิงหาคม 2011.

แท็ก: แก้ไข
  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถ้าเรียนแล้วกลายเป็นผู้วิเศษกระผมนั้นผู้น้อยขอถอยห่างๆๆๆ จะดีกว่า ไม่ได้จะดิสเครดิตใคร แต่ที่เห็นว่า ผมเคยหรือไม่เคยเรียนนั้นมันก็น่าจะแย่เต็มทน แค่ความหมายว่าอภิธรรมนั้นหากตอกย้ำด้วยตัวอักษรก็บอกอยู่ตรงๆโท้นๆแล้ว จะเรียนหรือไม่นั้นยังไงก็ต้องเจอ กรุณาอย่าโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนอย่างกระผมนั้นการเรียนรู้และเข้าใจธรรมเป็นเรื่องไม่สิ้นสุดง่ายๆ แตกต่างกับคนที่พึ่งเรียนรู้แล้วชูคอหราว่ารู้แล้วเห็นแล้วเป็นไหนๆ แต่ช่างเถอะ ความหลงมันไม่เคยคิดว่าใครเป็นมิตรเป็นธรรมดา
     
  2. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    บอกไปแล้วไม่ทำเองก็ช่วยไม่ได้ครับ
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    *ได้คำตอบหรือคำถามตามใจตนเอง ไม่ช่วยให้เข้าใจถูกต้องหรือเดินถูกทางได้

    เล่นเอาท่านพระอาจารย์หลวงพ่อพุธ มาบีบคอให้ตอบลำบากเพราะยกมาเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น

    ส่วนบริบทก่อนหรือตามหลังนั้น ท่านพระอาจารย์ท่านได้ขยายความให้เข้าใจกระจ่างอยู่แล้วอย่างแน่นอน

    ขอยกประโยคนี้ของท่านพระอาจารย์หลวงพ่อพุธไว้ก็แล้วกัน ไม่วิจารณ์ ไม่เข้าไปแทรกแซง

    แต่จะว่ากันที่เนื้อธรรมล้วนๆ ที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวหกับที่ท่านพระอาจารย์กล่าวไว้

    เมื่อพูดถึงความรู้คือปัญญาแล้ว ปุถุชนคนทั่วไปที่ได้ร่ำเรียนมา ก็ล้วนมีความรู้ด้วยกันทั้งนั้นใช่หรือไม่?

    แล้วทำไมยังไม่เกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงหละ?

    ยังเห็นมีผู้ที่ทำผิดคิดร้าย เกิดขึ้นให้เห็นอยู่ประจำใช่หรือไม่? เพราะอะไร?

    ใช่เป็นเพราะความรู้ ที่รู้ผิดไปจากความเป็นจริงใช่หรือไม่? จึงได้ทำให้เกิดมีปัญหาขึ้นให้เห็นอย่างเช่นทุกวันนี้

    ปัญญาคือความรู้ความเห็นตามความเป็นจริงจึงเรียกว่าปัญญา เมื่อมีความรู้ผิดก็คิดจนวุ่นวาย

    เมื่อคิดจนวุ่นวายอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายก็ปรากฏเข้ามาเป็นฉากๆ จิตก็ติดตังอยูกับอารณ์นั่นเอง


    พระสูตรไหนที่กล่าวถึงเจตสิกแบบชัดๆบ้าง มีแต่สอดแทรกเข้าไปให้รู้ว่ามีคำว่า"เจตสิก"เท่านั้น

    ที่พูดว่า"เจตสิกกับโลก"แสดงว่าเจตสิกกับโลกเป็นคนละส่วนกันอีกแล้วหรือนี่?

    รูปก็คืออารมณ์ โลกก็คืออารมณ์ รูปรวมอยู่ในโลกยังจะไปแยกอะไรให้วุ่นวายอีกหละ?

    รู้จักโลกก็รู้จักอารมณ์ กำหนดรู้โลกก็กำหนดรู้อารมณ์ เมื่อกำหนดรู้ทุกข์แล้ว ก็ควรละเหตุแห่งทุกข์ให้ได้ใช่หรือไม่?

    ไม่น่าจะต้องมีเจตสิก ซึ่งเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ เข้ามาเกี่ยวข้องในขั้นตอนต่างๆของการปฏิบัติด้วยเลย

    เกิดขึ้นจากการเล่นคำในตัวหนังสือ ดูสละสลวยรวยคำพูดให้ดูน่าเชื่อถือเท่านั้น




    อย่าเลี่ยงออกข้างทางโดยอ้าง ทิด-สะ-ดี-สีเลย ชาวบ้านที่ไหนจะเข้าใจได้

    น้ำสีใสๆนั้นเรียกว่าอะไร? ใช่น้ำสไปรท์หรือไม่? ก็ไหนว่าสีคือเจตสิกไง?

    เรื่องน้ำใสๆนี่แหละเป็นข้อธรรมที่ควรพิจารณาให้เข้าใจ ฝากไว้มีเวลาทำความเข้าใจก็ดีนะ

    น้ำ(แม่ธาตุ)ใสๆแต่ไม่ได้รับความบริสุทธิ์ ก็เหมือนกับจิต ทีเดิมนั้นประภัสสรผ่องใส


    ที่เศร้าหมองไปเพราะ กิเลสเป็นแขกจรเข้ามาในภายหลัง

    กิเลสจรเข้ามาจิตจึงเศร้าหมอง ไม่เกี่ยวกัยเจตสิกตรงไหนเลย?

    แล้วในทางวิทยาศาตร์แหละ ทำไมแท่งใสๆ พอหักเหแสงออกมาได้ตั้งหลายสี?

    พระพุทธองค์ของเรานั้น ได้ชื่อว่าเป็นศาสดาเอกของโลกเพราะอะไร?

    ไม่ใช่เพราะโชคช่วยแน่นอน เพราะทรงเป็นนักเหตุผล ที่ตริตรองตามความเป็นจริงได้ ในเรื่องวิทยาศาตร์ทางจิต

    คำสั่งสอนล้วนต้องมีเหตุผลรองรับ และพิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาหรือปฏิบัติทางจิตเท่านั้น

    ก็ตอบไปแล้วนี่ว่า จิตไม่จำเป็นต้องมีตัวประกอบอย่างเจตสิกเลยก็ได้

    แค่จิตที่ติดข้องอยู่ในโลกใบนี้ ก็มีหน้าที่ยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ลูกเดียวอยู่แล้ว

    ยังจะต้องเอาตัวประกอบเช่นเจตสิกมาทำต้อยอะไรอีกหละ เป็นห่วงจริงๆเรื่องหลงตำรา


    ใช่ที่พูดมาถูกต้องแล้ว และเกี่ยวกับเจตสิกตรงไหน? ถึงได้สงสัยยังไงหละ

    เมื่อจิตรู้อารมณ์ ก็ยึดอารมณ์ เมื่อยึดอารมณ์ก็ปรุงแต่งอารมณ์เสร็จสรรพ ก็แส่ส่ายไปหาอารมณ์ใหม่ๆอีกใช่หรือไม่?




    ก็บอกแล้วนี่ว่า เจตสิกคือตัวอะไร? เห็นอุปมา อุปมัย แถมอุปโลกน์ ให้เจตสิกเป็นอะไรอีกมากมาย

    จนเจตสิกกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้มีอยู่ทั่วไปหมด

    ไม่มียกเว้นแม้แต่องค์พระอรหันตสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องมีไอ้เจ้าเจตสิกนี่ด้วยเลย

    เป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ ที่การศึกษาพระศาสนากลับกลายเป็นการไปดูหมิ่นดูแคลนท่านพระอรหันต์ทั้งหลายไป

    ว่าท่านพระอรหันต์ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่หาอาสวะไม่ได้ คือสิ้นอาสวะไปแล้ว จบกิจ

    แต่กลับยังมีการปรุงแต่งอยู่ เพราะยังมีเจ้าตัวเจตสิกครอบงำอยู่...เวรกรรมจริงๆ



    ดีแล้วตอบเท่าทีรู้ ดีกว่าตอบเท่าทีจำมาพูด

    คงรอไว้ไหวจริงๆนะนุ แค่ทำให้ถูกที่ถูกทางได้ ยังต้องใช้เวลาเลย.
     
  4. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    ก็เพราะผมไม่เชื่อน่ะสิ คุณบอกว่าคุณถอดได้ไม่ใช่เหรอ
     
  5. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    มันเป็นทางผ่าน ของการฝึกฝน
    ไม่ได้บังคับนี่ เชื่อไม่เชื่อก็ตามสะบายจ๊ะ
     
  6. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    การเดินทางที่ไม่มีในแผนที่ ผมว่าอันตรายนะ
     
  7. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ผิดแล้ว เขามีแผนที่ของเขาอยู่ ^^
     
  8. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711




    โสมาสูตร


    ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


    พระไตรปิฎกภาษาไทย
    เล่ม ๑๕
    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย
    สคาถวรรค
    หน้า ๒๑๘-๒๑๙



    โสมาสูตร
    ว่าด้วยโสมาภิกษุณี






    [๑๖๓] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี


    ครั้นเวลาเช้า โสมภิกษุณีครองอันตรวาสก ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตรยังกรุงสาวัตถี กลับจากบิณฑบาต ภายหลังจากฉันภัตตาหารเสร็จแล้วเข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ถึงป่าอันธวันแล้วจึงนั่งพักกลางวันที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง


    ลำดับนั้น มารผู้มีบาปประสงค์จะให้โสมภิกษุณีเกิดความกลัว ความสะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้า และประสงค์จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้าไปหาโสมาภิกษุณีถึงที่พักแล้ว ได้กล่าวกับโสมาภิกษุณีด้วยคาถาว่า


    ฐานะใดอันประเสริฐอย่างยิ่ง
    คือพระอรหัตซึ่งฤาษีทั้งหลายพึงบรรลุ
    อันบุคคลเหล่าอื่นให้สำเร็จได้ยาก
    ท่านเป็นหญิงมีปัญญาแค่ ๒ นิ้ว
    ไม่สามารถจะบรรลุฐานะนั้นได้


    (ดู ขุ.เถรี. (แปล) ๒๖/๖๑/๕๖๕)


    ลำดับนั้น โสมาภิกษุณีได้มีความคิดดังนี้ว่า "นี่ใครหนอมากล่าวคาถา จะเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์กันแน่" ทันใดนั้น โสมาภิกษุณีได้มีความคิดังนี้อีกว่า "นี่คือมารผู้มีบาปประสงค์จะให้เราเกิดความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้า และประสงค์จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงกล่าวคาถา"


    ครั้งนั้นแล โสมาภิกษุณีทราบว่า "นี่คือมารผู้มีบาป" จึงได้กล่าวกับมารผู้มีบาปด้วยคาถาว่า







    เมื่อจิตตั้งมั่นดี เมื่อญาณเป็นไปอยู่


    เมื่อเห็นแจ้งธรรมโดยชอบ
    ความเป็นหญิงจะทำอะไรเราได้
    ผู้ใดมีความคิดเห็นแน่นอนอย่างนี้ว่า
    เราเป็นสตรีหรือว่าเราเป็นบุรุษ
    ผู้ที่ยังมีความเกาะเกี่ยวว่าเรา มีอยู่
    มารควรจะกล่าวกับผู้นั้นเถิด



    (ดู ขุ.เภรี.(แปล) ๒๖/๖๑/๕๖๕)




    ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า "โสมาภิกษุณีรู้จักเรา" จึงหายตัวไป ณ ที่ นั้นเอง




    โสมาสูตรที่ ๒ จบ

    ขอบคุณท่าน anand ผู้เอื้อเฟื้อ พิมพ์
    ............................................................................

    เช่นนั้นก่อนผมจะมาตอบ

    มีพระสูตรยกมานำเสนอ สูตรที่หนึ่งจากข้างบน

    พี่ภูติอ่านแล้วเข้าใจว่าอย่างไรครับ
     
  9. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    อะไรหรือ ที่ท่านว่าไม่มีในแผนที่
     
  10. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    อ้าวเหรอ แต่ไหงมันไม่ตรงกับแผนที่ที่พระเถระทั้งหลาย(ในครั้งพุทธกาล)เขียนไว้หว่า
     
  11. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    แผนที่ของใครก็ของใคร
    ใครจะรู้ได้ ว่าของใครเป็นอย่างไร
    จนกว่าเขาจะเดินทางให้ดูอยู่ ..

    แต่ใครล่ะจะยอมรับว่าตัวเองเดินทางแบบที่คนอื่นวิจารณ์
    การสังเกตุการเดินทางของตนเสมอในการวัดกิเลสในใจ จึงจำเป็น

    [​IMG]
     
  12. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    [​IMG]

    ทำไมหงอคงต้องเดินนำหน้า ซัวเจ๋งแบกเสบียงรั้งท้ายเสมอ
     
  13. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    [​IMG]
     
  14. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ศิษย์น้องที่โหล่ ก็ต้องเคารพศิษย์พี่
    พระอรหันต์แล้ว ยังตั้งอยู่ในวินัย
    อริยบุคคล ยังต้องไหว้สมมุติสงฆ์

    ก็ปรมัตถ์ที่ยาก สมมุติก็ใช่ว่าจะง่าย...
     
  15. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ตอนนี้เป็นห่วงคุณ "ตาปลา" ที่สุดเลย

    ไม่รู้ว่าพิจารณาเรื่อง "จิต คือ เลือด" ไปถึงไหนแล้ว

    อยากให้เธอกลับมาโดยเร็วไว เพราะชักจะไปไกลเกินไปแล้ว

    ด้วยความหวังดีครับ
     
  16. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    ปรมัตถ์แท้ มีหนึ่งเดียว รู้แล้วจบ

    ส่วน ปรมัตถ์ไม่แท้ และยังอีกทั้ง ส่วนสมมติ ตกเป็น อจิณไตย ซะงั้น
     
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    มา ผม แปลภาษา ที่ เขาใช้ให้ฟังก่อน เพื่อ คุณจะได้นอนตาหลับ

    "จิต คือ เลือด" ภาษาไทย ฟังเผินๆ เหมือน คนกำลังพูดว่า "จิต is เลือด"

    แต่หากดู บทบรรยาย การอธิบายความแล้ว จะพบว่า เธอไม่ได้พูดให้มันเป็น

    is am are เชิง เสมิบ to be แต่เขาพูดในเชิง อุปมาอุปมัย เล่นๆ ดังนั้น
    จิต คือ เลือด มันกร่อนเป็น "จิต like เลือด" just เสมือน วัดเสมียน
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เขาว่า หงอคง เป็นสัษลักษณ์ความปราดเปรียว ไม่อยู่นิ่ง
    เปรียบเหมือน จิต หรือ ปัญญา
    ต้องมีห่วงครอบหัว ให้พระถังซำจั๋งควบคุบไม่มให้นอกลู่นอกทาง
    เปรียบเหมือน สติ

    ม้าขาว ๔ เท้า
    เปรียบ อริยสัจ ๔ อันนี้วิเคราะห์จาก เท้าที่ก้าวเกิด สิ่งหนึ่งสู่สิ่งหนึ่ง
    หรือไตรลักษณ์ก็ได้

    ตัวพระถังซำจั๋งที่นั่งนิ่งบนหลังม้า
    เปรียบเหมือน ศีล สมาธิ

    โป๊ยไก่ จอมมูมมาม แปลงร่างได้
    เปรียบได็กับกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ

    ส่วนซัวเจ๋ง
    ยังเปรียบไม่ได้.......

    บทความนี้ เคยอ่านผ่านๆ มีมั่งตีความเองบ้างนิดหน่อย

    ส่วนทุกคนมีอาวุธประจำกาย น่าจะมีความหมายซ่อนอยู่เหมือนกัน
     
  19. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    อ้อ หรอกรึครับ แหม เกินบรรยาย เยี่ยมๆๆ :cool:
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    ฮึ่ย อย่าพึ่งรีบเชื่อผม จิ

    มาช่วย ถ่างตา ดูกันไปก่อน ว่า ใช่ไม่ใช่

    ผมนี่ ถ่างตาจนบานเป็นหัวเลยเนี่ยะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...