ทำไมทำบุญ ทำทาน เมตตาสัตว์ แต่ผลที่ได้กลับแย่หนัก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ชายระวี, 5 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. ชายระวี

    ชายระวี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2013
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +24
    พยายามสวดมนไหว้พระ ขอพรท่าน แต่ไม่ดีขึ้น ทำบุญทุกอย่างทำทาน ปล่อยสัตว์ สวดมน แต่ชีวิตก็ไม่ดีขึ้นกลับแย่ลงทุกด้าน ไม่ไหวแล้วค่ะปวดหัวมากๆ ภาระมากมายหนี้สิน ใครช่วยได้เมตตาทีนะค่ะ
     
  2. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    บุญมันแรงไง
    มันมาทำลายอวิชชา คือความพอใจ(ฉันทะ) ยางเหนียว(ราคะ)
    แสดงว่าแผ่เมตตาแรง ทำบุญแรง
    ลองอุทิศกุศลที่ทำไปแล้วไม่ได้ผล อุทิศมาให้ผมแทนก่อนดิ
    ถ้าได้ผลก็ค่อยไปอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
    หรืออุทิศให้แก่ทุกรูปนามทั่วสากลจักรวาลและทุกรูปนามทั่วสากลพิภพ

    บางทีเจ้ากรรมนายเวรเค้าแฝงอยู่ ต้องให้รูปนามที่มีความสามารถดึงออกจาก กาย วาจา ใจ
    ลองอุทิศกุศลที่ทำมาให้ผมดูดิ เอาแค่
    ที่รู้ตัวว่ากำลังทุกข์ก็พอ
     
  3. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219

    กรรมแสดงผลยังไม่หมดครับ
    ไม่ต้องท้อ ทำดีต่อไป เด่วถ้ากรรมจะหมด จะค่อย ๆ รู้เอง
    ช่วงแรก ๆ จะหนักหน่อยนะเวลากรรมแสดงผล
    เพราะมันคงสะสมมานาน แล้วมาแสดงทีเดียวมันเลยไม่ไหว
    อดทนเอา เพราะถ้ามันหมด มันก็จะไม่มีละ
    จะให้ดีต้องถือศีล

    อยากให้บุญส่งผลเร็วต้องถืออุโบสถศีลครับ (ศีล 8 วันพระ)
    ถ้าได้ปฏิบัติสัก 2-3 ครั้งจะเริ่มดีครับ
    ถ้าทำต่อเนื่องเด่วก็เห็นผลเอง
    แต่อย่าลืมว่าวันปกติ ก็ให้เป็นศีล 5 ตลอด
    ถ้าทำแบบนี้ได้ เด่วดีขึ้นแน่นอน

    ส่วนบุญจากการให้ทานมาค่อนข้างช้าครับ เผลอ ๆ อาจจะแสดงผลชาติหน้า
    ส่วนการสวดมนต์ ถ้าสวดโดยไม่รู้ความหมาย จะได้แค่สมาธิครับ
    แต่สวดก็ดีแล้วครับ แต่จะให้ดีขึ้นอีก ต้องรู้ความหมายด้วยครับ
    เพราะพอรู้ความหมายแล้วสวดบ่อย ๆ จะได้ปัญญาครับ
    ไหว้พระ ขอพรก็เหมือนกันครับ พวกนี้มันเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
    เหมือนเราค่อย ๆ เก็บเงินทีละบาท สองบาท
    แต่กรรมที่แสดงผลกับคุณมันรุนแรง
    คุณจะเอาบุญแบบค่อยเป็นค่อยไปมาช่วยผ่อนกรรมแรง ๆ ให้มันเบาลง มันไม่ได้ครับ

    ถ้าจะถามผมว่า ถ้างั้นทำไง
    บอกคำเดียวครับว่า อุโบสถศีลอย่างเดียวครับ
    ถ้าอยากให้กรรมมันเบาลง หายไว ๆ
    ต้องถือศีลเท่านั้นครับ

    เป็นอะไรที่คุณจะเห็นผลชัดเจนที่สุด
    แต่แรก ๆ ต้องอดทนหน่อยนะครับ

    ทุกอย่างมีเหตุผล มีที่มาที่ไป เพียงแต่เราไม่สามารถเห็นอดีตเรา
    เราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเคยทำอะไรไม่ดีไว้
    พอตอนมันแสดงผล เราก็เลยไม่รู้ว่า มันเป็นผลจากอดีตที่เราเคยทำไว้
    ที่นี้เราค่อย ๆ ตั้งสติดี ๆ แล้วไล่ดูว่า นับแต่ปัจจุบันเคยทำอะไรไม่ดีไว้
    ย้อนไปจนเด็ก ถ้าตั้งสติดี ๆ บางที เราอาจจะเห็นด้วยว่า อ่อ ผลจากที่เราเคยทำแบบนั้น
    เราเลยโดนแบบนี้ มันแสดงผลไปแล้ว ไล่ดูไปเรื่อย ๆ

    บางทีอาจเป็นเพราะว่า เรายังคิดว่าเราไม่ผิด
    เราเลยหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง
    แล้วเราก็จะไม่ยอมทำอะไรที่มันควรทำต่อ
    มันจึงทำให้ไม่มีอะไรดี ๆ (ที่ควรจะเข้ามา) เข้ามา

    คือพอใจเรายอมรับแล้วว่าเราผิดจริง ๆ ... แบบสุดซึ้ง
    เราก็จะยอมทุกอย่าง
    ยอมทุกอย่างหมายถึง ไม่โต้แย้ง ไม่ขัดขืนแล้ว นั้นรวมถึง ปล่อยให้กรรมแสดงผลเต็มที่
    เพราะเป็นแบบนี้ เราก็จะเริ่มเห็นอะไรบางอย่าง
    พอเราเริ่มเห็นอะไรบางอย่าง เราก็จะเริ่มเข้าใจมัน
    ก็จะทั้งเข้าใจ และกลัว เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
    พอเราเข้าใจและกลัวในเรื่องของกรรมแล้ว
    เราก็จะไม่ปฏิเสธในเรื่องของศีลเลยว่าเป็นของดี ของวิเศษ มีมาแต่โบราณกาล
    แม้พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ไม่ปฏิเสธ

    ถึงตรงนี้้แล้ว เราก็จะได้ทำดีได้แบบเต็มที่ โดยที่ไม่ท้อ
    ซึ่งเริ่มจากการเป็นคนมีศีลก่อน นั้นเอง

    ลองดูนะครับ เอาใจช่วย




     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ขอเสนอความเห็นนะครับ
    คือคนเราเวลาบาปหรือบุญดล
    จะดลได้ทีละอย่าง
    บาปและบุญ เป็ฯธรรมชาติที่กำหนดเอาไว้ว่าจะไม่หักล้างกัน
    ไม่ปะปนกัน ไม่ชำระกัน ไม่คานกัน ไม่ทำสมดุลย์กัน ไม่เกี่ยวข้องกัน

    และก็ไม่มีใครรับบาปของตัวเองได้หมด
    ถึงขนาดว่าก็ไม่มีใครรับบุญของตัวเองได้หมด

    ถ้าเราให้บุญดลเป็ฯระยะๆ เช่นทำสมาธิดูนิวรณ์ และเห็นทุกข์ที่นิวรณ์กวนใจ
    แค่นี้ก็เป็ฯสัมมาทิฏฐิแล้ว
    อุทิศกุศลถ้าอุทิศออก จริงๆก็คือขณะนั้นผลบุญดล

    ถ้าให้ผลบุญดลแย่ง ผลบาป บางทีบาปตามมาไม่ทัน

    ผมเชื่อว่าจุดที่อุทิศกุศลออก คือจุดที่บุญดลได้สูงสุด
    ยิ่งอุทิศบุญจะยิ่งมากขึ้น

    แบบเดียวกะที่เราอุทิศบาป ยิอ่งอุทิศผลบาปยิ่งมากขึ้น

    ยิ่งโมทนาบุญนั้นๆ เจ้าของบุญจะได้บุญที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
    ยิ่งโมทนาบาปนั้นๆ เจ้าของบาปจะได้บาปที่หนักขึ้นเรื่อยๆ

    ถ้าคุณตัดใจเชื่อได้ว่า ยิ่งอุทิศบุญบุญเดิมๆ นั้นแหละจใหย๋ขึ้นเรื่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ
    ก็ลองอุทิศดูเลยอุทิศให้ผมก็ได้

    เช่นเราไปคิดถึงเรื่องบาปๆในอดีตยิ่งคิดถึงบาปก็ยิ่งกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
    แก้ได้โดยการคิดแต่บุญอุทิศแต่บุญ
     
  5. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +2,077
    ตอบได้คำเดียวและแน่นอนที่สุดว่า "ใจเย็นๆ"

    ถ้าทำดีแล้วให้ผลไว้ขนาดนั้น ป่านนี้คนที่ทำบุญก็รวยกันหมดประเทศแล้วนะจ๊ะ
    เรื่องของกรรมมันซับซ้อนกว่าที่คิด เกินกว่าที่เราจะล่วงรู้ได้ว่ากรรมดีที่เรากำลังทำอยู่ ณ
    ปัจจุบันนี้จะมาส่งผลเราเมื่อไร เวลาไหน ไม่แน่ว่าชาตินี้หรือจะเป็นชาติต่อไปก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ
    คือ ต้องใจเย็นๆ กรรมน่ะทำแล้วมีผลแน่นอน ทำดีก็จะย่อมได้ผลดีกลับมา ทำชั่วก็จะย่อม
    ได้ผลชั่วกลับมา อย่างแน่นอน แต่มีตัวแปลสำคัญคือ "เวลา" ที่เราไม่สามารถจะควบคุมให้
    ผลนั้นเกิดขึ้นเร็วได้ดั่งใจหวัง ขอยกตัวอย่างสั้นๆแบบเข้าใจง่ายๆเลยนะ เวลาคุณปลูกผล
    ไม้สักต้นหนึ่งด้วยการเพาะเมล็ดของผลไม้ชนิดนั้นเอาเอง สมมุติเป็นต้นมะม่วงก็แล้วกัน
    คุณคิดว่าเมื่อคุณนำเมล็ดของมะม่วง ฝังไว้ในดินแล้วไม่รดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยดูแลอะไรเลย
    คุณคิดว่าคุณจะได้กินผลของมะม่วงเลยอย่างนั้นหรือ? ขนาดดูแลจนต้นมะม่วงมันโตขึ้นมา
    ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่ต้นมะม่วงมันจะออกผลให้คุณ คุณไปสั่งไปบังคับให้มันออกผลให้คุณ
    เลยได้ไหม? นี่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเฉยๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมใช้เวลาเป็นเครื่อง
    กำหนด แน่นอนว่าความดีที่เราทำย่อมไม่สูญหายไปไหนอย่างแน่นอน ดังเช่นต้นมะม่วงที่
    เราปลูก สักวันก็ย่อมจะให้ผลมะม่วงแก่เราเป็นแน่แท้ ไม่มีวันที่ต้นมะม่วงจะให้ผลเป็นอย่าง
    อื่นแน่นอน ฉันใดก็ฉันนั้น ดังใจที่บอกว่า "ใจเย็นๆ" ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องและแน่นอนที่สุด
    ทำดีย่อมมีอุปสรรคมาขวางจิตใจเสมอ ถ้ายอมแพ้ต่อความดีจะไปคบกับความชั่วเป็นมิตร
    อย่างนั้นหรือ ต้องค่อยๆคิดพิจารณาเอา ทำดีมีผลเสมอ แต่ต้องใจเย็นๆ^^
     
  6. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เจ้ากรรมนายเวรชนิดจงใจจะขวางให้ท้อที่จะคิดถึงบุญ ก็อาจจะมีได้
    คือเป็ฯเจ้ากรรมนายเวรชนิดร้ายกาจมีอภิญญา
    คือบุญหนะมีผลแล้ว ดลแล้ว อุทิศออกแล้ว
    แต่เค้าอาศัยจังหวะรอยต่อ ที่บุญขาดห้วงลง
    เอาอย่างอื่นดลแทนกะให้เรา ทุกข์ เราท้อแท้

    ทำไงดีถ้าเรามีสติรู้ว่าเราท้อ เราเป็นสัมมาทิฏฐิ
    เรารู้ว่าเราทะยานอยากที่จะพ้นภะวะกรรม อยากไปสู่ภวะ ใหม่อื่นๆ
    เรารู้สมุทัย และเจ้ากรรมนายเวรนั้นก็ดลตอนที่เรานิโรโธ
    อุทิศกุศลที่รู้นี้ได้
    ผมรับนะ
    ผมชื่อนพพร ทรงสวัสดิ์
    อุทิศกุศลที่รู้ว่าทำบุญ สวดมนต์ อุทิศกุศลให้ตายยังไงก็ต้องทุกข์ หนียังไงก็ไม่มีทางพ้น
    อุทิศให้ นาย นพพร ทรงสวัสดิ์

    ถ้าถามว่าอุทิศให้ผมจะพ้นเหรอ
    ก็อุทิศที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่พ้นก็จะอุทิศแหละ
    อุทิศให้ผมอีกที
     
  7. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    ช่วงนี้เป็นช่วงลองของครับ ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เจอเรื่องแบบนี้ครับ ผมเคยเจอมาแล้ว ตอนเริ่มทำบุญทำทาน เจอเรื่องซวยๆ ทั้งเหตุการณ์ สถานการณ์ อยู่ดีก็ไปทำเรื่องบ้าบอๆ โดนใครก็ไม่รู้ปองร้าย เพื่อนแบน อาจารย์เข้าใจผิด โดนคนจักรู้ป้ายสี สอดคล้องกับเรื่องวุ่นวายหมด เป็นปีๆ แนะ กว่าจะทุเลา นี่ก็เพิ่งมาดี อย่าย่อท้อเมื่อหลุดช่วงลองของมาแล้วคุณจะสบายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2015
  8. ชายระวี

    ชายระวี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2013
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +24
    มันท้อมากต่ะ หมดกำลังใจ แต่ก็อุทิศไปให้คุณบุญยง กับคุณนพพรแล้วนะค่ะ ยินดีค่ะ
     
  9. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    ถูกต้องที่สุด
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ผมมีความเห็นว่าบุญเป็นชื่อของความคิด ความฝันดีๆ ที่ทำให้เกิดแต่เรื่องดีๆ
    เราอาจจะต้องไปงัดเอาบูยเก่าๆออกมาอุทิศให้แก่รูปนามที่สามารถ เช่นพระภูมิเจ้าที่
    ทำบ่อยๆ แล้วเราจะเห็นว่าความคิดหนะมันมี ขอบมีเขต
    มันมีแบบข้างในบุญ
    ถ้าออกไปข้างนอกอย่างอื่นจะดลแทน

    แต่ตอนนี้จะยังไม่เห็ฯเพราะมันเป็นความคิด ความฝันอยู่
     
  11. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เช่นเนียะท่านเจ้าของกระทู่อุทิศบุญมาถึงผม
    อย่างน้อยก็มีอีกหนึ่งรูปนาม ที่เข้าใจ เพราะก็ทุกข์อย่างนี้แหละ
    มีอีกหลายคนก็ทำบุญ ภาวนา อุทิศกุศลอย้่างนี้แหละ
    แต่ก็จะทุกข์อยู่นั้นแหละ

    รู้สึกว่าบุญดลให้ตายอย่างไรก็ทุกข์ จะทำบุญไปทำไม จะอุทิศกุศลไปทำไม
    ก็เอาอันนั้นแหละที่ทำให้ตายก็ทุกข์ อุทิศให้ตายก็ทุกข์ อุทิศอีก
     
  12. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม
    ท่านบำเพ็ญกุศล บุญเพื่อนการเป็นพระพุทธเจ้าทำนานมาก
    ทำอยู่นั้นแหละ
    พอท่านเป็ฯพระพุทธเจ้า ผลบุญนั้นปรากฏแก่ท่านแล้ว
    แต่ก็ไม่ปรากฏแก่คนอื่น

    บางที่เราอุทิศอยู่นั้นแหละจนเราปรงได้ว่ายังไงก็ไม่ถึง
    แต่คนทำบุญหนะบุญปรากฏแก่คนทำแล้วแหละ แค่ยังไม่ถึงคนรับ

    ไม่งั้นพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ต้องสอนธรรมใคร
    นั่งแต่อุทิศกุศลกรวดน้ำ
    ท่านรู้ว่าไม่ถึง แต่ท่านได้รับผลบุญนั้นๆแล้ว
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เหยื่อของการอุทิศกุศลของเราไม่ได้รับผลบุญของเราเลย
    เค้ารู้อยู่เต็มอก
    แต่นั้นแหละบุญ
     
  14. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    นิทานของพระพุทธศาสนาแบบมหายานจะมีอะไรเทือกๆนี้
    คือลูกเนียะคิดว่าแม่ทำบาปมาหนัก ตกนรกแน่
    หลังจากแม่ตายก็ทำบุญทุกอย่าง อุทิศกุศลทุกอย่างเจาะจงแม่ทุกอย่าง

    ถึงขนาดว่าตายแล้วเป็นเทวดาก็พยายามจะลงไปในนรกให้ได้ใครห้ามก็ไม่ฟัง
    จะไปเอาแม่ขึ้นมาจากนรกให้ได้
    ทำเป้ฯกัปล์ เป็ฯอสงขัย

    ในที่สุดมียักษืตนนึงมาขวางบอกว่าไม่ต้องไปนรกแล้ว
    บูญที่เธอทำไม่เคยถึงฉั้นเลย
    ฉันไม่ได้ตกนรกเลย นั้นตั้งแต่ตายครั้งนั้น
     
  15. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ทำไม<-เนียะเหตุของมัน
     
  16. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    พระโฑธิสัตว์ท่านนั้นเลยโมโหแม่ตนเอง
    ดันทุกรังจะอุทฺสกุศลให้กะคนที่รับไม่ได้แน่ๆอยู่อีกหลายอสงไขย
    ไม่ละความพยายาม
    จนในที่สุดพระโพธิสัตว์องค์นั้นบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ
    วันนี้ ผม ก็ยังไม่ได้บุญนั้น
    พระพุทธเจ้าบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโฑธิญาณอีกเป็นโกฏองค์
    ผมก็ไม่ได้ผลบุญ

    ทำไม<-เนียะ
    ห้ามสงสัยเหรอ<- เนียะ
    ทำไงดี<-เนียะ
    ต้องอุทิศกุศลมากๆ
     
  17. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    การทำบุญ ทำทาน เมตตาสัตว์เป็นสิ่งที่ดีงาม ควรทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ บุญที่ทำย่อมมีผลเสมอ เพียงแต่ระยะเวลาในการส่งผลอาจไม่สามารถส่งผลแบบทันทีทันใดอย่างที่ใจเราคิดหวังเสมอไป ในช่วงเวลาที่มีความเดือดร้อนแบบนี้ ควรใช้สติและความรอบคอบในการดำเนินชีวิต ทุกอย่างล้วนมีทางแก้ไขครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือแก้ไขที่ใจเราก่อน ยังมีอีกหลายชีวิตที่เดือดร้อนยิ่งกว่าเรามากมาย แต่ด้วยความอดทนและเพียรพยายามไม่ท้อถอย เขาก็สามารถผ่านวิกฤติที่เลวร้ายไปได้ ระหว่างนี้ก็ควรพยายามปรับตัวปรับใจให้สามารถอยู่ได้ท่ามกลางความทุกข์ที่เผชิญอยู่ให้ได้ก่อน และลองหาบุคคลที่มีความรู้พอจะแนะนำแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับเราได้

    บุญที่เราทำมาถ้าจะให้ได้บุญมากๆควรน้อมบุญนั้นบูชาพระพุทธเจ้าก่อนครับ โดยตั้งสมาธิให้ดีแล้วสวดมนต์ เริ่มจาก นะโม ตัสสะ.. 3 จบก่อน แล้วก็ตามด้วยบท
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธรรมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ...

    พอมีสมาธิดีแล้วก็ตั้งใจน้อมถวายผลบุญที่ทำมาบูชาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    และตั้งจิตขอผลบุญที่ได้จากการบูชาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นี้มาหล่อเลี้ยงตัวคุณเอง(อุทิศให้ตัวเอง) แล้วก็อธิษฐานผลบุญช่วย แต่จะได้ผลเร็วหรือช้านั้นก็ให้เป็นไปตามกำลังที่บุญจะจัดสรรให้ ทำบุญตามกำลังครับ อย่าทำมากไปจนตัวเองรู้สึกว่าเดือดร้อนแล้วไปคิดว่าบุญไม่ช่วย

    เอานิทานธรรมมะมาฝากครับ เรื่อง บุญไม่ช่วย ?
    นิทานธรรมมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2015
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แนะนำ จขกท ภาวนา คาถาเงินล้าน วัดท่าซุง 108 จบ ทุกวัน ติดต่อกัน 2เดือนขึ้นไป นะครับ

    .
     
  19. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    สิ่งที่ทุกข์ต้องรู้เหตุก่อนว่าทุกข์ด้วยเหตุอะไรแล้วดับหรือแก้ที่เหตุนั้นเช่นเป็นหนี้ต้องรู้ว่าเป็นหนี้เพราะเหตุอะไรแล้วแก้ไขที่เหตุนั้น ถึงจะคลายทุกข์ได้ส่วนบุญทานที่ทำนั้นไม่เกี่ยวกับทุกข์เลยบุญส่วนบุญการทำบุญคือการให้เคยทำใหมเช่นเจอขอทานมาขอเงินเราเมตตาสงสารก็ให้ข้าวให้น้ำหรือให้เงินเพื่อให้เค้าคลายความหิวโหยไม่ต้องทนทุกขเวทนาเมื่อให้แล้วหวังว่าวันหนึ่งขอทานนั้นจะกลายเป็นเศษฐีกลับมาให้เราเป็นร้อยเท่ารึหรือหวังว่าวันหนึ่งขอทานนั้นจะกลับมาคืนเราถ้าทำบุญให้ทานแล้วคิดแบบนี้อย่าทำดีกว่าครับเสียเวลาและไม่ได้อะไร การทำบุญในพระพุทธศาสนาคือการมีจิตเมตตากรุณาให้เพื่อละความตะหนี่ในตัว ไม่ใช่ธุรกิจทำบุญร้อยขอถูกหวยราวัลที่หนึ่งพอไม่ถูกก็ว่าเนี่ยทำบุญตั้งเยอะไม่เห็นได้อะไรเลย ทำบุญนะครับไม่ใช่ทำธุระกิจลงทุนร้อยจะเอาพันพอไม่ได้ก็บอกผลบุญไม่เห็นมีเลย ยังงี้เสียเวลาเสียดายสิ่งที่ทำอย่าทำดีกว่า การทำบุญทำทานแล้วอุทิศผลบุญที่ทำนั้นเผื่อแผ่ไปยังเวนัยสัตว์ทั้งหลายคือหารให้ ขอย้ำว่าเป็นการให้ความหมายของคำว่าให้คือให้โดยไม่หวังสิ่งใดๆทั้งนั้นให้ด้วยจิตศรัธาให้ด้วยจิตเมตตาเพื่อบรรเทาทุกขเวทนาของผู้รับและเพื่อให้ผู้รับได้สุขยิ่งๆขึ้นไปนี่คือการให้แต่ถ้าให้แล้วหวังว่าจะได้คืนก็อย่าให้ดีกว่าเสียเวลาแล้วไม่ได้อะไร ส่วนผลบุญที่ทำนั้นยังไงๆก็ต้องเกิดอยู่แล้วโดยไม่ต้องหวังเช่นเราเอาเมล็ดข้าววหว่านลงดินคอยรดน้ำเมล็ดข้าวก็เจริญเติบโตออกรวงเป็นข้าวให้เราได้กินมีผลอร่อยแต่ถ้าเราหว่านเมล็ดพริกรดน้ำเมล็ดพริกก็เจริญเติบโตมีผลที่เผ็ดร้อนให้เรากินมีแต่ทุกขเวทนานั้นคือผลบุญกุศลและอกุศลที่เราทำไม่มีใครทำแทนเราได้เราปลูกเองก็ต้องกินเองเอาข้าวไปให้คนอื่นกินเค้าชอบแน่เพราะรสอร่อยลองเอาพริกไปให้เค้ากินซิใครเค้าจะกินทั้งเผ็ดทั้งร้อนเราต้องกินเอง นั้นแหละคือผลของกุศลและอกุศลที่เราทำและต้องรับมันแน่นอน แต่ถ้าทำบุญแล้วบอกว่าผลบุญไม่เห็นให้ผลเลยก็คือเมื่อปลูกข้าวต้องรอรวงข้าวจะกินใบกินต้นได้ไหมละบุญก็เหมือนกันต้องรอจนถึงเวลาก็ส่งผลเองไปเร่งก็ไม่มีประโยชน์เพราะมันยังไม่ออกผลเช่นดังข้าวยังไม่ออกร่วงก็ยังกินไม่ได้ก็แค่นั้นลองทบทวนดูว่าเมื่อก่อนเราปลูกพริกหรือปลูกข้าวละถ้าปลูกพริกวันนี้ก็ต้องกินพริกตอนกินพริกก็หันมาปลูกข้าวเพราะรู้รสแล้วว่าพริกมันเผ็ดมันร้อนมันทุกข์แต่พอปลูกข้าวแล้วจะกินเลยมันเป็นไปไม่ได้มันต้องรอให้ข้าวออกร่วงก่อนถึงจะกินได้นี่แหละคือสิ่งที่คนไม่เข้าใจกันลองตั้งจิตนิ่งๆแล้วทบทวนดูว่าอดีตเราไปเอาของเค้ามาวันนี้เค้ามาทวงของเค้าคืนเราไม่มีคืนเลยทุกข์ใช่ไหมถ้าใช่วันนี้ก็อย่าไปเที่ยวเอาของใครพรุ่งนี้ก็ไม่มีใครมาทวงจริงมั๊ยส่วนของเก่าที่ทำแล้วก็ต้องค่อยๆใช้หนี้เค้าไปอดทนอดกลั้นวันหนึ่งเราจะปลดหนี้ได้ก็คือปลดทุกข์นั้นแหละ สาธุ
     
  20. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +875
    ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้สู้ชีวิตต่อไปนะคะ ช่วงวิบากให้ผลมันก็เป็นอย่างนั้น ดิฉันและครอบครัวเคยมีปัญหาหนี้สิน เกือบถูกยึดทรัพย์เข้าแบงก์และยังถูกเอเจ้นต์ไล่ออกจากบ้านเช่าทั้งๆที่เราเพิ่งจะคลอดลูกด้วยตอนนั้น เนื่องจากธุรกิจของสามีไม่ดี มีคนโกงเลยมีหนี้สินรุงรัง จากนั้นเราเลยถอยออกมานับหนึ่งกันใหม่โดยให้อภัยทานทุกคนที่เคยโกงเรา รักษาศีล 5 ไม่ให้บกพร่อง แล้วสามีก็ฮึดกำลังใจสุดท้ายเข้าไปขอพบ CEO ของแบงก์ที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ไปขอเข้าพบที่สนง.ใหญ่เลย เราอธิบายเหตุผลว่าทำไมเราไม่มีเงินจ่ายแบงก์ สรุปเค้ายอมฟังเราและโอนที่คืนให้แต่เราต้องรีบขายทรัพย์สินเท่าที่มีจ่ายหนี้ให้เค้าและก็จ่ายค่าเช่าบ้านที่ค้างเลยไม่ต้องขนของไปอยู่ข้างถนน ช่วงเวลาที่วิบากกรรมส่งผลมาเนี่ยต้องห้ามท้อ มีสติเยอะๆนะคะ ขอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้นะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...