แสงจ้าตั้งนาน
แล้วไปตกใจอีตอนไหนครับ
ธรรมะไร้กาลเวลาทั้งทางโลกทั้งทางธรรม
ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ละอองไฟ, 8 มกราคม 2021.
หน้า 127 ของ 148
-
หลายคนอาจคิดว่ากระแดะ ตลาดปัจจุบัน คนเฮ้ลตี้และเน้นความสะอาดมีมากขึ้น แน่นอนว่าคนง่ายๆอะไรก็กินได้ยังมีอยู่เยอะ แต่ถ้าคุณทำเรื่องเฮ้ลตี้หรือความสะอาดได้ดี คุณขายได้ทั้ง 2 กลุ่ม คนง่ายๆก็ชอบซื้อเช่นกัน
ธุรกิจ 5.0 ฮับ
-
ไร้กรมโมมันละนะ เตือน เท้าสับซาบะ
"เอาม๋าปายผาว ขอหา ทำกลิ่นผีจู" -
เวลาเขียนธรรมเลยไม่ค่อยหนักแน่น
สมาธิลุงแมวเข้มแข็งขึ้น
ธรรมที่เขียนก็หนักแน่นตาม
ของแบบนี้ฝึกใหม่ได้กันทุกคนครับ -
อาวร้าว!! รูปนามเขตขันธ์200(ปลาเทศในโลก) จะรีดภาษีดีจิกท่าน
แบบขั้นต่ำ เช่น เฟกบุค ฯ จะต้องจ่ายภาษี 15%ให้กับ ทุกประเทศ
ที่เข้าไปทำธุรกิจ ( มี สมาชิ เป็นคนสัญาชาตินั้นๆ ) โดย รัดบาลไม่
ต้องมานั่งร่างกฏหมาย( เพราะถึงจะร่างกฏหมายมา เฟกบุค ก็จะ
เลี่ยงภาษีด้วย เทคโนโลยี จน สรรพกรตำน้ำข้าว จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน)
ซึ่งนี่ก็จะทำให้ บอดเชน มีโอกาสผลิกตัวมาถูกกฏหมายด้วย เพราะ
หากกฏหมายโลกนี้ออก บอดเชน ก็มีหน้าที่ เสียภาษี กระอักตะโนมัด
(ซึ่งเป็นผลดี ต่อ บอดเชน คิดโตเคยเล่นไหมหนี้ ที่จะได้ ฟอกตัว
และไม่ถูก ปราบปรามโยรัดบานไหนๆ ได้อีก )
ไร้กรม หากจะกิน ปิซซ่าสองถาด เอาเงินไปฝากเทวดาสักองค์
โลงทุงเผื่อๆไว้แทน ไม่แน่อาจจะได้ ลูกหนี้ข้ามภพข้ามชาติ(หากมานเบี้ยว) -
ถ้าแบบสุขวิปัสสะโก
ดับกิเลสอย่างเดียวก็พอ
ไม่ต้องมีสมาธิถึงฌาณสี่ครับ -
ถึงจะผ่าน -
โดยไม่หลงหลอกตัวเองก็ใช้ได้แล้วครับ -
ปล ลิง นิดนุง : เรื่อง ภาษี G7
จีจี ไปหยอดเอาไว้ ว่าให้ จิกพวก คิดโต บอดเชน เข้าไป
ปลาชุมด้วย คัดที่เป็น แฮกเกอร์น้ำขาว
แล้ว ให้ฝังใน Protocol ระดับ package data communication
ไปเลยให้มี token ทางภาษี แฝงอยู่ แล้วให้มี data structur
ที่พอเพียงแก่ประเทศที่เนื่องกับ user location สามารถ เคลม
เป็นภาษีของประเทศตน ได้
ม่ายเป็นไร รอกันอีกโหน่ย หากได้ตามนี้ กรมสรรพกร สรรสามิต
ในแต่ละประเทศ ก็ยุบทิ้งได้เลย แต่ละประเทศจะได้รับการ
จัดสรร ภาษีอัตโนมัติ เหมือน เด็จดอกต้นกัลปพฤกษ์ ( เก็บเกี่ยว
ได้ตลอด แต่ไม่ควรเก็บทีเดียวไปหมด ควรค่อยเก็บ ค่อยๆเกี่ยว
เพราะในเชิง ดีจิกต่อน token มันควรเอาไปทำ farming ปล่อย
กู้อัตโนมัติด้วย )
อะไรพวกนี้เป็นเรื่อง DeFi ที่ รัดบาล ส่วนใหญ่ งง แต่ถ้าเมื่อไหร่
หายงง ก็จะสบาย ไม่มีเสียเปรียบ หมดเงื่อนไขกำแพงภาษี สงคราม
เรียกว่า อภิญญา เล่นแรแปรธาตุ สาธารณะ อะฮับ ไม่ใช่เรื่อง
นอกเหนือ ธรรมะ แต่อย่างใด ครึ ครึ -
ระบบภาษีที่ดี ทำให้เราต้องปกป้องวิถีชุมชน
แด่เธอ ผู้ปกป้องวิถีชุมชนดั้งเดิม แต่เก่าแก่ควรสืบทอด มาตั้งสมัยอโยธยา
-
พระอรหันต์ ทุกประเภท ขนิกสมาธิของสัมมาสมาธิ ก้เพียงพอสำหรับ บรรลุธรรม
แต่บางองค์ ก็ ใช้ ตั้งแต่ ฌาน 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4 ในสัมมาสมาธิ
ถ้าไปเอาฌาน4 ของ ฤษีมาปน จะทำให้เข้าใจผิด -
ไปอ่านของสายกสิณ ก็เห็นบอกเพ่ง จนได้ที่ ก็เพิกรูป เข้าสู่ธรรมมารมณ์เดียว เดิน 1 2 3 4 ต่อ ก็เห็นไม่หนีไปจากนี้ ท้ายสุดก็ต้องมาลง 1 2 3 4
ก็อุบายเดียวกะพุทโธ นับลูกประคำปะ -
ก็ไม่จำเป็นต้องแยกประเภท
แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นครับ
ด้วยเหตุนี้
จึงจำเป็นที่จะต้องแยกประเภท
ให้ชัดเจน -
พอถึงจุดทิ้ง ลำธารแต่ละสายก็บรรจบที่แม่น้ำใหญ่นามว่าฌาน
ดังนั้นวิธีการเริ่มต้น แค่ปรุงแต่งกันไปเอง วิ่งเรือจนจบแม่น้ำ
กสินก็มาทุกกองอยู่ดี(อภิญญา) การปรุงแต่งเริ่มแรกจึงกล่าวไม่ผิดเลย (เริ่มจากพุทโธ ก็ไม่ต่าง) ว่าแค่ปรุงแต่ง -
ผลเพื่อให้จิตสงบเป้นอารมณ์เดียว แล้วไต่ลำดับฌานของฤษี
ส่วน
ขนิกสมาธิของสัมมาสมาธิ คือ ความเป็นเอง ของสติ สมาธิ ปัญญา
เป็นผลของการเจริญสติ
ส่วนอุบายพุทโธ หรือนับลูกปะคำ ก้เพื่อให้จิต สงบ
พอสงบๆ แจ่มๆ ก้น้อมไปพิจารณากาย หรือจะ ดูจิต ก็ว่าไป -
คิดแบบโง่ๆ อารมณ์เดียว ก็คืออารมณ์เดียวแบ่งแยกหลายเวอร์ชั่นไม่ได้ ธรรมธาตุของธรรมชาติมีแค่นี้(ในแง่อารมณ์เดียว)
จุดต่างในนอกศาสนา คือการสดับ เป็นพ่อครัวผู้ฉลาด บางคนสดับไม่เข้าใจไม่ใช่พ่อครัวผู้ฉลาดในสมาธิ ก็ไม่ต่างจากฤษี
ถ้าผมจะกล่าว คหสต ฌานคือฌาน บรรลุ/ไม่บรรลุ คือปัญญาที่เข้าใจแทงตลอดที่ได้สดับมาใหม (เห็นอาการต่างๆของจิต เช่นตอนก่อนตรัสรู้) -
พินาในสมาธิแม่งเลย 5555 -
และก็ มันจะไม่ขัดกับพระสูตร สุขที่ไม่ควรกลัวคือฌานเลยนะ
สุขทางโลกพระองค์เตือนให้กลัว แต่พระองค์เชียร์สุขที่ไม่ควรกลัว
ผมจึงพินาว่า ถึงจะเป็นฤษี ก็มีอานิสงค์ที่พึงหวังได้ แต่ถ้าฟลุคๆพลิกเป็นพ่อครัวผู้ฉลาดในฌานขึ้นมาในขณะจิตที่คาดไม่ถึง ไม่ได้คาดหวังมาก่อน ก็ถูกหวยไป
(เน้นนะ ขณะจิตที่คาดไม่ถึง นิพพานสั่งไม่ได้)เพราะนักภาวนาล้วนเคยสดับมาบ้างแล้ว
จึงต่างกับคำกล่าวรุ่นหลังในสมัยนี้ ให้เฝ้าระวังฌานฤษี ขัดแย้งพระองค์ในสูตรสุขที่ไม่ควรกลัว
ตัดจบโช๊ะ!!! -
"ต้นคดปลายตรง ไม่มี "
สมมติว่ามี สัตหนาขนตนหนึ่งอ้างทำฌาณฤาษี
แล้วมาเหมาเข่งว่า ทำ สมาธิในพุทธศาสนาแล้ว
อันนี้ "ต้นคดปลายตรงไม่มี" นะฮับ
ในอรรถกถาจารย์ ที่มีมาตั้งแต่ลังกาโน้น นี่ฤาษี
มันมาแต่งตำราหลอกเอาไว้ คนเลยเข้าใจผิด
ว่า ประเภทอรหันต์แบ่งตามวิธีการอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ถ้า แยกรูปแบกนามเป็น "ต้นตรง" สมมตว่า
มีปลาหวาฬน ใส่ใจแยกรูปแยกนามอยู่ แต่ทว่า
ฉันทะ อันเป็นเวทนาในกาลก่อนๆ(กรรมเก่า
ที่เป็นอกุศลให้ผล) มันพาแฉลบไปได้ ฌาณ8
แต่เนื่อจาก "ต้นตรง" ไม่ได้หลงไปกับ ฌาณ8
นั้น เพ่งธรรม(พิสูจน์ธรรมอยู่ว่านั่นไม่เที่ยง
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัว ตน)เป็นเพียง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เกิดก็เพราะเหตุ ดับก็เพราะเหตุ(เวทนาในกาล
ก่อนๆดับ) ทั้งสิ้น เห็น สัจจ ตรงนี้ ก็เกิดอาการ
เห็นว่า พ้น แล สลัดคืน ขณะจิตเดียว
ซึ่ง ขณะจิตนั้น จิตมันผลิกด้วยเหตุอะไร ก็จะ
เอาตรงนั้นมาเรียกประเภทอรหันต์ อีกที
เช่น พระศาสดาของเรา ท่านให้เรียกท่าน
ว่าเป็น อรหันต์วิชา3 เพราะขณะสำเร็จ
จิตอาศัยการเห็น บ่อกสิณ เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แล้วแทงตลอด นี่หากตอนนั้น จิตมีการเสพ
ฌาณตั้งแต่ปฐมฌาณ ก็จะเรียก กายสักขี
แต่ถ้าเก่งกว่านั้นสัมผัสวิโมก8ครบก็จะเรียก
อุภโตภาค นี่ไม่ใช่ พระพุทธองค์สัมผัส
ได้แค่ บ่อกสิณ อเนญชา เลยเป็นแค่ วิชา3
แต่ความที่เป็น สัพพัญญู จึงมี สัพพญุตญาณ
เป็นเครื่องมือ แทงตลอด ในการฝึกอย่างอื่น
อีกที เพื่อให้ทราบเหตุ และปัจจัย จึงจะประกาศ
อนุตรสัมมา
นะ พอเข้าใจไหม
ฝึกฌาณ8คล่องเลย เดินไปไหนหน้าใส
แต่ ขณะบรรลุ เกิดจากการ สดับธรรมเขาพูด
คุยกันอยู่ ไม่ได้บรรลุ ขณะ ที่วิเวก อะไรแบบนี้
ก็จะกลายเป็น สุขวิปัสสโก
พูดซื่อๆ อะไรที่ฝึกมาก่อนหน้า ไม่เกี่ยวเลย
ให้ พินาเฉพาะ ขณะ บรรลุเท่านั้น
แล้ว ขณะ จะเกิดได้ จะบรรลุได้ ไม่มีฮับ
จะมี มิจฉาทิฏฐิแทรกนำหน้าอยู่ เป็นไปไม่ได้
ที่มี มิจฉาทิฏฐิ แล้วจะ บรรลุธรรม
(ต้นคด ปลายตรง ไม่มี ) -
พวกนี้ ไม่เกียวเลยว่า ฝึกอะไร บางคนไม่ได้ฝึกเลย
แต่ ขณะ บรรลุ ตัว สัทธามันกำเริบ นำหน้า
โดยที่กิเลสไม่มี ไม่ได้สัทธาเพราะประจบ
แต่ สัทธาเพราะเล็งเห็น ธรรมบ้าง เล็งเห็น
ความงามบางประการ(คล้ายเนื่องกับประวัติ)บ้าง
แล้ว ผั๊วะ เอาดื้อๆ
ถ้า สัทธาธรรมก็ไม่มีอะไรเป็น ลาภ
แต่ถ้าไป สัททาเชิงประวัติ เช่น ซบท ได้ยิน
พระโมคคลัลานะสอนท้าวสักกะ แล้ว ปลื้ม
โดยไม่มีกิเลสเจือ ก็จะ ผั๊วะ
แล้วได้ ลาภ คือ มีความสามารถแบบเดียว
กับ พระโมคลลานะ ทุกประการ ไม่ต้องเสียง
แรงฝึก นี่ พวก สัทธาวิมุตติ มี ญาณลาภี
หน้า 127 ของ 148