ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

  1. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ ตกสวรรค์มาเกิด ”

    “ เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) มาอยู่บ้านห้วยทราย คำชะอี นครพนม (มุกดาหาร) มีหมาแดงตัวหนึ่งเป็นหมาตัวผู้หลงมาอยู่อาศัยกับพระเณรในวัด เลยให้มันเป็นหมาวัดเป็นข้อยอัญญาหมาวัด

    หมาแดงหลังอานหางม้วน เชื่อฟังพระเณร ไม่เห่าไม่ร้องรบกวน ไม่สนใจหมาตัวเมีย ตัวมันชอบอยู่สงบ เวลาพระเณรบิณฑบาตก็เดินตาม ไม่รังแกสัตว์ตัวอื่นทั้งในและนอกวัด

    ทีนี้เวลาเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) จะลงไปอยู่อำนาจเจริญ หัวตะพาน พอมันรู้ว่าเพิ่นจะไปจากแล้ว มันก็อาลัยรักคอยติดตามเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ทุกหนทุกแห่ง หมอบเฝ้าอยู่ไม่ให้คาดสายตา

    เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ก็ชอบพูดสอนมันหลายอันหลายอย่างอยู่เสมอ ๆ

    เราเป็นเด็กอยู่ ก็ไม่ได้ใส่ใจในคำที่เพิ่นสอนหมาแดงตัวนั้น ว่าเพิ่นพูดสอนอะไรมันบ้าง

    ที่แปลกคือ วันพระ มันไม่ยอมกินอาหารหลังเที่ยง พระเณรก็จะเอาน้ำให้มันแจะกิน น่าแปลกมาก

    วันที่จะเดินทาง มันไม่ยอมห่างเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) เลย

    คนใหญ่เขาก็ไล่ให้มันกลับ แต่เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ก็ว่า……..

    ““ ปล่อยมัน ๆ ให้มันไปด้วย มันอยากไปด้วย มันตกสวรรค์มาเกิดมันจะไปสวรรค์อีก ”

    ก็เลยปล่อยให้มันเดินตาม ทีนี้พอรู้ว่ามันมาจากสวรรค์ พระเณรผู้คนก็ยิ่งสนใจมันเป็นพิเศษ เดินทางไกลหลายวัน มันเหนื่อยก็เลยอุ้มมันขึ้นนั่งบนเกวียนข้าง ๆ กับคนขับเกวียน

    ตามันจ้องมองเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) มิให้ขาดหายไปได้ นี่หมาตัวนี้มันฉลาดใกล้มนุษย์จริง ๆ มันเคยเกิดเป็นข้ารับใช้ของเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) มาก่อนในชาติก่อนหน้านี้ ”” …….

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๕๕

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts




    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่มีสัญลักษณ์ของความกล้าแกร่งในตน ”

    ตอนงานถวายพระเพลิงสรีระสังขารเพิ่นครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระหลายรูปอยากเห็นท่านอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม กันทั้งนั้น

    ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม ท่านบอกกับผู้ข้าฯ ว่า จาม เอ๋ย … “เกิดมาไม่เคยกลัวอะไรเลย เข้าหาท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เรารู้สึกว่ากลัวนิด ๆ”

    ภาษาเทศน์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม แม้หยาบคาย แต่เต็มไปด้วยธรรมะแท้ ๆ

    จิตของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม บริสุทธิ์ ถึงทางธรรมขั้นสูงสุด ตรงกันข้ามกับวาจา กิริยาของท่าน

    ผู้ข้าฯ เคยได้ยินเพิ่นครูอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต พูดกับพระองค์อื่นๆ ว่า……..

    “ ใครอย่าไปดูถูกท่านตื้อ (อจลธัมโม) นะ ท่านตื้อ (อจลธัมโม) เป็นพระเถระ ”

    หลวงปู่ตื้อ (อจลธัมโม) ท่านจะธุดงค์คู่กับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    พระอริยสงฆ์ทั้งสองรูปนี้ปฏิปทาแตกต่างกันมาก

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ไม่พูด เสียงค่อย ไม่ค่อยสนทนากับญาติโยม นุ่มนวล เรียบร้อย

    หลวงปู่ตื้อ (อจลธัมโม) พูดตลอด ท่านเทศน์ได้ถึง ๒-๓ ชั่วโมงโดยไม่หยุด เสียงดัง โผงผาง ใช้คำหยาบ ท่าทางเป็นนักเลง

    หลวงปู่ตื้อ (อจลธัมโม) ไม่ชอบฉันกล้วย หลวงปู่แหวน (สุจิณโณ) ชอบฉันกล้วย

    หลวงปู่ตื้อ (อจลธัมโม) ท่านเล่าว่าหลวงปู่แหวน (สุจิณโณ) ตอนหนุ่ม ผิวขาวผุดผ่อง งามมาก จนมีผีสาวมาชอบ ทั้งเป็นคน ทั้งเป็นผี มาชอบมามักท่านแหวน (สุจิณโณ)

    หลวงปู่ตื้อ (อจลธัมโม) จึงต้องปราบและเทศน์สอนธรรมะผีตนนั้นอยู่นาน……

    ตอนศึกษาและจำพรรษากับเพิ่นครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นั้น ท่านครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ภาวนาเห็นถ้ำพระปัจเจกก์พุทธเจ้า ได้ให้ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม กับหมู่พระ ไปสำรวจหา

    ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม รับคำโอวาทบัญชาแล้วก็ออกมุ่งหน้าตามหา ตามนิมิตที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้พบและเห็น เดินกันเป็นวันๆ จนพบอยู่เขาสูงเชียงดาว

    แล้วท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม ก็สำรวจเห็นและกลับมากราบเรียนเพิ่นครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    เพิ่นครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็กล่าวว่า ท่านตื้อ (อจลธัมโม) นี้เป็นพระนักปฏิบัติเสียสละ เด็ดเดี่ยว อาจหาญ ถือปฏิปทาดั่งเสื่อโคร่ง ขอให้ท่านตั้งใจปฏิบัตินะแก้ไขตนเองหลุดพ้นไปได้ชาตินี้นะ

    ภาพหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม มักคล้องสร้อยลูกประคำเป็นเอกลักษณะ
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ปฏิปทาแปลกคือจะคล้องลูกประคำถ่ายรูปประจำ แต่เวลาปกติท่านกลับเก็บลูกประคำไว้ ไม่นำมาคล้องคอแต่อย่างใด เราก็เคยสอบถามเพิ่นเหมือนกัน ผู้เขียนได้กราบเรียนหลวงปู่จาม มหาปุญโญ

    “หลวงปู่ตื้อ (อจลธัมโม) ท่านสวมลูกประคำประจำหรือครับ ” ?

    “ ไม่ประจำหรอก เห็นเพิ่นใช้เวลาสวดมนต์ บริกรรมคาถา ปลุกเสก และถ่ายรูป ”…(หลวงปู่จาม มหาปุญโญ) ตอบ…………

    แม้หลวงปู่จาม (มหาปุญโญ) เองก็นึกสงสัยเช่นกันว่า สวมลูกประคำไม่เป็นบาปหรือ ไม่ผิดวินัยหรือ ยังไม่ได้ถามหลวงปู่ตื้อ (อจลธัมโม) ด้วยซ้ำ……..

    จาม เอ๋ย ผู้ข้าฯ ภาวนาเห็นพระเถระเจ้าองค์หนึ่งอยู่วัดนี้หละ (วัดป่าพระอาจารย์ตื้อ อำเภอแม่แตง เชียงใหม่) ยุคสมัยของพระพุทธเจ้ากกุสันโธ ท่านก็ห้อยลูกประคำ ๑๑๑ ลูก”…(หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม) กล่าว……

    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ใจเป็น พุทธโธ ธัมโม สังโฆ แล้วก็เป็นพระอรหันต์

    “ จาม เอ๋ย ลูกประคำมิใช่เครื่องตกแต่งกาย แต่ผู้ข้าฯ เอามาตกแต่งธรรมสังขาร ไม่เป็นบาปหรอก”…(หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม) ท่านเฉลยแล้วยิ้ม…………

    หลวงปู่จาม (มหาปุญโญ) ก็ยิ้มตามอย่างเข้าใจ)………

    หลวงปู่ตื้อท่านเป็นพระพูดจริง ทำจริง ปฏิบัติธรรมอย่างชนิดทุ่มเทกำลังทั้งหมด ยอมสละแม้กระทั่งชีวิต

    ตอนหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ตอนเพิ่นอาพาธเจ็บป่วย ท่านก็เฉยเสีย
    เดินจงกรมก็เป็นไปตามปกติ นั่งภาวนาก็เป็นไปตามปกติ

    มีพระเข้าไปกราบเรียนท่าน ขอให้ท่านเพ่งรักษาโรคภัยในร่างกายของท่านบ้าง ท่านก็ตอบว่า………

    “ เราไม่เคยตามใจสังขาร มันเป็นได้ ก็ต้องปล่อยให้หายเอง

    ใครเอาอะไรมาให้ ก็กิน ใครไม่เอาอะไรมาให้ ก็ไม่กิน

    การเจ็บป่วย มันเป็นเรื่องของสังขาร ใจเราเฉยๆ ก็จะสบายไปเองแหละ……

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๕๔

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts








    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ เลี้ยงชีพครองตนด้วยแบบของภิกษุ ”

    “ พระอุปัชฌาย์(พระธรรมเจดีย์จูม พันธุโล) เพิ่นสอนว่า “การเป็นนักบวชเป็นศีลเป็นธรรม เพราะเลี้ยงชีพครองตนด้วยแบบของภิกษุ นั่นคือได้ปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีวิตด้วยความบริสุทธิ์ หาแบบภิกษุ, อยู่แบบภิกษุ, ฉันแบบภิกษุ ใช้สอยแบบภิกษุ สันโดษ มักน้อย รู้จักพอดี จะอดจะอิ่มก็ให้งาม ปากท้องอย่าให้บาป ชีวิตนักบวชอย่าให้เป็นบาป”

    “เราเป็นนักบวชให้กินง่าย อยู่ง่าย ไม่วุ่นวายคลุกคลี อยู่เพื่อค้นหาศึกษาธรรม ตั้งใจของเจ้าของให้มาก ธรรมใดจะเป็นเหตุให้เฮาได้เสวยในความสุข ก็ให้สะสมในธรรมนั้น””

    เพิ่นสอนหลายอันหลายอย่างเราก็จำได้ไม่หมด อกรณียกิจ อนุศาสน์ กรรมฐาน ๕ อโคจร และเรื่องปัจจัย ๔ เลี้ยงชีวิต

    เวลา ๒ ทุ่มตรงก็เริ่มขอบวช บวชเสร็จแล้วเพิ่นก็ให้โอวาทพระเณรต่อไปเลย แต่พระสงฆ์ที่มานั่งหัตถบาสให้นั้นทั้งหมด ๑๒ รูป พระอุปัชฌาย์เพิ่นบอกให้เอาแค่ ๑๒ รูป””

    “ช่วงที่อยู่กับท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ อยู่นั่นหล่ะ เรื่องของพวกกินเจ กำลังตื่นเต้นกัน มีโยมเข้ามาเรียนถามกับท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ เรื่องการกินเจ

    ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ เพิ่นก็อธิบายว่า……

    “ อาหารการขบฉันทุกอย่างหมู่เจ้ากินอย่างใด พระเณรก็กินอย่างนั้น แต่พระเณรนั้นบริโภคอย่างมีธรรมวินัย อาหารอย่างใดที่

    พระพุทธองค์ทรงห้ามเอาไว้ ก็อย่าเอามาให้พระเณรได้ขบฉันเป็นอันขาด เช่น อาหารมังสัง ๑๐ อย่าง, มังสังเจาะจงบอกชื่อ, มังสังที่เห็นว่าเขาฆ่าหรือได้ยินว่าเขาฆ่าหรือนึกรังเกียจอย่างนี้

    พระเณรเพิ่นก็ไม่ฉันกันหรอก เพราะเว้นให้กับการพิจารณาอยู่แล้ว ส่วนหมู่ชาวโลกก็สุดแต่จะว่ากันสรรหามายัดปากยัดท้องให้มันเต็มให้มันอิ่มอยู่เสมอ ก็สุดแล้วจะกินเนื้อหรือกินหญ้าก็ตามใจชอบเท่านั้นเอง

    หรือหมู่เจ้าเห็นกันว่าอย่างใด

    กินเนื้อเป็นเสืออย่างนั้นหรือ ?

    กินหญ้าเป็นควายอย่างนั้นหรือ ?

    ระวังเน้อ….เสือมันจะกัดคอควายเด้อ””

    ว่าจบแล้วก็พากันหัวเราะอย่างถูกใจของผู้มาถาม เพราะผู้มาถามนี้เป็นพวกไม่ชอบกินเจ แต่ก็กินทั้งเนื้อกินทั้งเจปนเปกันเต็มอยู่ในท้องไส้””

    ธรรมข้อนี้ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เพิ่นก็สอนไว้เหมือนกันเลย เพิ่นว่า…….

    ถ้ากินเจ แล้วมันดิบมันดี ปานนี้งัว(วัว) ควาย เต็มทุ่งนา บ่พากันสำเร็จเป็นพระอรหันต์กันหมดแล้วรึ คนกินเจ รึสิสู้ งัว ควาย มันกินมาแต่น้อย มาแต่เกิด อาตมาก็ฉันเนื้อฉันผักเหมือนเดิมนั้นล่ะ ยกเว้นมังสัง ๑๐ อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม , มังสังเจาะจงบอกชื่อ, มังสังที่เห็นว่าเขาฆ่าหรือได้ยินว่าเขาฆ่าหรือนึกรังเกียจอย่างนี้

    อาตมาก็ฉันตามธรรมตามพระวินัย (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ตอบปัญหาธรรมกับพวกกินเจ ที่มาชักชวนให้หลวงปู่ทั้งสององค์ มากินเจในพรรษา)

    ผู้ข้าฯ ก็พิจารณาธรรมข้อนี้ของครูบาอาจารย์ ก็เป็นอย่างที่เพิ่นว่าไว้ เราก็พิจารณาว่าปัญญาชองปุถุชนกับปัญญาของปราชญ์นักบิณฑิตมันเปรียบกันมิได้………

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๕๓

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts




    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ นอนภาวนาในโลงศพ ”

    “ การนอนในโลงศพ ก็เคยทำ นอนพิจารณาความตาย กำหนดพิจารณาว่า “มรณํ เม ภวิสฺสามิ ”

    อันนี้ทำอยู่เมื่อคราวอยู่บ้านปากทางแม่แตง เชียงใหม่ เจริญมรณานุสสติ นานเข้าฯ จิตใจอ่อนดี ได้กำลังดีมาก นับว่าได้ประโยชน์

    เราก็หลบซ่อนทำอยู่โดยลำพัง กลัวญาติโยมมาเห็นแล้ว เขาจะกลัวหรือหาว่าเป็นขึดเป็นขวงอย่างนั้นไป แต่ก็ไม่วายสุดท้าย ญาติโยมเขารู้จักจึงได้หยุด

    วันนั้นอ้ายสุวรรณ เด็กน้อยหนุ่มวัยรุ่น เขาใช้ให้มาส่งข่าวให้ว่าท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ หกล้มตกหัวกระไดกุฏิอยู่บ้านป่ง แม่ปั๋ง เชียงใหม่ ญาติโยมเขาก็จะไปทำบุญพรุ่งนี้เดินทางไปแต่เช้า มาบอกให้เราเตรียมตัวไม่ต้องออกบิณฑบาต เพราะจะให้ไปฉันกับท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ ช่วงนั้นอยู่คนเดียว ท่านอาจารย์ตื้อ (อจลธมฺโม) ยังไม่มาอยู่ด้วย

    ผู้ข้าฯ ก็นอนกำหนดภาวนาอยู่ออกพรรษาใหม่ๆ อากาศมันหนาวเข้ามาเข้าไปนอนในโลงศพมันอุ่นดี เอาฝาโลงปิดแง้มไว้ให้ได้อากาศหายใจ อ้ายสุวรรณ มันก็มาร้องหา “ตุ๊เจ้าๆ ๆ”

    เราจะออกไปตอนที่มันอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น ก็กลัวมันย้านแล้ววิ่งนี้ คอยท่าให้มันเดินห่างแถวนั้นไปก่อน มันก็ร้องหาอยู่ “ตุ๊เจ้าๆ ๆ”

    มันเดินไปไกลหน่อยหนึ่งแล้วเราก็ค่อยๆ จะออกมาที่นี้ ฝาโลงที่ปิดแง้มไว้อยู่ไหลตกลงไปข้างโลงศพ อ้ายสุวรรณ หันหน้ามาเห็นฝาโลงศพเปิดเอง ก็วิ่งแน๊บออกไปเลย…………

    อ้ายน้อยหนุ่มคนนี้มันกลัวผี ตกใจวันนั้นเป็นไข้อยู่หลายวัน ไปถึงบ้านไปเล่าให้พวกคนใหญ่เขาฟัง เขาจึงมากันหลายคน เราจึงได้ชี้แจงให้เขาฟังว่า………..

    “อาตมาเองหละ เข้าไปนอนพิจารณาอยู่ในโลงศพ ได้ยินเสียงเรียกจึงจะออกมาหา ออกมาก็เห็นแต่อ้ายสุวรรณมันวิ่งออกไปทางประตูวัดโน้นแล้ว เรียกมันอย่างใดก็ไม่ได้ยิน”……

    เมื่อรู้เรื่องกันแล้วก็ตกลงกันได้จึงไปหาท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) จะลงมาเดินจงกรมเลยพลัดตกหัวกะได หัวเข่ากระแทกกับลูกบันไดขั้นสุดท้าย ทำให้เจ็บบวมจนเดินไม่ได้ พ่อหนานสีทนใช้ลูกหลานให้มานิมนต์ให้ดูแลในการรักษาว่าจะเอาอย่างใด

    เมื่อไปดูแล้วก็มีอาการเจ็บบวมเฉยๆ เอาน้ำมันงานวดทา อยู่ดูแล ๓ – ๔ วัน จนหายปกติเดินบิณฑบาตได้ เราจึงได้กลับบ้านปากทาง แม่แตง เชียงใหม่

    ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) แต่ก่อนเป็นอยู่ลำบากมาก แต่เพิ่นก็อดทนอยู่ได้กับศรัทธาญาติโยมบ้างป่ง แม่ปั๋ง เชียงใหม่ เพิ่นว่า………….

    “อยู่บ้านป่ง นี้ภาวนาดีกว่าที่อื่น จิตใจเยือกเย็น พิจารณาอันใดก็คล่องตลอด”

    ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) อยู่องค์เดียว แก้ไขตัวเอง เดินสติปัฏฐานอยู่ตลอด เพิ่นเข้าใจแยกแยะให้ฟัง กายนอกกายใน ใจนอกใจใน เวทนานอกเวทนาใจ ธรรมนอกธรรมใน เพิ่นว่าเพิ่นแก้ตัวได้สงบสุขได้แล้ว จึงมาแก้ไขวิปัสสนาอยู่ภายใน

    ผู้ข้าฯ ก็พอเข้าใจลำดับการแก้ไขอยู่บ้าง เพราะเคยได้รับอุบายธรรม เรื่องนี้มาแล้ว แต่เมื่อครั้งได้พบปะกันกับท่านอาจารย์ขาว (อนาลโย) คราวนั้น

    ช่วงที่ได้มาพยาบาลท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) นั้น ก็ฟังเพิ่นเปิดเผยให้ฟังลำดับสติปัฏฐานให้ฟังแล้วรวบรวมเข้าสู่การปฏิบัตินั้น

    ก็ได้แนวธรรมแนวทางเดียวกันกับแนวของท่านอาจารย์ขาว (อนาลโย) และตรงกับแนวในใจของเราที่ดำเนินอยู่ แต่ก็รู้ตัวของตัวเองอยู่ว่า…..

    ส่วนผู้ข้าฯ นั่นปฏิบัติไม่ไปไม่มาก็ได้แต่รักษาความสงบไว้ เพิ่นถามกลับ “ท่านจามล่ะ เป็นอย่างใดตอนนี้ ” ?

    “ โอ…ยากแท้เน้อท่านอาจารย์ พยายามสุดกำลังของตัวเองอยู่ครับ”

    มาภายหลังผู้ข้าฯ พิจารณาเห็นว่า ท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ นี้

    ท่านเคยเกิดเป็นกษัตริย์ในยุคศาสนาของพระพุทธเจ้าสิขี ดอยแม่ปั๋งนี้เป็นบ้านใหญ่ เมืองโต

    ท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ นี้เป็นกษัตริย์เจ้าเมืองปกครองบ้านเมือง อุปถากพระพุทธเจ้าสีขี ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ตลอดอายุขัย

    พอตายไปก็ไปสวรรค์ชั้นฟ้า เวียนว่ายตายเกิด จนมาได้ปลดเปลื้องแก้ไขตนเองได้อยู่ตรงเก่าเมืองเก่า บ้านป่ง แม่ปั๋ง เมืองพร้าว นี้ละ………

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๕๒

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts






    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ” ฤาษีเทพบุตรโพธิสัตว์ ”

    ท่าน อาจารย์ลี (ธมฺมธโร) วัดอโศการามนี้ สมกับเป็นผู้บำเพ็ญบารมีมานาน มีความรู้อะไรลึกซึ้งหลายอย่าง หลายประการ

    เสียแต่สู้บุพพกรรมที่เคยฆ่ามนุษย์เมื่อคราวที่เป็น พระเจ้าอโศกมหาราช เมืองปาฏลีบุตรไม่ได้

    มาชีวิตนี้ทำให้ได้รับผลอายุสั้นได้แค่ ๕๕ ปี เท่านั้น

    (จากหนังสือธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ)

    “ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) เพิ่นเดินธุดงค์ ไปพักรุกขมูลผานกเค้ากับพระ พอมาถึงใกล้กับผานกเค้า

    พักอยู่กับพวกที่ทำถนน แล้วโยมเขาเอารถไปส่งให้ถึงภูกระดึง เพิ่นบอกโยมเขาว่าจะไปหาฤาษีตนหนึ่งอยู่เชิงภู

    โยมก็ว่าแถบนี้ไม่มีฤาษี แต่ก็ไปเสาะหา แต่ชาวบ้านพวกทำถนนเขาไม่รู้ภาษาคำพูดเพิ่น แต่เพิ่นก็ ไปเสาะหาไปคนเดียว จึงไปเห็นฤาษีตนหนึ่งหน้าตาเหมือนกับคนเฒ่า อายุประมาณ ๗๕ ปี นุ่งห่มหนังเสือ สวมชฎาใบไม้ แต่สะอาดสะอ้านหมดจด

    สอบถามกันและกันได้ความว่า อายุได้ ๒,๐๐๐ ปี แล้วอยู่บนภูเขาแถบนี้ ตั้งแต่หล่มสัก น้ำหนาว ภูกระดึง ภูเขาแถบถิ่นนี้ เป็นเทพบุตรฤาษี ถือเพศเป็นฤาษี แต่บำเพ็ญอย่างเดียวในพรตธรรม
    พระวินัยขององค์พระพุทธเจ้า

    เป็นเทพบุตร เป็นหัวหน้าเทวดาในแถบนั้น เพิ่นว่าคราวนั้นล่ะ ที่เพิ่นไปเห็นตารุกขปติเทพบุตร ผู้เป็นผู้ควบคุมเปรตผีทั้งหมด

    ตารุกขปติยังได้ฝากคำ กับท่านอาจารย์ลี มาหาผู้ข้าฯ ให้ไปโปรดเทศน์ธรรมให้เขาฟัง เดี๋ยวนี้เป็นเทพอยู่ยังรอคอยอยู่

    แต่ฤาษีเทพบุตรตนนั้น บำเพ็ญบารมีมา แต่เมื่อครั้งพระอุบาลีเถรเจ้ามาอยู่จำพรรษา สร้างวัดอยู่ถ้ำผาบิ้ง อำเภอวังสะพุง จ.เลย

    ตัวเขาเป็นหัวหน้าผู้คนในแถบถิ่นนี้ บำรุงดูแลอุปัฏฐากพระอุบาลีเถรเจ้า ทุกอย่างทุกประการฟังเทศน์ฟังธรรม ทำอยู่อย่างนั้นได้ ๓ ปี

    พระอุบาลีเถรเจ้า จึงได้นิพพานไป นิพพานในถ้ำผาบิ้งนั่นหล่ะ (พ.ศ.๔) ผลอานิสงส์อันนั้นทำให้ได้เป็น เทพบุตร อยู่บนดาวดึงส์ ๓๐๐ กว่าปี

    เห็นว่าอยู่บนสวรรค์ ไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงได้ลงมาอยู่บนภูกระดึง ถือเพศบำเพ็ญเป็นฤาษีหนีจากนางฟ้าเทวดาทั้งหลาย

    ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) เพิ่นเล่าว่า เพิ่นนั่งภาวนาอยู่แต่วัดบรมนิวาส(กรุงเทพฯ) ช่วงที่อยู่สอนผู้คนสอนกรรมฐานให้กับเจ้าคุณสมเด็จอ้วนฯ(สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อ้วน ติสโส) มองมาแต่กรุงเทพฯ

    เห็นฤาษีเทพบุตรตนนี้ นั่งภาวนาอยู่บนก้อนหินชะง่อนผาอยู่บนภูกระดึง เมื่อได้โอกาสจึงไปหา เพราะหลายภพหลายชีวิต ที่ได้บำเพ็ญเป็นหมู่เป็นเพื่อน กันมา

    ผู้ข้าฯ ถามว่า “ท่านอาจารย์ไปพูดคุยอะไรบ้าง ? ”

    “หลายเรื่อง หลายอย่าง เรื่องกสิณ เรื่องภพชาติเกิดตายผ่านมา

    เรื่องราวในชีวิตนี้ เรื่องความเป็นไปในโลก เรื่องฟ้าเรื่องฝนเรื่องของมนุษย์”

    “ก็แสดงว่าเทวดาตนนั้นมีอภิญญาณพอสมควร”

    “ได้อยู่ เพราะเป็นลูกศิษย์ของพระอุบาลีเถระ”

    “นานไหมครับ นานหรือยัง”

    เขาว่า “พ.ศ.๒, พ.ศ.๓, พ.ศ.๔”

    “ผม เคยได้ยินเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) ว่าถ้ำผาบิ้งวังสะพุงเมืองเลย พระอุบาลีเถรเจ้ามาสร้างวัดแล้วนิพพานอยู่ที่นั้น ก็จริงนะซีครับ”

    “จริงแน่นอน เพราะผมไปพบหลักฐานแล้ว” ท่านอาจารย์ลีตอบ

    ท่าน อาจารย์ลี (ธมฺมธโร) วัดอโศการามนี้ สมกับเป็นผู้บำเพ็ญบารมีมานาน มีความรู้อะไรลึกซึ้งหลายอย่าง หลายประการ

    เสียแต่สู้บุพพกรรมที่เคยฆ่ามนุษย์ เมื่อคราวที่เป็นพระเจ้าอโศกมหาราช ที่เมืองปาฏลีบุตรไม่ได้ มาชีวิตนี้ทำให้ได้รับผลอายุสั้นได้แค่ ๕๕ ปี เท่านั้น ยังเผยแพร่ธรรมะยังไม่กว้างขวาง

    เรื่องการก่อสร้างเจดีย์ของเพิ่น ก็ยังไม่ทันได้สร้างได้ที่วัดอโศการาม สร้างได้แต่ที่ถ้ำพระสบาย แม่ทะ ลำปาง

    หมู่พระที่เดินธุดงค์กับเพิ่นคราวนั้น ที่ไปด้วยกับเพิ่นนั้น ทำผิดทำวิบัติหลายอย่าง ผิดสัจจะก็มี ไม่เชื่อฟังคำของเพิ่น ใจไม่ลงให้เพิ่น

    เทวดาจึงได้เอาฝนเอาฟ้ามาลงโทษให้สำนึก เขาเอาทั้งลมทั้งฟ้าผ่า ทั้งฝนมาให้ ถึงขนาดนั้นเขายังใส่โทษท่านอาจารย์ลี(ธมฺมธโร) อีกว่า ใช้ฤทธิ์บัลดาลให้เขาได้รับความลำบาก

    เมื่อไปถึงวัดบรมนิวาสแล้วก็ยังหาเรื่องหาความใส่อย่างนั้น อย่างนี้ จนที่สุดนอนหลับตายไป

    ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) นี้เทวดาก็รัก มนุษย์ก็นิยม ลูกศิษย์ของเพิ่นครูอาจารย์มั่น(ภูริทตฺโต) ในยุคสมัยนั้นก็มีท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) ท่านอาจารย์ชอบ(ฐานสโม) ที่เทวดารัก เทวดาเข้าหา เข้าขอฟังเทศน์ธรรม

    ท่านอาจารย์ตื้อ (อจลธมฺโม) นั้นเก่งทางปราบทิฐิของพวกนาคพวกภูมิ ภูมิต่าง ๆ

    ต่อมาอีกในภายหลัง ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณโณ) ผู้คนทั่วประเทศก็กราบไหว้บูชา เคารพนับถือ นับแต่พระเจ้าอยู่หัวจนชาวบ้าน

    เทพบุตรนรสีหะตนที่อยู่ภูกระดึง ที่ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) ไปพบปะนั้น เขาปรารถนาต้องการที่จะเป็นพระพุทธเจ้า นับจากพระศรีอาริย์ไปเป็นลำดับที่ ๘ (พระเตยยะพุทธเจ้า)

    เป็นองค์ที่ ๘ ในอนาคตวงศ์ (พระเตยยะพุทธเจ้า) เทพบุตรตนนี้เป็นมิตรเป็นหมู่กับท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) มาหลายภพหลายชาติ ”

    ส่วนทางด้าน “ตารุกขปติเทพบุตร” ชาวบ้านเขาเรียกว่า “ปู่หลุบ” หรือ “ปู่ตาหลุบ” หรือ “เจ้าพ่อปู่หลุบ” เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลพวกผีและเปรตที่พ้นจากนรกขึ้นมาแล้ว

    เรื่องของ “ตารุกขปติ” ตนนี้นั้น ผู้ข้าฯ พิจารณาแล้วว่า..

    “แต่เมื่อครั้งกัปป์ศาสนาของพระพุทธเจ้าเวสภู ตาแกเป็นคนทุกข์ยากไร้ทำกสิกรรมเลี้ยงชีวิตในเขตวังสะพุง (อ.วังสะพุง จ.เลย)

    ได้ลูก ๗ คน เป็นชาย ๔ คน เป็นหญิง ๓ คน แต่เมื่อลูกเกิดมาแล้วพ้นจากท้องของแม่แล้วผีก็มาเบียดเบียนจนถึงแก่ความตายเกิดมาแล้วก็ตาย ออกมาแล้วก็ตาย ตายหมดทั้ง ๗ คน

    มาสุดท้ายผู้เป็นเมียก็ตายไปอีก ตัวคนเฒ่าก็เป็นทุกข์เรื่องลูกตายหนีเสีย เมียตายหนีจาก เพราะพวกผีทั้งหลายโกรธแค้นให้ว่า

    คนเฒ่าผู้นี้บุกรุกแผ้วถางป่าทำลายบ้านเรือนของพวกตน ลูกเมียของผีพวกนั้นถูกไม้ทับตาย ผีก็มาแก้แค้นคืน

    มีพระปัจเจกก์พุทธเจ้ามาแต่ถ้ำต่างๆ ตามละแวกภูเขาแถบนั้นมาบิณฑบาตกับคนเฒ่า

    คนเฒ่าก็เอาแตงโม แตงไทย แตงอื่นๆ ใส่บาตรถวายพระปัจเจกก์ ทำอยู่อย่างนั้นจนตลอดชีวิต ตั้งความหวังปรารถนาว่า…

    “ ขอให้ได้เป็นเจ้าผู้ปกครองผีทั้งหลายในโลกนี้ ”

    เมื่อตายจากชีวิตนั้นก็สมหวังทันที ได้เป็นหัวหน้าเทพผู้ปกครองดูแลพวกผีทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าผีว่าเปรต

    หากพ้นจากนรกมาแล้ว ก็ให้ “ตารุกขปติ” ผู้นี้เป็นผู้ดูแลควบคุมมีบัญชี

    นรกสัตว์ในนรก ท่านพญายม เป็นผู้ดูแล

    สวรรค์ ท้าวฐตรถ เป็นผู้ดูแล

    นาค ท้าววิรูปักข เป็นผู้ดูแล

    ครุฑ ท้าววิรุฬโห เป็นผู้ดูแล

    ยักษ์ ท้าวเวสสุวัณ เป็นผู้ดูแล

    ปราสาทวิมานของตารุกขตนนี้อยู่ผานกเค้า แต่ที่ทำการของพวกเขาอยู่เขตภูผาม่าน

    ตารุกขปติเจ้าแห่งผีตนนี้มีเมีย ๒ คน มีลูกสาว ๔ คน เป็นรูปเทวดาพวกผีทั้งหลายในโลกกลัวเกรงเป็นที่สุด…

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๕๑

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts







    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ เอาอย่างพระเทวทัต ”

    “ ปี ๒๕๐๒ เจ้าคุณฯ วัดเจดีย์หลวง ส่งคนไปนิมนต์ให้มาอยู่จำพรรษาวัดเจดีย์หลวง เพราะศรัทธาญาติโยมเขาอยากฟังเทศน์พระป่า พระธุดงค์ เลยเข้าจำพรรษาอยู่เจดีย์หลวง เทศน์ในอุโบสถ ผู้คนมาฟังกันมาก ยิ่งวันพระก็เต็มอุโบสถ วันธรรมดาก็เทศน์ ๑ กัณฑ์ในรอบบ่าย คนฟังได้ผลกันมากในพรรษานั้น

    แต่โดยส่วนตัวก็ดีเหมือนกัน เพราะได้ฝึกหัดขันติธรรมอย่างอุกฤษฎ์ของตน

    เพราะนายสุข สามัคคี มาคอยเบียดเบียน รังควานอยู่ตลอดทุกวัน นายคนนี้แกเป็นคนมีทรัพย์อยู่มาก นิสัยชอบโกง เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น แต่เรื่องฟังเทศน์ฟังธรรมก็ชอบ รักษาศีลปฏิบัติเอาอยู่ แต่การแบ่งปันให้ทานนั้นไม่เอา

    ทุกวันหลังจากบิณฑบาตกลับมา มันมารอแล้วอยู่หน้ากุฎิที่พัก เราก็วางบาตรวางของที่ได้จากบิณฑบาตเอาไว้ ปลดผ้าจีวรตากผึ่งไว้ เข้าอาบน้ำในห้องถาน อาหารบิณฑบาตได้อะไรมามันอยากอันใดมันก็กิน ทั้งในบาตร ในถุงหิ้ว

    บางวันได้มากสามล้อถีบเขามาส่ง ตัวมันก็กินไปด่าไป กับข้าวคาวหวาน ผลไม้ ขนมนมเนยมันอยากได้ มันก็กิน ห่อเอาไปด้วย

    “ตุ๊เฒ่าตนนี้ หลวงตาเฒ่าคนนี้ สอนมิให้คนอื่นโลภ แต่ตัวมันโลภเอง บิณฑบาตเอามาทิ้งให้หมูให้หมากิน ปากเดียวท้องเดียวเอามาหนักแท้หนักว่า”…(นายสุข ว่าให้หลวงปู่จาม)

    ตลอดพรรษาเกือบจะทุกวันมันก็ทำของมันอยู่อย่างนั้น แรกๆ ก็ถือมันอยู่ จะว่าให้มันก็ขี้คร้านให้บาปมันมากกว่าเก่า

    เพราะเราก็รู้จักมันอยู่ มันเกิดมาเบียดเบียนเรา หากไม่ได้มันบารมีเราก็ไม่กล้าไม่คม เราก็บำเพ็ญบารมีของเรา ตัวมันก็บำเพ็ญปฏิปทาของมัน

    มันอยากเอาอย่างพระเทวทัตก็ให้มันเอาไป เราก็เฉยอยู่ได้ สบายไม่เป็นอะไรอีกในใจ ข้าวของอย่างอื่นที่เรารับทานมามันอยากได้อะไร มันก็เอา

    ส่วนของเราอยากใช้เราก็เก็บเข้าข้างใน จนชาวบ้านเขามาเห็นการกระทำของมันเขาก็ไม่พอใจ เอาไปฟ้องท่านเจ้าคุณฯ

    สมภารวัดฯ ก็เลยเรียกมันไปพบพูดคุยติเตือน ทีนี้มันยิ่งกระทำหนักกว่าเก่าอีก จึงบอกศรัทธาญาติโยมเขาว่า หากไปถือนายสุขคนนี้ อาตมาจะไม่อยู่ จะออกไปธุดงค์ขานอกอำเภอ ปล่อยมันเถอะ บาปใครบาปมัน

    ไม่นานพอออกพรรษามันก็ป่วยไส้ตันไขมันตันไส้ไม่นานมันก็ตาย ตายก็ไปนรก

    พ้นนรกมาก็มาเกิดเป็นหมูเป็นหมา ตามคำของมัน

    นานไปพ้นจากวิปากกรรมของมันแล้ว มันจะได้เสวยทุกข์ต่อไป

    ไม่จบง่ายหรอก การวิบากกรรมของมัน

    ในพรรษานี้ล่ะที่ระลึกภพชาติของตนได้ว่าไปเป็นลำดับภพชาติที่ผ่านมาเท่าที่ท่านระลึกชาติได้…

    เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ อยู่เพชรบูรณ์ ก่อนพระพุทธเจ้า ๓ หมื่นปี มาเกิดเชียงใหม่

    เกิดเป็นเจ้าอยู่ ๑๒ ปันนา ๑๒ จุไทย ก่อนพระพุทธเจ้า ๒๘,๐๐๐ ปี
    เกิดมุกดาหาร เป็นกษัตริย์ ๗ ชาติ ราษฎร ๕ ชาติ ก่อนพุทธะ ๑๓,๐๐๐ ปี

    เกิดปราจีนบุรี เป็นเจ้านาย ๔ ชีวิต ก่อนพระพุทธเจ้า ๖,๕๐๐ ปี

    เกิดลพบุรี เป็นราษฎร ๓ ชีวิต เป็นกษัตริย์ ๕ ชีวิต ก่อน ๓,๐๐๐ ปี

    เกิดกบิลพัสดุ์ เป็นเจ้าสีหนุราช

    เกิดกุสินารา เป็นพันธุละเสนาบดีของพระเจ้าปเสนทิโกศล

    เกิดเนปาล บวชเป็นฤาษี มีฤาษี ๒๕๐ ตน ฤาษีณี ๒๕๐ ตน
    มีพระเถรเจ้าหลายองค์ไปโปรด ฤาษีสาวกเขาได้สำเร็จอริยชนไปได้จนหมด เหลือแต่ตนคนเดียวยังบ่สำเร็จ…

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๕๐

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts




    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ เทวดาขอให้ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) ช่วยสร้างพระพุทธรูป ”

    “ ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) เพิ่นเล่าให้ฟังว่า เมื่อคราวเดินทางเข้ากรุงเทพ เดินธุดงค์จากเมืองอุบลฯ จะเข้ากรุงเทพ

    พอถึงปากช่อง โคราช ก็ไปปักกลดอยู่ตีนภูเขา เขาฮ้องชื่อ ภูสีเสียดอ้า อยู่แถวกลางดง พักอยู่หลายวัน ขึ้นไปเสาะหาถ้ำที่ภาวนาข้างบน แต่ก็ไม่ได้

    ตกกลางคืน รุกขเทวดา ภูมิมาเทวดาหลายแสนมาขอให้ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) ช่วยสร้างพระพุทธรูปไว้ให้เขากราบไหว้
    ถามว่ามาแต่ไหน ?

    เทวดาว่า “มาจากดงพญาไฟ มาจากเขาใหญ่”

    ทำไมอยากได้ ?

    “ จะได้กราบไหว้สักการะบูชา ”

    ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) ก็ไม่รับปากบอกว่า “ อาตมาเป็นพระธุดงค์ไปเรื่อย ๆ ไม่มีทรัพย์พอที่จะสร้าง ได้ก็ได้แต่พระภายในนี้เอง”

    เทวดาก็ว่า “ต่อไปก็ได้ขอให้มาสร้างให้ ”

    อันนี้ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) เพิ่นเล่าให้ฟังเมื่อคราวอยู่ถ้ำพระสบาย เพิ่นยังชวนให้คิดอ่านพิจารณา ว่าจะเป็นไปได้อยู่หรือ จะสร้างไว้บนภูเขา คนผ่านไปผ่านมาเขาจะได้เห็น จะได้ยกมือไหว้

    ผู้ข้าฯ ก็ว่า “ท่านอาจารย์คิดอ่านอย่างใดครับ ? ”

    เพิ่นว่า “จะให้สูง ๔๕ เมตร พระนั่งประทานพร หน้าตักให้ได้ ๑๓ วา เท่ากับข้อธุดงค์ เพราะผมเดินธุดงค์แล้วพักอยู่ที่นั่นแล้วได้นิมิต ขอให้ท่านจามพิจารณาช่วยด้วยว่าผมนี้จะได้สร้างไหม ? ”

    “ โอ… ท่านอาจารย์ผมจะรู้จักอันใดสุดแท้แต่ครูบาอาจารย์เถอะครับ เมืองลพบุรี ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ กับท่านเจ้าคุณวัดมณีฯ เพิ่นก็ยังสร้างได้ อันนี้ท่านอาจารย์ก็ปรารภกับศรัทธาผู้ใจบุญ ก็จะยากอะไร คงได้แน่นอน ”

    “ แต่อายุของผมไม่ยืนหนาท่าน ชีวิตนี้ ผลกรรมฆ่าคนมามาก ยุคสงครามฆ่าแขก ถ้าหากเขาสร้างให้ท่านไปช่วยอธิษฐานจิตให้ด้วยเน้อ ”

    ทีนี้ตั้งแต่นั้นมาได้หลายปี นายทหารพลเอกคนหนึ่ง เขามาสร้างถวายให้ท่านอาจารย์ลี(ธมฺมธโร) อยู่หลังวัดหลวงพ่อเมตตาหลวง กลางดง ปากช่อง

    ผู้ข้าฯ ก็เข้ากรุงเทพฯ ผ่านไปผ่านมาแต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นไปดูใกล้ ๆ สักที ได้แต่ยกมือไหว้อยู่แต่ทางรถนี้ ระลึกได้อยู่คำของท่านอาจารย์ลี(ธมฺมธโร) ฝากไว้ เพิ่นคงจะรู้จักมาก่อนหล่ะว่าต้องได้สร้างแน่นอน เพิ่นจึงสั่งความไว้

    หลวงพ่อเมตตาหลวงนี้แต่เมื่อคราวเป็นเณรอยู่ขอนแก่น วัดเหล่างาโคกโจด เพิ่นเป็นเณรใหญ่บวชก่อนผู้ข้าฯ ๒ ปี เป็นเณรอยู่วัดศรีจันทร์ แต่ก็ออกไปช่วยทำเสนาสนะอยู่ เคยได้รู้จักพูดคุยกันอยู่ เพิ่นเป็นคนน้ำพอง ขอนแก่น

    สมัยนั้นฮ้องชื่อเพิ่น ว่า “เณรสิงห์” แต่ครูบาอาจารย์พากันฮ้องว่า “สิงหา” ต่อมาได้เป็นพระได้เป็นเจ้าคุณฯ คาถาที่เพิ่นใช้ คือ เมตตาหลวง เขาจึงฮ้องหลวงพ่อเมตตาหลวง เมตตาตนเอง เมตตาให้สัตว์โลกทั้งหลาย

    ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) วัดอโศการามนี้เก่งหลายอย่าง แสดงฤทธิ์ก็เก่ง เทศนาก็เก่ง ฝึกหัดคนก็เก่ง การก่อสร้างก็เก่ง สร้างเจดีย์ในถ้ำพระสบาย คิดอยากสร้างเจดีย์หมู่ ๑๓ องค์

    การปฏิบัติของเพิ่นก็เก่ง ถึงข้อวัตรข้อธุดงค์ ปฏิบัติเชิดชูธุดงควัตรก็เก่ง แต่หนีผู้คนไม่พ้น ไปอยู่ไหนเขาก็หุ้มรุม สุดท้ายไปติดอยู่ริมทะเลสมุทรปราการ ไปอยู่เลี้ยงยุงริมน้ำทะเล หนีไปไหนไม่ได้

    เพิ่นชอบที่สุด เพิ่นว่า วัดถ้ำพระสบาย อยู่แล้วสบาย ได้ความสุข ชื่อถ้ำก็เพิ่นนั้นหล่ะเป็นคนตั้งไว้ให้

    แต่คนไปพบถ้ำคนแรก คือ ท่านอาจารย์น้อย สุภโร ท่านอาจารย์น้อย สุภโร รู้จักกับพวกชาวบ้าน พวกคนหาของป่า พวกนายพรานเป็นคนของเจ้าแม่ป้วน ณ ลำปาง

    เจ้าแม่ป้วน ณ ลำปาง เคารพนับถือ ท่านอาจารย์น้อย (สุภโร) มาก
    ท่านอาจารย์น้อย สุภโร ไปอยู่ไหนก็ติดตามไปทำบุญให้ทาน ดูแลบำรุงปัจจัย ๔ เลยหาที่อยู่ให้ท่านอาจารย์น้อย สุภโร มาได้อำเภอแม่ทะ ท่านอาจารย์น้อย สุภโร ก็เลยย้ายจากเกาะคา มาอยู่แม่ทะ พระสบาย

    ถ้ำพระสบายก็ได้ท่านอาจารย์ลี(ธมฺมธโร) มาอุปถัมภ์บำรุงอโศการาม จันทบุรี

    แต่พระพุทธรูปขาวองค์นั้นเป็นที่เพิ่นพักธุดงค์ ได้รับนิมนต์ของหมู่เทวดาทั้งหลาย เขามาขอให้เพิ่นสร้างพระพุทธรูปไว้ให้ ต่อมาเพิ่นมรณะไปก่อน ได้นายทหารลูกศิษย์มาสร้างถวายให้

    ตัวเพิ่นได้แต่คิดไว้ อยากสร้างเจดีย์ ก็ยังไม่ได้สร้าง มรณะไปเสียก่อน

    ในยุคสมัยที่เป็นชาติชีวิตของพระเจ้าอโศกมหาราช เมืองปาตลีบุตร ได้สร้างบำรุงวัดวาอาราม วัดร้าง วัดเก่า วัดใหม่ ตามตำราว่าไว้สร้างได้ ๘๔,๐๐๐ วัด ได้วิหาร ได้เจดีย์

    “ มาชีวิตนี้เป็นราษฎร เป็นทุคตะ สร้างไม่ได้แล้วท่านจามเอ๊ย ”

    เพิ่นบอกไว้อย่างนี้ กับผู้ข้าฯ พูดคุยกันถูกคอกันดี ลมถูกกัน

    ผู้ข้าฯ ก็เคารพกราบไหว้เพิ่นได้ การงานอันใดเป็นมงคลก็ฮ้องหาให้ไปช่วย เบิกเนตรพระเจ้าทันใจปลุกเสกเจดีย์อยู่ในถ้ำ

    เบิกเนตรพระประธาน วัดสำราญฯ เกาะคา, วัดพระสบายต้องได้ช่วยเพิ่นตลอด

    ครูบาอาจารย์ก็หลายองค์ ที่อาวุโสกว่าแต่เพิ่นไม่เลือกเอา อันนี้ก็แปลกอยู่…

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๔๙

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ภาพ : พระพุทธรูป ตามดำริของท่านพ่อลี ธมฺมธโร

    พระพุทธสกลสีมามงคล (หลวงพ่อขาว) มีพุทธลักษณะดังนี้

    – สูงจากระดับพื้นดิน ๑๑๒ เมตร หรือ ๕๖ วา
    หมายถึง พระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า ๕๖ ประการ

    – องค์พระพุทธรูปสูง ๔๕ เมตร
    หมายถึง พระพุทธองค์โปรดเวไนยสัตว์อยู่ ๔๕ พรรษา
    หรือเรียกว่าทรงทำพุทธกิจอยู่ ๔๕ พรรษา หลังจากที่ตรัสรู้แล้ว

    – หน้าตักกว้าง ๒๗ เมตร (๑๓ วา ๒ ศอก ๑ คืบ)
    หมายถึง องค์แห่งธุดงค์ค์วัตร ๑๓ ประการ

    – พระเกตุ (โมลี) สูง ๗ เมตร
    หมายถึง โพชฌงค์ ๗ องค์แห่งการตรัสรู้

    – พระกรรณ (หู) ยาว ๖.๘๐ เมตร

    – ช่องพระนาสิก (จมูก) มีขนาดกว้างพอถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตรลอดได้

    – พระเนตรดำขลิบด้วยเมฆพัด (โลหะผสมชนิดหนึ่ง) และดวงพระเนตรฝังมุก

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts






    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ พระสงฆ์พม่า – แม่ชีพม่า ”

    “ ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม เพิ่นเล่าให้ผู้ข้าฯ ให้ฟังว่า……

    เพิ่นได้เดินธุดงค์กรรมฐานไปประเทศพม่า โคจรบิณฑบาตเขาไม่ใส่ให้ ไปวันแรกก็ไม่ได้อะไร

    วันที่สองก็ไม่ได้ฉันอีก ทีนี้วันที่ ๓ ก็ขอเดินตามตุ๊พม่ารูปหนึ่งไปด้วยกัน เขาก็ให้ไปด้วย

    การโคจรบิณฑบาตของตุ๊พม่าเขาไม่ได้ไปเป็นแถวอย่างเมืองไทย และมิได้เดินไปตามถนนหรือเดินไปตามหน้าบ้านอย่างบ้านเรา

    แต่เขาจะไปใครไปมัน ไปถึงบ้านใด๋แล้วก็เข้าไปในบ้านลุไปจนถึงครัว

    ทีนี้บาตรของตุ๊พม่าไม่มีถลกบาตร ไม่มีเชิงบาตร ไม่มีสายตะพายอย่างบ้านเรา บาตรเขาก็ลูกไม่ใหญ่

    ฝาบาตรของเขานั้น จะใช้เป็นทั้งฝาและเป็นทั้งของรับอาหารของกับข้าว ด้านบนฝาบาตรเขาก็จะทำเป็นขอบให้สูง ประมาณนิ้ว ๒ นิ้ว

    ข้าวเขาใส่ให้ในบาตร กับเขาใส่ให้ในฝาบาตร ใส่กับใส่แกง เดินบุกเข้าไปในครัวก็ใส่ให้จนกว่ากะว่าจะอิ่มก็เดินกลับไปฉันอยู่วัดก็มีหรือนั่งฉันอยู่ตรงไหนก็ได้

    หรือตุ๊บางตนก็กินไปเรื่อยๆ ได้มาก็กิน กินยังไม่อิ่มก็ไปรุกเข้าครัวเรือนหลังใหม่

    เขาไม่สะพายบาตรหรืออุ้มบาตรอย่างบ้านเมืองเรา เขาจะเอาแขนขวาหนีบไว้ หรือไม่ก็เอามือขวากางจับบาตรประคองติดตะโพก

    การออกบิณฑบาตของตุ๊พม่าเขาจะออกสาย ๒ โมงเช้า ๓ โมงเช้า ถ้าออกไปแต่เช้าเหมือนบ้านเราไม่ได้กินไม่ได้ฉันหรอก

    แม่ชีพม่าเขาจะใส่เสื้อออกสีออน (ชมพู) สไบก็สีออน ผ้านุ่งแสดแดง จะใช้ผ้าพาดบ่าอีกผืนหนึ่ง สีน้ำตาลเข้ม คล้ายกับพระสงฆ์พาดสังฆาฏิ ขอข้าวมากินเหมือนกันกับตุ๊พม่า(พระพม่า)

    แม่ชีพม่าสีลาชิน แปลเป็นไทยว่าผู้ชนะด้วยศีล พวกเขาจะออกบิณฑบาตเที่ยวขออาหาร ขอของ ขอเงินในวันพระน้อย (วันโกนหรือวันก่อนวันพระ) เดือนละ ๔ ครั้ง วัดของแม่ชีแยกจากวัดของพระอยู่กันคนละวัด

    การอยู่การกินของใครของมัน คนตั้งใจบวชบำเพ็ญก็มี คนตั้งใจบวชแต่พอเลี้ยงชีพก็มี ลักษณะของพวกเขาตัวใครตัวมัน มุ่งเฉพาะตน สอนกันแต่ว่า ..“อัตตาหิ อัตตโน นาโถ”..จะเอื้อเฟื้อกันนั้นหายาก

    อันนี้ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม ไปเห็นมาแล้วเล่าสู่ผู้ข้าฯ ให้ฟัง….

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๔๘

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts





    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ เมืองไทย..เมืองของพระโพธิสัตว์เกิดมาบำเพ็ญบารมี ”

    “ บารมี ๑๐ ทัศของพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบัน ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม ได้บอกไว้ว่า…….

    – ทานบารมี พระเวสสันดร อยู่มหาชัย นครจำปาศักดิ์

    – ศีลบารมี พญานาคเผือกภูริทัตต์ อยู่อำเภอจอมทอง เชียงใหม่

    – เนกขัมมบารมี พระเตมียะใบ้ อยู่เมืองพาราณสี

    – ปัญญาบารมี มโหสถ กรุงเทวหะ

    – วิริยบารมี มหาชนกตกน้ำ ว่ายน้ำ ๗ มื้อ ๗ คืน เป็นไทเงี้ยว

    – ขันติบารมี จันทกุมาร เมืองญวน ตุมวังฟ้ารอนหาด ตังเง้ชายง่วนเดี่ยว

    – สัจจบารมี วิธุระบัณฑิต จังหวัดสุโขทัย

    – อธิษฐานบารมี เนมิราช เมืองม่านอ่างวะหงสา

    – เมตตาบารมี สุวรรณสาม จังหวัดอุตรดิตถ์

    – อุเปกขาบารมี พรหมนารท กรุงกบิลพัสดุ์

    อย่าสงสัย ด้วยเหตุนี้เองศาสนาพุทธยังย้ายมาอยู่เมืองไทยตั้งมั่นอยู่ได้…

    ชาติที่เป็นนกยูงทอง ก็อยู่วัดพระเจ้าน้ำโมง ท่าบ่อ หนองคาย

    ชาติที่เป็นลิงเผือก ก็อยู่วัดหินหมากเป้ง หนองคาย

    ชาติที่เป็นนกคุ่มเท่าดุมเกวียน ก็อยู่ธาตุพนม นครพนม

    ชาติที่เป็นกระต่ายให้ทานเนื้อ ก็อยู่วัดป่าห้วยทราย คำชะอี พระอินทราธิราช ดลบันดาลให้เกิดเป็นรูปกระต่ายบนภูเขาไว้บนดวงจันทร์ เพื่อระลึกถึงคุณความดีพญากระต่ายสัสสะบัณทิต ให้อยู่ได้ตลอดกัปนี้

    หลายภพหลายชาติก็อยู่เมืองเหนือ….บำเพ็ญบารมีเกิดตายในเมืองไทยนี้มากนะ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ปัจจุบันนี้…

    เมืองไทยจึงเป็นเมืองของพระโพธิสัตว์เกิดมาบำเพ็ญบารมีจนได้เป็นพระพุทธเจ้าโคตมะองค์ปัจจุบันนี้ ”…

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๔๗

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่นเพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts





    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ ทวีปใหญ่ทั้ง ๔ ”

    “ ทวีปใหญ่ทั้ง ๔ เราทุกคนไปเกิดไปตายมาแล้ว เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเรา

    แต่การบำเพ็ญบารมีนั้นทำได้มากเฉพาะในโลกชมพูทวีป

    (๑.) คือ โลกของเรานี้เอง

    (๒.) อุตตรทวีป อยู่ทางทิศเหนือห่างจากโลกเราออกไป อยู่ใกล้โลกเรากว่าทวีปอื่น…

    ผู้คนใบหน้ารูปเหลี่ยม ผอมสูง น้ำในแม่น้ำทั้งหลายออกสีเหลือง ไม่ใช่เหลืองขุ่นแต่เหลืองเหมือนสีน้ำผึ้งสด ดวงตาของเขาออกสีน้ำเงินเข้มกว่าสีฟ้า มีศีล ๕ ประจำใจทุกคน ผู้คนอยู่ดี กินดี ภูมิแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใหญ่ตรงตั้งสระน้ำมีบัวบานอยู่เป็นนิจ แผ่นดินราบเรียบเป็นน้ำเป็นคลอง เป็นบึงก็เป็นสัดส่วน
    ทวีปนี้พระโมคคัลลาน์เถระเจ้า เคยไปบ่อย ไปบิณฑบาตเอาผลไม้มาถวายพระสงฆ์สามเณร

    (๓.) บรุพวิเทหทวีป อยู่ตรงทิศตะวันออกไกลออกไปหากวัดระยะอยู่ไกลอันดับ ๓ จากโลก…

    ผู้คนหน้ากลม กายต่ำ ล่ำสัน ใช้ผ้าหมอกหมอง อายุ ๑๐๐ ปี ต้นไม้สูงต่ำอย่างโลกเราขึ้นเป็นแถวเป็นแนว ตายแล้วเกิดขึ้นแทนที่เหง้าเดิม แม่น้ำลำคลองสีขุ่นเหมือนน้ำแม่น้ำฝนตกใหม่ น้ำหลากหลายสายน้อยใหญ่แต่ไม่ลึก ผู้คนเคารพกันตามลำดับญาติ มีนายบ้าน มีผู้ครองนคร อ่อนน้อมถ่อมตนดีมาก

    (๔.) อมรโคยนทวีป อยู่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไกลจากชมพูทวีปโลกเราที่สุด ผู้คนงดงาม ใบหน้ารูปไข่ ผิวสีเหลือง อายุขัย ๔๐๐ ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ แม่น้ำเป็นเกาะเป็นแก่งเป็นดอน มีการปกครองหลายเมือง เมืองหลวง เมืองใหญ่ เมืองน้อย หัวเมือง หมู่บ้าน ผู้คนมีหิริ โอตตัปปะ

    …ทวีปนี้ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม ว่า “เคยไปเห็นอยู่” ”…

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๔๖

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts




    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  12. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ อดีตชาติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ”

    “ มนุษย์มีเกิดมีตาย สัตว์เดรัจฉานมีเกิดมีตาย เทวดามีเกิดมีตาย พรหมมีเกิดมีตาย

    รวมแล้วโลกอันนี้มีเกิดมีตาย ไม่มีเต็ม เวียนว่ายตายเกิดอยู่ตลอดไป

    เป็นทุกข์อยู่ตลอดไป เป็นภพเป็นชาติยืดยาวด้วยเชื้อเกิดเชื้อตาย

    ภาวนาแล้ววิชชาเกิด พอรู้จักได้การเกิดตายของเจ้าของ เห็นโทษเห็นภัยของการท่องเที่ยวเกิด แก่ เจ็บตาย

    เป็นภพเป็นชาติ เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ไม่มีอะไรจะยั่งยืนถาวร ”

    “ เกิดตายมาของผู้ข้าฯ จะนับตั้งแต่ชาติชีวิตที่เคยได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์…….

    – เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๗ ชาติ อยู่เพชรบูรณ์ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมาตรัส ๓๐,๐๐๐ ปี

    – มาเกิดเชียงใหม่

    – ไปเกิดอยู่สิบสองปันนาสิบสองจุไทย ก่อนศาสนา ๒๘,๐๐๐ ปี

    – มาเกิดอยู่มุกดาหาร เป็นกษัตริย์ ๗ ชาติ ราษฎร ๕ ชาติ ก่อนศาสนา ๑๓,๐๐๐ ปี

    – เกิดปราจีนบุรี เป็นเจ้านาย ๔ ชีวิต ก่อนศาสนา ๖,๕๐๐ ปี

    – เกิดอยู่ลพบุรี เป็นราษฎร ๓ ชีวิต

    – เป็นกษัตริย์ ๕ ชีวิต ก่อนศาสนา ๓,๐๐๐ ปี

    – ไปเกิดอยู่พาราณสี

    – เกิดอยู่กรุงกบิลพัสดุ์ เป็นเจ้าสีหนุราช

    – เกิดกุสินารา เป็นพันธุละเสนาบดีของพระเจ้าปเสนทิโกศล(รัชกาลที่ ๔ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

    – เกิดอยู่เนปาล บวชเป็น ฤาษี มีหมู่ ๕๐๐ ฤาษิณี ๒๕๐ ตน ฤาษี ๒๕๐ ตน… มีพระเถรเจ้าจากอินเดียธุดงค์ไปโปรดขณะนั้นอยู่ ๑๘ ปี พวกฤาษีสาวก ๕๐๐ เขาได้สำเร็จธรรมะหมด เหลือแต่เราคนเดียว

    – เกิดอยู่เวียงจันทร์ ฟังธรรมพระมหากัจจายนะ อายุ ๑๔ ปี เป็นลูกคู่แฝดกับย่าแก้ว (คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ)

    – เกิด เวสาลี อายุ ๑๘ ปี สังคยานาครั้งที่ ๒ อายุ ๓๑ ปีตาย แล้วเกิดอีกบวชเป็นพระ อายุ ๔๐ ปี ตาย

    – เกิด ภูฎาน เป็นพระเจ้าอาฬวี สร้างวัดใหญ่ที่สุด อายุ ๕๕ ปีตาย ได้พระบรมสารีริกธาตุ ๓ บาตรและพระธาตุสาวกอีกมากมาย

    – เกิดเมืองลังกา เป็นกษัตริย์เมืองลังกา ใช่ชื่อว่า เทวนัมปิยะ ทำสังคายนา อายุ ๕๐ ปีตาย

    – เกิดนครวัด เป็นนายทหาร อายุ ๗๓ ปีตาย

    – เกิดอุทุมพร เป็นลูกเศรษฐี อายุ ๕๕ ปีตาย

    – เกิดนครวัดแล้วมา สร้างพนมรุ้ง อายุ ๖๓ ปีตาย

    – เกิดเป็นลูกเจ้าเมืองสุรินทร์ ๔ ชีวิต แต่ละชีวิตอายุได้ ๓๓ ปี ตายทุกชีวิต…โทษสมัยฆ่าเขา ๕๐๐ คน เมืองกุสินารา

    – เกิดพิษณุโลก อายุ ๓๐ ปีตาย

    – เกิดเมืองเชียงแสน

    – เกิดเมืองลังกา เป็นกษัติย์องค์ที่ ๕ อายุ ๕๕ ปีตาย

    – เกิดพิษณุโลก เป็นพระยาลิไท(พระธรรมราชาที่ ๑) สร้างพระพุทธชินราช สร้างวัดถวายเป็นพุทธะบูชา

    – เกิดพิษณุโลก สร้างวัดเขาสมอแครง อำเภอวังทอง พิษณุโลก อายุ ๕๓ ปีตาย

    – เกิดเมืองเชียงแสน เป็นพรหมราช สร้างพระธาตุจอมกิตติ

    – เกิดลำพูน เป็นลูกชายเจ้าแม่จามเทวี อายุ ๙๐ ปีตาย

    – เกิดเชียงใหม่ บ้านหนองอุกนาหวาย สร้างวัด ๖ วัด อายุ ๕๕ ปีตาย

    – เกิดแม่ทะ เป็นนายบัณฑิต เทศน์ธรรมสอนผู้คน อายุ ๕๕ ปีตาย

    – เกิดเมืองซัวเถา เป็นเศรษฐี อายุ ๕๕ ปี ตายมาเป็นกษัตริย์ อายุ ๖๓ ปี ตายมาเป็นฮ่องเต้ อายุ ๖๓ ปีตาย

    – เกิดเชียงแสน เป็นพญาเม็งราย บูรณะสร้างเมืองเชียงใหม่

    – เกิดจังหวัดตาก อำเภอสามเงา เป็นคนเผาถ่าน อายุ ๔๑ ปีตาย

    – เกิดแม่สอด เป็นคนเลี้ยงโค ๓๐๐ ตัว อายุ ๕๕ ปีตาย

    – เกิดจังหวัดตาก บวชอยู่วัดสีตลาราม อายุ ๔๑ ปีตาย

    – เกิดเชียงแสน เป็นพระเจ้าแสนภูมิ อายุ ๕๕ ปีตาย

    – เกิด เมืองเว้ เป็นกษัตริย์ อายุ ๔๐ ปีตาย

    – เกิดเชียงใหม่ เป็นพระเจ้ากือนา ฟ้าผ่ากลางเวียง สร้างวัดหล่อพระมากหลายร้อย

    – เกิดกรุงศรีอยุธยาทำสงครามกับพม่าตาขาว

    – เกิดลพบุรี เป็นไก่ ๕ ชีวิต เป็นตาผ้าขาวอายุได้ ๓๓ ปีตาย

    – เกิดกรุงเทพ เป็นราชโอรสของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔

    – เกิดบ้านห้วยทราย (หลวงปู่จาม) ” มุกดาหาร

    ” มนุษย์มีเกิดมีตาย สัตว์เดรัจฉานมีเกิดมีตาย เทวดามีเกิดมีตาย พรหมมีเกิดมีตาย รวมแล้วโลกอันนี้มีเกิดมีตายไม่มีเต็ม เวียนว่ายตายเกิดอยู่ตลอดไป เป็นทุกข์อยู่ตลอดไป เป็นภพเป็นชาติ ยืดยาวด้วยเชื้อเกิดเชื้อตาย ภาวนา แล้ววิชชาเกิด พอรู้จัก ได้การเกิดการตายของเจ้าของ เห็นโทษ เห็นภัยของการท่องเที่ยวเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นภพ เป็นชาติ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ไม่มีอะไรจะยั่งยืนถาวร ”

    “เกิดมาเป็นคนทุกข์

    กินให้กินอย่างคนทุกข์

    ใช้ให้ใช้อย่างคนทุกข์

    อยู่ให้อยู่อย่างคนทุกข์

    คิดอ่านอย่างคนทุกข์

    อย่าไปอวดดิบอวดดีอวดมั่งอวดมีอวดรู้อวดฉลาดแก่ใคร ๆ เขา

    อย่าไปทำความคุ้นเคยกับคนร่ำรวยเจ้าฟ้าเจ้านาย มันมิใช่แนว

    มันมิแม่นเรื่องของเราคนทุกข์ ให้รู้จักฐานฐานะ วรรณะของตน
    ให้คำนึงถึงชาติตระกูลของตนเองให้มาก ”…

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๔๔

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts




    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ” ตายเพราะสาวงาม ”

    มีพระรูปหนึ่งคนบ้านน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

    พระองค์นี้บวชกับท่านเจ้าคุณจันทร์ (เขมิโย) เมืองนครพนม
    ขึ้นเมืองเหนือไปเสาะหาเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ไปพบปะกับท่านอาจารย์น้อย (สุภโร) อยู่ลำปาง

    ท่านอาจารย์น้อย (สุภโร)เอาขึ้นไปส่งเชียงใหม่ อำเภอแม่แตง ไปอยู่กับท่านอาจารย์ชอบ (ฐานสโม) จึงได้พบปะกับเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ขอติดตามขึ้นไปอยู่แม่สรวย เชียงราย

    พระองค์นี้ไม่ค่อยยอมลงมาเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ไม่ค่อยลงเท่าใด แต่ก็อยู่ด้วยได้เพราะเป็นคนเอาจริง ทำจริง

    เสียแต่มีทิฐิมานะไม่ยอมลงให้ใคร จิตแส่ส่ายหาแต่สาว เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) สอนว่าให้ก็ไม่ค่อยฟัง

    เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ก็เอาลงมามอบให้ ท่านอาจารย์เทสก์(เทสฺรํสี) อยู่บ้านป่ง เพราะรู้ว่าชอบใจที่จะไปมากับท่านอาจารย์เทสก์ (เทสฺรํสี)

    เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) ก็บอกไว้อยู่ว่า ให้ระวังตาระวังใจในเรื่องผู้เรื่องผู้หญิง ท่านอาจารย์เทสก์(เทสฺรํสี) ก็ช่วยระวังอยู่ คงเป็นเพราะกรรมเก่าของท่าน

    พอออกจากหมู่ไปวิเวกไปกับท่านอาจารย์เทสก์(เทสฺรํสี) ไปพักรุกขมูลใกล้แม่ปั๋ง เป็นวัดร้าง ไปเห็นหนุ่มสาวมากอดกุมกันอยู่
    เกิดความกำหนัดอยากในกาม พลุ่งพล่านอยู่

    ท่านอาจารย์เทสก์ (เทสฺรํสี) ช่วยระวังให้อุบายธรรม ใจก็ไม่เอา เพราะกามคุณกำเริบในใจ บอกแต่ว่า……

    “ ผมคงไม่รอดแล้วหักใจห้ามใจไม่ได้ ใจไม่ยอมลงเห็นแต่ภาพของสาวคนนั้น ผมรู้มาว่าไอ้หนุ่มคนนั้นไม่เอา เล่นกามเฉย ๆ กายใจผมมันมึนตึงไปหมด ภาวนาอย่างใดก็ไม่ลง นึกอุบายอันใดก็ไม่ออก

    นึกถึงท่านอาจารย์ใหญ่มั่น (ภูริทัตโต) ก็ไม่เห็น ผมคงไม่ไหวแล้ว ”

    เลยหนีอาจารย์เทสก์(เทสฺรํสี) ไปวิเวกองค์เดียว บาปกรรมเวรมีพอพลัดหลงป่าไปเจอสาวงามคนนั้นเข้าอีก จึงตกลงลาสิกขาทิ้งบริขารไว้ เลยไปเอาสาวงามคนนั้นมาเป็นเมีย

    ท่านอาจารย์เทสก์(เทสฺรํสี) ไปตามได้แต่บริขารกลับคืน อันนี้ท่านอาจารย์น้อย (สุภโร) เล่าให้ฟัง

    ท่านอาจารย์น้อย (สุภโร) ว่าใครก็สอนเอาก็มิได้ ครูอาจารย์ใหญ่มั่น (ภูริทัตโต) สอนก็ไม่ลง ลงให้แต่ท่านอาจารย์เทสก์(เทสฺรํสี)

    แต่ท่านอาจารย์เทสก์ (เทสฺรํสี) ก็เอาไม่ไหว สมกับที่เป็นนักเลงปล้นมาก่อน ไปปล้นเมืองลาว แล้วข้ามน้ำมาอยู่ไทย เขาตามฆ่าเลยไปขอบวชเมืองนครพนม

    ได้ยินกิตติศัพท์เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) จึงตามขึ้นไป ไปตายเพราะสาวงามเมืองพร้าว เชียงใหม่ ได้แต่ทิ้งบริขารไว้กลางป่า….

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๔๑

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts







    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ บุพพกรรมของท่านอาจารย์หนู สุจิตโต ”

    “ ดอยแม่ปั๋งเพิ่นครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เคยไปพักอยู่ก่อน แต่พระวัดบ้านกับชาวบ้านมาไล่เพิ่นให้หนีไป เพิ่นก็หนีขึ้นไปทางเหนืออีก จนมาถึงครูอาจารย์พรหม (จิรปุญฺโญ) บ้านดงเย็น อุดรธานี

    อาจารย์หนู (สุจิตโต) ท่านคำบ่อ (ฐิตปัญโญ) อำเภอสว่างแดนดิน สกลนคร พากันเสาะหาที่ภาวนา ไปเห็นดอยค่อม่อนั้นก็พากันอยู่ได้ไม่นาน พระวัดบ้านก็ขึ้นมาไล่ให้หนี

    ครูอาจารย์พรหม (จิรปุญฺโญ) ก็ว่าให้กับอาจารย์หนู (สุจิตโต) ว่า………

    “ ขอให้อยู่ตรงนี้ต่อสู้ให้ได้ เว้นแต่ท่านหนู (สุจิตโต) แล้ว ก็ไม่มีใครจะอยู่ได้ ”

    ว่าแล้วก็พากันหนีขึ้นขยับขึ้นทางเหนืออีก เป็นอุบายของครูอาจารย์พรหม (จิรปุญฺโญ) จะหลบตัวหนีไปจากอาจารย์หนู(สุจิตโต) หนีไปกับท่านคำบ่อ (ฐิตปัญโญ) บ้านตาล

    ทีนี้ก็เหลือแต่ต๋าหนู (อาจารย์หนู สุจิตโต) อยู่คนเดี๋ยว อยู่ต่อสู้กับพระวัดบ้าน กับชาวบ้าน

    บิณฑบาตกินก็ได้พออิ่ม บางวันก็ไม่อิ่ม แต่ก็ทนอยู่ตรงนั้น เพราะว่าภาวนาดี อีกอย่างเป็นบุพพกรรมที่เคยเกิดตายอยู่ตรงนั้นมานาน
    พอไปปะเห็นเข้าก็ยินดีพอใจอยู่ไปก็สุขใจ

    ครูอาจารย์พรหม (จิรปุญฺโญ) คงจะรู้จักเกี่ยวกับอาจารย์หนู (สุจิตโต) และวัดดอยแม่ปั๋ง จึงได้ว่าอย่างนั้น ก่อนหน้าที่จะมาเห็นดอยแม่ปั๋ง ก็อยู่ป่าเป๊อะอำเภอสารภี กับท่านอาจารย์สิม (พุทฺธาจาโร) อยู่ก็ไม่ค่อยจะถูกกับใคร พออยู่ดอยแม่ปั๋งคนเดียว ต้องได้ระวังตัวสุดขีดเพราะเขาจะทำร้าย

    อาจารย์หนู (สุจิตโต) เล่าว่า…

    “ มาอยู่ใหม่ๆ ทั้งไม้ค้อน ก้อนดิน ก้อนอิฐ กุฎิ หลังคาฝาผนังแหลกเหลวหมด กลดหักไป ๓ คัน แต่ไม่พอกับเลือดตกยางออก ไม่รู้กรรมอะไรของผม ทนอยู่ไปเพราะมันภาวนาดี ”

    “ ในยุคศาสนาของพระพุทธเจ้าสิขี ดอยแม่ปั๋งนี้เป็นบ้านใหญ่ เมืองโต

    ท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ เป็นเจ้าเมืองกษัตริย์ในยุคนั้น อาจารย์หนู สุจิตโต ท่านคำบ่อ (ฐิตปญฺโญ) ท่านเจริญ (ญาณวุฑฺโฑ) ถ้ำปากเพียง ตนหนึ่งอยู่วัดสัมพันธวงค์ ๔ ตนนี้เป็นเสนาบดี ช่วยเหลือปกครองในแถบถิ่นนี้

    พอพระพุทธเจ้าสิขี เสด็จมาโปรดก็บำรุงพระพุทธเจ้าทั้งพระสาวก สร้างวัดอยู่บนดอยแม่ปั๋ง นี้หล่ะ ให้พระพุทธเจ้าสิขี อยู่พำนัก

    แต่อาจารย์หนู (สุจิตโต) เป็นเสนาบดี ที่กดขี่ข่มเหงเอาลูกสาวชาวบ้านชาวเมืองมาเตงเต๊กเป็นเมียเจ้าของ

    ชาวบ้านก็ชังสาปแช่งไว้ มาชีวิตนี้จึงเสวยเศษบุพพกรรมของเพิ่นอยู่หลายปี ชาวบ้านชาวเมืองเขาฟ้องร้องขึ้นถึงเจ้าครองเมืองกษัตริย์
    เจ้าครองเมือง

    กษัตริย์ เพิ่นก็ไม่ว่าอะไร เพราะมัวเมาแต่ปรนนิบัติดูแลบำรุงพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลายอยู่

    เมื่อเอาหนักเข้าชาวบ้านเมืองพากันบุกรุกเข้าไปในบ้านของเสนาบดีขี้กะโล้ แล้วจับตัวจะพากันรุมฆ่า

    เจ้าเมืองกษัตริย์เลยต้องมาไกล่เกลี่ยขอเอาไว้ ชี้แจงเหตุผลให้ฟัง แล้วก็บังคับเสนาบดีคนนี้ให้บำรุงการวัดวาอารามให้มีศีล ๕ อยู่ตลอด

    และยังสาปไว้ว่า หากต่อไปข้างหน้า เสนาบดีคนนี้ไม่ได้ก่อสร้างแผ่นดินตรงนี้ให้เป็นวัดขึ้นมาอีกก็จะไม่พ้นบาปกรรม

    พอตายไปก็ต่างคนต่างไปเวียนว่ายตายเกิดมาชาติชีวิตนี้

    ท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ อาจารย์หนู สุจิตโต ท่านเจริญ (ญาณวุฑฺโฑ) ท่านคำบ่อ (ฐิตปญฺโญ) ตุ๊หลวงวัดสัมพันธวงค์ จึงได้มามีกรรมวนเวียนกันมาอีก

    ท่านบุญหนา (ธมฺมทินฺโน) บ้านหนองโดก สกลนคร ท่านตุ๊อินทร์ (สนฺตุสฺสโก) วัดป่านาคำน้อย อุดรธานี

    ผู้ข้าฯ ชีวิตนั้นได้เกิดเป็นลูกชายท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ

    แม่บู่ทอง (กิตติบุตร) เป็นแม่นายก (รัฐมนตรี)เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นปุโรหิตาจารย์เป็นพ่อของอาจารย์หนู(สุจิตโต)

    พอมาชีวิตนี้ก็ชอบพอกันดีทั้งนายกเกรียงศักดิ์ ทั้งอาจารย์หนู (สุจิตโต) เกิดตายไปมา วนเวียนอยู่นี้

    ผู้ข้าฯ ไปภาวนาอยู่แม่ปั๋ง ก็ภาวนาดี แต่ให้ติดขัดอยู่กับอาจารย์หนู (สุจิตโต) แต่ก็วางได้ ตามอุปนิสัยของใครของมัน ตามเรื่องของเพิ่น ตามประสาต๋า(อาจารย์) หนู สุจิตโต ”

    “ อาจารย์หนู (สุจิตโต) ลงมาเอาท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ ขึ้นไปอยู่แม่ปั๋ง ไปจากบ้านป่ง

    ขึ้นไปอยู่ใหม่ ๆ ข้าวของเครื่องใช้ ของอยู่ของฉันก็ขาดแคลน ไม่มีจะใช้ ไม่มีจะฉัน ชาวบ้านก็มีส่วนน้อยไม่กี่หลังคาเรือนที่ทำบุญใส่บาตร

    พวกแม่บู่ทอง หมู่ผู้คนจากเวียงเชียงใหม่ มาเสาะหาผู้ข้าฯ มาเห็นอยู่บ้านปากทาง แม่แตง เชียงใหม่

    เขาก็ถามหาท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ ว่าอยู่ที่ไหน ก็บอกเขาว่าอาจารย์หนู (สุจิตโต) เอาขึ้นไปแม่ปั๋ง เมืองพร้าว

    วันหลังเขาก็ซื้อของใช้ของฉันของแห้งเต็มรถแล้วมารับเอาผู้ข้าฯ อยู่ปากทาง แม่แตง เชียงใหม่ ก็ขึ้นไปถวายท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ ผู้คนก็เริ่มรู้จักมากขึ้น ๆ เอาเตียงนอนไปถวายก็นอนตกเตียง ท่านก็ห้ามว่า……

    “ อย่าเอามาให้เน้อ จาม (มหาปุญโญ) เอ๊ย นอนแล้วมันชอบตก ”

    เอาหมอน เอามุ้งกลด เอาผ้าปูหลับนอน เอายาเอาน้ำตาล เอาเภสัชหลายอย่างขึ้นไปถวายทานให้ ท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม ๒ องค์นี้

    หมู่แม่บู่ทอง คนในเวียงเชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวง มักไปทำบุญด้วย ไม่นานก็ไป ไม่นานก็มาชวนไป แรกๆ ไม่มีใครรู้จักหรอก

    เขาว่าเป็นตุ๊เฒ่า ตุ๊เสือเย็น ตุ๊ป่า ตุ๊ผีโปร่งอยู่ไปตามเรื่อง ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม จนได้มาเป็นหลวงปู่แหวน สุจินโณ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม อย่างทุกวันนี้ ต้องสู้อดสู้ทนสู้ลำบากมาเรื่อย

    ความลำบากลำบนของครูบาอาจารย์พระเณรพระป่าพระกรรมฐานอยู่เมืองเหนือ ใครว่าจะอยู่กันง่ายๆ อย่างทางภาคอีสาน เสียเมื่อใด๋ คนมาเบียดเบียน ตุ๊วัดบ้านมาขับไล่ ทั้งเจ้านายก็หลงไปกับพวกพระบ้านมหานิกาย

    แต่ทุกองค์ก็ทนกันอยู่ได้เพราะเห็นว่าภาวนาดี สัปปายะกับอย่างอื่นดี แต่กับผู้คนก็ระวังตัวใครมันเอาเอง ใครกรรมหนักก็เลือดตกยางออก หรือก็ถูกสาวมาปล้ำเอาไปเป็นผัวก็หลายองค์

    อาจารย์แหวน สุจิณโณ ไปอยู่ใหม่ ๆ ที่แม่ปั๋ง ลงไปบิณฑบาตหน้าฝนก็พะลาดล้ม ก้นจ้ำเบ้า ก้นกบกระแทกกับรากไม้ เป็นแผลไม่หาย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ขึ้นไปเยี่ยมก็บ่นว่านั่งไม่ค่อยได้ จึงรู้ว่าเป็นแผลเรื้อรัง จึงได้เอายาเพ็นนิซิลินบดเป็นผงแล้วทาพอกแผล ทาให้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ แผลแห้งตกสะเก็ดเลย

    ต่อมาอีกก็เป็นโรคคันทั่วหมดร่างกาย เป็นตุ่มเป็นผดเป็นพืดเต็มไปหมด รักษากันอยู่ทั้งหมอชาวบ้าน ยาหม้อยาอบยาห่มก็ไม่หาย เอาหมอยาสมัยใหม่ไปจากตัวเวียงเชียงใหม่ พวกญาติแม่บู่ทองขึ้นไปฉีดยา ทายาก็ไม่หาย

    ท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ ก็ว่า ขอให้ทำโรงไฟ อบไฟอบขี้หมาแห้งลองดู เผื่อจะหายได้

    ก็เลยว่ากับแม่บู่ทอง ให้หาช่างมาทำโรงไฟย่างโรคคันเนื้อคันตัว เอาสบู่ซันไล สบู่ปลาดุก ขึ้นไปให้ใช้อาบน้ำฟอกตัว น้ำอาบก็ต้มใบขี้เหล็กเทศ ไคว่ตาล อบตัวอยู่ในโรงไฟตลอดนานหลายเดือน โรคคันจึงหาย เนื้อหนังกลับดีผุดผ่องขึ้นมา

    ตอนเพิ่นครูอาจารย์แหวน สุจิณโณ ไปอยู่ใหม่ๆ ท่านอาจารย์หนู (สุจิตโต) ก็ไม่ค่อยได้สนใจ ดูแลอะไรกับคนเฒ่านักหนาหรอก

    อยู่ใครอยู่มัน ผู้ข้าฯ ขึ้นไปเอาของไปให้จึงเห็นมาหาท่านอาจารย์แหวน สุจิณโณ เสียมาก็มาเลือกเอาของไปใช้แล้วก็แล้วกันไป

    พอผู้คนรู้จักกว้างขวาง เราก็หยุดไป เหมือนกับมาอยู่วัดบ้านห้วยทรายนี้ก็เหมือนกัน เอาข้าวของ ของอยู่ ของใช้ ของฉันไปให้ทานถวายท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม อยู่บ้านข่า เมืองนครพนม ก็หลายครั้ง

    เอาไปให้อาจารย์หล้าลาย (เขมปตฺโต) วัดภูจ้อก้อ เอาไปให้หลวงปู่ลือ (สุขปุญฺโญ) บ้านนาทาม

    เอาไปให้อาจารย์ชา (สุภทฺโท) หนองป่าพง ผ้าขาว ผ้าไม้หลายอย่าง เราก็เอาไปให้พอผู้คนรู้จักเพิ่นแล้ว เราก็หยุดไปหา ให้เพิ่นเลี้ยงลูกศิษย์ของเพิ่นไปตามเรื่องของครูบาอาจารย์แต่ละที่แต่ละองค์……

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๔๐

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts












    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ” พระนามใช้เรียกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ”

    พระพุทธเจ้าในที่นี้หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลายหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนั้นเอง

    มีคำเรียกกล่าวนามพระพุทธเจ้าของเรามากมาย ซึ่งพอจะนำมาประมวลไว้ได้ ดังต่อไปนี้

    ๑.พระบรมโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์ หมายถึงท่านผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งกำลังบำเพ็ญบารมี ๑๐ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐาน เมตา อุเบกขา

    ๒.อังคีรส หมายถึง มีรัศมีแผ่ซ่านจากพระกาย เป็นพระนามแรก เมื่อพราหมณ์ ๘ คน ผู้ทำหน้าที่ถวายพระนามและทำนายลักษณะพระกุมาร กล่าวถึงเมือพินิจจากลักษณะแรกพบเห็น

    ๓.สิทธัตถกุมาร เป็นพระนามที่พราหมณ์ ๘ คนผู้ทำหน้าที่ถวายพระนามและทำนายลักษณะพระกุมาร ตั้งถวาย “สิทธัตถ” แปลว่า มีความต้องการสำเร็จ หรือสำเร็จตามที่ต้องการ คือสมประสงค์จะต้องการอะไรได้หมด

    ๔.สิทธัตถะ , เจ้าชายสิทธัตถะ , พระสิทธัตถะ พระนามเดิมของพระพุทธเจ้าก่อนเสด็จออกบรรพชา

    ๕.พระมหาบุรุษ หมายถึง บุรุษผู้ยิ่งใหญ่เป็นคำใช้เรียกพระพุทธเจ้าเมื่อก่อนตรัสรู้

    ๖.โคดม , โคตมะ , พระโคดม ,พระโคตมะ , พระสมณโคดม, โคดมพระพุทธเจ้า หมายถึง ชื่อตระกูลของพระพุทธเจ้า มหาชนเรียกพระพุทธเจ้าตามพระโคตรของพระองค์

    ๗.ตถาคต พระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกหรือตรัสถึงพระองค์เอง แปลได้ความหมาย ๘ อย่างคือ

    ๑. พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น

    ๒. พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น

    ๓. พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ

    ๔. พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น

    ๕. พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น

    ๖. พระผู้ตรัสอย่างนั้น

    ๗. พรุผู้ทำอย่างนั้น

    ๘. พระผู้เป็นเจ้า

    ๘.ตถาคตโพธิสัทธา หมายถึง เชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต

    ๙.ธรรมกาย หมายถึง ผู้มีธรรมในกาย เป็นพระนามอย่างหนึ่งของ พระพุทธเจ้า

    ๑๐.ธรรมราชา คือพระราชาแห่งธรรม หมายถึงพระพุทธเจ้า

    ๑๑.ธรรมสวามิศร, ธรรมสามิสร คือผู้เป็นใหญ่โดยฐานเป็นเจ้าของธรรม หมายถึง พระพุทธเจ้า

    ๑๒.ธรรมสามี คือ ผู้เป็นเจ้าของธรรม เป็นคำเรียกพระพุทธเจ้า

    ๑๓.ธรรมิศราธิบดี คือ ผู้เป็นอธิปดีโดยฐานเป็นใหญ่ในธรรมเป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า

    ๑๔.บรมศาสดา, พระบรมศาสดา คือ ศาสดาที่ยอดเยี่ยม พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู หมายถึง พระพุทธเจ้า

    ๑๕.พระผู้มีพระภาคเจ้า หมายถึง พระนามของพระพุทธเจ้า

    ๑๖. พระพุทธเจ้า คือ พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม, ท่านผู้รูดีรู้ชอบด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาบ วาจา ใจ

    ๑๗.พระศาสดา หมายถึงผู้สอนเป็นพระนามเรียกพระพุทธเจ้า

    ๑๘. พระสมณโคดม เป็นคำที่คนภายนอกนิยมใช้เมื่อกล่าวถึงพระพุทธเจ้า

    ๑๙.พระสัมพุทธเจ้า, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า,พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า,สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระผู้ตรัสรู้เอง หมายถึงพระพุทธเจ้า

    ๒๐. ภควา คือ พระนามของพระพุทธเจ้า แปลว่า ทรงเป็นผู้มีโชค คือหวังพระโพธิญาณก็ได้สมหวัง ประกาศพระศาสนาก็ชักจูงผู้คนให้ได้บรรลุธรรมสมปรารถนา มีผู้คิดร้ายก็ไม่อาจทำร้ายได้ คำแปลอีกนัยหนึ่งว่า ทรงเป็นผู้จำแนกแจกธรรม

    ๒๑. มหาสมณะ พระนามหนึ่งสำหรับเรียกสมเด็จพระสัมพุทธเจ้า

    ๒๒. โลกนาถ, พระโลกนาถ เป็นที่พึ่งแห่งโลก หมายถึงพระพุทธเจ้า

    ๒๓.สยัมภู,พระสัมภู พระผู้เป็นเอง คือตรัสรู้ได้เองโดยไม่มีใครสั่งสอน หมายถึง พระพุทธเจ้า

    ๒๔.สัพพัญญู, พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า หมายถึง ผู้รู้หมด,ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ พระนามของพระพุทธเจ้า

    ๒๕.พระสุคต,พระสุคโต หมายถึง ผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นพระนามของพระพุทธเจ้า

    ญาณ ความรู้, ปรีชาหยั่งรู้, ปรีชากำหนดรู้;
    ญาณ ๓ หมวดหนึ่ง ได้แก

    ๑. อตีตังสญาณ ญาณในส่วนอดีต

    ๒. อนาคตังสญาณ ญาณในส่วนอนาคต

    ๓. ปัจจุปปันนังสญาณ ญาณในส่วนปัจจุบัน

    สัพพัญญู ผู้รู้หมด, ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, พระนามของพระพุทธเจ้า
    สัพพัญญุตญาณ ญาณ คือ ความเป็นพระสัพพัญญู, พระปรีชาญาณหยั่งรู้สิ่งทั้งปวง ทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
    __________________________________________
    พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

    ทศพลญาณ

    (บาลีเรียก ตถาคตพลญาณ ๑๐ คือ พระญาณอันเป็นกำลังของพระตถาคต ๑๐ ประการ ที่ทำให้พระองค์สามารถบันลือสีหนาท ประกาศพระศาสนาได้มั่นคง)

    ๑. ฐานาฐานญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ฐานะและอฐานะ คือ รู้กฏธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขตและขีดขั้นของสิ่งทั้งหลายว่า อะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้ และแค่ไหนเพียงไร โดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผล และกฎเกณฑ์ทางจริยธรรมเกี่ยวกับสมรรถวิสัยของบุคคล ซึ่งจะได้รับผลกรรมที่ดีและชั่วต่างๆกัน)

    ๒. กรรมวิปากญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ผลของกรรม คือ สามารถกำหนดแยกการให้ผลอย่างสลับซับซ้อน ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่สัมพันธ์กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มองเห็นรายละเอียดและความสัมพันธ์ภายในกระบวนการก่อผลของกรรมอย่างชัดเจน)

    ๓. สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่คติทั้งปวง คือ สุคติ ทุคติ หรือพ้นจากคติ หรือปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่อรรถประโยชน์ทั้งปวง กล่าวคือ ทิฏฐธัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ หรือ ปรมัตถะ คือรู้ว่าเมื่อปรารถนาจะเข้าถึงคติหรือประโยชน์ใด จะต้องทำอะไรบ้าง มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติอย่างไร)

    ๔. นานาธาตุญาณ (ปรีชาหยั่งรู้สภาวะของโลกอันประกอบด้วยธาตุต่างๆ เป็นเอนก คือ รู้สภาวะของธรรมชาติ ทั้งฝ่ายอุปาทินนกสังขารและฝ่ายอนุปาทินนกสังขาร เช่น รู้จักส่วนประกอบต่างๆ ของชีวิต สภาวะของส่วนประกอบเหล่านั้น พร้อมทั้งลักษณะและหน้าที่ของมันแต่ละอย่าง อาทิการปฏิบัติหน้าที่ของขันธ์ อายตนะ และธาตุต่างๆ ในกระบวนการรับรู้ เป็นต้น และรู้เหตุแห่งความแตกต่างกันของสิ่ง
    ทั้งหลายเหล่านั้น)

    ๕. นานาธิมุตติกญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อธิมุติ คือ รู้อัธยาศัย ความโน้มเอียง ความเชื่อถือ แนวความสนใจ เป็นต้น ของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปต่างๆ กัน)

    ๖. อินทริยปโรปริยัตตญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย คือ รู้ว่าสัตว์นั้นๆ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา แค่ไหน เพียงใด มีกิเลสมาก กิเลสน้อย มีอินทรีย์อ่อน หรือแก่กล้า สอนง่ายหรือสอนยาก มีความพร้อมที่จะตรัสรู้หรือไม่)

    ๗. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ่ว การออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิและสมาบัติทั้งหลาย)

    ๘. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ปรีชาหยั่งรู้อันทำให้ระลึกภพที่เคยอยู่ในหนหลังได้)

    ๙. จุตูปปาตญาณ (ปรีชาหยั่งรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย
    อันเป็นไปตามกรรม)

    ๑๐. อาสวักขยญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย)

    ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

    ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ข้อมูลธรรมะนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts



    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  17. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    อานุภาพของความดีมหัศจรรย์นัก ยิ่งใหญ่นัก ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยประสบด้วยตนเอง ย่อมยากจะเชื่อ ย่อมยากจะเข้าใจ แต่ผู้มีปัญญานั้นมักจะยอมเชื่อในสิ่งที่จะไม่มีทางเสีย แต่จะมีทางได้ หรือมีทางเสมอตัว น่าจะพากันมีปัญญา เพื่อเชื่อในทำนองเดียวกัน ดังกล่าว

    บทพระนิพนธ์ เรื่องแสงส่องใจอันดับ 14 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    IG : Somdejyarnword
    www.sangharajafoundation.com
    มูลนิธิ ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระญาณสังวรานุสรณ์ ในพระสังฆราชูปถัมภ์



    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ขอเชิญร่วมบุญถวายค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและดูแล
    องค์หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก
    วัดบ้านฟ่อน อ.หางดง จ.เชียงใหม่
    อริยะสงฆ์ล้านนาที่มีอายุพรรษามากที่สุด(102ปี)
    ค่าใช้จ่ายประจำขององค์หลวงปู่ประกอบด้วย
    ค่าอาหารเหลว ประมาณ 300 บาท
    ค่ากายภาพฯ 500 บาท ต่อวัน

    สามารถโอนร่วมบุญได้ที่บัญชี ตุ๊จิม(พระอุปัฏฐากหลวงปู่)

    ธนาคารกรุงเทพ
    เลขที่บัญชี 968-0-048486
    ชื่อบัญชี พระ พชฎ สมบูรณ์



    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ทุกคนจะดีหรือชั่วสำคัญที่ตนเอง
    ตนเองมีความดีพอจะยอมรับความไม่ถูกต้องไม่ดีงามของตน
    ย่อมยินดีฝึกตนย่อมยินดีแก้ไขตนย่อมมีโอกาสเป็นคนดียิ่งขึ้น
    โอวาทธรรม พระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก



    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ ท่านอาจารย์แหวน สุจิณฺโณ เคยเป็นพ่อของพระเจ้าอยู่หัว ”

    “ ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) ”

    พุทโธ ทำเมา

    ธัมโม ทำเมา

    สังโฆ ทำเมา

    ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) ท่านเคยเป็นพ่อของพระเจ้าอยู่หัว เป็นลูกเป็นพ่อกันมานับภพนับชาติมิได้ ชาตินี้พบปะกันก็เป็นอันพอใจเข้ากันได้ทันที

    ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) บวชอยู่อำเภอม่วงสามสิบ เมืองอุบลฯ มาญัตติใหม่เป็นพระฝ่ายธรรมยุติอยู่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ เมืองเชียงใหม่

    ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์จันทร์ สิริจันโท วัดบรมนิวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ ”

    “อยู่เมืองเหนือไปบ่อย ไปทำบุญกับท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) ในระยะห่างกันเพราะเพิ่นไปอยู่ดอยแม่ปั๋ง เอาผ้าไปเปลี่ยนให้

    หมอนมุ้งกลด ผ้าห่ม ไฟฉาย น้ำมันก๊าด ไม้ขีดไฟ ข้าวของเครื่องใช้หลายอย่าง เอาเตียงผ้าใบ ผ้าเต๊นท์ไปให้คราวใด ใช้ให้ก็ตกลงมาเลยห้ามมิให้เอาไปให้

    “ จาม (มหาปุญโญ) เอ๊ย บาปที่เฮาไม่เคยทานเตียงตั่ง นอนก็ตกลงมา อย่าเอามาอีกเน้อ บ่เอาละ ”

    ท่านพูดเสมอว่า……..

    “ เอาบาปออกไป ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สติอย่าผิด เพียรอย่าผิด ปัญญาอย่าผิด จิตอย่าผิด กายปลอดภัย จิตปลอดภัย อย่าให้จิตมันเหลวไหล ”…

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๓๙

    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ขออนุโมทนาบุญและขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชมและกด likeให้

    เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-238296179593402/?fref=ts

    กลุ่มพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/?fref=ts



    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     

แชร์หน้านี้