นรก-สวรรค์ เป็นไสยศาตร์ หรือวิทยาศาสตร์
สมัยก่อนผู้เฒ่าผู้แก่ ถามว่า อยากเห็นเปรตหรือเปล่า ?
ถ้าอยากเห็นให้ไปยืนตรงหน้าเมรุ แล้วลองก้มมองระหว่างขา ก็จะเห็นเอง
แต่ก็ยังไม่เคยลอง และ ไม่คิดจะลอง
แต่สมัยนี้ นักศึกษาวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ บอกว่า ท้องฟ้าเบื้องบน เป็นอากาศ อันเวิ้งว้างหาที่สุดไม่ ... หาอากาศสำหรับมนุษย์ไม่มี
เบื้องล่างเป็นพื้นดิน ใต้ดินเป็นลาวา แม๊กม่า ร้อน ๆ พร้อมที่จะปะทุขึ้นมา กลายเป็นภูเขาไฟระเบิด
แล้ว สวรรค์-นรก เป็นอะไร เป็นอย่างไร ?
เป็นไสยศาสตร์ หรือเป็นวิทยาศาสตร์ หรือเป็นอะไร ?
นรก สวรรค์ เป็นไสยศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ คำถามที่คาใจ ช่วยตอบที
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 6 กุมภาพันธ์ 2008.
หน้า 1 ของ 3
-
ไสยศาสตร์ แปลว่าเป็น ศาสตร์มืด คือ มองไม่เห็น
วิทยาศาสตร์ คือ ศาสตร์ที่เห็น ทดลอง พิสุจน์
วันนี้ ไม่มีใครเห็น หรือ ทดลองได้ เว้นแต่ผุ้มีอภิญญา จึงเป็นวิทยาศาสตร์สำหรับ ผู้เห็นผู้มีอภิญญา
แต่เป็น ไสยศาสตร์ของ ผู้ไม่เห็น -
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
-
มีเหตุผลๆ
-
มันอยู่ต่างมิติกัน อย่าเพียงแค่มองขึ้นฟ้าหรือลงดิน นั่นเป็นเชิงเปรียบเทียบ สวรรค์น่าจะสูงกว่า ก็คงอยู่ข้างบน นรกน่าจะต่ำกว่า ก็คงอยู่ด้านล่าง เอาเข้าจริง หาไม่เจอ ไม่มีทั้งข้างล่างข้างบน
พระพุทธเจ้าเคยกล่าวถึงสวรรค์ไหม - ก็ตอนที่ไปเทศน์โปรดพระมารดาไง
พระพุทธเจ้าเคยกล่าวถึงนรกไหม - พระมหาโมคคัลลานะก็ไปออกบ่อย และพระพุทธเจ้าก็เปิดสามโลกให้เห็นซึ่งกันและกัน
คงเป็นไสยศาสตร์ไปก่อน วิทยาศาสตร์ ยังอีกไกล ความจริงเรื่อง นรกสวรรค์ ธรรมกายก็สอนไว้เยอะนะ คุณอธิมุตโต ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาบ้างหรือ -
เพียรทำจนรู้จนเห็นด้วยตนเองให้ได้ จะได้คำตอบที่ไม่ต้องสงสัย
-
นรกไม่ได้อยู่ใต้ดิน สวรรค์ก็ไม่ได้อยู่บนฟ้า มันเป็นภพภูมิอีกต่างหาก โลกที่เราอยู่เป็นแค่เศษธุลีเมื่อเทียบกับขนาดของนรกสวรรค์
-
ง่าเอานรก สวรรค์ เป็นไสยศาสตร์ เลยหรอ
-
นรก เป็นอะไรก็ช่าง แต่มีจริงแน่นอน
เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า มี...
-
สวรรค์ เป็นอะไรก็ช่าง แต่มีจริงแน่นอน
เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า มี...
-
นรก สวรรค์
เป็น แค่ คำๆ นึง
มีไว้ เพื่อ ให้ คน เรา ทำ ความดี และ ไม่ทำชั่ว
ส่วนใหญ่ ก็ เอาไว้หลอกเด็ก เอาไว้สอน ให้ เด็กๆ ทำความดี
เช่น นู๋ ต้อง ทำ ดี นะ นู๋ จะได้ขึ้น สวรรค์
สวรรค์ มี เทวดา นางฟ้าใจดี คอยดูแล นู่ อยู่บน นั้น
ถ้า นู๋ ทำตัวไม่ดี เป็นคนไม่ดี นู๋ ก็ จะตก นรก ไปเป็น ผี ไม่มีความสุข
พอ เรา พูด แบบ นี้ ปั๊บ
เวลา พูดถึง สวรรค์ ก็ จะนึกถึงแต่ สิ่ง ดีดี
แต่เวลา พูด ถึง นรก ก็ จะ นึกถึง สิ่งที่ ไม่ดี
อ่านะ ?
555+ -
ไสยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ไสยาศาสตร์มาจากลัทธิฮินดูพราห์ม ถือเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตชั้นต่ำ
วิทยาศาสตร์พุทธศาสนาถือเป็นวิทยาศาสตร์ชั้นสูงสุด
คือเป็นวิทยาศาสตร์ทั้งคู่ แต่คนละระดับ
นรกสวรรค์นี่เป็นวิทยาศาสตร์ชั้นสูงของพุทธ
ทางไสยาศาสตร์ไม่สามารถเข้าถึงได้
อีกอย่างเรื่องภพภูมิหรือ มิติทางวิทยาศาสตร์นี่ต้องเข้าใจว่ามันคือตัวเดียวกันนั่นเอง
คือพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตที่ไปถึงจุดหมายแล้ว
แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันกำลังก้าวตามมาเหมือนกัน
เช่นไสยาศาสตร์นี่ ก็มีแพทย์ปัจจุบันทำได้บ้างแล้ว พวกดีเอ็นเอ การรักษาโรคต่างๆ
พวกฤทธิ์ทางอภิญญา6ทางพุทธ ก็มีหูทิพย์ตาทิพย์ โลกวิทยาศาสตร์ก็สร้างมือถือ โทรทัศน์ได้แล้วเหมือนกัน
นรกสวรรค์เป็นคนละมิติกับโลกมนุษย์ ทฤษฎีซูเปอร์สตริงเทียรี่ก็ได้ค้นพบมิติทางวิทยาศาสตร์แล้วประมาณ10มิติ แต่ทางพุทธเราค้นพบมากกว่านั้น
แสดงว่าวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน กำลังตามหลังมาติดๆแล้ว แต่มีจุดหมายเดียวกัน
ทางพุทธเราบรรลุเป้าหมายมา2500กว่าปีแล้ว
ไอน์สไตน์ตามมาติดๆแต่ยังไม่ทันต้องรอเวลา
ไสยาศาสตร์ไม่สามารถเห็นนรกสวรรค์ได้ เพราะเป็นวิทยาศาสตร์ขั้นต่ำ
พุทธเท่านั้นจึงสามารถเห็นได้เพราะเป็นวิทยาศาสตร์ขั้นสูงสุด -
แต่พอมาฟังทฤษฎี ของพวกนักวิทยาศาสตร์ รุ่น หลัง ๆ เข้าทำให้เกิด วิจิกิจฉา สงสัยว่า ข้างบน เป็นท้องฟ้า สี ขาว ๆ ฟ้า ๆ บ้าง พอตอนกลางคืน ก็ มืด มองอะไร ไม่เห็น ใต้ดิน มันก็อย่างที่เค้าว่า ขุดเท่าไหร่ ๆ ก็เจอแต่ดิน ลึกลงไปเป็น MAXMA ลาวา ร้อน ๆ
ผมสงสัย (ไม่รู้จะสงสัยทำไม) ที่คุณวิมุตติ ตอบ ว่า มันอยู่ต่างมิติกัน มัน อยู่ระนาบเดียวกับเรา หรืออยู่เหนือเราขึ้นไปแบบขั้นบรรได
เคยได้ยิน เกจิอาจารย์ บางท่าน บางรูป บางองค์ บอกว่า นรก ขุมใหญ่ที่เป็นกระทะทองแดง อยู่แถว เพรชบูรณ์ ไม่รู้จริงเท็จ ประการใด ... วันนี้ ยอมเป็นเด็กโง่ ๆ ยอมเป็น กบในกะลา สักวันหนึ่ง อยากรู้จริง ๆ จะได้หายสังสัย (cry) -
แล้วอย่างนี้ จะเป็นคำหลอกเด็ก หรือ (ไม่ได้พูดคนเดียวนะ พูดกันหลายคน - จะว่า เป็นอุปทานหมู่ ก็ไม่ใช่ เพราะ สถานที่เดียวกัน แต่ต่างเวลาเห็น ) :eek: -
ไสย แปลว่า ลึกลับ ไสยศาสตร์ก็เลยแปลว่าวิชาหรือความรู้ที่ลึกลับ ถ้าคนเข้าใจในสิ่งนั้นๆแล้ว ความลึกลับก็หมดไป ก็มีเพียงแค่วิชาความรู้เท่านั้น ที่คนไปให้ความรู้สึกกับคำว่าไสยศาสตร์ว่าเป็นสิ่งไม่ดีก็เพราะการปรุงแต่ง
ความจริงแล้วมีเพียงเหตุและผล เพราะเหตุนี้มีจึงเกิดผลเช่นนี้ ดีหรือไม่ดีอยู่ที่ใจคน เช่น ถ้าบอกว่าทำไม่ดีจะตกนรก นรกเป็นอย่างนี้ๆ นะ แต่บางคนบอกเป็นแบบนั้นก็ดีผมอยากไปนรก.........แบบนั้นก็คงไม่รู้จะยังไงก็คนเขาชอบน่ะครับ (O_O)'
ส่วนเรื่องนรกสวรรค์นั้นมีจริง มีอยู่แล้ว ผู้มีญาณทั้งหลายสามารถรับรู้ได้จึงนำมาบอกกล่าวให้ผู้คนได้ฟัง (เหมือนกับคลื่นต่างๆในอากาศที่มีอยู่จริงแม้ตาคนจะมองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้) ถ้าใครไม่เชื่อแต่ทำความดี ตายไปก็ได้ไปสวรรค์อยู่ดี แต่ถ้าใครเชื่อแล้วทำไม่ดี ตายไปก็ไม่ได้ไปสวรรค์ ดังนั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งสำคัญคือการกระทำครับ
ถ้าสวรรค์มีจริงถ้าเราทำดีในปัจจุบันปัจจุบันก็มีสุขถ้าตายไปก็ได้ไปสวรรค์ ถ้าสวรรค์ไม่มีจริงอย่างน้อยเราทำดีในปัจจุบันเราก็มีความสุขได้รับผลที่ดีในปัจจุบันแล้วล่ะครับ -
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นย่อมรู้จักเรา
ผมคิดว่านรกและสวรรค์มันมีจริงครับ 1000 % เพราะอะไร ผมเคยเห็นผี และผีก็เคยเห็นผม ส่วนวิทยาศาสตร์ก็สามารถพิสูจน์ว่าวิญญาณคือสะสารอะไรทำนองนี้ จึงเชื่อว่ามีวิญญาณ -
<TABLE class=tborder id=post967841 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ฐาณัฏฐ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_967841", true); </SCRIPT>
สมาชิก
เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:02 AM
วันที่สมัคร: Jan 2008
ข้อความ: 535 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 582 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,303 ครั้ง ใน 396 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 185
</TD><TD class=alt1 id=td_post_967841 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ความจริง พระพุทะเจ้าได้ทรงจำแนกสัมมาทิฐิไว้เป็นสองอย่างปรากฏอยู่ในมหาจัตตารากสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปันณาสก์ ดังต่อไปนี้
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์เป็นไฉน คือความเห็นดังนี้ว่า ท่านที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาแล้วมีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้วมีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้วมีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์ทั้งหลายที่ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้ โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในโลกนี้มีอยู่ นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิขอพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตร เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธรรมวิสัยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรคของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคนี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตร เป็นองค์มรรคฯ”
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ดูเหมือนว่า นรก สวรรค์ พระพุทธองค์ไม่ได้รับรองว่า เป็น สัมมาทิฏฐิ
พระพุทธองค์กล่าวตรัสรับรองแต่ โลกนี้ โลกหน้า ซึ่งจะตีความว่า โลกมนุษย์
หรือ โลกสวรรค์ หรือ นรก ก็ได้ แต่ถ้าตีความให้ตรงพระนิพพานแล้วก็ตีว่า
โลกนี้ และ โลกหน้า คือ โลกในภูมิมนุษย์ เพราะเป็นโลกที่รองรับเรื่องผล
วิบากจากกรรมดีกรรมชั่ว เพื่อให้กระแสความสอดคล้องกัน และเพื่อให้เห็น
ว่าเป็นข่ายทิฏฐิที่ชี้ไปในวิสัยของการเข้าถึงพระนิพพานโดยตรง
ในท้ายวรรควิบากหรือผลนั้นจะไปปรากฏแก่ขันท์ ซึ่งก็ควรเป็นขันท์ 5
ในภูมิมนุษย์นี้ เพราะขันท์ 5 ในภูมิมนุษย์นั้นเป็นภูมิที่ดีที่สุดที่จะเข้าถึง
ปรมัตถ์ได้โดยง่ายกว่าภูมิอื่นๆ พระพุทธองค์จึงเลือกภูมิมนุษย์เพื่อปฏิบัติ
ให้ดูเป็นตัวอย่าง ( กำหนด ตัวแปร การทดลอง วิธีการ และ วัตถุประสงค์
พร้อมแสดงผลการทดลองที่แสดงให้ประจักษ์ได้ )
และถ้าดึงเรื่องโลกนี้ โลกหน้า(สวรรค์ หรือ นรก หรือ โลก) ให้ลงมาที่ขันท์ 5
ตามหลักสัมมาทิฏฐิข้างต้น ความเชื่อนี้จะเป็นวิทยาศาสตร์ทันที เพราะเรื่อง
ขันท์ 5 นั้น สามารทดลองดูได้ไม่ยาก -
ก็ตอนที่เรายังเป็นๆ เรายังไม่รู้เลยว่า เราจะไปไหน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตายแล้วไปไหน ระหว่าง นรก สวรรค์ นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่นั่น เราไม่อาจรู้ได้ แต่ถ้าหากเรารู้ว่ามีจริง แล้วเราไม่ประพฤติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะรู้ว่า นรก สวรรค์ มีจริง ฉะนั่นแล้ว มีจริงหรือไม่จริงนั้น ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ว่า ณ ปัจจุบันนี้ เราสั่งสมความดีได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าเราทำดีมาก หากสวรรค์มีจริง ตายไปเราก็ขึ้นสวรรค์ไป ก็ถือว่าเป็นกำไรของชีวิต แต่ถ้าเราทำดีมาก แล้วสวรรค์ไม่มีจริง ตายไปเราก็เสมอตัว ไม่ได้ไม่เสียอะไร แต่ก็ยังได้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกหลาน ดังนั้น เราอย่ามัวมาเถียงกัน หรือว่าโชว์ภูมิกันให้เสียเวลา สู้เอาเวลาที่มีอยู่ มาแข่งขันกันทำความดีกันดีกว่า จะได้ไม่เสียชาติเกิด
-
น้องเจ้าของกระทู้ ตั้งกระทู้มีภาพประกอบด้วย ^^
เก่งจัง...
แสดงให้เห็นว่า น้องเป็นคนที่มีลักษณะนิสัย ทำอะไรทำจริง
ไม่สักแต่ว่าพูด...
พี่เชื่อว่า ชีวิตที่เหลือของน้อง จะพบเจอแต่สิ่งดีๆ ค่ะ ^^ -
น้องเจ้าของกระทู้อ่ะ ลืมชื่อ ชื่อจำยาก อธิมุตโต
น้องอยากรู้ว่า นรก สวรรค์ อยู่ ณ ตำแหน่งไหนใน เอกภพ ใช่ไหมคะ???
การที่น้องถามอย่างนี้ แสดงว่า...
น้องยังไม่เข้าใจ โลกทิพย์ นะคะ
โลกทิพย์ ไม่กินพื้นที่(ไม่กินพื้นที่ว่างๆอ่ะ) ไม่กินระยะทาง(แค่คิดก็ถึง) ไม่ขึ้นกับเวลา(ย้อนอดีตหรือไปอนาคตก็ได้)
นรก และ สวรรค์ ไม่ได้อยู่ซ้อนทับโลกมนุษย์ ไม่ได้อยู่ ณ ตำแหน่งใดในเอกภพ
แต่นรก สวรรค์ คือ... โลกทิพย์ ที่ตั้งอยู่ และมีอยู่จริง เพื่อรอรับพวกเราค่ะ(ดวงจิตที่หลงทาง)€...
น้องต้องเข้าใจ สรรพคุณ(คุณสมบัติ) ของจิตวิญญาณ และโลกวิญญาณ เสียก่อนนะคะ แล้วน้องจะเข้าใจที่พี่พูด...
และเพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
น้องปฏิบัติสิ่คะ... ไม่ยากเลย...
ตอนแรกอ่ะ พี่นอนหลับตา เพ่งหว่างคิ้ว ไม่มีไรเกิดขึ้นเลย ปวดตาด้วย เมื่อยด้วย
แต่พอทำบ่อยเข้า ทั้งโดนผีอำ กระดุกกระดิกไม่ได้ แล้วสักพัก จิตก็ถอดออกเอง
เราไม่ต้องทำไรเลย... แค่ฝึกเพ่งจิตอ่ะ จิตมันจะพัฒนาของมันเอง พี่ลองมาแล้ว... ง่ายๆค่ะ ไม่ยาก ^^
mamboosha@hotmail.com แอดมาเด้อ สิ่เล่าให้ฟัง อิอิ ^^
(ที่ตอบยาวเนี่ย เพราะเห็นว่า น้องอยากรู้จริงๆ เหอะๆๆ)
หน้า 1 ของ 3