งั้นผมก็คงโดนแล้วล่ะ แค่งับพอนะ อย่าพ่นพิษไส่ผมละกัน ขอร้อง
นิทาน เรื่อง "พญานาค"
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.
หน้า 22 ของ 1157
-
ท่านให้รุ้ด้วยตัวเอง มากกว่าเพชรชี่ มัวแต่ให้คนอื่นดูให้ ก็ย่ำเท้าอยู่กับที่ เพราะติดสงสัย ว่าใช้หรือไม่ จริงหรือเท็จ .........(มั้ง).......อิอิ งวดนี้ 8แน่นะขออีกตัวสิ ตัวเดี่ยวไม่มีตังซื้อ...........:boo:
-
วันนี้ เพิ่งกลับจากไปร่วมพิธีวันครูมาค่ะ
รีบมาเยี่ยมกระทู้ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้อ่านเยอะมาก
...สมาชิกมาประชุมเกือบครบเลยนะคะ... -
ต่อไปนี้(ประจำ)เราจะไม่ขี้เกียจ เราจะขยัน เราจะมุ่งมั่น เราจะพยายาม ๕๕๕ -
จะพยายามท่องไว้ค่ะ
...ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามย่อมอยู่ที่นั่น... :cool:
-
จะว่าหลับแล้วฝัน ก็ดูเหมือนรู้ตัวอยู่ ก็เลยงงๆค่ะ ^^ -
แหงะ งวดที่แล้วได้มา 2 ตัว ยังพลาดไปแค่แต้มเดียวเลย โดนกันทั้งสำนัก เซ็ง งวดนี้งอน ไม่เล่นแย้ว
แหม กว่าจะรู้ ฉันคงเป็นโรคร้ายตายก่อนกระมัง -
เจ้าหนุ่มบวร หลานชายของพระอาจารย์วัง อยากจะบวชเป็นพระแต่อายุยังไม่ครบ พระอาจารย์วังให้นุ่งขาวห่มขาวถือศีล 8 เป็นพ่อขาวฝึกปฎิบัติธรรมไปก่อน วันหนึ่งบวรไปแสวงหาต้นตาวในป่าภูลังกา จะเอาต้นตาวมาต้มแกงถวายพระเณรในตอนเช้า บวรได้หายตัวไปไม่กลับมาเลย พระเณรและพ่อขาวได้ออกตามหา จนกระทั่งมืดค่ำก็ไม่พบร่องรอยใดๆ
พระอาจารย์วังได้นั่งสมาธิดูก็ได้พบว่าบวรไปอยู่กับสาวงามชาวลับแลอยู่กินเป็นผัวเมียกันเสียแล้ว คงเป็นไปตามเหตุปัจจัยบุพเพสันนิวาสบันดาลให้มาเจอกัน เพราะเป็นเนื้อคู่กัน
บ้านเมืองชาวลับแลนั้นคล้ายเงาสะท้อนของบ้านเรือนเมืองมนุษย์ ตามยุคสมัยในถิ่นนั้นๆ เปลียนแปลงไปตามยุคสมัย เพราะมีความเกี่ยวข้องผูกพันกันอย่างลึกลับตามกฎแห่งวิบากกรรม บ้านเมืองของชาวลับแลที่เห็นในสมาธิ(อ.วัง)เป็นบ้านใต้ถุนสูง หลังคามุงหญ้าและแฝก ฝาบ้านทำด้วยไม้ไผ่หรือใบตองตึงและขัดแตะ พื้นบ้านปูไม้กระดานหยาบๆ หรือปูด้วยไม้ไผ่สับ ส่วนบ้านชาวลับแลผู้มีฐานะดีหรือคุณธรรมสูงเป็นตึกโบกปูน หลังคามุงกระเบื้อง บางหลังมุงด้วยไม้ ส่วนฝาบ้านเป็นไม้ประดิษฐ์เป็นตารางสี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยมงามเรียบๆ
ที่เห็นนี้เป็นสมัยเมื่อ 50-60 ปีก่อน ส่วนสมัยปัจจุบันบ้านเมืองชาวลับแลก็คงเจริญพัฒนาเช่นเดียวกับมนุษย์เรากระมัง ! ชาวลับแลในสมัยนั้น พวกผู้ชายส่วนมากจะนุ่งผ้าขาวม้าขัดเตี่ยวพืนเดียว เดินเท้าเปล่าไม่มีรองเท้า ไม่ใส่เสื้อ ส่วนผู้หญิงจะนุ่งผ้าซิ่น มีผ้าคาดหน้าอกใช้แทนเสื้อเป็นส่วนมาก แต่สำหรับชาวลับแลที่มีฐานะดีหรือมีคุณธรรมสูง จะนุ่งห่มรัดกุมเรียบร้อยเหมือนอุบาสกอุบาสิกาในวันพระ วันอุโบสถศีล
บ้านเมืองชาวลับแลบังบด (ปักษ์ใต้เรียกคนธรรพ์)ไม่มีคนยากจนไม่มีคนขอทาน ไม่มีหญิงโสเภณี ทุกคนมีอยู่มีกินสมฐานะ มีการทำไร่ไถนา มีสัตว์เลี้ยง ฯลฯ เป็นโอปปาติกะ ตามกรรมวิบากอันสลับซับซ้อนพิศดาร
ชาวลับแลมีคุณธรรมประจำหมู่เหล่า ถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด ภูตผีปีศาจทั้งหลายรักษาศีลไม่ได้ ทำให้ชาวลับแลเป็นผีพิเศษที่มีอำนาจเป็นที่ยำเกรงของภูตผีปีศาจทั้งหลาย ชาวลับแลที่เป็นนักพรตหรือฤาษีจะนุ่งขาวห่มขาวเกล้าผมมวย เรียกตัวเองว่า "คุรุฤาษี"หรือ ดาบส
หัวหน้าชาวลับแลได้บอกกับพระอาจารย์วังว่า เจ้าหนุ่มบวรได้มาอยู่เมืองลับแลถูกต้องตามจารีตประเพณีของเมืองลับแล จะกลับออกไปไม่ได้ จะต้องดำเนินชีวิตเหมือนชาวลับแลทุกอย่าง หากทำผิดกฏจารีตประเพณีก็จะถูกขับไล่กลับเมืองมนุษย์... -
-
ที่งูร้องก็คือ ตัวผู้กับตัวเมีย จะร้องเรียกหากันเพื่อให้มาผสมพันธ์เจ้าค่ะ เสียงแหลมมาก เหมือนเสียงนกวีด ร้องดังนะ เสียงบาดใจเลยแหละ ไม่รู้จะอธิบายยังไงต้องพาไปรองฟังเอง ไปไหมละเจ้าค่ะ -
-
pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี
อ่านแล้วดี ได้ความรู้ ส่วนตัวชอบนาคมาก รู้สึกดี นาคตามวัดก็ใจดี อนุโมทนากับเค้าอุทิสบุญกุศลให้ นาคทั้งมวลบ่อยๆ แม่ก็ได้ชาจากนาค มารักษาเบาหวาน เลยแข็งแรงขึ้น
เคยเห็นนาคตอนหลับตาสวดมนต์ เป็นนาคสีเขียวสองตน นิมิตเป็นนาคเล็กอยู่คู่กัน วันนั้นถูกหวย เกือบสามหมื่นเลย
ขอให้นาคทั้งหลายมีความสุขมากๆ -
-
ว่างๆ เชิญมาเล่านิทานพญานาคนะคะ
-
คุณหน่อนรคุณ ยังเล่าไม่จบหรือเปล่าขอรับ
-
-
-
พระอาจารย์วังเข้าใจกฎจารีตประเพณีนี้ก็ไม่รู้จะช่วยบวรได้อย่างไร จะอธิบายให้ญาติพี่น้องฟังเขาคงไม่เชื่อเพราะเรื่องเมืองลับแลพิสูจน์ไม่ได้เลย ที่เล่าๆกันมาก็เป็นเชิงนิยายปรัมปราเอาสาระไม่ได้ ญาติพี่น้องคงจะเชื่อว่าบวรตกเหวตาย หรือถูกเสือถูกงูเหลือมกินไปแล้วมากกว่า
หัวหน้าชาวลับแลได้บอกว่า พระอาจารย์อย่าได้คิดวิตกเป็นทุกข์ไปเลย ถ้าใครสงสัยเรื่องบวรไปอยู่เมืองลับแล ก็ให้คนนั้นมาที่ภูลังกานุ่งขาวถือศีล 8 มานั่งสมาธิภาวนาอธิษฐานจิตขอเห็นเมืองลับแล อยากจะพบบวรก็จะได้พบสมความปรารถนาหายสงสัย โดยกระผม(หัวหน้าชาวลับแล)จะให้คนนำทางมารับเข้าเมืองลับแล ถ้าไม่กล้าเข้าไปในเมืองลับแล ก็ให้เลือกเอาวิธีออกไปยืนกลางแจ้งในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ได้ ร้องตะโกนดังๆว่า "บวรอยู่ที่ไหน" ก็จะได้ยินเสียงของบวรตะโกนตอบออกมาจากในเมืองลับแล จะซักถามอะไรก็ได้ แต่จะพบตัวบวรไม่ได้
พระอาจารย์วังได้เล่าเรื่องนี้ให้พระเณรฟัง ดังนั้นในวันต่อมา หลวงปู่โง่น โสรโย กับพระเณร และพ่อขาวได้พากันไปพิสูจน์ ออกไปยืนอยู่กลางแจ้งบนภูลังกาในเวลากลางวัน ร้องตะโกนเรียกหาบวร ก็ปรากฏอัศจรรย์ว่า มีเสียงของบวรตะโกนตอบมาจากดงไม้ในหุบเขา เมื่อซักถามเรื่องราวต่างๆ บวรก็ตอบได้ถูกต้องชัดเจน จึงเชื่อว่าเป็นบวรจริงๆ ไม่ใช่คนอื่นแอบอ้างแต่อย่างใด... -
pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี
ขอบพระคุณครับครู
ตอนเด็กๆ อยู่ในบ้านมีงูเขียวเลี้อยมาใกล้ระดับศรีษะ แต่เค้าก็ไม่กัด ตามาเห็นก็จับออกไป
โตมาหน่อยเดินไปซื้อของ มีงูตัวใหญ่ น่าจะเป็นงูเห่ายาวเกือบสองเมตรได้เลื้อยรอดขาไปเฉยเลย ไม่กัดผม
ตอนเรื่อมทำงานใหม่ๆ ไปเที่ยวเกาะเสม็ด เดินไปตามทางก็ปวดฉี่มาก เข้าไปในพงหญ้าข้างทาง พอฉี่ปุ๊บก็เห็นงูเห่า ตัวใหญ่ น่าจะสองสามเมตรได้ แผ่แม่เบี้ย ใหญ่กว่าผ่ามือกางออกอีก อยู่ห่างไปไม่กี่เมตร จะมาฉกผมก็ได้เพราะไม่ไกล ใจตอนนั้นรู้ว่าเค้าเป็นเจ้าของที่ เลยของโทษเค้า ที่ไปทำที่อยู่เค้าสกปรก แล้วเค้าพงกหัวแล้วเลื้อยไป -
หน้า 22 ของ 1157