ท่านคุรุวาโรครับ แล้วใครมาหาผมเนี่ยครับ
นิทาน เรื่อง "พญานาค"
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.
หน้า 683 ของ 1157
-
เคยฝึกวิชาบางอย่าง อาจารย์ที่สอนนั้นมาหาคุณครับ ปริศนานั้นคงเป็นจุดมุ่งหมายของคุณครับ
-
นั่นจิ มันคล้ายๆคุยกับตัวเองปานนั้นเลย ถามเอง ตอบเอง
-
-
มันมีโอกาสด้วยเหรอคะพี่นุ๊ก 555+
ฟ้ามุ่ยก็พยายามอยู่ทุกวี่วันค่ะ ถ้าวันหนึ่งบุญวาสนามากพอ ก็คงจะได้ (มั้ง) คะ:cool: -
ไม่รู้จิ ก็พูดไปเรื่อย
แต่พี่เชื่อว่าหากเราหมั่นสร้างบุญกุศล
ฝึกจิตให้สงบ ระงับ จิตละเอียดพอ
เรื่องสัมผัสเทวดาคงไม่ยากนะ
แต่คงไม่ใช่สัมผัสชนิดถูกเนื้อต้องตัวล่ะมั้ง
เพราะสิ่งนั้นคงเป็นไปไม่ได้
ขึ้นชื่อว่าหยาบกับละเอียด มันก็คนละเรื่องกันอยู่แล้ว
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพี่ยังเห็นเทวดาที่ห้องเลย
แต่เห็นเป็นแสงระยิบระยับ เห็นได้สัมผัสได้ทุกครั้ง (ด้วยจิต)
เมื่อจิตสงบจริงๆ ว่างจริงๆ ไม่ใช่อุปาทานปรุงแต่ง
แต่ด้วยความไม่แน่นอนของตัวเอง มันก็เลยไม่แน่นอน
ทำให้ได้เห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แม้จิตของเราเอง บางวันก็สงบดี เข้าสมาธิง่าย
บางวันก็ไม่สงบ เข้าสมาธิไม่ได้...ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง
มีการเปลี่ยนแปลงตลอด เชื่อถือไม่ได้เลย -
อ้าว...คุณคุรุ หายไปไหนแล้ว
-
ขอบคุณค่ะ ท่านคุรุวาโร
สำหรับคำแนะนำ
จะสวดบทนี้ค่ะ
ผลเป็นไงเดี๋ยวมารายงานค่ะ -
-
rabbit_jumprabbit_jump
สวัสดีคะชาวเมืองคุรุวาโร ทุกท่าน
อ่านตามมาทันซะที อ่านจนมึนไปเลยคะ
เรื่องนิทานของแต่ละท่าน น่าทึ่ง มากเลยนะคะ
ขออนุโมทนาสาธุ กับพี่ๆ ทุกท่านนะคะ -
“ธารณปริตร”สวดอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง จะรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิด
“ธารณปริตร”สวดอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง จะรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิด - Buddhism Audio
-
สวัสดีเช้าวันศุกร์ (สุข)
นอนหลับฝันดีกันบ้างมั้ยเอ่ย
มารออ่านหนอ...:cool: -
ชาติเริ่มต้นของทุกคนมีเหมือนกันค่ะ
หากพิจารณาย้อนไปให้ถึงต้นธรรม ต้นธาตุ มีแน่นอน
แต่ใครจะระลึกได้มากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับภูมิธรรม ภูมิจิต หรืออภิญญา 5
รายละเอียดมันจะเยอะมากเลยนะ อธิบายทั้งชาติก็คงไม่จบ
ชาติแรกนั้น จะเป็นชาติที่ทุกคนตั้งจิตอธิษฐานในความต้องการ
ที่จะเกิดมาเพื่ออะไร? และต้องปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้สำเร็จเป้าหมาย
สำหรับผู้ที่ปรารถนาโพธิญาณ เรียกว่าพุทธภูมิ
จะต้องบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ และไ้ด้รับการพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
ส่วนใหญ่ที่เห็นๆ พอมาถึงกลางทางแล้วมักจะหลงทาง
แค่นี้แล้วกัน อยากรู้มากๆ ก็ให้ปฏิับัติมากๆ
เน้น ทาน ศีล ภาวนา และระวังรักษาจิตในแต่ละวันให้เป็นปกติ
สำรวมอินทรีย์ให้กล้าแข็ง เมื่อปัญญาบังเกิด (ตัวรู้ หรือ พุทธะ)
ก็ไม่ต้องถามใครอีกนะจ๊ะ -
-
สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน...วันนี้วันศุกร์ ขอให้สุข...สนุกกันถ้วนหน้านะคะ
เมื่อคืนฝันว่า ไปเข้าห้องสอบมาอีกแล้ว คราวนี้ดีหน่อย ไม่ต้องวิ่งกระหืดกระหอบ
เพื่อให้ทันเข้าห้องสอบเหมือนอย่างเคย (แสดงว่าเป็นเด็กดีแล้วใช่ม๊ะ ^^) -
นิทาน เรื่อง ความว่างที่สร้างความสุข
นักปราชญ์ชาวเอเชียวัยกลางคนหนึ่งเล่าว่า มีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่ง เป็นคนอัตคัตความสุข พยายามแสวงหาความสุขจากวิธีการต่าง ๆ แต่แล้วก็ยังรู้สึกว่า ไม่ใช่ความสุขแท้ที่ตัวเองต้องการ
อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้แนะนำว่า ถ้าอยากมีความสุขก็ควรจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะในบ้านของเรานั้น เราสามารถเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านโดยที่ไม่ต้องมีใครมาคอยกวนใจ ซ้ำยังมีอิสระที่จะเสกสรรค์ปั้นแต่ง หรือจัดบ้านให้เป็นไปตามความต้องการของตนเองอย่างไรก็ได้
เขาเชื่อตามที่มีผู้แนะนำ จึงตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นมาหลังหนึ่ง เมื่อแรกสร้างบ้านนั้น บ้านของเขาหลังใหญ่ทีเดียว พอมีบ้านแล้ว เขามีความสุขมาก
เขาเริ่มจัดบ้านตามต้องการ และเริ่มหาข้าวของต่าง ๆ มากมาย มากองไว้ในบ้านทีละอย่างสองอย่าง จนกระทั่งวันหนึ่ง ห้องว่าง ๆ ในบ้านของเขาก็หายไป ทุกพื้นที่ในบ้านเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ มองไปทางไหนก็รกหูรกตา
ทีนี้ชายหนุ่ม เริ่มรู้สึกว่าบ้านของตนเองช่างเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่ อากาศก็อุดอู้ เขาเริ่มบ่นกับตัวเองว่าคิดผิดถนัดที่สร้างบ้านขึ้นมา เพราะนึกว่าบ้านจะให้ความสุขได้นาน ๆ บางวันเขาก็ครุ่นคำนึงว่า น่าจะสร้างบ้านให้หลังใหญ่กว่านี้ จะได้บรรจุอะไรต่อมิอะไรได้เยอะ ๆ ตามต้องการ
ขณะที่เขาเริ่มไม่มีความสุขเพราะบ้านกลายเป็นโกดังเก็บของนั้นเอง ก็มีนักปราชญ์คนหนึ่งผ่านมาแถวนั้น เขาบ่นดัง ๆ จนปราชญ์คนนั้นได้ยิน
นักปราชญ์หนุ่มจึงแนะนำว่า ถ้าเขาอยากให้บ้านเป็นสถานที่แห่งความสุข
ก็ไม่เห็นจะยากอะไร เพียงแต่ขนข้าวของทั้งหมด ออกมาวางข้างนอกบ้านเสียก็หมดเรื่อง
ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นรีบทำตามทันที เขาเริ่มขนข้าวของซึ่งโดยมากล้วนเป็นสิ่งซึ่งไม่จำเป็น หากแต่เขาเก็บเอาไว้เพราะความละโมภมากกว่า ออกมาทิ้งนอกบ้าน ขนอยู่สองวันจนบ้านว่างโล่ง และดูกว้างขึ้นมาผิดหูผิดตา คราวนี้เขามีความสุขมาก รำพึงกับตัวเองว่า แหม ... บ้านของฉันช่างกว้างขวาง และน่าอยู่เสียนี่กระไร
นักปราชญ์ได้ยินแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะเปรยขึ้นมาว่า "บ้านของเจ้าน่ะ มันกว้างขวาง ว่าง โล่ง และน่าอยู่มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เจ้าของหากล่ะที่ทำให้มันไม่น่าอยู่ ด้วยการบรรจุอะไรๆ ที่เกินจำเป็นใส่เข้าไป จนบ้านกลายสภาพเป็นกองขยะดี ๆ นี่เอง"
ใช่หรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่ที่กำลังกวาดตามองหาความสุข และพยายามที่จะเติมสิ่งนั้นสิ่งนี้เข้าไปในชีวิต แต่แล้วก็ยังคงรู้สึก “ พร่อง ” หรือหมักหมมไปด้วยความทุกข์อยู่เหมือนเดิม ไม่แตกต่างอะไรกับชายเจ้าของบ้านในนิทานปรัชญาเรื่องนี้
การจัดการชีวิตให้มีความสุขนั้น ทางที่ถูก อาจไม่ใช่การใส่อะไรลงไปในชีวิต แต่แท้ที่จริงแล้ว คือการถ่ายเท ปล่อยวาง หรือระบายบางสิ่งบางอย่างออกจากชีวิตมากกว่า
ในพุทธศาสนานั้น เราถือกันว่า ความสุขอาจเกิดจากความมี (สามิสสุข) ก็ได้ แต่ที่เหนือกว่านั้น ความสุขอาจเกิดจากความเป็นอิสระจากความมี ก็ได้ด้วย (นิรามิสสุข)
บ้านแห่งชีวิตของเรา เมื่อแรกสร้างก็ดูโปร่ง โล่ง เป็นระเบียบเรียบร้อย สบายหูสบายตา แต่เมื่ออยู่กันไป อะไร ๆ ก็ชักจะเพิ่มขึ้น และบางทีเพิ่มมากมายจนกลายเป็นปัญหาอันบั่นทอนต่อความสุขในชีวิตคู่
จะดีกว่าไหม หากมีเวลาว่าง คนรักกัน น่าจะลองหาวิธีทำพื้นที่หัวใจให้ว่างด้วยการถอดถอนบางอย่าง ทิ้งออกไป
"ขอเพียงเรียนรู้ที่จะลดบางอย่างลงไป ความสุขในหัวใจก็คงจะเพิ่มขึ้น ความสุข บางครั้งอาจไม่ได้ผูกพันอยู่กับความมี แต่บางที... อาจมาจากความว่าง"ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สวัสดีทุกท่าน ทุกนามค่ะ
เมื่อคืนรู้สึกปวดหัว ไม่สบาย เลยสวดมนต์นิดหน่อยแล้วรีบเข้านอน
ระหว่างนอนก็ทำนอนสมาธิไปพลางๆ การเอามือประสานกันที่หน้าอก ตามที่ท่านคุรุวาโรชี้แนะ นี่ค่อนข้างยากเลย
เลยทำสลับกับท่าตะแคงที่พี่นุ๊กบอกเอาไว้ด้วย เลยไม่ได้อะไรสักอย่าง 555+
ฝันอยู่นิดหน่อยว่า ได้อุ้มเด็กน่ารักน่าชังคนหนึ่ง คุ้นๆเหมือนว่าเป็นเด็กผู้ชาย แต่ในฝันนั้น
ไม่ใช่ลูกเราค่ะ เป็นลูกหรือน้องของเพื่อนนี่แหละ แต่เด็กดูเหมือนรักเรามาก ตอนอุ้มก็กอดซะแน่นเลย จำได้เท่านี้ ที่จำได้ชัดเจนสุด เพราะมันเป็นความรู้สึกอบอุ่น มีความสุขตอนได้กอดแล้วอุ้มเด็กน่ะค่ะ :cool: -
-
เมื่อคืนพี่นอนสมาธิ แล้วเอามือประสานวางไว้ที่หน้าอก
แปลกที่ไม่รู้สึกอึดอัดเลย เราทำได้...เย้
แต่ไม่ได้สมาธิค่ะ เพราะว่าตื่นหลายรอบ
กัังวลเรื่องงาน...ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ฝันเยอะแยะเหมือนเดิม หนุกหนานมากเลย
ได้เจอเพื่อนๆ ที่จากกันไปนานเลย เซอร์ไพรส์มากๆ
ดีใจมากๆ เพื่อนมากันได้ยังไง พี่กอดทุกคนด้วยความดีใจ
แล้วพวกเราก็พากันไปที่วัดแห่งหนึ่ง เพราะที่นั่นกำลังมีงานบุญ
ฝันยาวมากๆ แต่ขอเล่าแค่นี้แล้วกันนะ -
เอ๊ะ ... นี่เราไปงานเดียวกันมาหรือเปล่าคะพี่นุ๊ก 555+
ทำไมเมื่อคืนฟ้ามุ่ยก็ฝันว่าได้ไปงาน คล้ายๆเข้าค่าย รวมกลุ่มเพื่อนเก่าๆ
ตั้งแต่สมัยติ่งหูโน่นนนแน่ะค่ะ ได้มานอนด้วยกันด้วย แต่พูดอะไร หรือทำกิจกรรมอะไรจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าก่อนตื่นได้อุ้มเด็กนั่นแหละจ้า:cool:
อ้อ ... เรื่องไม่ค่อยได้สมาธินี่รู้สึกเหมือนกันค่ะ หลับๆตื่นๆตลอดเวลาที่เอาประสานกัน นานๆไปรู้สึกเลยว่า มือชา นิ้วชา อิอิ
แถมยังลุกเข้าห้องน้ำบ่อยด้วย ตอนที่ทำ เฮ้อออ เดี๋ยวคืนนี้สู้ต่อค่ะ ตอนแรกเกือบถอดใจในท่านี้ แต่ฮึดสู้เข้าไว้ เผื่อได้อะไรดีๆ หรือมีความก้าวหน้าค่ะ
หน้า 683 ของ 1157