ขอจอง หนุมาน ๑ องค์ ครับ
เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง
ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.
หน้า 153 ของ 963
-
-
ขอลงชื่อจอง หนุมาน 1 องค์ กับเสือ 1 องค์ครับ
-
วันนี้พี่นิ่มไปขอบารมี หนึ่งในห้าพยัคฆ์บูรพา .....หลวงพ่อเจิม วัดหนองขุ่น
องค์นี้ จดจำชื่อท่านให้ดี ใครอยู่ใกล้ อย่ากินด่าง หากินไกล
..........................................
วัดเสมียนนารี ได้ขึ้นชั้นพระอารามหลวงไปหยกๆ ล่าสุดเชิญประชาชนร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก พระแก้วมรกตหยกเขียวและวัตถุมงคลพระเศรษฐีนวโกฏิประทานพร รุ่นสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ในวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน ตั้งแต่ 15.19 น. เป็นต้นไป
พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ พระราชาคณะ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เวลา 19.19 น. เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นประธานจุดเทียนชัย พระสงฆ์จตุรวรรค วัดหลักสี่ สวดพระคาถาจุดเทียนชัย และสวดคาถามหาพุทธาภิเษก พระเกจิคณาจารย์ 16 รูป นั่งปรกปลุกเสก เวลา 21.39 น. ดับเทียนชัย....(ได้ยินว่ามีหลวงปู่สม วัดโพธิ์ทอง รับนิมนต์ด้วย...ตามไปไหว้สาท่านพร้อมพี่นิ่ม ในงานได้เลยครับ)
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขอบพระคุณมากมายขอรับ -
จองเสือ 1 หนุมาน 1 ครับ
ขอบคุณครับ -
ถ้าเปลี่ยนชื่อแล้วรวย ประเทศไทยไม่มีขอทาน
ถ้าใช้เงินทำพิธีฯ ต่อชะตาได้ คนรวยไม่มีวันตาย
ผมไม่มีปัญหากับเรื่องชื่อดอกครับ แต่เชื่อผมเถอะ ว่าชื่อมีความหมายแฝงในบุคลิกภาพ โดยเฉพาะกรณีที่เราเป็นคนตั้งชื่อเอง
อย่างชื่อที่ผมเรียกตัวเองว่า "หนุ่มทิพย์" ก็มีความหมายที่จะแสดงอัตลักษ์และอีโก้ คนเก่งๆ จะเดากำพืดผมได้
ชื่อของพี่เริญ ก็แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่าย แต่มั่นใจ โดยเฉพาะตั้งใจจะไม่ให้ลืม และเดาพาสเวิร์ดได้ไม่ยาก
บางคนใช้ชื่อท้องถิ่นตัวเอง แสดงถึงความรักพวกพ้องและถิ่นเกิด
บางคนใช้ชื่อซุปเปอร์ฮีโร่ แสดงถึงความประทับใจและมุมมองในแง่บวก ฯลฯ ผมเดาลักษณะนิสัยของเพื่อนสมาชิกได้ไม่ยาก...จากชื่อ
แต่ชื่อที่แสดงถึงความขัดแย้ง หรือชื่อที่แสดงถึงพฤติกรรม ต้องระวังครับ เพราะมันจะทำให้คนอื่นมองเห็นถึงพฤติกรรม หรือบุคลิกของเราได้โดยง่าย
ทั้งๆที่เรื่องของบุคลิก ควรเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นที่สุด เหมือนตอนที่เราพบกันใหม่ๆ เราจะสำรวม เพื่อป้องกันและรักษาภาพพจน์
เราจะแต่งตัวเรียบร้อย อาจจะดูไม่หรูหรา แต่สุภาพ เพื่อให้ภาพพจน์ดูดีสะอาด และถูกกาละเทศะ
ถ้ามีโอกาสเลือกตั้งชื่อตัวเอง ก็อย่าให้เสียโอกาสเลยครับ
.............................
เป็นสมาชิกใหม่กับสมาชิกเก่าของผม ผมขอชื่อกับที่อยู่จัดส่งด้วยครับ
............................
ช่วงนี้ทางวัดโพธิผักไห่ กำลังยุ่ง(มากๆ) กับงานพิธีบรรจุดวงชะตาพิชัยสงคราม(13-14 มิ.ย.ศกนี้) ทั้งทหารและตำรวจ นักการเมือง พ่อค้าวานิช พรึบเต็มวัด เลยขอ hold เหรียญหลวงปู่ทวดไปก่อน
แต่ผมเหลือจะรอแล้ว หากวันอาทิตย์นี้ ยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอน ผมจะโอนปัจจัยทั้งหมด เป็นส่วนของหนุมานฯ กับเสือสมิงฯ สำหรับเพื่อนสมาชิกที่จอง และจะโอนคืนพร้อมค่าปรับ สำหรับเพื่อนสมาชิกที่ไม่ได้จองหนุมานฯ หรือเสือสมิงฯ
จึงแจ้งมาเพื่อทราบ -
-
ถ้าไม่มียศศักดิ์ ก็เป็นไพร่ทหารราบ ไม่มีพาหนะในการศึก อย่างดีก็วัว-ควาย เทียมเกวียน วิ่งเลี้ยงส่งเสบียง
ถ้าเป็นม้าใช้ ก็อาจจะได้ม้าดีหน่อย แต่ยุคนั้น เรื่องทหารม้าเรายังน่าจะเป็นรองหงสาวดี
ในยุคสงครามช้างเผือก เป็นยุคสงครามยุคใหม่ ที่ใช้ปืนใหญ่และปืนไฟ แม้ก่อนหน้านี้จะมีบ้าง แต่ก็ไม่ใกล้ชิดพระนครฯเท่ากับยุคนี้ ที่คนในพระนครฯต้องคอยเฝ้าระวังลูกปืนใหญ่ลอยมาตก
สงครามช้างเผือก อโยธยาฯเสียเปรียบในทุกด้าน ยกเว้นทำเลตั้งเมือง
บุเรงนองที่จบ จปร. และอยู่ในสงครามอาชีพมาตลอดชีวิต ทำให้เรียนรู้กลยุทธ์และกลวิธี ในการนำทัพ
ต่างจากชาวกรุงศรีฯ ที่ว่างเว้นการศึกภายนอกมากว่า 15 ปี
มีเพียงพระเจ้าจักรพรรดิ์ ที่ไม่ประมาท ทรงปรับปรุงกำแพงเมืองให้แข็งแรงที่สุดนับจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทั้งขุดคู ต่อเรือ คล้องช้าง ก็เป็นเพราะพระปรีชา ทำให้สามารถรับศึกได้นานเท่านาน
แต่ถ้าหากมีอุปลิขิตดีๆ คอยสืบข่าวฝ่ายหงสาวดีบ้าง ก็คงจะรู้เขารู้เราเร็วกว่า พอที่จะวางแผนรับศึกได้ .........................
ถ้าคิดว่า รูปขี่ควาย เป็นเครื่องระลึก คนขี่ต้องอ่อนกว่านี้มาก ถึงจะได้ร่วมรบอีกครั้งในศึกนันทบุเรง
-
พี่นิ่มเล่าให้ฟังว่า คุยถูกคอกับหลวงพ่อเจิม วัดหนองน้ำขุ่นมาก ไม่ใช่แค่เป็นศิยษ์อาจารย์เดียวกัน(หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า) แต่มีอย่างอื่นด้วย
หลวงพ่อเจิม ท่านเมตตาอธิฐานจิตเดี่ยวให้พี่นิ่มชั่วโมงกว่า สวดพาหุงฯให้ 9 รอบ ชินบัญชรฯ 3 รอบ ฯลฯ
....................
สำหรับหลวงปู่เจิมปัจจุบันสิริอายุ 89 ปี พรรษา 65
หลวงปู่เจิมท่านเป็นศิษย์พุทธาคมหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง เชี่ยวชาญวิชาธงพัดโบก อักขระยันต์และพุทธมนต์ เรียนวิชาสายหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง
......................... -
คุณพิศาล ส่งตะกรุดมา 3 ดอก
ผมจะนำไปหลอมรวมแล้วรีดเป็นแผ่น เพื่อปั๊มเหรียญนะครับ ขอโมทนาและขอบคุณครับ
............................................
-
ได้รับแล้วใช่ไหมครับ
ดอกยาวเป็นตะกรุดมหาจักรวัดพนมยอที่หลวงพ่อเสียนอธิษฐานจิต
อีก 2 ดอกเป็นตะกรุดพระอาจารย์พรสิทธิ์ครับ -
คงเป็นอย่างที่ว่า ถ้าจะคิดถึงคนกับควายผมไม่เลือกไอ้ขวัญแน่..อย่างน้อยต้องเป็นนายทองเหม็นที่ขี่ควายบุกเดี่ยวเข้าไปหมายหักเอาค่ายพม่าข้าศึกจนตัวตาย
-
สวัสดีครับพี่หนุ่มทิพย์
เข้ามาทักทายครับ
กลับมาจากวัดโพธิผักไห่แล้วเล่าให้ฟังบ้างนะพี่
เอาใจช่วยครับ. -
เคยเห็นว่ามีเพื่อนสมาชิกบางท่าน มีความรู้ด้านโหราศาสตร์บ้าง เลยคัดบทความนี้ให้มาร่วมสนุกศึกษากัน
............................................
เมื่อปี 2514-2515 โหรอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ สอนและวิจารณ์ดวงอยู่ที่สมาคมฯ
มีการวิจารณ์และวิพากษ์ เพื่อศึกษา เป็นที่ฮือฮามาก วันหนึ่งมีเพื่อนโหรฯด้วยกันนึกสนุก
วางกล่องใบหนึ่ง แล้วถามในห้องสมาคมฯที่มีนักศึกษาอยู่กันเต็ม ว่า “ลองทายดูซิ ว่าในกล่องนี้มีอะไร”
ผู้ถามได้เขียนดวงเดิมของตัวเอง และดวงจรในวันนั้นไว้บนกระดานดำ เหตุเกิดเวลาสี่โมงเย็น วันเสาร์
<O:p
คนในห้องฯใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถทายได้ใกล้เคียง...... เพื่อนสมาชิกท่านใด พอจะเดาได้บ้างไหมครับ
ไม่มีรางวัล..... คัดมาให้ทายกันสนุกๆไฟล์ที่แนบมา:
-
-
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
สวัสดีค่ะพี่ทิพย์ ท่านรอง พูดถึง
ขุนศึก ย้อนอดีตสมัยก่อนกัน....
ขอน้องเม้ยฟังด้วยคนนะคะ...ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สมัยก่อนทหารรับจ้าง จะว่าสบายก็สบายอยู่ครับ ถ้าไม่มีสงคราม
แต่พวกไพร่ทหาร ไม่ค่อยจะสบายดอกครับ เพราะเบี้ยหวัดไม่มี ไม่มีเงินเดือนทหาร เวลาถูกเกณท์ ก็ต้องเตรียมเบี้ยอัฐมาเอง ไปขุดเผือกขุดมันเอาเบื้องหน้า
เสบียงเลี้ยงกองทัพ ก็มีแต่ข้าวกับเกลือ อาหารดีๆ ไว้เลี้ยงนายทัพ เพราะขนส่งลำบาก ไม่มีทางด่วน
พ้นงานศึก จึงกลับไปทำไรทำนา แต่พวกทหารอาชีพ ส่วนมากจะได้ขุนนางดีเลี้ยงดู มีเบี้ยหวัดรายเดือนให้ พ้นงานศึกก็ทำงานรับใช้ขุนนางที่ได้รับพระราชทานศักดินา
ยศสูงขึ้นมาหน่อย ก็สบายหน่อย ถ้าไม่มีงานศึก แต่ถ้ามีก็หายไปเป็นปีกว่าจะได้กลับมาอีก จะเสี่ยงอีกทีก็ตอนที่แย่งชิงราชสมบัติกัน ต้องมองให้ดีว่าใครจะเป็นใหญ่เบื้องหน้า ถ้ามองไม่ดี ก็อาจจะหัวขาดทั้งโคตร
หลังยุคสงคราม เป็นยุคที่สงบสุขพอๆกับสงครามเย็น การแย่งชิงกันเป็นใหญ่ มีบ่อยยิ่งกว่าปิดถนนประท้วงหรือแย่งเก้าอี้ในราชสำนัก
ผ้าผ่อนก็หาได้ยากและมีราคาแพงในยุคสงคราม เพราะเป็นการถักถอด้วยมือ
พวกขุนนางจะได้นุ่งผ้ามีราคา อาจจะได้จากพระราชทาน หรือของกำนัลจากพวกวานิช
พวกไพร่ธรรมดา ก็ถูกห้ามใส่ผ้าสี ห้ามใส่เครื่องประดับ จะตีตัวเสมอนายมิได้
โขมยจึงน้อยกว่ายุคนี้มาก เพราะไม่รู้จะปล้นใคร พวกไพร่ก็มีพืชผักเป็นสมบัติเลี้ยงตัว จะปล้นคนรวย ก็มีบ่าวไพร่บริวาร จะปล้นข้าราชการ ก็จะกลายเป็นศัตรูราชสำนัก จะปล้นพ่อค้าวานิช ก็จะกลายเป็นศัตรูกับท้าวพระยาเข้าอีก.....
ลองมาดูยุคนี้ครับ หลายต่อหลายชนพยายามจะยกตัวเองให้สูงเสมอคนอื่น เห็นใครมีก็อยากมีบ้าง ...... ถ้าคนพวกนี้คิดได้ จะเห็นพระราชาหว่านเมล็ดข้าวในวันพืชมงคล ทำนาส่วนพระองค์ในวังหลวง รองพระบาทที่เก่าขาดก็ทรงส่งซ่อม เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตประหยัดและพอเพียง ........
เคยเห็นสาวคนหนึ่งในเวปฯ โพสเช่าหากุมารฯ อยากเอามาแก้ปัญหาชีวิต โพสไว้แค่นี้ ก็มีหนุ่มๆโพสให้กำลังใจกันเป็นแถว โดยไม่รู้ว่าเธอมีปัญหาอะไร
แต่ผมเห็นแล้วก็รู้ไม่ยาก เลยเข้าไปโพสแค่ว่า "เป็นหนี้ต้องใช้" แค่นี้เธอขวนขวายจะโทรฯหาผมให้ได้ บอกผมมีจิตสัมผัส.....โธ่ แค่คนเป็นหนี้บัตรเครดิต ไม่ต้องบอกก็เดาได้ครับ คนมันเคยๆ....... -
ขออนุญาตนะครับ
....................รากเหง้าวิถีไทย -
จอง หนุมาน 1 องค์ ครับ
-
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
สวัสดีค่ะพี่ทิพย์
มาแบบเย็นๆ ใกล้ค่ำค่ะ....
มาแบบไม่น่ากลัว ไม่มาคนเดียวมาคู่ค่ะ
แวะมาฟังเรื่องเล่าเช่นเดิมค่ะ....ไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 153 ของ 963