บันทึกนรกภูมิ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 23 พฤษภาคม 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๓
    ครั้งที่ ๕๙
    นรกขุม ๕ แดนลงทัณฑ์ ๔ (คดีเณรตกนรก)
    นรกขุมนี้ มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งตกอยู่เป็นเณรองค์หนึ่งที่ตกนรก เพราะบาปกรรมที่ได้ทำในศีลแห่งพระพุทธศาสนา
    เมื่อผมได้พบเณรองค์นี้ ที่ข้อมือของท่านเณรองค์นี้มีผ้าเหลืองอันเป็นผ้ากาสาวพัตรผูกติดอยู่ นั่นเป็นเครื่องหมายแห่งธงชัยในพระพุทธศาสนาว่าศาสนาได้ประกาศเรื่องแล้ว ท่านได้อยู่ในกองน้ำที่หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา สายน้ำนี้จะหมุนเวียนไปตามแรงดูดของโลก และแรงหมุนของกรรมที่หมุนเวียนไป เณรองค์นี้จะมีความรู้สึกเหมือนกับถูกแรงเหวี่ยงของโลกเหวี่ยงไปอย่างมึนงง
    ผมได้ถามท่านเณรองค์นี้ว่า ทำกรรมอย่างไรจึงมีสภาพเช่นนี้
    ท่านได้ตอบผมว่า ท่านได้ปฏิบัติธรรมอยู่ในพุทธศาสนา และแอบกินข้าวเย็นในยามค่ำหนหนึ่งด้วยกรรมนั้นเมื่อตายท่านก็ต้องมาใช้กรรมในนรก
    ผลกรรมเล็กน้อยที่เณรสร้าง ทำให้เณรต้องใช้ผลกรรมที่ก่อไปจนกว่าจะหมดกรรมจากชาติภูมินี้ เมื่อนั้นเณรก็จะได้ไปเสวยสุขตามผลบุญที่เณรสร้าง
    “สรรพสัตว์ใดมีกรรมบท (กรรมที่ทำแล้วตกนรก) เป็นหนทางสุดแห่งชีพ
    สรรพสัตว์ผู้นั้นจักเป็นผู้รับกรรมตามกรรมที่ต้องได้รับในยมภูมิ”
    ขอทุกคนจงพึงระมัดระวังใจของตนให้ดี มีธรรมะประจำจิต
    เป็นผู้มีกุศลกรรมที่จะนำไปในทางที่ดี อันดำเนินไปตามหนที่ที่คิดดำเนินไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2008
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๓
    ครั้งที่ ๖๐
    นรกขุม ๓ แดนลงทัณฑ์ ๑ (พระตกนรก)
    ด้วยรูปกายแห่งการเป็นสมณะนั้น ย่อมเป็นสัญญาณแห่งผู้สืบทอดพระศาสนา ตัวอย่างในบทกรรมนี้นี้มีให้เห็นว่าเป็นสิ่งใด เกิดสิ่งใดขึ้น โดยเรื่องที่เขียนนี้มีเรื่องอยู่จริงบนพื้นพิภพและเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในการสัมภาษณ์เพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้
    ขอเดชแห่งพระพุทธศาสนาจงมาเป็นพยาน ข้าฯ กล่าวเรื่องนี้ไปตามที่ข้าฯ รู้ ข้าฯ แจ้ง กรรมใดที่เป็นผลแห่งความจริงนี้ขอให้สัจธรรมแห่งความจริงนี้งยังคงบังเกิดอยู่ในศาสนาไตรภพ (ศาสนาที่ลือสั่นไปทั้งสามภพ) แห่งนี้เถิด
    ดวงจิตผมเปลี่ยนแปรสู่พระธรรมกาย ลอยล่องสู่ภพสามที่เรียกว่า “ยมภูมิ” ในครั้งนี้ผมได้สัมภาษณ์ถึงวิญญาณบาปตนหนึ่งในอดีตชาติของวิญญาตนนี้เคยบวชเป็นพระภิกษุในศาสนานี้มาก่อน
    ย้อนไปสามชาติของพระภิกษุรูปนี้ เคยเป็นพระภิกษุบวชอยู่ในพระพุทธศาสนามาก่อน และได้ดำเนินกิจตามศาสนสงฆ์บ้างตามสมควร แต่กรรมที่ทำให้ต้องตกลงมายังนรกภูมิแห่งนี้นั้น เป็นกรรมลามกที่ได้ก่อขึ้นกับชายคนหนึ่ง ดังที่ได้เล่าต่อไป
    ดวงวิญญาณดวงนี้ได้ก่อกรรมลามกที่เรียกว่า กรรมภาพสาม เป็นกรรมลามกที่สร้างขึ้นโดยร่วมกับเพศเดียวกันเป็นผู้ก่อในคดีลามก
    อดีตกรรมภาพนี้ ขอยกไว้โดยไม่กล่าวถึงอย่างละเอียด เพราะกรรมนี้เป็นกรรมที่ปุถุชนทั่วไปอ่านข้อความในหนังสือแล้วย่อมนึกภาพออกได้ว่าเป็นอย่างไร
    ด้วยกรรมภาพนั้น ผมขอเล่าเพียงย่อ ๆ
    ชายคนนี้ได้สร้างกรรมอุบาทว์ไว้ในพุทธศาสนา โดยไม่เกรงบาปกรรมที่ได้ก่ออีกทั้งสิ้นความเป็นชายในกายตนอย่างไร้กรรมภาพ
    ผู้ใดที่ได้กระทำกรรมเช่นนี้ เขาจะต้องรับกรรมอย่างหนักในยมโลก และต้องถูกแปลงเพศเป็นเพศตรงกันข้าม
    ผลกรรมที่พระรูปนี้ได้รับนั้น เขาจะต้องกินน้ำเชื้อของตนที่ออกมา แต่จะต้องถูกกลั่นโดยวิธีพิเศษในยมโลกให้เป็นน้ำพิเศษสำหรับเขา คือน้ำนี้จะมีสภาพเป็นสีดำไม่เหมือนสีปกติของน้ำเชื้อ และจะต้องรับทัณฑ์สภาพในดินแดนนี้อย่างเจ็บปวด เขาจะต้องถูกตอกด้วยหนามยาวกว่าฝ่ามือเข้าไปในร่าง เพราะกรรมที่เขาได้สร้างไว้อันเป็นผลให้ศาสนาเสื่อมถอยลง
    เมื่อพ้นจากกรรมนี้ไป ตัวเขาจะต้องผ่านพิภพกรรมไปเกิดเป็นวิญญาณเปรตในนรกภูมิสิบ เป็นเปรตไร้อวัยวะเพศ และมีเครื่องหมายของสัญญลักษณ์พระพุทธศาสนาปรากฏอยู่บนเรือนร่างเขา ด้วยความนัยของสวรรค์ต้องการให้ทราบว่า มนุษย์ผู้นี้เคยเป็นภิกษุอยู่ในพระพุทธศาสนามาก่อน ถึงแม้จะกระทำผิดแต่ก็ด้วยความพลาดพลั้งไป แต่ก็ยังมีผลกรรมดีอยู่บ้าง จึงมิอาจทอดทิ้งไปเสียจึงได้มีคำสั่งให้วิญญาณใดที่รับบาปในสถานทัณฑ์กรรมนี้ถ้ามีอดีตชาติในชาติที่ทำกรรมนั้นเป็นมนุษย์ที่ถือศีล มีศีลเป็นเพศแล้ว จะปรากฏเครื่องหมายสัญญลักษณ์แห่งธงชัยนั้นให้ปรากฏอยู่บนกายเขา เพื่อว่าวันหนึ่งเมื่อเขาหลุดพ้นจากกรรมนี้ไป เขาจะได้ระลึกได้ว่าผลกรรมนั้นทำให้เขาต้องมาอยู่ในนรกและมีกรรมสภาพเป็นเช่นไร และเขาจะได้หวนระลึกอยู่เสมอพร้อมกับเร่งปฏิบัติทำกรรมดีเพื่อยังไว้ในประโยชน์สุขในภายหน้า นี่เป็นความนัยที่สวรรค์ปรากฏไว้ให้มนุษย์ได้ทราบ
    เมื่อพ้นจากกรรมนี้ วิญญาณตนนี้จะต้องผ่านนรกกรรมไปใช้กรรมในนรกขุมต่าง ๆ ที่แสนจะทรมานและผ่านนรกกรรมนั้นไปสู่แดนอบรมธรรม ในแดนหนึ่งของยมโลกเพื่ออบรมขัดเกลาจิตให้อ่อนใสง่ายต่อการปฏิบัติธรรม เพื่อส่งเสริมศาสนาให้อยู่ยืนต่อไป
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๓
    ครั้งที่ ๖๑
    นรกขุม ๖ แดนสายะสิตาจิต (สถานกลับจิตของเทพ – พรหม)
    สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ ๆ สร้างขึ้นเพื่อให้วิญญาณอณูใดที่คิดว่า ตนต้องการความสงบในธรรมได้มาสู่สถานที่นี้ และปฏิบัติตนอยู่ในพระศาสนา จะได้ความสงบในสถานที่อบรมธรรมแห่งนี้
    สถานที่นี้มีการใช้โทษกรรมอยู่สามประเภทด้วยกันคือ นั่งขัดสมาธิโดยขัดขาระหว่างกันอย่างไร้ช่องว่างและนั่งขัดขาท่าดอกบัวนั่งหงายฝ่ามือออกสองข้าง ท่าที่สามเป็นท่าที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเรียกว่า “ท่าวิมานธรรม”
    สามท่านี้เป็นท่าที่วิญญาณในโลกพึงปฏิบัติก่อนรู้แจ้ง แต่มีท่านหนึ่งที่มนุษย์ไม่รู้นั่นคือ ท่าที่พระพุทธเจ้าสำเร็จพระธรรมกาย ท่านั้นจะยกมือขึ้นข้างหนึ่งเหนืออก โดยมือนั้นแยกออกจากร่างพอประมาณ แล้วกล่าวคำว่า “ข้าฯ รู้แล้ว” คำนี้เป็นคำที่พระองค์กล่าวขึ้นเมื่อสำเร็จธรรมเป็นหนแรก เรื่องนี้มีปรากฏอยู่ในพระธรรมคัมภีร์บนสวรรค์
    สามท่าที่ได้กล่าวมานั้น จะได้เล่าสู่ให้ฟังต่อไป
    ท่าหนึ่ง เป็นท่าที่สำเร็จโดยธรรมนั้นจะปรากฏในเสมือนจิตหากจิตตนนั้นถึงวาระจิตรู้แจ้ง สัตว์ตนนั้นย่อมรู้แจ้งในธรรมด้วยตนเอง อายตนะทั้งหมดจะเข้ารวมสู่สายธรรมดำเนินทางรู้แจ้งจนสำเร็จ
    ท่าที่สอง เป็นท่าที่รับกรรมไปด้วย ดำเนินธรรมไปด้วย แต่ก็จะไม่สามารถรับธรรมได้ทั้งหมด เพราะว่ากรรมเก่านั้นมีอยู่ จึงมิอาจรู้แจ้งได้ด้วยกรรมนั้นขัดขวาง แต่เมื่อสิ้นกรรมแล้วเขาจะรู้แจ้งโดยตนเอง
    ท่าที่สามนั้น ขอกล่าวได้โดยย่อว่า ผู้ใดปฏิบัติธรรมโดยรู้แจ้งในธรรมย่อมมีความสุขสงบในธรรมนั้นโดยตนและจะรู้แจ้งในธรรมนั้นด้วยพระธรรมกาย
    ทุกตนที่มาใช้กรรมอยู่ในที่แห่งนี้ ย่อมมีกรรมที่จะใช้แต่มีจิตที่คิดปฏิบัติดีจึงถือว่า ควรที่จะส่งเสริมให้รู้แจ้ง แต่เมื่อกรรมนั้นยังมีเขาจะต้องรับกรรมนั้นไปจนกว่าเขาจะสิ้นกรรม แต่การลงโทษในคดีที่ต้องชดใช้นี้มีบัญชีกรรมอยู่น้อย และสามารถลดหย่อนได้ ดังนั้น สัตว์ทุกตนที่อยู่ที่นี้ จึงพร้อมที่จะไปเกิดเมื่อหมดสภาพกรรมที่เขาทำ และหมดกรรมที่กำหนด
    ผมพบกับวิญญาณหลายคนกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในแดนลงทัณฑ์นี้ สถานที่ชดใช้กรรมและปฏิบัติธรรมไปด้วยนี้เรียกว่า “โพรงธรรม” เป็นรูปธรรมที่สัตว์ทุกตนเข้าไปอยู่และปฏิบัติตนให้รู้แจ้งได้
    ผมได้สัมภาษณ์กรรมของสัตว์ตนหนึ่งเขาได้เล่าให้ผมฟังว่า เขาทำกรรมอย่างไร และปฏิบัติสิ่งใดอยู่
    เขาได้เล่าให้ผมฟังว่า เขาได้ปฏิบัติธรรมเพื่อต้องการให้หลุดพ้น เพราะเขาเกิดจิตที่คิดว่ากรรมนั้นมีอยู่จริงให้ผลจริง และสิ่งที่เขาทำ ทำให้เขาต้องมารับกรรมในสถานที่นี้
    เมื่อชาติก่อนเขาเป็นผู้ปฏิบัติมีจิตฝักใฝ่ในกรรมฐาน และมักจะหาทางปฏิบัติอยู่เสมอ แต่ชาติหนึ่งซึ่งทำให้เขาต้องมาใช้กรรมอยู่ในสถานที่แห่งนี้นั้น เขาเป็นผู้ปฏิบัติแต่ด้วยกรรมบางกรรมทำให้เขาต้องมาใช้กรรมในสถานที่แห่งนี้ และเขาเลือกอยู่สถานที่แห่งนี้ด้วยว่า กรรมที่เขาต้องใช้นั้นใกล้หมดแล้ว โดยยมทูตเป็นผู้บอกว่าเขาใกล้หมดกรรมและสุดท้ายเขาตัดสินใจว่า เมื่อสิ้นกรรมแล้วจะหวนกลับเป็นผู้ปฏิบัติธรรมดั่งเช่นเก่าอีก จึงได้ปฏิบัติในสถานที่นี้ก่อนที่จะไปเกิดในชาติภพใหม่
    นั่นเป็นคำพูดที่เขาได้แจ้งกับผม ถึงกรรมเก่าในสภาพกรรมที่เขาได้รับในชาติภพนี้
    “กรรมมี ใจมี จิตบังเกิดธรรม
    ใจมีกรรมมีจิตบังเกิดธรรมประเสริฐ
    สูญสิ้นสลายรูปกายดำเนินสู่พระธรรมกาย
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๓
    ครั้งที่ ๖๒
    นรกขุม ๘ แดนลงทัณฑ์ ๔
    สถานที่นี้เป็นสถานที่หนึ่งที่ผมไปและผมเลือกสถานที่นี้ก็เพราะว่า มีความจริงอยู่ว่าผู้ที่ใช้กรรมนั้นใครก็ตามที่มีบุญมากกว่าบาป พญายมก็จะตัดสินให้ไปเกิดเสวยบุญของตนก่อนลงมาใช้บาป หากบาปมากก็จะให้ใช้บาปก่อนไปเสวยบุญนี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น แต่มีเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในยมโลกคือ มีบางคนกระทำบุญและบาปเท่ากับบุญ เขาจะได้ไปเสวยบุญในชาติวัน (เวลากลางวัน) และมาเสวยกรรมในชาตินรก (ใช้กรรมกลางคืนในนรก) ในนรก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่รู้แจ้งได้ด้วยการปฏิบัติ
    วิญญาณตนหนึ่งที่ผมได้พบในครั้งนี้ มีกรรมพัวพันดั่งเช่นที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น อดีตกรรมของเขานั้นเคยเป็นเทพมาก่อน และต้องลงมาใช้กรรมในนรกจนกว่าจะสิ้นเวลากรรมในตอนเช้า และจะต้องไปเสวยบุญเป็นเทพอยู่เบื้องบนจนกว่าจะสิ้นเวลากลางวัน และจะต้องลงมาใช้กรรมในนรกเบื้องล่างอีก
    เขาได้เล่าให้ผมฟังว่า กรรมของเขานั้นเคยลักลอบกับเทพอีกองค์หนึ่งหนีลงมาเกิดยังเมืองมนุษย์ และได้ทำกรรมไว้นักจึงต้องตาย ด้วยว่าสวรรค์นั้นเรียกกับด้วยยมทัณฑ์กำหนดให้กลับ ดังนั้นเมื่อกลับไปเขาจึงถูกพิพากษากรรมให้เป็นเปรตในเวลากลางคืน และใช้กรรมที่เขาได้สร้างไว้ไปจนกว่าจะถึงเวลาเช้า เมื่อสิ้นกรรมในเวลานั้นเขาจะได้กลับไปเป็นเทพเสวยสุขอยู่บนวิมานของเทพตามเดิม
    นี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นอยู่บนสวรรค์ และได้รู้แจ้งแก่มนุษย์ในครั้งนี้ด้วยประกาศสวรรค์ที่ว่า ต้องการให้มนุษย์รู้แจ้งในธรรมอย่างแท้จริง และประกอบกับกรรมบางกรรมที่มนุษย์ยังไม่รู้แจ้งนั้น จึงได้ให้แสงสว่างแก่มนุษย์ด้วยการสร้างหนังสือเล่มนี้ขึ้น เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ได้ทราบ และได้ระลึกถึง
    สาธุ ขอกรรมนี้จงเป็นไปด้วยความสิ้นกรรมเถิด…
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๓
    ครั้งที่ ๖๓
    ท่องเที่ยวนรก ตอน ยมทูตหญิง
    มีความจริงสิ่งหนึ่งที่ผมจะบอกกล่าวแก่มนุษย์ทั่วไปว่า ยมทูตนั้นหามีแต่เพศชายไม่ แต่มีเพศหญิงด้วย
    เจ้าหน้าที่หญิงในยมโลกนี้เรียกกันว่า “ยมทูตหญิง” มีหน้าที่ปฏิบัติกวาดเรือนในยมโลก และปฏิบัติรับใช้ผู้เป็นใหญ่ในยมโลก รวมทั้งหัวหน้ายมทูตด้วย สัตว์ต่าง ๆ ที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นยมทูตหญิงนั้นจะต้องผ่านกฎเกณฑ์บางข้อ ซึ่งไม่ขอกล่าวในที่นี้แต่เรื่องนี้ต้องการบอกกล่าวว่ายมทูตหญิงนั้นมีอยู่จริง
    การแต่งกายของยมทูตหญิงนั้น แต่งกายคล้ายยมทูตชาย แต่มีผ้าคาดอกตามแนวตรง สีแดง และนุ่งกางเกงด้วยผ้าหยักรั้ง แต่สวมผ้าคลุมสั้นทับอีกที
    ท่องเที่ยวนรก ตอน เที่ยวตลาดผี
    จากนั้นผมก็ได้ไปเที่ยวยังสถานที่หนึ่ง เป็นสถานที่ ๆ เป็นที่ซื้อขายของกันเรียกว่า “ตลาดผี” เห็นวิญญาณหลายตนเดินกันขวักไขว่ โดยมียมทูตยืนคุมอยู่จากนั้นผมก็ได้เดินผ่านเข้าประตูไป ในนั้นมีตลาดผีวางอยู่ไม่กว้างนัก มีแต่ของเน่าเสียขายอยู่ทั้งนั้น วิญญาณบางตนถือเงินมาซื้อบางคนก็ต่อราคา บางคนก็บอกราคาขายอยู่เสียงดังตลาดผีนี้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะเวลามนุษย์นั้นผิดแผกแตกต่างกัน และจะต้องหมุนเวียนกันสัตว์ตนใดมีกรรมน้อยจึงจะได้รับอนุญาตให้มาซื้อกินของที่มีขายอยู่นี้ หรือแม้สัตว์ที่มีกรรมมากแต่ก็ขอร้องให้ยมทูตช่วยซื้อของให้ได้
    ขอท่านผู้รู้จงอย่าคิดเป็นเรื่องคิดหนักเถิด สิ่งต่าง ๆ ที่ผมเล่ามานี้เป็นเรื่องที่ผมเล่าตามที่ผมได้เห็น ขอให้มนุษย์ทุกคนจงเชื่อเถิดว่าเรื่องที่กล่าวมานี้มีอยู่จริง และเป็นจริงในสถานที่แห่งนี้
    ผมขอจบเรื่องการท่องเที่ยวนรกไว้เพียงเท่านี้
    “ทำบุญ ทำกรรม ผลนั้นได้มากกว่าตัว”
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓

    ครั้งที่ ๖๔

    นรกขุม ๗ แดนปรโลก

    ขุมนรกแดนนี้ เป็นแดนที่สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์ทั้งหลายที่ทำกรรมเวรไว้บนโลกมนุษย์ ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะที่เผยแพร่อยู่บนโลกมนุษย์ ดังเช่นที่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิ์ทราบในกรรมที่ได้ทำ (ย่อมมีสิทธิ์ปฏิบัติได้ทุกคน) ย่อมมีสิทธิ์แจ้งในธรรมะเท่ากันหมด
    ผมเดินท่องเที่ยวไปยังสถานที่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่กว้าง เป็นห้อง ๆ หนึ่งที่มีการเผยแพร่ธรรมให้แก่สัตว์ทั้งหลายได้ทราบ โดยจะเชิญเทพพรหมผู้สำเร็จลงมาจากพรหมโลกมาสอนสั่งสัตว์เหล่านี้
    ผมได้พบกับเทพพรหมองค์หนึ่งที่ได้มากล่าวธรรมในครั้งนี้ เป็นเทพองค์หนึ่งที่มนุษย์รู้จัก นามของท่านคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ท่านได้สำเร็จธรรมอยู่ในขั้นพรหม แต่ที่เรียกว่าท่านเป็นเทพนั้นก็เพื่อเสมือนกับเทพองค์อื่นที่มีธรรมเป็นเครื่องรู้ ขอกล่าวไว้ย่อเพียงแค่นี้
    สมเด็จโตได้ทรงเทศนาสอนสัตว์ในวันนี้ ด้วยข้อธรรมที่ว่า “การเกิดเป็นคนในโลกมนุษย์นั้นยากนัก” และข้อธรรมที่กล่าวไว้เพียงย่อเพื่อสอนสัตว์ที่มาฟังธรรมในครั้งนี้ และฝากข้อคิดไว้ยังมนุษย์ที่ได้อ่านเรื่องหนังสือนี้ทุกคนด้วยว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากนัก ไม่ใช่ว่าใครจะเกิดได้ง่าย ๆ
    ความละเอียดดังนี้ …
    ท่านได้เล่าว่า การเกิดเป็นคนในยมมนุษย์ (โลกมนุษย์) นั้นมีอยู่สองประการในการเกิด คือเกิดเพื่อสร้างบุญ และเกิดเพื่อใช้กรรม
    สัตว์ตนใดที่กระทำกรรมมาก และต้องการสร้างบุญเพิ่มต่อ จะต้องมาเกิดยังโลกมนุษย์เพื่อปฏิบัติธรรมต่อในภาคมนุษย์นี้ เขาจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกมนุษย์ และปฏิบัติธรรมในศาสนาที่เขาต้องการเกิด ดังนั้น เมื่อใครก็ตามที่ได้เกิดจงรักษาชีวิตของท่านไว้ให้มั่น อย่าเสียดายในการปฏิบัติ จงเร่งเวลาการปฏิบัติของท่าน อย่าเสียเวลาอยู่กับสิ่งมัวเมาอีกเลย เพราะนั่นเป็นหนทางแห่งความหมองเศร้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านเห็นนั้นเป็นเพียงภาพหลอนที่ทำขึ้นในภพมนุษย์ หากใครรู้แจ้งในธรรมประเสริฐที่องค์สมเด็จพระพุทธโคดมทรงตรัสแล้ว ธรรมะนั้นจะเป็นเครื่องขัดเกลาให้ท่านรู้แจ้งในธรรมได้โดยสงบ เป็นหนทางดับทุกข์ที่มีอยู่แล้ว แต่ท่านไม่เลือกทางเดิน ขอจงคิดดูเถิดมวลมนุษย์ เราสมเด็จโตขอกล่าวไว้เพียงแค่นี้
    สมเด็จโต

    “กรรมนั้นมีผู้ก่อ ใครก็ตามที่เป็นผู้ก่อกรรมนั้นไว้ จงฟัง
    มนุษย์ผู้ใดที่มีกรรมไว้บนโลกมนุษย์ ควรจะตระหนัก
    มนุษย์ทุกคนที่ฟังเรื่องนี้ จงสำเนียกไว้ให้ดีว่าตนเองเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นมี
    อยู่สิบข้อที่พึงปฏิบัติ
    ข้อที่หนึ่ง จงเป็นมนุษย์ที่มีกรรมด้วยความเป็นมนุษย์
    ข้อที่สอง จงเป็นมนุษย์ที่มีกรรมด้วยความเป็นคน
    ข้อที่สาม จงประเสริฐสุดด้วยธรรม
    ข้อที่สี่ จงรู้แจ้งในธรรมะ
    ข้อที่ห้า ขอให้จงสร้างกรรมดีให้เกิด
    ข้อที่หก จงสำรวมในจิตด้วยความสงบ
    ข้อที่เจ็ด จงรักษาศีล ภาวนาอยู่เป็นนิจ
    ข้อที่แปด จงทำความดีอยู่ทุกเมื่อ เมื่อมีโอกาส

    ข้อที่เก้า จงอย่าสร้างโอกาสให้แก่กรรม
    ข้อที่สิบ จงหวนรำลึกถึงอดีตก่อน
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๓
    ครั้งที่ ๖๕
    นรกขุม ๙ วังพญายมราช
    ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ ผมขอจบเรื่องนี้ไว้เท่านี้ ขอท่านผู้อ่านจงจดจำเรื่องนี้ไว้เป็นอุทธาหรณ์สอนไว้แก่ผู้สืบทอดของท่าน ว่าอย่าทำบาป กรรมนั้นมีจริง ให้ผลจริง จงอย่าทำ
    ผลแห่งกรรมนั้นให้ผลตอบสนองท่านได้ทุกโอกาส และมีกรรมใดที่มีผลกรรมไม่สามารถตอบสนองท่านได้ ไม่มีเลย ขอกล่าวไว้
    หากใครคนใดคิดได้ว่าเคยทำกรรมในอดีตมาก่อนและต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นกรรมนั้น ขอจงโปรดตัดสินใจให้มั่นและอธิษฐานขอทำบุญเพื่อล้างกรรม จงปฏิบัติธรรมด้วยความเชื่อมั่นในธรรม และปฏิบัติด้วยความจริง
    ผมได้ลงไปในนรกครั้งสุดท้ายในครั้งนี้เพื่อการโปรดสัตว์ ขอจงอย่าคิดว่าผมบ้าที่ผมเปิดเผยเรื่องราวต่าง ๆ ออกมานี้ก็เป็นเพราะความสงสารในสิ่งซึ่งรู้ ซึ่งเห็นว่ามนุษย์อีกหลายคนนักที่สร้างกรรมเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าบาปเวรนั้นจะตกถึงเขาในสภาพเช่นไร ผมจึงได้ไขชี้แจงแถลงให้ผู้ที่ทราบ ผู้ที่มีธรรมกาย ผู้ที่รู้ ผู้ที่เห็น ว่าผมเป็นอย่างไร ขอท่านผู้รู้จงอย่าคิดว่าผมอวดรู้อวดโตว่าตนเองมีความรู้ถึงขนาดว่าตนเองเป็นเจ้านายยมทูตมีบัญชาต่าง ๆ แต่ทั้งหมดที่เล่ามานี้เป็นเรื่องจริงทุกประการที่เกิดขึ้นกับผม
    ผมได้ลงไปในรกในครั้งนี้เพื่อปิดฉากการลงนรกของผมในเล่มนี้ ในเล่มต่อไปอาจจะมีต่อในเรื่อง “บันทึกสวรรค์” และ “บันทึกพิพากษากรรม” ขอให้ท่านผู้อ่านติดตามต่อไป
    เมื่อท่านผู้อ่านติดตามเรื่องราวมาถึงตอนนี้ ผมขอให้ท่านผู้อ่านจงคิดสักนิดว่า ตนเองมีหน้าที่อะไรในขณะที่เป็นมนุษย์ควรสร้างกรรมดีไว้แล้วหรือยังขอจงเตรียมคิดได้แล้ว หากหมดเวรไปจากโลกมนุษย์ก็จะต้องไปเสวยผลกรรมอยู่ในที่ต่าง ๆ ตามแต่ผลบุญของตน
    เมื่อใครเสวยบุญนั้น เขาก็จะเป็นผู้รู้ได้ในกรรมนั้นด้วยตัวเอง ใครก็ตามที่มิได้เป็นผู้กระทำกรรมเป็นผู้กระทำเวรของตนเอง เขาก็จะมิอาจรู้ได้ว่าตนเองนั้นมีความรู้สึกเช่นไรในขณะใช้กรรม
    ผมขอกล่าวถึงเรื่องหนึ่งในขณะเป็นมนุษย์ ผมได้เห็นภาพหลายภาพเป็นภาพแต่ละบุคคลที่ต้องมาใช้เวรกันในภพนี้ มีสภาพแตกต่างกันตามแต่ผลบุญของตนจะกระทำมา เขาเหล่านั้นเป็นผู้มีกรรมมีเวรจึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ และได้มาร่วมใช้กรรมกัน
    ผมขอกล่าวเพียงเท่านี้
    ที่สุดท้ายที่ผมไปนี้เป็น “ภพพญายม” ในภพภูมิสุดท้ายที่ผมกำหนดไว้ผมได้พบกับพญายมซึ่งเป็นองค์แทนขององค์พญายมองค์จริง ด้วยว่าองค์พญายมจริงนั้นปฏิบัติกรรมภาพอยู่ในโลกมนุษย์ ในฐานะอาจารย์สอนกรรมฐานให้แก่มนุษย์ องค์พญายมองค์แทนนี้ท่านได้นำผมเที่ยวชมแดนต่าง ๆ ของเมืองนรก
    มีแดนเก็บบัญชีกรรมของมนุษย์ แดนลงทัณฑ์ ๑๑ ซึ่งเป็นแดนลงทัณฑ์ก่อนที่จะนำตัววิญญาณนั้นมาตัดสินใช้กรรม เพื่อให้สำนึกว่าตนนั้นได้สำนึกว่าตนเองนั้นตายแล้ว และกลับย้อนมาสู่ภพภูมิใหม่และที่สุดท้ายเป็นที่ ๆ ผมต้องการบอกมนุษย์ทุกคนว่า ภาพกรรมที่ท่านได้ทำนั้นไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ด้วยว่า กรรมนั้นมีผู้บันทึกภาพอยู่ตลอดใครก็ตามที่คิดกระทำกรรมใดในโลกมนุษย์ไม่ว่าอยู่ที่ใด ท่านก็จะตกอยู่ในภาพกรรมนี้ด้วยกรรมนั้นเป็นกรรมที่มีขึ้นในภพภูมิมนุษย์ มนุษย์ทุกคนจะมียมทูตรักษาตัวอยู่ ยมทูตที่รักษาตัวนี้จะเป็นผู้บันทึกภาพกรรมในการทำคดีต่าง ๆ ของเราอย่างหมดสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีในภาพบันทึกและภาพจิตของท่านมิอาจหลีกเลี่ยงไปได้
    ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงมาตรงนี้ ขอท่านผู้อ่านเรื่องนี้จงมีความถึงพร้อมในกรรมภาพแห่งตน และสวัสดีในภพภูมิกรรมที่ท่านมี ด้วยสวัสดิพิพัฒน์พรชัยอันประเสริฐแด่ท่านทุกท่านนั้นเทอญ…
    กรรมนั้นมีอยู่สองประเภท หนึ่งนั้นคือกรรมที่แยกคนแยกกาย รวมเป็นการมนุษย์ สองกายนั้นคือกายอมนุษย์รวมอยู่ในตัวคน คนนั้นมีอยู่สองกายแยกรวมอยู่กันในกายรูปกายทั้งหมดนี้เรียกเป็นวิญญาณ กายวิญญาณทั้งสองในกายมนุษย์นี้ มีกายอมนุษย์เป็นผู้ทำการ สิ่งทั้งสองนี้แยกเป็นกายภายในกับภายนอก มนุษย์นั้นมีเพียงสองกายนี้เพื่อดำรงชีพ
    มวลมนุษย์ทั้งผองนั้น มีอยู่ภายในกายนั้นเรียกว่า อายตนะทั้งหมด เรียกเป็นอายตนะด้วยว่า ธาตุทั้งสี่ในร่างกายนั้น มีรวมกันเป็นธาตุขึ้นมาได้เรียกเป็นกายธาตุ แต่กายมนุษย์ที่แยกรวมอยู่นั้นมีซ้อนอยู่ภายในเป็นกายใน ในกายธรรมใครก็ตามที่ถึงธรรมย่อมทราบถึงกายนี้
    คำกล่าวนี้ขอเปิดเผยแก่มวลมนุษย์ทั้งผอง ด้วยความสงสัยที่มีขอจงหมดสิ้นไปด้วยกรรมบาทภาพ
    สิบสองกายในมวลมนุษย์ล้วนลิขิตตามสวรรค์ ใครก็ตามที่บรรลุถึงพระโพธิธรรม อันเป็นธรรมดำเนินทางพ้นทุกข์บุคคลผู้นั้นเรียกว่า อายตนะธรรมกาย
    สวรรค์ประกาศออกว่า “ด้วยกรรมแห่งการเปิดเผยในหนนี้ จงเป็นความรู้แจ้งให้แก่มวลมนุษย์ทั้งผองมวลเทอญ”
    บัดนี้ ขอกล่าวกรรมวาระทั้งหมดที่มีรวมอยู่ในมนุษย์ โดยเป็นรูปย่อเพื่อความเข้าใจแก่มนุษย์
    วาระกรรมที่อยู่ในกรรมรวมนั้น ใครเป็นผู้ลิขิต ใครเป็นผู้ทำ ใครเป็นผู้สร้าง มนุษย์ทั้งสิ้นเป็นผู้ก่อขึ้นสิ่งทั้งผองที่มีอยู่ในมวลมนุษย์ในวาระกรรมทั้งหมด จะแจ้งให้ทราบได้ในครั้งคราวนี้
    ผู้นี้เป็นผู้เปิดเผยกรรมตามบัญชาสวรรค์…ด้วยบัญชาสวรรค์ให้…………ประกาศกรรมแจ้งให้แก่มวลมนุษย์ทั้งสิ้นทราบในวาระกรรมทั้งหมด ขอมนุษย์จงสดับตรับฟังธัมกรรม (กรรมอันเป็นทางแจ้ง) นั้นเถิด
    มนุษย์ทั้งผองนั้น ใครก็ตามที่เกิดมาในโลกมนุษย์ตั้งตนเป็นรูปกายของมนุษย์ได้ เพราะว่ามีพ่อมีแม่เป็นผู้ให้กำเนิดเกิดก่อรูปกายมา แต่ใครเล่าจะรู้ว่าอดีตชาติแห่งตนนั้นเป็นใคร ก่อกรรมใดไว้ จึงได้กำเนิดมากับกายคนนี้และเกิดกับผู้มีพระคุณผู้นี้และแม่ผู้นี้ (แม่ผู้มีพระคุณ พ่อผู้ให้กำเนิด)
    ตัวตนแห่งกายนั้น ไม่มีใครเกิดสร้างได้แต่กรรมนั้นได้ลิขิตไว้ด้วยสวรรค์กำหนดให้เกิด กรรมวาระที่ตนธรรมนั้นได้หนุนให้ก่อในรูปกายใด มีกรรมทางที่จะต้องให้เป็นในหนทางปลายชีพเป็นอย่างใด ใครผู้นั้นย่อมเป็นตัวตนท่านเองทั้งสิ้น จงเป็นตัวท่านด้วยความจริง
    สรรพกรรมในมวลมนุษย์โลกนั้น เกิดก่อตามสรรพกรรมที่สรรพสัตว์กระทำไม่มีผู้ใดเป็นผู้กำหนดได้ เว้นแต่สัตว์ผู้นั้นเป็นผู้ก่อ ด้วยกรรมกายที่ตนกำหนดในกายตนนั้นทั้งผองย่อมเป็นทางแห่งความจริงที่สัตว์ผู้นั้นได้รับ
    มนุษย์ผู้ใดเป็นกรรมแก่สัตว์ผู้ใดในหนทางที่ดำเนินไปนั้น จะเป็นกรรมด้วยกรรมภาพใด แต่เขาเหล่านั้นจะได้รับกรรมของเขาเพียงผู้เดียวแม้กรรมนั้นจะเป็นกรรมแห่งความดีหรือกรรมแห่งความชั่ว เขาจะได้รับการตอบสนองแต่ตนผู้เดียว
    ด้วยรูปกายที่เกิดก่ออำนาจจิตที่ตนมีได้สร้างมโนกรรมขึ้นในใจ กรรมใจ (กรรมที่กำหนดขึ้นด้วยใจนั้นเป็นผู้บงการ) วาจากรรมนั้นเป็นผู้ลิขิต กรรมกายนั้นเป็นผู้กระทำใครก็ตามกระทำกรรมครบสามอย่างนั้นคือกรรมกายสาม

    ในกรรมแห่งมนุษย์นั้นมีอยู่ตามวาระกรรมแห่งตน
    สรรพสัตว์ทั้งผองนั้นเป็นกรรมภาพที่ตนต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอยู่มิรู้จบสิ้น ด้วยรูปกายที่เกิดก่อไร้สภาพแห่งความดับสูญ จึงต้องเกิดก่อตามกรรมในสภาพกรรมบทไปจนกว่าเขาจะสิ้นสภาพกรรมในตนนั้นและประพฤติธรรมในบทภาพ (ธรรมะที่ปฏิบัติในกายธรรมมนุษย์) เมื่อนั้นบุคคลนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติกรรมวิสุทธิอรหันต์
    ทุกสิ่งสรรพย่อมผันเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามกรรม มนุษย์ผู้ใดที่ได้รู้แจ้งในเวรกรรมแต่ปางก่อนย่อมจะแจ้งประจักษ์ในตนว่า ตนนั้นได้ล่วงพ้นกรรมมาได้ด้วยตนและทดแทนผลกรรมสนองได้ก็เพราะตนใครก็ตามที่ได้รู้แจ้งดังนี้เขาจะเป็นผู้พร้อมถึงในธรรมะที่พระพุทธองค์ตรัส และปฏิบัติตนให้ได้รู้ ได้ธรรม ได้ในสิ่งที่บริโภคธรรม (ธรรมอันประเสริฐที่เจริญด้วยญาณทัศนะอันวิมุติสุขแสนด้วยบุญธรรมบารมีสุขในภพนิมิตปรมัตติธรรมภาพ)
    บุญบารมีแห่งตนนั้นย่อมทำให้ตนนั้นได้แจ้ง ได้ประจักษ์ว่า ธรรมบารมีได้เกิดก่อขึ้นตามตน สุทธิวัตสุธรรมนั้น แปลว่า ธรรมที่เกิดก่อด้วยธรรม ประจักษ์แจ้งด้วยธรรม สั่งสอนด้วยธรรม บุญธรรมบารมีแห่งตนนั้นจะสอนสั่งตนด้วยปัญญาบารมีที่เพียรสั่งสมมา
    วาจะกรรมสุทธิวัตติศรเทพอมรพพิมารวัจรุจ แปลว่า ธรรมบารมีที่มีพระองค์ได้ตรัสแล้ว เป็นธรรมอันประเสริฐที่เหล่ามวลเทพได้รู้ได้ทราบด้วยบุญบารมีของตน
    สาธกดิลกวัจจธรรม หนนี้ขอสอนสั่งยังสรรพโลกสัตยาทัศ (สัตว์ทั้งหลายที่หมุนเวียนเกิดอยู่ในสัมปรายภพทุกขกรรมอย่างมิรู้แจ้ง)
    อันบารมีที่พึงปฏิบัติสร้างมานั้น ได้ก่อเกิดอยู่ในรูปของปัญญาบารมี ศีลบารมี วิริยะบารมี สัจจธิษฐานบารมี บารมีสี่นั้นเกิดก่อด้วยธรรม
    บุคคลที่มีความพยายามความต้องการรู้แจ้งในมรรคธรรม จงเพียรพยายามสร้างความเจริญขึ้นในตนเพื่อความหลุดพร้อมซึ่งกิเลสภูมิ (สัมปรายภูมิ นรกภูมิ มนุษอุบัติ แปลว่า มนุษย์ผู้ยังเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิแห่งมนุษย์)
    เมื่อนั้น เขาทั้งหลายจะได้ประจักษ์แจ้งว่า ธรรมนั้นรู้ ธรรมนั้นแจ้งได้ด้วยตนเองทั้งสิ้นแล
    กรรมแห่งมนุษย์นั้น ขอกล่าวได้เพียงย่อในครั้งนี้เพื่อความแจ้งแก่มนุษย์ที่ยังสงสัยในกรรม ขออุบทกรรม (กรรมที่เป็นบทสั่งสอน) นี้จงประจักษ์สิ้นในกรรมทานภาพนี้เถิด
    บุคคลใดกระทำสิ้นแล ด้วยความโกรธา หรือไร้ยางอายซึ่งความดี เมื่อนั้นเขาทั้งผองจะต้องสู่อบายภูมิเป็นที่เกิด
    ด้วยมนุษยกรรม (กรรมที่มนุษย์ได้ก่อขึ้นโดยเพียงตน) ที่ตนได้กระทำนั้นแล้วจงประจักษ์แจ้งในกรรมนี้เถิด
    บุคคลใดกระทำสิ้นแล ด้วยความสิ้นมองด้วยความดีในสติ (พินิจมองสิ่งที่ไม่ควรมอง) กรรมบทนั้นจะทานแก่เขาผู้นั้นด้วยกรรมทาสแห่งตา (เขาต้องถูกควักลูกตาในอบายภูมิ)
    เมื่อนั้น มนุษย์ตนนั้นจักประจักษ์รู้ได้ด้วยว่า ตนนั้นได้กระทำผิดแล้ว
    บุคคลใดประกอบกรรมด้วยจิตทาส เมื่อนั้นเขาจะต้องรับสนองภพชาติในตนมิรู้สิ้นในภพชาติกรรม จนกว่าเขาจะสิ้นภาพชาติในกรรมนั้นอย่างแล (จนหมด)
    เขาจะต้องถูกยมทูตทัณฑ์รับสภาพกรรมที่ได้ก่อขึ้นในภาพทาสอบายภูมิ ในสภาพแห่งเปรตภพ มือ นิ้ว กาย อวัยวะทั้งสิ้นในกายตน จักต้องถูกยมทัณฑ์สนองด้วยการตัดสิ้นแลด้วยธาตุอุบาทว์ (ความอุบาทว์ในเมืองมนุษย์) นั้น
    สัมปรายภพในตนที่ได้ก่อ (หมายถึงกรรมภาพที่ตนได้ก่อขึ้นอย่างจำนงใจด้วยว่า การณ์ครั้งนี้จะขอทำด้วยความดำริก่อนกระทำ และเจตจำนงในการกระทำนั้นด้วยมิชอบว่า การณ์นั้นมักมีความถึงพร้อมซึ่งความอุบาทว์ในตน ในเรื่องแห่งกรรมในภาพมนุษย์ภูมิ อธิบายโดยย่อได้ว่า กรรมนั้นจักสนองท่านเมื่อท่านกระทำกรรมโดยเจตจำนงสติและกายจำนงนั้น)
    กายดำริชอบ จิตดำริชอบ ด้วยคามมีสติในการคิด กระทำ ก่อด้วยเหตุอุบาทว์นั้น ดวงวิญญาณรูปนั้นจักสิ้นภพชาติภูมิในภพภูมินี้ และด้วยภพชาตินั้น เมื่อนั้นเขาจะสิ้นกรรมบุญตอบสนิงและต้องถูกยมภัณฑ์ในภพภูมิอุปาทวกรรมในนรก รับสภาพแห่งผลในบุญบาปที่ตนได้กระทำสิ้นนั้น ในภพภูมินั้นด้วยตนเอง (อธิบายโดยย่อได้ว่า เขาผู้นั้นจักต้องถูกสนองด้วยผลบาปที่ตนได้กระทำมาอย่างแรงในนรกภูมิชาติ ไปจนกว่าผู้นั้นจะสิ้นผลกรรมในบาปนั้นแล)
    อุปาทว์กรรม หมายถึง กรรมภาพที่มนุษย์ได้ก่อขึ้นในตน ด้วยความดำริคิดกระทำไว้ว่า จะกระทำหรือมีจิตคิดกระทำในตน ด้วยว่า กรรมนั้นจักสนองบุคคลใดด้วยผลแห่งกรรมที่บุคคลผู้นั้นได้คิดก่อขึ้น หรือมนุษย์ผู้ใดได้กระทำขึ้นไว้ในตนสิ้นแล้วด้วยผลแห่งกรรมภาพในภพนี้ กรรมนี้จะตอบสนองในภาพชาติกรรมอย่างมิรู้จบจนกว่าจะสิ้นกรรมกันแล
    ธรรมะที่ได้ขอกล่าวไว้เพียงนี้ จักแจ้งยังมนุษย์ทั้งผองได้ว่า ใครผู้ใดได้อ่านผลทานกรรมภาพอุปาทว์บุญทานอันนี้ จักแจ้งด้วยบุญในการลดบาปที่ได้กระทำขึ้นในสามภพชาติ ด้วยกรรมประกาศแห่งภพพญาราชนั้นเป็นผู้บอก

    อนันตนาคราชท้าวมหาพรหม
    เป็นผู้ตรวจสอบคำทานและบอกกล่าวแก่ผู้ทานกรรมภาพกุศล
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓

    บทอนุโมทนา
    “เราขออนุโมทนาด้วยที่ …………… ได้สร้างหนังสือเล่มนี้เสร็จ เพื่อมวลมนุษย์ทั้งผองได้รู้ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ใครทราบ เราขอให้คนทั้งหลายที่ได้อ่านเรื่องนี้ จงคิด จงฟัง จงดูด้วยตนเอง แล้วจะเห็นแจ้ง ทราบได้ว่า กรรมนั้นมีอยู่จริงให้ผลตามจริง จงอย่าประมาท


    พระดำรัสพระสังฆราชแห่งสยามประเทศ (วาสน์)

    “ข้า ขออนุโมทนาด้วยที่ ………… ได้สร้างหนังสือเล่มนี้เสร็จโดยสมบูรณ์ ขอให้มนุษย์ทั้งหลายจงคิด จงฟังว่าเราพระโพธิสัตว์กวนอิมได้สำเร็จธรรมตั้งอธิษฐานจิตด้วยปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะกอบโกยสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงทุกข์กรรมห้วงนี้
    บัดนี้ ได้มีผู้ช่วยเหลือให้มนุษย์ได้รู้แจ้งในบาปบุญคุณโทษ และได้สร้างกรรมมหันต์ให้กับมนุษย์ด้วยการสร้างธรรมชาติแห่งมนุษย์ให้เกิดขึ้นในจิต
    เราขอกล่าวเพียงแค่นี้
    พระโพธิสัตว์กวนอิม
    พระพุทธโคดม ทรงตรัส “ธรรมใดก็ตาม แม้มวลมนุษย์นั้น ทำมีขึ้นให้เกิดขึ้น ในจิตของตนสิ้นแล้ว ธรรมะนั้นจะเป็นธรรมที่ยังประโยชน์ให้มนุษย์ได้พ้นจากห้วงมหรรพณพอันยิ่งใหญ่นี้โดยเร็ว
    ธรรมะใดที่เกิดมีขึ้นด้วยธรรมกายนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายจงคิดว่า กรรมนั้นจะยังมีให้เกิดขึ้นด้วยโพธิสัตว์ธรรมและธรรมะโพธิสัตว์ธรรม

    จบบริบูรณ์
     
  9. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    อ่านกันพักใหญ่เลยทีเดียว พี่เต้เอาของดีมาให้อ่านกันอีกแล้ว
     
  10. Lokudtradham

    Lokudtradham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +339
    คุณ vanco ใช่รูปคุณรึเปล่า หน้าเหมือน ดนัย อุดมโชคเลยน่ะครับ
     
  11. สละ

    สละ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    น่ากลัวนะครับ ยิ่งต้อง สำรวม กาย วาจา ใจ เลย
    -----------------
    อนุโมทนาสาธุ
     
  12. whitenaga

    whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    797
    ค่าพลัง:
    +2,752
    จะขออนุญาติเอาเนื้อหาออกมาพิมพ์ เพื่อแจกจ่ายเป็นธรรมทานได้หรือไม่ค่ะ
     
  13. mainoi

    mainoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +133
    โมทนาสาธุค่ะ ขอเจ้าของกระทู้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. เลือดเย็น

    เลือดเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +262
    ขอบคุณค่ะ
    ขอให้เจริญในธรรมนะคะ
     
  15. เสวกะ

    เสวกะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบพระคุณมากๆรับที่นำสิ่งดีๆ มาเตือนสติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...